ตอนที่ 2784 ประมุขนิกายอมตะไท่อี ไป๋

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งนิกายอมตะไท่อี เถี่ยไท่เหอ บัดนี้นับว่าเป็นคนที่ผู้คนกล่าวขานถึงมากที่สุดในนิกายอมตะไท่อีจริงๆ! เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน มันสามาระทะลวงถึงขุนนางอมตะ 7 ดารา และกลายเป็นขุนนางงอมตะ 7 ดาราคนที่ 3 ของนิกายอมตะไท่อีได้สำเร็จ…

ยังมีข่าวลือกันหนาหูอีกด้วยว่า…

ประมุขนิกายอมตะไท่อีนั้น กำลังเตรียมแต่งตั้งเถี่ยไท่เหอให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดคนที่ 2!

สำหรับตำแหน่งผู้พิทักษ์ซ้ายนั้น จะแต่งตั้งคนอื่นมารับหน้าที่ต่อแทน

ด้วยเหตุนี้ด้วยการจัดการของเถี่ยไท่เหอ ฉินอวี่จึงผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าสู่นิกายอมตะไท่อีได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา กลายเป็นศิษย์ของนิกายอมตะไท่อีเต็มตัว

และทุกขั้นตอนกระบวนการ ผู้อาวุโสฝ่ายบุคคลที่ทำเรื่องลงทะเบียนให้ฉินอวี่ ทั้งจัดแจงสิ่งของอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับศิษย์ให้ ก็ปฏิบัติต่อฉินอวี่อย่างสุภาพนัก!

เมื่อเห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกวางใจ จากนั้นจึงพาฮ่วนเอ๋อติดตามเถี่ยไท่เหอไปพบประมุขของนิกายอมตะไท่อี

“พ่อหนุ่มเจ้าบอกข้าได้หรือไม่…ว่าที่แท้เจ้าเป็นอันใดกับผู้พิทักษ์เถี่ย?”

หลังพวกต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว ผู้อาวุโสฝ่ายบุคคลที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนและจัดการเรื่องจิปาถะต่างๆให้กับฉินอวี่ ก็กล่าวถามฉินอวี่ออกมาอย่างกระตือรือร้น ใบหน้าที่เรียวราวนกกะเรียนของมันเผยความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ!

“อาวุโสหลิน…”

ฉินอวี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ “หากข้าบอกท่านว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ข้าพึ่งเคยเห็นผู้พิทักษ์เถี่ย…ท่านจะเชื่อหรือไม่?”

“หา! พึ่งเคยเห็นท่านผู้พิทักษ์เถี่ยวันนี้เป็นวันแรกเหรอ!?”

ได้ยินคำตอบของฉินอวี่ อาวุโสฝ่ายบุคคลของนิกายอมตะไท่อี ที่ถูกเรียกวว่าอาวุโสหลิน ก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยส่ายหน้าไปมาเบาๆ กล่าวว่า “ไม่มั้ง…นั่นจักเป็นไปได้อย่างไร? อาศัยแค่สีหน้าผู้พิทักษ์เถี่ยยามกำชับข้า ว่าให้ดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าท่านผู้พิทักษ์สมควรสนิทกับเจ้าไม่น้อยแน่!”

“แต่แน่นอนว่าหากเรื่องนี้เจ้ามิอาจพูดรายละเอียด ข้าก็ไม่คาดคั้นเจ้าหรอก”

อาวุโสหลินกล่าว

“อาวุโสหลินข้าไม่ได้หลอกท่าน มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ฉินอวี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง และพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ออกมา “เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงต้องแพร่สะพัดไปทั่วนิกายอมตะไท่อีแน่นอน…ถึงตอนนั้นจะอย่างไรผู้อาวุโสหลินย่อมได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดอยู่ดี เช่นนั้นบอกท่านไปก่อนตอนนี้ก็ไม่มีปัญหา เรื่องมันมีอยู่ว่า…”

“โอ! ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น…เป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงเชียวหรือ!?”

หลังได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากฉินอวี่ สองตาอาวุโสหลินก็เบิกโพลง แลดูตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ “นอกจากนั้น…ท่านผู้พิทักษ์เถี่ยยังถึงกับประกาศต่อสาธารณชน…ว่าตราบใดที่ชายหนุ่มชุดม่วงคนนั้นเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีของพวกเรา เขาจักได้รับตำแหน่ง หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ?”

ถึงแม้ว่าอาวุโสหลินจะเป็นผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ทั่วไปในนิกายอมตะไท่อี และพลังฝึกปรือก็เป็นแค่ยอดเซียนอมตะ

อย่างไรก็ตามในแง่ของคุณสมบัติรวมถึงความสามารถในการจัดการเรื่องราวต่างๆได้อย่างไร้ที่ติ มันก็นับว่าเป็นคนที่รู้เรื่องราวในนิกายอมตะไท่อีไม่น้อย

ดังนั้นแล้ว พอได้ฟังว่าเถี่ยไท่เหอถึงกับลั่นวาจาออกมาแบบนั้น มันจึงรู้สึกได้ทันทีว่าที่ผู้พิทักษ์เถี่ยพูดออกมาไม่ใช่เรื่องเหลวไหลแน่นอน! และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างเถี่ยไท่เหอจะกล่าวอย่างขอไปทีเพื่อล่อลวงให้ชายหนุ่มชุดม่วงเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อี!!

และสำหรับตำแหน่ง ‘หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ’ นั้น มีเกียรติและสูงส่งขนาดไหนตัวมันย่อมรู้ดี เพราะนั่นคือตำแหน่งเกียรติยศอันสูงสุดของปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะในนิกายอมตะไท่อี! มีเพียงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่ฝีมือเลิศล้ำที่สุดถึงจะได้รับมันไปครอง!!

“เช่นนั้น…หมายความว่า 9 ใน 10 ผู้พิทักษ์เถี่ยคงได้ประจักษ์แล้ว ว่าทักษะในการหลอมโอสถของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นโดดเด่นเหนือกวว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะคนใดในนิกายอมตะไท่อีของเรา…”

ผู้อาวุโสหลินเพียตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพอรู้สึกตัว แววตาที่ใช้มองฉินอวี่ก็ฉายชัดถึงความอิจฉาขึ้นมา

“พ่อหนุ่มเอย…เจ้าช่างมีสหายอันน่าทึ่งนัก ไฉนข้าไม่มีสหายแบบนี้มั่งเล่า…”

อาวุโสหลินกล่าวจบก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์สะทกสะท้อน

“ใช่…ได้มีสหายเช่นเขา นับว่าเป็นพรสำหรับข้าฉินอวี่ไป 3 ชาติ!”

ฉินอวี่พยักหน้ารับ ขณะเดียวกันสีหน้าแววตาก็ฉายชัดถึงความซาบซึ้งตื้นตัน รู้สึกสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของต้วนหลิงเทียนนัก

หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียน ตลอดชั่วชีวิตของมันก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีแบบนี้!

ส่วนอีกด้าน

ภายใต้การนำทางของเถี่ยไท่เหอ ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็ได้ลอยขึ้นฟ้าผ่านหมู่เกาะอมตะชั้นล่างทั้ง 900 เกาะ และเกาะอมตะชั้นกลางอีก 90 เกาะ…

จนสุดท้ายก็มาถึงน่านฟ้าอันมีเกาะอมตะชั้นสูงลอยล่องอยู่ทั้งสิ้น 9 เกาะ…

เกาะอมตะชั้นสูงทั้ง 9 เกาะถูกซ่อนเอาไว้หลังม่านเมฆ และยังไม่ใช่ม่านเมฆธรรมดา หากแต่เป็นค่ายกลที่มีพลังอาคมร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว! หากไม่ใช่เพราะเถี่ยไท่เหอนำผ่านค่ายกลมา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่มีทางมาเองได้เด็ดขาด!!

ถึงแม้ข้างกายเขาจะมีฮ่วนเอ๋อที่พลังฝึกปรือไม่ใช่ชั่ว แต่สิ่งนี้ก็ไม่อาจใช้พลังของฮ่วนเอ๋อจัดการได้

เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อก็ยังเป็นแค่ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะอาศัยอยู่ในเกาะอมตะชั้นสูงทั้ง 9 ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นสูงของนิกายอมตะไท่อีทั้งสิ้น ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดยังมีด่านพลังขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด ที่ทรงพลังสุดที่ยอดเซียนอมตะจะทาบติด! แล้วค่ายกลที่คอยปกป้องตัวตนเหล่านี้จะอ่อนด้อยได้หรือ?

หมู่เกาะอมตะชั้นสูงที่ลอยล่องหลังม่านเมฆนั้น มองไปประหนึ่งป้อมปราการลอยฟ้า การกระจายตัวของพวกมันคล้ายบริวารทั้ง 8 กำลังปกป้องนายเหนืออันเป็นเกาะอมตะชั้นสูงเกาะหนึ่งที่ลอยล่องอยู่ตรงกลาง…

และในบรรดาเกาะอมตะชั้นสูงทั้ง 8 ที่ห้อมล้อมอยู่นั้น มี 3 เกาะที่ลอยล่องอยู่ด้านใน ส่วนอีก 5 เกาะลอยล่องอยู่วงนอก

“ท่านประมุข”

ก่อนที่เถี่ยไท่เหอจะพาต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อไปยังตำหนักหลังใหญ่สุดที่อยู่ตรงกลางเกาะอมตะชั้นสูง เถี่ยไท่เหอ ก็กล่าวทักออกไปเสียงดังฟังชัด “ปรมาจารย์โอสถต้วนมาถึงแล้ว”

ก่อนที่จะเดินทางมาถึงที่นี่ เถี่ยไท่เหอก็ได้ใช้ยันต์อมตะสื่อสารแจ้งการมาต่อประมุขเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนเต็มใจเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีของพวกมัน

เช่นนั้นพอมันพาต้วนหลิงเทียนมาถึงที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวอธิบายอะไรสืบต่อ

“ข้า ไป๋ผิง ประมุขนิกายอมตะไท่อี ยินดีต้อนรับปรมาจารย์โอสถต้วนเข้าร่วมนิกายอมตะไท่อีเป็นอย่างยิ่ง!”

และแทบจะทันทีที่เสียงของเถี่ยไท่เหอดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสายลมหอบหนึ่งผัดมาแผ่วเบา ก่อนที่เบื้องหน้าจะอุบัติร่างสูงหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาปานภูตผี

อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน มาในชุดคลุมสีขาวสะอาดใบหน้าเกลี้ยงเกลา คิ้วคมเข้มปานดาบ แววตาสีโคลนแลดูลึกล้ำดั่งห้ววงไร้สิ้นสุด หว่างคิ้วไม่ขาดความน่าเกรงขาม อย่างไรก็ตามด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าก็ทำให้ผู้คนที่สนทนาด้วยรู้สึกเสมือนมีสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน

และฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ประมุขนิกายอมตะไท่อี!

“ยินดีที่ได้พบเช่นกัน ประมุขนิกายไป๋ผิง”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ากล่าวคำทักทายไป๋ผิง

หลังจากที่ผิงยิ้มรับคำทักของต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อข้างๆ และอดไม่ได้ที่จะชะงักไปวูบหนึ่ง ในแววตาได้แต่ฉายชัดถึงความประหลาดใจอันหาได้ยาก

เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของมันเลยจริงๆ ที่ได้พบเจอสตรีที่มีรูปโฉมอันสมบูรณ์แบบขนาดนี้

ถึงแม้มันจะใช้ชีวิตมานานผ่านอะไรมาเยอะจนใจนิ่งสงบดั่งน้ำในบ่อโบราณ แต่ใจก็อดไม่ได้ที่จะกระเพื่อมไปเล็กน้อย หากแต่นี่เป็นสัญชาตญาณของบุรุษเพศไม่ได้มีอะไรอื่น

เรื่องที่ ผู้ดูแลอาวุโสหวงเชา ถูกเถี่ยไท่เหอเข่นฆ่าไปเพราะสตรีนางหนึ่ง มันก็ได้รับแจ้งในยันต์อมตะสื่อสารมาแล้ว

สำหรับเรื่องนี้มันก็เห็นด้วยกับการลงมือของเถี่ยไท่เหอ

ส่วนเรื่องที่เถี่ยไท่เหอเข่นฆ่าอาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลงและผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจีไป มันก็ได้รับทราบจากยันต์อมตะสื่อสารแล้วเช่นกัน แต่มันไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเถี่ยไท่เหอจัดการอีกฝ่ายเพื่อรักษาหน้าตาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงของนิกายอมตะไท่อี ที่สำคัญมันก็ไม่กลัวคนของทั้งสองนิกายอมตะจะบุกมาหาความถึงหน้าประตูแม้แต่น้อย

“ปรมาจารย์โอสถต้วน”

ไป๋ผิงมองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย ค่อยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “สำหรับคำสัญญาที่ผู้พิทักษ์เถี่ยให้ท่านไว้ เรื่องจะแต่งตั้งท่านให้เป็นหัวหน้าประมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อีเรา…ข้าเชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์เถี่ยมั่นใจในทักษะการหลอมโอสถของท่านจึงได้กล่าวออกมาเช่นนั้น! ตัวข้าย่อมไม่สงสัยในสายตาของผู้พิทักษ์เถี่ย เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็จักเป็น ‘หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ’ ของนิกายอมตะไท่อีเรา!”

อันที่จริงไม่ใช่แค่ไป๋ผิงเชื่อในสายตาของเถี่ยไท่เหอเท่านั้น มันยังเชื่อในทักษะของต้วนหลิงเทียนอีกด้วย เพราะมันได้รับรายงานมาแต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้!

ไม่ต้องกล่าวเรื่องใดอื่นให้มาก เอาแค่เรื่องนี้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะหลายคนของนิกายอมตะไท่อี ก็ไม่อาจเทียบได้แล้ว…

“ทว่า…”

ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ไป๋ผิงจึงมองสบตาต้วนหลิงเทียนแล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ปรมาจารย์โอสถต้วน ข้าอยากรบกวนให้ท่านพบปะสนทนากับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงของนิกายอมตะไท่อีเรา 3 ท่านสักเล็กน้อย…”

“เรื่องนี้มิทราบท่านเห็นเป็นอย่างไร?”

เอ่ยถึงท้ายประโยค ไป๋ผิงก็กล่าวถามความเห็นของต้วนหลิงเทียน

“ประมุขนิกายไป๋ผิง ท่านคิดให้ข้าพบปะสนทนากับปรมาจารย์หลอมโอสถทั้ง 3 ท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หรือไม่ก็ประชันความสามารถ จะได้โน้มน้าวให้ทั้ง 3 เชื่อว่า ข้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อีใช่หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตาไป๋ผิงเขม็ง ในแววตายังฉายประกายเฉลียวฉลาด ราวกับสามารถอ่านความคิดของไป๋ผิงได้ออก!

“ปรมาจารย์โอสถต้วนกล่าวเกินไปแล้ว…มิถึงขั้นต้องประชันความสามารถอันใด เพียงแค่ท่านหลอมโอสถหลัวเทียนต่อหน้าทั้ง 3 ก็พอ ถึงตอนนั้นข้าเชื่อว่าทั้ง 3 ต้องยอมรับท่านแน่”

ไป๋ผิงกล่าว

“แล้วหากข้าไม่อยากพบปะสนทนากับทั้ง 3 และไม่ต้องการหลอมโอสถหลัวเทียนต่อหน้าทั้ง 3 เล่า?”

ต้วนหลิงเทียนถาม “หากเป็นแบบนั้น…ประมุขนิกายไป๋ผิงยังยินดีจะแต่งตั้งข้าให้เป็นหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายอมตะไท่อีอยู่หรือไม่ หากไม่อาจ ข้าก็ไม่กล้าบากหน้าอยู่ต่อแล้ว…”

กล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไป๋ผิงด้วยสายตาล้ำลึก

“เอ่อ…”

ไป๋ผิงคิดไม่ถึงเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะถามอะไรแบบนี้ออกมา จังหวะนี้มันก็ถึงกับไปไม่เป็นเช่นกัน!

ถ้าต้วนหลิงเทียนไม่แสดงฝีมือสักหน่อยให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ที่ว่ายอมรับ แล้วหากมันแต่งตั้งต้วนหลิงเทียนขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะไป ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ที่ว่าต่อให้ไม่คัดค้าน แต่ไม่พ้นต้องบังเกิดความไม่พอใจนิกายอมตะไท่อีเป็นแน่

และปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ที่ว่า ก็เป็นแค่อาคันตุกะทรงเกียรติที่ทางนิกายอมตะไท่อีเชิญมา ไม่ใช่คนของนิกายอมตะไท่อีแต่แรก หากอีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจอะไร ย่อมจากไปได้ทุกเมื่อ

“ปรมาจารย์โอสถต้วน…”

ด้านเถี่ยไท่เหอพอได้ยินคำถามดังกกล่าวของต้วนหลิงเทียน ก็ต้องชักสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…

ทว่าไม่ทันที่เถี่ยไท่เหอจะพยายามกล่าวอะไรสืบต่อ ไป๋ผิงที่คล้ายตัดสินใจอะไรได้แน่แล้ว ก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปรมาจารย์โอสถต้วน ต่อให้ท่านไม่อยากพบทั้ง 3 …แต่ข้าก็ยังจะประกาศแต่งตั้งท่านเป็น หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ ของนิกายอมตะไท่อีเรา!”

“ท่านประมุข…”

สีหน้าเถี่ยไท่เหอเปลี่ยนไปอย่างมาก

ถึงแม้มันเองก็รู้สึกว่าคุณค่าของต้วนหลิงเทียนสูงกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ของนิกายอมตะไท่อี แต่มันก็ไม่อยากเสียปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ไปเพราะต้วนหลิงเทียนแค่คนเดียว

“อ้อ?”

ได้ยินวาจาเด็ดขาดของไป๋ผิง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย และพอเห็นใบหน้าของเถี่ยไท่เหอฉายถึงความกังวลออกมาชัดเจน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับไป๋ผิงอีกครั้งว่า “ประมุขนิกายไป๋ผิง ข้าแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้นเอง…”

“รบกวนท่านช่วยนัดปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงทั้ง 3 ให้ข้าพบด้วย…”