ตอนที่ 402-1 น้องเฉียวฟื้นแล้ว
เพราะเสียงดังหนวกหูเกินไปจึงถูกสังหาร ช่างเป็นมือสังหารที่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
การต่อสู้ดำเนินมาได้พักหนึ่ง มือสังหารตายไปแล้วเจ็ดคน เหลือเพียงสามคน แต่นักรบมรณะนอกจากสองคนที่ถูกจีหมิงซิวกับบุรุษคนนั้นทำร้ายไปตอนเริ่มแรก คนที่เหลือล้วนยังเปี่ยมกำลังวังชาเหี้ยมหาญดุจมังกรพยัคฆ์
ความจริงแล้วนักรบมรณะทั้งหลายต่างได้รับบาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป ทว่าบาดแผลเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขาเหมือนเครื่องจักรที่กระตือรือร้น ในสายตานอกจากการเข่นฆ่าก็มีเพียงการเข่นฆ่า ไม่คำนึงถึงว่าตนเองได้รับบาดเจ็บหรือไม่เลยแม้แต่น้อย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงได้ผลสองภพยกระดับกำลังภายในมาแล้ว ตอนนี้จึงยังฝืนยืนหยัดอยู่ได้ หันไปมององครักษ์หนุ่มด้านข้าง เขากลับไม่โชคดีถึงขนาดนั้น เรี่ยวแรงของเขาถูกใช้ไปจนถึงขีดจำกัดแล้ว เขายกเท้าถีบนักรบมรณะคนหนึ่งออกไปเสร็จก็ทรุดลงคุกเข่าอย่างไร้เรี่ยวแรงบนพื้น
นักรบมรณะที่ถูกเขาถีบออกไปคนนั้นปราดเข้ามาประชิดราวกับโรคร้ายที่ฝังติดกระดูก แล้วบีบคอยกเขาลอยขึ้นจากพื้นมาทั้งตัว
ลมหายใจถูกตัดขาด ใบหน้าของเขาจึงกลายเป็นสีเขียวม่วงอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือออกมาตั้งใจจะจับศีรษะของนักรบมรณะ แต่คิดไม่ถึงว่าแขนของเขาจะสั้นเกินไป คว้าอยู่นานแม้แต่เส้นผมสักเส้นของผู้อื่นก็คว้าไม่ถึง!
เวลานี้จีอู๋ซวงกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ถูกนักรบมรณะดึงให้ต่อสู้ติดพันอยู่กันทั้งคู่ ไม่มีวิชาแยกร่างมาช่วย
ฝ่ายเจ้าหอของเขาก็กำลังรีบเร่งวาดยันต์ขั้นสุดท้าย หากเวลานี้ปล่อยมือจากพู่กันมาช่วยเขา ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็จะเสียเปล่า ต้องเริ่มใหม่อีกหน
“เจ้า…หอ…” องครักษ์หนุ่มใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเค้นถ้อยคำที่แม้แต่ตัวเขาเองยังได้ยินแทบจะไม่ชัดออกมาจากลำคอ
ชายหนุ่มขยับพู่กันราวกับมังกรเหินพลางบอกว่า “อดทนอีกเดี๋ยว กำลังจะเสร็จแล้ว”
ดวงตาขององครักษ์น้อยโปนถลนออกมา “อด…ทน…ไม่…ไหว…แล้ว…”
ในตอนที่ชีวิตของเขากำลังจะปลิดปลิว ลูกดอกหนึ่งดอกก็แล่นฉิวผ่านอากาศ พุ่งทะลุหัวกะโหลกของนักรบมรณะ
คนผู้หนึ่งถูกเสียบทะลุกะโหลกต่อหน้าต่อตาตนเอง ภาพนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้วจริงๆ องครักษ์หนุ่มตกใจจนขวัญบิน!
บนลูกดอกถูชาดเอาไว้ นักรบมรณะดิ้นรนได้ไม่นานเท่าไรก็ล้มลงกับพื้น
องครักษ์หนุ่มทรุดตามลงมาด้วย เขาไอโขลกๆ หลายหน หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน กระโดดไปบนตัวของนักรบมรณะแล้วกระทืบอย่างแรงซ้ำๆ “กล้าเล่นงานนายท่านคนนี้ใช่ไหม! กล้าเล่นงานนายท่านคนนี้ใช่ไหม!”
ปั้ก!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกระโจนโถมตัวใส่องครักษ์หนุ่มจนล้มลงบนพื้น ดาบยาววาววับเล่มหนึ่งตวัดขวางผ่านจุดที่องครักษ์หนุ่มยืนอยู่ก่อนหน้านี้
ไอเย็นจากคมดาบเย็นเฉียบประหนึ่งเหมันต์อันทารุณ เย็นยะเยือกจนองครักษ์หนุ่มกายสะท้านอย่างรุนแรง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยรีบลากเขาลุกขึ้นมาใหม่ เขามองนักรบมรณะผู้ถือดาบยาวที่เข้ามาร่วมวงต่อสู้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบคนนั้น แล้วตวาดด่าอย่างไม่ไว้หน้า “มารดามันเถอะ เจ้าไม่รักชีวิตแล้วใช่หรือไม่ ลูกดอกดอกสุดท้ายของนายน้อยเอามาช่วยเจ้าแล้ว! เจ้าอย่าทำให้ลูกดอกดอกนั้นเสียเปล่าจะได้หรือไม่!”
องครักษ์หนุ่มได้ยินดังนั้นก็หันไปมองจีหมิงซิว แล้วก็เห็นหน้าไม้พิฆาตเทวาของจีหมิงซิวว่างเปล่าจริงดังว่า หน้าไม้ที่ไร้ลูกดอกก็ไม่ต่างอันใดกับเหล็กไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่งนัก
มือสังหารที่ถูกหน้าไม้พิฆาตเทวาทำให้บาดเจ็บหนักกลุ่มนั้น เห็นจีหมิงซิวใช้หน้าไม้ไม่ได้อีกแล้ว ดวงตาก็ทอประกายตื่นเต้น แห่กันเข้ามาหาจีหมิงซิวกับเฉียวเวย
เป้าหมายของคนกลุ่มนี้เห็นชัดอย่างยิ่ง นั่นก็คือฉวยโอกาสยามเจ้าป่วย เอาชีวิตเจ้าเสีย ฉวยโอกาสที่เฉียวเวยต้องธนูจันทร์โลหิตจนบาดเจ็บส่งนางไปพบมัจจุราชให้เรียบร้อย
หากเฉียวเวยตาย จีหมิงซิวย่อมสะเทือนใจไม่ใช่น้อย สิ่งที่อีกฝ่ายวาดหวังก็คงเป็นสิ่งนี้กระมัง หรือไม่ก็อาจจะเป็น คนไม่ผิดครอบครองหยกจึงผิด เฉียวเวยเป็นจั๋วหม่าน้อยของชนเผ่าลึกลับ แค่ฐานะนี้ก็เพียงพอให้คนเยี่ยหลัวอิจฉาตาร้อนแล้ว
ตอนนี้เหตุใดจึงไล่ล่าสังหารพวกเขาไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือทำอย่างไรจะไล่คู่ต่อสู้ที่ตึงมือและจัดการยากกลุ่มนี้ไปได้
จีอู๋ซวงสลัดนักรบมรณะที่ต่อสู้ติดพันกับตนเองอยู่สำเร็จก็วิ่งทะยานไปหาจีหมิงซิว ทว่ายังไม่ทันวิ่งได้ถึงสองก้าวก็ถูกนับรบมรณะสองคนขวางทางเอาไว้
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับองครักษ์หนุ่มก็ถูกนักรบมรณะล้อมเอาไว้เหมือนกัน
จีหมิงซิวได้แต่ต้องช่วยเหลือตนเอง เวลานี้ไม่เอากำลังภายในออกมาดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว
จีหมิงซิวปกป้องเฉียวเวยไว้ในอ้อมแขนอย่างดี สองตาดุจคบเพลิงมองกระบี่ยาวที่ฟันเข้ามาหาตนเอง ลมหายใจสูดลึกเข้าไปยังจุดตันเถียน กำลังจะรีดแค้นกำลังภายในออกมา
ทว่าในห้วงเวลาที่คล้ายจะยาวนานแต่สั้นเพียงชั่วพริบตานั่นเอง เสียงอินทรีก้องกังวานพลันดังขึ้นบนท้องนภา
ต่อจากนั้นเงาสีเขียวร่างหนึ่งก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า ฟาดหนึ่งฝ่ามือลงมาจากกลางอากาศ สายลมจากฝ่ามืออันทรงพลังดุจสายรุ้งพาเอาพลังมหาศาลประหนึ่งจะถล่มขุนเขาพลิกคว่ำมหาสมุทรลงมากระแทกมือสังหารที่พุ่งเข้ามาจู่โจมจีหมิงซิวจนปลิวออกไปร้อยก้าว
มือสังหารสามคนกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ร่างกายของพวกเขาถูกอัดกระแทกจนอวัยวะภายในแหลกลาญ กระอักเลือดออกมาคำเดียวก็สิ้นลมหายใจ!
จีหมิงซิวเก็บกำลังภายในที่รีดเค้นออกมาไม่ทัน สีหน้าจึงซีดเผือดอย่างฉับพลัน “อาจารย์ตา…”
อาจารย์ตาฮั่วยื่นฝ่ามือมาตบหัวไหล่ของจีหมิงซิวดังปั้กอย่างรวดเร็ว ช่วยกดกำลังภายในที่พลุ่งพล่านของเขากลับไป
การมาถึงของอาจารย์ตาฮั่วทำให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดว่านายน้อยต้องกระตุ้นกำลังภายในมาใช้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว การทำเช่นนั้นย่อมฆ่ามือสังหารกลุ่มนั้นได้ แต่นายน้อยก็ต้องได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการจะเห็น
มือสังหารที่เหลืออยู่เพียงสามคนในที่แห่งนั้นถูกอาจารย์ตาฮั่วจัดการในกระบวนท่าเดียว เหลือแต่เพียงนักรบมรณะหกคนนั้น เมื่อนับรวมนักรบมรณะที่ถือดาบยาววิ่งออกมาจากมุมไหนก็ไม่ทราบคนนั้นเข้าไปด้วย ทั้งหมดก็มีเจ็ดคน
หากกล่าวว่านักรบมรณะที่ถูกส่งมาข่มขวัญพวกเขาที่ตระกูลจีก่อนหน้านี้เป็นนักรบมรณะระดับล่าง ถ้าเช่นนั้นนักรบมรณะที่ประลองตัดสินแพ้ชนะกับเฉียวเวยบนเวทีก็คือนักรบมรณะระดับกลาง ส่วนเจ้าพวกนี้ในคืนนี้เห็นชัดว่าเป็นนักรบมรณะระดับสูง
ส่วนคนที่ถือดาบยาวคนนั้น เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคาดว่าพลังของเขาน่าจะสูงกว่าอยู่อีกเล็กน้อย
เป้าหมายของนักรบมรณะดาบยาวคือโคมไฟดวงนั้น ดูท่านายท่านที่อยู่เบื้องหลังเขาจะทราบว่าโคมไฟดวงนั้นคือโคมชีวิตของเฉียวเวย โคมดับคนสิ้น นี่ง่ายดายยิ่งกว่าสังหารเฉียวเวยตรงๆ มากนัก
“จอมยุทธ์ท่านนี้ โคมไฟดวงนี้จะดับไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมา ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของเขาไม่ละออกจากมือของตนเองแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว แต่เรื่องนี้กลับไม่ขัดขวางเขาจากการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้นแม้แต่น้อย
อาจารย์ตาฮั่วก้าวหนึ่งก้าวมาขวางนักรบมรณะดาบยาว แล้วเริ่มต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด
องครักษ์หนุ่มหมดแรงจะสู้นานแล้ว เขาไม่สร้างเรื่องยุ่งให้คนอื่นก็นับว่าดีแล้ว เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงร่วมแรงกันสังหารนักรบมรณะหกคนที่เหลือ แต่กำลังกายของทั้งสองคนเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้วจริงๆ พวกเขาอาศัยแต่เพียงความมุ่งมั่นเข้าฆ่าฟันเท่านั้น
จีอู๋ซวงเสียบกริชเข้าไปในร่างของนักรบมรณะคนหนึ่ง นักรบมรณะไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เขาเงื้อฝ่ามือเหล็กขึ้นมาฟาดจีอู๋ซวงปลิวลอยไปตกบนพื้น
จีอู๋ซวงเจ็บร้าวตรงหน้าอกก่อนจะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
นักรบมรณะย่างสามขุมเข้ามาหาเขา ก่อนจะดึงกริชที่จีอู๋ซวงปักบนท้องของตนเองออกมา แทงใส่จีอู๋ซวงอย่างโหดเหี้ยม!
จีอู๋ซวงไม่มีเรี่ยวแรงหนีแล้ว เขาหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
ในตอนที่กริชของนักรบมรณะคนนั้นอยู่ห่างจากจีอู๋ซวงเพียงหนึ่งชุ่นนั่นเอง กระทะเหล็กใบน้อยใบหนึ่งก็ฟาดลงมาดัง เปรี้ยง!
นักรบมรณะมึนงง
จูเอ๋อร์ยืนอยู่บนกิ่งไม้ มันเงื้อกระทะน้อยขึ้นมาอีกหนแล้วฟาดลงไปสุดแรง
นักรบมรณะไม่ขยับ จูเอ๋อร์ก็ฟาดไปอีกที
ข้าจะฟาด! ข้าจะฟาด! ข้าจะฟาด ฟาด ฟาด!
แววตาขุ่นมัวของนักรบมรณะหันมามองจูเอ๋อร์ ก่อนจะยกฝ่ามือใหญ่ที่ประหนึ่งคีบเหล็กออกมาพยายามจะคว้าตัวมัน
จูเอ๋อร์ไม่สนใจกระทะแล้ว มันยกขาได้ก็วิ่งทันที!
เสี่ยวไป๋กระโดดลงมาจากตัวของอินทรีทอง มันกระโดดลงมายังจุดที่กระปุกชาดตั้งอยู่ ก่อนจะอุ้มกระปุกชาดขึ้นมากินหงับๆ คำโต!
หลังจากนั้นมันก็โยนกระปุกทิ้ง กระโจนพรวดไปบนตัวของนักรบมรณะที่ไล่ตามจูเอ๋อร์ไม่ยอมปล่อยคนนั้น แล้วขย้ำเข้าหนึ่งคำ!
โอ๊ะ ขย้ำตายเสียด้วย
ต้าไป๋เอาเยี่ยงอย่าง มันวิ่งไปที่กระปุกแล้วเคี้ยวหงับๆ สองคำ หลังจากนั้นดวงตาของเพียงพอนก็เหลือกลอย น้ำลายฟูมปาก ริมฝากเป็นสีม่วง ทั้งร่างชักกระตุกล้มลงไปหมดสติ!
เสี่ยวไป๋ขย้ำสำเร็จก็ติดใจ มันกัดเสร็จแล้วก็งับ! เสร็จแล้วก็ขย้ำหง่ำๆ คำแล้วคำเล่า!
ไม่นานบนพื้นก็มีร่างคนร่วงกราวนอนระเกะระกะ
องครักษ์หนุ่มมองภาพนี้ตาโตอ้าปากค้าง ข้าน่าจะเจอสุนัขเก๊อยู่สินะ…
อีกด้านหนึ่งการดวลของอาจารย์ตาฮั่วกับนักรบมรณะดาบยาวกำลังร้อนระอุถึงขีดสุด นักรบมรณะดาบยาวเหมือนจะไม่กลัวพิษของชาดมากขนาดนั้น กริชชาดปักเข้ามาในร่างของเขา เขากลับไม่ล้มลง แต่แผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เข้ามาฟันอาจารย์ตาฮั่วอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม
อาจารย์ตาฮั่วฟันเขาอีกหนึ่งหน เขายิ่งเดือดดาลกว่าเก่า ยังดีที่ร่างกายไม่แข็งแกร่งเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
ดูท่าพิษชาดใช่ว่าจะไม่มีผลกับเขาอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เขามีกำลังภายในล้ำลึกจึงทนได้มากกว่านักรบมรณะคนอื่นก็เท่านั้น
หลังจากนั้นอาจารย์ตาฮั่วใช้กริชชาดเสียบเขาไปทั้งหมดเจ็ดแปดหน จนในที่สุดเขาจึงไปพบพญายม
โชคดีที่นักรบมรณะระดับนี้มีเพียงคนเดียว หากบุกมาสามสี่คน พวกเขาคงไม่ต้องสู้แล้ว รอถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ได้เลย!