ตอนที่ 396-2 ยิ่นอ๋องรู้ความจริง
เฉียวเวยบอกเองกับปากว่าตำราที่กระเด็นออกมาจากในชุดแต่งงานตัวนั้นเป็นของที่ถูกขโมยไปของฝ่าบาท ส่วนยิ่นอ๋องก็ยอมรับเองกับปากว่านี่คือชุดแต่งงานของเขา เมื่อรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ยิ่นอ๋องก็น่าสงสัยอย่างยิ่ง
ทหาราชองครักษ์ล้อมยิ่นอ๋องเอาไว้
ยิ่นอ๋องเดินมาตรงหน้าเฉียวเวยแล้วขยับเข้ามาใกล้ เขาใช้เสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเอ่ยว่า “น้ำใจที่ติดค้างข้า ตอนนี้ชดใช้คืนให้ข้าได้แล้ว”
เฉียวเวยเผยอปาก
ยิ่นอ๋องยอมวางศักดิ์ศรีของตน “ถือว่าข้าขอร้องเจ้า”
เฉียวเวยมองเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน คนที่หยิ่งยโสถึงเพียงนี้กลับเผยแววตาตกเป็นเบี้ยล่างเช่นนี้ต่อหน้านาง เฉียวเวยยอมรับว่าตนเองเกลียดขี้หน้าเขา แต่เวลานี้เมื่อเห็นหายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือนเขา ในใจกลับไม่รู้สึกดีเหมือนที่เคยนึกจินตนาการไว้
หัวหน้าองครักษ์ก้าวเข้ามาบอกด้วยน้ำเสียงขึงขังแต่ไม่ก้าวร้าว “ท่านอ๋อง โปรดตามไปกับพวกเราด้วย”
เฉียวเวยมองเขาอย่างโมโห
เขาเอ่ยเบาๆ “ขอบใจ”
กล่าวจบก็หันหลังให้ ทิ้งไว้เพียงเงาแผ่นหลังอันอ้างว้าง
ฮองเฮาเยี่ยหลัวสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางกางแขนขวางทางที่เขากำลังจะเดินไป “พวกเจ้าเอาตัวเขาไปไม่ได้นะ!”
หัวหน้าองครักษ์ประสานหมัดคำนับ “ขออภัยองค์หญิง พระบัญชาของฝ่าบาทมิอาจปฏิเสธ”
“แต่ว่า…”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉียวเวยดึงมือของนางไว้
นางมองยิ่นอ๋องถูกพาตัวไปอย่างเศร้าสร้อย แต่แล้วจังหวะที่ยิ่นอ๋องเดินผ่านข้างกายนางไป นางก็โพล่งออกมาอย่างฮึกเหิม “ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
ยิ่นอ๋องชะงักเท้า ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ขอบคุณองค์หญิงที่เมตตา แต่ไม่จำเป็นแล้ว”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวทุกข์ใจจนขอบตาแดงเรื่อ
หัวหน้าองครักษ์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาส่งสายตาให้ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง ลูกน้องจึงถือตรวนเข้ามา
หัวหน้าองครักษ์เอ่ยอย่างจนปัญญา “ขอท่านอ๋องประทานอภัย นี่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท ไม่ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ใด ล้วนต้องจับกุมไปสอบสวน ล่วงเกินแล้ว”
ยิ่นอ๋องไม่พูดอันใด เขายื่นมือสองข้างออกไปอย่างนิ่งสงบ
โซ่ตรวนกำลังจะสวมลงบนข้อมือของเขา ทันใดนั้นเขาก็ชักมือกลับราวกับถูกสายฟ้าฟาด
หัวหน้าองครักษ์ตกตะลึง คิดว่าเขาจะขัดขืนพระบัญชา ฝ่ามือใหญ่จึงวางบนกระบี่ข้างเอว พอเขาวางมือลงไป องครักษ์คนที่เหลือก็พากันวางมือลงบนด้ามกระบี่ด้วย
แม่ชีน้อยสามคนโผล่ออกมาจากด้านในจวนอ๋อง พวกนางเบิกดวงตากลมโต เดินเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคนเสมือนหนึ่งมองไม่เห็นผู้ใด ก่อนจะมาหยุดยืนหน้ายิ่นอ๋องแล้วจ้องหัวหน้าองครักษ์ที่ถือโซ่ตรวนคนนั้น
หัวหน้าองครักษ์ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เขาก็ใจฝ่อจนต้องซ่อนโซ่ตรวนไว้ด้านหลัง
แม่ชีน้อยทั้งสามคนกอดขาของยิ่นอ๋องแล้วห้อยอยู่กับขาของเขา
ทั้งสามคนมาอยู่ที่จงหยวนได้ครึ่งปีแล้ว แต่พุดภาษาจงหยวนไม่เป็นสักประโยค แน่นอนว่าแต่เดิมพวกนางก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว แม้แต่ตอนอยู่กับมารดาบังเกิดเกล้า ทั้งวันก็ยังไม่ส่งเสียงสักแอะ
หากไม่ใช่ว่าคนในจวนบังเอิญได้ยินพวกนางพูดอยู่สองสามคำ พวกเขาก็คงคิดว่าพวกนางเป็นใบ้แล้ว
เวลานี้พวกนางก็ยังคงไม่พูดจา แต่แววตาดื้อรั้นนั่น ไม่ว่าผู้ใดเห็นแล้วย่อมเข้าใจ
ยิ่นอ๋องดึงทั้งสามคนออกทีละคน แต่ทั้งสามคนก็กลับไปเกาะใหม่
ยิ่นอ๋องดึงอีก ทั้งสามคนก็เข้าไปเกาะอีก ยิ่นอ๋องมีเพียงสองมือจึงจัดการไม่ทันอย่างสิ้นเชิง
หัวหน้าองครักษ์มองด้วยสีหน้ามึนงง เขาหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือกับเฉียวเวย เห็นชัดว่าหวังให้เฉียวเวยช่วยยิ่นอ๋องอีกแรงหนึ่ง พูดให้ชัดก็คือช่วยเขาอีกแรงหนึ่ง
เฉียวเวยไม่ช่วยเขาหรอก นางเพียงรอคอยอยู่เงียบๆเช่นนั้น
หัวหน้าองครักษ์ร้อนใจจนเหงื่อไหลพรากจากหน้าผาก ฮ่องเต้ยังรอพวกเขากลับไปรายงานอยู่นะ!
“หลิวเฉวียน!” ในที่สุดยิ่นอ๋องก็ทนไม่ไหวต้องใช้ท่าไม้ตาย
ขันทีหลิวลากร่างกายที่ผอมลงไปนับสิบชั่งออกมา เขาหอบแฮ่กวิ่งเข้ามาหา นับตั้งแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งสามคนมาถึงในจวน ยามกินเขาก็ไม่ได้กินดีๆ ยามนอนเขาก็นอนหลับไม่สนิท งานหลวงสักชิ้นในมือก็ไม่ได้ทำ มีแต่ต้องไปเป็นแม่นมให้เด็กน้อยทั้งหลาย
วันนี้บรรพบุรุษน้อยทั้งสามคนเดิมทีหลับไปแล้ว ทั้งยังนอนกรนคร่อกแล้วด้วย แต่คิดไม่ถึงเขาออกไปข้างนอกซื้อเสื้อผ้าตัวจิ๋วสามชุดเพียงครู่เดียว บรรพบุรุษน้อยบนเตียงก็หายตัวไปแล้ว!
โอ้ย เขาร้อนใจแทบแย่!
ทั้งสามคนชอบเล่นแล้วหายตัวไปเช่นนี้อยู่เป็นประจำ แต่ว่าเป็นเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น ตกกลางคืนพอได้เข้านอนปุ๊บ ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่ตื่น ใครจะรู้ว่าตุ๊กตาทองทั้งหลายเป็นอะไรไป จู่ๆ ถึงตื่นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่าน…ท่านอ๋อง…เอ๋ เกิดอันใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหลิวเห็นทหารราชองครักษ์ท่าทางไม่เป็นมิตรอยู่รอบด้าน จากนั้นก็เห็นเฉียวเวยกับฮองเฮาเยี่ยหลัวทำสีหน้ายากจะบรรยายอยู่
ยิ่นอ๋องออกคำสั่ง “พาพวกนางเข้าไป”
ขันทีหลิวมองทุกคนอย่างงุนงง แต่เขาไม่กล้าถามมาก เข้าไปจูงทั้งสามคนทันที มือซ้ายจูงคนหนึ่ง มือขวาจูงคนหนึ่ง บนหลังแบกไว้อีกคนหนึ่ง เห็นชัดว่ามีประสบการณ์ยิ่งนัก
แม่ชีน้อยทั้งสามคนหันหลังกลับมามองยิ่นอ๋องตาปริบๆ อยู่ตลอด
ลูกกระเดือกของยิ่นอ๋องขยับขึ้นลง แล้วหันหลังให้ “ไปเถิด”
หัวหน้าองครักษ์ถอนหายใจยาว เขาทำท่าจะสวมโซ่ตรวนให้ยิ่นอ๋อง ทว่าพอเหลือบเห็นดวงตาที่ทั้งไร้เดียงสาทั้งฉงนงงงวยของคุณหนูตัวน้อยทั้งสามคน หัวใจของเขาก็ถูกทิ่มแทงจนเจ็บแปลบ เขากัดฟันกรอดแล้วโยนโซ่ตรวนใส่อกเสื้อของลูกน้องคนหนึ่ง
เงาร่างของยิ่นอ๋องค่อยๆ ลับหายไปท่ามกลางราตรี
ด้านหลังเขา เจ้ารองที่ถูกจูงมืออยู่จู่ๆ ก็มองเขาแล้วเอ่ยปากว่า “อาปา”
สุ้มเสียงเบาหวิว ไม่มีน้ำเสียงนุ่มนิ่มออดอ้อนเหมือนกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยทั่วไป แต่กลับฟาดเข้ากลางดวงใจของยิ่นอ๋องราวกับอสนีบาต ทำให้ยิ่นอ๋องสะท้านไปทั้งตัว
อาปาหมายถึงพ่อในภาษาเกาเย่ว์
ยิ่นอ๋องไม่เคยได้ยินพวกนางเรียกตนเองมาก่อน นี่เป็นหนแรก
ต้องขอโทษพวกเจ้า อาปาต้องไปแล้ว