แน่นอนล่ะว่ามันในฐานะฮ่องเต้ของประเทศอมตะเถิงหลง ย่อมมีอำนาจมากพอจะขับไล่หลงเฟยอวิ๋นออกจากตระกูลราชวงศ์
หากทำแบบนั้น ต่อให้เป็นเถี่ยไท่เหอ ก็ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะแต่งตั้งคนที่ไม่ใช่คนในตระกูลราชวงศ์ขึ้นครองราชย์ กลายเป็นฮ่องเต้ในรัชสมัยใหม่ของประเทศอมตะเถิงหลง!
แต่เป็นธรรมดาว่าหากเถี่ยไท่เหอยืนกรานจะทำ ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
จะอย่างไรก็แล้วแต่ หลงตงผิงไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย
เพราะมันรู้ดี
ทันทีที่มันเลือกหนทางสายนั้น มันก็เสมือนตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนและเถี่ยไท่เหอโต้งๆ!
อนิจจาไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือเถี่ยไท่เหอ ก็ประหนึ่งทวยเทพเบื้องบนที่มันไม่อาจล่วงเกินด้วยได้…
ในความคิดของมัน การชิงลงมือของมันเช่นนี้นับว่าเป็นวิธีการอันประเสริฐที่สุด ทำให้มันยังสามารถนั่งบนบัลลังก์ของประเทศอมตะเถิงหลงต่อได้อีกสองสามปี สุดท้ายค่อยสละราชสมบัติอย่างมีเกียรติ และไม่ทำให้ต้วนหลิงเทียนและเถี่ยไท่เหอต้องขุ่นขึ้งหมองเคืองอันใด…
สำหรับเรื่องที่หลงเฟยอวิ๋นจะใช่ลูกชายแท้ๆของมันหรือไม่ ตอนนี้เรื่องนั้นไร้สำคัญอีกต่อไป…
จังหวะนี้มันสนใจแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น!
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ…”
จากนั้นไม่นานนักหลงเฟยอวิ๋นก็กลับมาครองสติอีกครั้ง เร่งกล่าวขอบคุณหลงตงผิงออกไป และนี่เป็นครั้งแรกเลยจริๆที่สีหน้าหลงเฟยอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะรู้สึกตื่นเต้นเกินไป
แต่เป็นธรรมดาที่มันเองก็รู้ดีแก่ใจ
เสด็จพ่อที่ไม่เคยเห็นหัวมันนั้น เหลือแต่หนทางสายนี้ให้ก้าวเดินแล้ว…ในเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ว่ามันมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับต้วนหลิงเทียน และต้วนหลิงเทียนก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเถี่ยไท่เหอขุนนางอมตะ 7 ดาราของนิกายอมตะไท่อี…
และเท่าที่มันทราบตัวตนขุนนางอมตะ 7 ดารา ก็นับเป็นตัวตนสูงสุดในแดนร้าง!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนดังกล่าวบิดามันก็ได้แต่ยอมจำนน
‘ต้วนหลิงเทียน…ขอบคุณเจ้า…’
หลังขอบคุณหลงตงผิงพอเป็นพิธี หลงเฟยอวิ๋นก็หันไปมองทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนกับพวกเหินร่างจากไป พลางกล่าวขอบคุณเบาๆในใจ และทิศทางที่พวกต้วนหลิงเทียนจากไป ก็คือทิศทางที่ตั้งนิกายอมตะไท่อี!
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
เพราะตอนนี้ ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ และฉินอวี่ ได้เหินร่างติดตามเถี่ยไท่เหอไปยังที่ตั้งนิกายอมตะไท่อี หลังออกจากเมืองไท่อี เถี่ยไท่เหอก็เลือกหอบหิ้วพวกเขาทั้ง 3 เดินทาง และด้วยด่านพลังฝึกปรือของอีกฝ่าย พวกเขาจึงเดินทางด้วยความเร็วอันสูงล้ำนัก!
“ถึงแล้ว”
หลังออกจากเมืองไท่อีได้ราวๆ 2 ก้านธูป เสียงของไท่เหอก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็พบว่าบัดนี้ตัวเขาอยู่ในม่านหมอก ไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้ชัดเจน
“นี่…เป็นถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะไท่อีหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
ฉินอวี่ก็อึ้งไปไม่ต่าง
“พี่หลิงเทียน ด้านหลังหมอกสีขาวนี่ต่างหากถึงจะเป็นที่อยู่”
ทันใดนั้นเองเสียงของฮ่วนเอ๋อพลันดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ ต้วนหลิงเทียนจึงคิดจะลองแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทันที ว่าหลังม่านหมอกมีอะไร
และทันใดนั้นเอง
“แม่นางฮ่วนเอ๋อสายตาแหลมคมยิ่ง!”
เป็นเถี่ยไท่เหอกล่าวขึ้นอีกครั้ง และไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้แผ่สำนึกเทวะออกไปแต่อย่างใด อีกฝ่ายเพียงโบกมือเบาๆ ทว่าโดยรอบคล้ายมีพายุบังเกิดพัดกรรโชก พริบตาหมอกสีขาวก็ถูกพัดจนสลายหายไป!
ขณะเดียวกันฉาก หมู่เกาะลอยฟ้าก็ปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน
เบื้องหน้าเขาบัดนี้มีเกาะลอยล่องอยู่บนฟ้ามากมาย มองผ่านๆคล้ายมีจำนวนนับไม่ถ้วน
“ที่นี่คือสถานที่อยู่ของนิกายอมตะไท่อีเรา…และสถานที่อยู่ของนิกายอมตะไท่อีเราก็เป็นเกาะลอยฟ้าอย่างที่เห็น เรียกว่าเกาะอมตะซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 999 เกาะ แบ่งออกเป็นเกาะอมตะชั้นสูง เกาะอมตะชั้นกลาง และเกาะอมตะชั้นล่าง”
พอเถี่ยไท่เหอพูดออกมาอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนจึงรับทราบว่าหมู่เกาะลอยเบื้องหน้า ถูกคนของนิกายอมตะไท่อีเรียกหาว่า เกาะอมตะ
นอกจากนี้ยังได้รับทราบจากเถี่ยไท่เหออีกว่า
เกาะอมตะของนิกายอมตะไท่อีนั้นมีทั้งสิ้น 999 เกาะ โดยแบ่งออกเป็น เกาะอมตะชั้นสูง 9 เกาะ เกาะอมตะชั้นกลาง 90 เกาะ และเกาะอมตะชั้นล่าง 900 เกาะ…
ในบรรดาเกาะอมตะชั้นต่างๆนั้น เกาะอมตะชั้นสูงเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตัวตนระดับสูงในนิกายอมตะไท่อี สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะยอดเยี่ยมมาก เพราะค่ายกลรวมวิญญาณหลักได้เชื่อมต่อกับใจกลางชีพจรผลึกอมตะเบื้องล่างโดยตรง จึงรวบรวมพลังวิญญาณฟ้าดินแจกจ่ายไปยังค่ายกลรวมวิญญาณย่อยในที่พักของเกาะได้มหาศาล
ในพื้นที่แดนร้างนั้น มีชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 3 สาย ซึ่งถูก 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้างแบ่งกันครอบครอง
เกาะอมตะชั้นล่างนั้น แม้จะอยู่ใกล้กับชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำที่สุด ทว่าตำแหน่งที่ค่ายกลรวมวิญญาณหลักตั้งอยู่นั้น อยู่ห่างจากใจกลางชีพจรผลึกอมตะมากที่สุด จึงทำให้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะไม่อาจเทียบกับเกาะชั้นกลาง และชั้นสูงได้
สำหรับเกาะอมตะชั้นกลางนั้น จะเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตัวตนที่บรรลุถึงด่านพลังยอดเซียนอมตะขึ้นไปของนิกายอมตะไท่อี นอกจากเหล่าผู้อาวุโศของนิกายอมตะไท่อีแล้ว ยังมีศิษย์ที่โดดเด่นพักอาศัยอยู่ในเกาะอมตะชั้นนี้ด้วย
สำหรับเกาะอมตะชั้นล่างที่มีสภาพแวดล้อมอ่อนด้อยที่สุด ก็เป็นสถานที่พักอาศัยสำหรับตัวตนที่ด่านพลังยังไม่บรรลุถึงยอดเซียนอมตะของนิกายอมตะไท่อี ขณะเดียวกันก็มีสถานที่สาธารณะหลายแห่ง และสถานที่สธารณะที่ว่ายังเป็นสถานที่ๆคึกครื้นมีชีวิตชีวาที่สุดในนิกายอมตะไท่อี เพราะมีไว้ให้คนของเกาะอมตะชั้นกลางและชั้นสูงลงไปแลกเปลี่ยนสิ่งของความรู้…ฯลฯ
“ปรมาจารย์โอสถต้วน ข้าจะจัดการเรื่องราวของสหายท่านให้ท่านก่อน จากนั้นค่อยพาท่านและแม่นางฮ่วนเอ๋อไปพบท่านประมุขเป็นอย่างไร?”
หลังแนะนำเกาะอมตะชั้นต่างๆให้ต้วนหลิงเทียนและทุกคนฟังแล้ว เถี่ยไท่เหอก็เหลือบมองไปทางฉินอวี่จากนั้นค่อยหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“ก็ดี”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันยังกล่าวเสริมออกไปว่า “อย่างไรก็ตามสหายข้าออกมาครั้งนี้ ไม่ได้ร่ำลาครอบครัวเลย…เช่นนั้นหลังทำเรื่องเข้าเป็นศิษย์ของนิกายอมตะไท่อีแล้ว ข้าหวังว่าผู้พิทักษ์เถี่ยจะหาคนพาสหายข้าไปรับไปส่งที่เมืองไท่อี ให้สหายข้าได้มีเวลาร่ำลาครอบครัว”
“เรื่องนี้ย่อมได้เป็นธรรมดา”
เถี่ยไท่เหอพยักหน้าขานรับด้วยรอยยิ้ม
ฉินอวี่ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื้นตันใจนัก ยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความซาบซึ้ง แววตาฉายชัดถึงความสำนึกขอบคุณ
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็อยากร่ำลาครอบครัวจริงๆ
และเรื่องที่มันได้เข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีแบบนี้ ย่อมเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับคนวังฉินแห่งประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ฉินอวี่เองก็อยากนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวลุงๆอาๆ แบ่งปันความสุขกับทุกคนโดยเร็ว
“นอกจากนั้น…”
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกเรื่องราวอะไรขึ้นมาได้ สองตาของเขาฉายแววเยียบเย็นออกมาทันที “ครั้งนี้เรื่องที่ภาพเหมือนของฮ่วนเอ๋อถูกแพร่ไปทั่วเมือง ต้องเป็นฝีมือคนในตระกูลราชวงศ์ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าจัดการเรื่องนี้ด้วย”
“หากเป็นไปได้ ข้าก็อยากให้อ๋องฉิน จากวังฉินอันเป็นลุงของสหายข้าคนนี้ ได้ขึ้นครองราชย์ประเทศอมตะเถิงหลง ในฐานะฮ่องเต้รัชสมัยใหม่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมารวดเดียวจบ
และพอฉินอวี่ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ลมหายใจของมันก็ถี่รัวขึ้นมาปานคนหอบ สองตายยังลุกวาวสว่างจ้า เร่งหันไปมองเถี่ยไท่เหอ เพื่อรอฟังการตัดสินใจของเถี่ยไท่เหอว่าจะยอมรับคำขอของต้วนหลิงเทียนหรือไม่…
“หากประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนเป็นประเทศอมตะระดับสูง เรื่องนี้ข้าคงไม่กล้ารับปากปรมาจารย์โอสถต้วนว่าจะกระทำได้…อย่างไรก็ตามประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนเป็นแค่ประเทศอมตะระดับกลางเท่านั้น แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของนิกายอมตะไท่อีเรา แต่ตราบใดที่นิกายอมตะไท่อีเรายอมแลกกับประเทศอมตะระดับกลาง 2 ประเทศกับประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนประเทศเดียว นิกายอมตะหลงหวู่คงไม่คิดปฏิเสธ!”
เถี่ยไท่เหอกล่าวออกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนอยู่ภายใต้อำนาจของนิกายอมตะไท่อีเราแล้ว เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็สุดที่ทางเราจะตัดสิน…ถึงตอนนั้นหากนิกายอมตะไท่อีเราอยากให้อ๋องฉิน ลุงของสหายปรมาจารย์โอสถต้วนหรือแม้แต่สหายของท่านคนนี้ขึ้นครองราชย์ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน เบิกรัชสมัยฮ่องเต้ฉิน ก็อาศัยเพียงวาจาประโยคเดียวเท่านั้น…”
เมื่อเสียงกล่าวของเถี่ยไท่เหอดังจบลง ใจของฉินอวี่ก็เต้นรัวราวกับจะกระดอนออกมานอกอก!
มันเนี่ยนะ?
ฮ่องเต้ฉิน แห่งประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน?
“ฉินอวี่”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามฉินอวี่ ว่าจะเอาอย่างไร “ที่ผู้พิทักษ์เถี่ยกล่าวออกมาเจ้าเองก็ได้ยินแล้ว…ตกลงเจ้าจะเอาอย่างไรเล่า ถึงข้าจะขอให้ผู้พิทักษ์เถี่ยรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์นิกายอมตะไท่อีแล้ว แต่ถ้าเจ้าเกิดเปลี่ยนใจอยากกลับไปเป็นฮ่องเต้ที่ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนข้าก็จะขอให้ผู้พิทักษ์เถี่ยสนับสนุนเจ้าเรื่องนี้แทน”
“ต้วนหลิงเทียน ข้ายังอยากเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อี…ส่วนฮ่องเต้อวิ๋นเหยียน ให้ท่านลุงของข้าเป็นไปเถอะ”
หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็ตัดสินใจได้
“เจ้าคิดดีแล้วแน่นะ? หากเจ้ากลายเป็นฮ่องเต้อวิ๋นเหยียน ต่อไปเจ้าแค่โบกมือก็เรียกลมฝนในประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนได้เลยนา การมีอำนาจเหนือผู้ใดในประเทศนับว่าเป็นเรื่องหอมหวานเย้ายวนไม่น้อยแถมไม่ต้องดินรนอะไรอีกต่อไป…เจ้าไม่อยากลิ้มลองความหวานนี้ดูหน่อยรึ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองฉินอวี่ พลางถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ต้วนหลิงเทียน อย่าได้ลอข้าเล่นเลย…”
ฉินอวี่คลี่ยิ้มขื่นขมกล่าวออกมาเสียงอ่อน “ให้ข้าเป็นฮ่องเต้อวิ๋นเหยียนแล้วจะอย่างไร สุดท้ายก็ทำได้แค่เรียกลมเรียกฝนในประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน หากข้าเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งฮ่องเต้จริงๆ ยังต่างอะไรกับการผูดมัดและตีกรอบอนาคตของตัวเอง! ต่อให้ข้าจะรู้ตัวดีว่าชาตินี้คงไม่มีวันไล่ตามเจ้าทันแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ข้าก็ไม่อยากโดนเจ้าทิ้งห่างมากเกินไป…”
“เช่นนั้นข้าเลือกจะเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีเพื่อขยันฝึกปรือดีกว่า…ต่อให้ไม่เห็นเงาหลังเจ้า เอาแค่ให้เห็นฝุ่นของเจ้าก็ยังดี…”
ฉินอวี่กล่าว
“ดี ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ขณะเดียวกันนก็ลอบพึงพอใจกับการเลือกของฉินอวี่ไม่น้อย
หากเป็นเขาที่ถูกฉินอวี่ช่วย เขาเองก็จะเลือกหนทางนี้เหมือนกัน
จังหวะนี้กระทั่งเถี่ยไท่เหอเองก็ยังต้องหันไปมองฉินอวี่ใหม่ แววตาฉายชัดถึงความประหลาดใจเล็กน้อย “หลายคนมักกล่าวว่า ยอมเป็นหัวไก่ไม่เป็นหางนกหงส์…ฉินอวี่ ช่างน่าแปลกใจนักที่เจ้าสามารถตัดสินใจเลือกหนทางที่ยากลำบากกว่าเช่นนี้ได้…ในเมื่อเจ้าเลือกจะอยู่ที่นี่ ต่อไปในนิกายอมตะไท่อีหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ข้าจะดูแลเจ้าเอง…”
“และนี่เป็นคำสัญญาที่ข้าให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวอันใดกับปรมาจารย์โอสถต้วน”
เถี่ยไท่เหอเลือกจะให้คำมั่นนี้กับฉินอวี่เพราะชื่นชมทางเลือกของฉินอวี่ไม่น้อย! ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถสละอำนาจและความสะดวกสบายไปชั่วชีวิต และมาดิ้นรนขวนขวายหาความก้าวหน้าให้ลำบาก!!
“ขอบคุณท่านผู้พิทักษ์เถี่ยยิ่ง!”
ฉินอวี่เร่งกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายทันที น้ำเสียงยังตื่นเต้นไม่น้อย
มันย่อมรู้น้ำหนักของวาจาประโยคนี้เถี่ยไท่เหอดี!
เพราะในปัจจุบันเถี่ยไท่เหอไม่ใช่แค่ผู้พิทักษ์ซ้ายด่านพลังขุนนางอมตะ 6 ผสานอีกแล้ว แต่เป็นขุนนางอมตะ 7 ดาราคนที่ 3 ของนิกายอมตะไท่อี! สามารถนั่งอยู่ในระดับเดียวกับประมุขนิกายอมตะไท่อี และผู้อาวุโสสูงสุดได้โดยไม่ต้องละอาย เนื่องเพราะด่านพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน!!
ในเมื่อได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะดูแลจากตัวตนระดับนี้ การอยู่ในนิกายอมตะไท่อีของฉินอวี่ก็ไม่ต่างอะไรจากมัจฉาคืนธารา!
ต้วนหลิงเทียนย่อมแปลกใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นเถี่ยไท่เหอสัญญากับฉินอวี่ไปแบบนั้น
แต่เป็นธรรมดาว่าเขามองออก
ที่เถี่ยไท่เหอให้คำสัญญากับฉินอวี่ไปว่าจะคอยดูแลนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะชื่นชมการตัดสินใจเลือกของฉินอวี่เมื่อครู่ล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย!
ครู่ต่อมาภายใต้การนำทางของเถี่ยไท่เหอ ต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้งสามก็มายังเกาะอมตะชั้นล่างเกาะหนึ่งในบรรดา 900 เกาะอมตะชั้นล่างของนิกายอมตะไท่อี ซึ่งเกาะอมตะชั้นล่างเกาะนี้ ก็เป็นเกาะที่มีไว้ลงทะเบียนศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีโดยเฉพาะ