เล่ม 1 ตอนที่ 457-1 หึงหวง (1)

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 457-1 หึงหวง (1)

ราชาเยี่ยหลัวเดินเข้ามา

เฉียวเวยนั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า มองลอดผ่านช่องแคบๆ ออกไปยังเห็นว่านี่เป็นบุรุษรูปร่างบึกบึน ดูมีบารมียิ่งใหญ่ เครื่องหน้าทั้งห้าลึกและคมเข้มอย่างยิ่ง บุรุษผู้นั้นเพียงเดินหมุนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะให้ฮองเฮานั่งลงข้างโต๊ะน้ำชา

เขาหันหลังให้ตู้เสื้อผ้าพอดี

เฉียวเวยจึงหรี่ตาเพ่งมองไปยังแผ่นหลังที่กว้างขวางนั้น

ข้างกายเขามีฮองเฮาเยี่ยหลัวที่แสนพะเน้าพะนอนั่งอยู่

หลังจากผ่านการประชันกันเช่นนั้นมาแล้ว เฉียวเวยทำใจยากมากที่จะเชื่อมโยงภาพสตรีในความทรงจำนางนั้นกับสตรีที่แสนอ่อนหวานออเซาะผู้นี้ แต่สตรีที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะรอยยิ้ม ท่าทางหรือน้ำเสียงล้วนอ่อนหวานงดงามมาจากตัวตนข้างในจริงๆ ทำให้นึกถึงแสงตะวันอันอบอุ่นในช่วงบ่ายของฤดูใบไม้ร่วง และทำให้นึกถึงวันเวลาอันน่าถวิลหาในอดีต ไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์นี้ของนางได้

ราชาเยี่ยหลัวก็เช่นกัน ถึงแม้เฉียวเวยจะฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่เขายกมือที่หยาบกร้านจากการฝึกวรยุทธ์มานานปีลูบเส้นผมอ่อนนุ่มเงางามของนางเบาๆ ประกายรักใคร่อันหนาแน่นแผ่ออกมาทั่วตัว

ฮองเฮาเยี่ยหลัวก็ดูจะชอบที่เขาอ่อนโยนเช่นนี้ นางคลอเคลียกับฝ่ามือหนาๆ ของอีกฝ่าย ตาเป็นประกายระยิบระยับ รอยยิ้มหวานฉ่ำราวกับน้ำผึ้ง

เจ้าสำนักเฉียวที่เคยแต่แสดงความรักให้ผู้อื่นอิจฉา เวลานี้เมื่อมานั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าของฮองเฮาเยี่ยหลัว ก็ถึงกับจุกอกกับการแสดงความรักระหว่างราชาเยี่ยหลัวกับท่านน้าจนแทบจะเป็นลมไป

ราชาเยี่ยหลัวเบี่ยงตัวเล็กน้อย เขยิบเข้าใกล้ฮองเฮาของตนมากขึ้น ไม่รู้ว่าเขาพูดกลั้วหัวเราะอะไร น้ำเสียงฟังดูวาบหวิว ฮองเฮาเยี่ยหลัวหน้าพลันแดงก่ำ ก้มหน้มงุดพลางบิดนิ้วมือตนเองไปมา ทั้งๆ ที่ดูตกใจมาก แต่กระนั้นก็ไม่อาจกดมุมปากที่ยกขึ้นของตนได้

เจ้าสำนักเฉียวมองขึ้นฟ้าด้วยความเหนื่อยหน่าย “…”

ข้าล่ะอิ่มเอมเหลือเกิน อิ่มเอมมากจริงๆ ขอร้องล่ะ หยุดเสียทีเถิด!

ในบรรยากาศมีแต่ความหวานล้ำ

เฉียวเวยกัดแขนเสื้อ นางคิดถึงบุรุษของนางแล้ว คิดถึงหมิงซิวแล้ว…

ในช่วงที่เจ้าสำนักเฉียวอึดอัดเหลือทนนั้น ในที่สุดฉากแสดงความรักก็มาถึงปลายทางของมัน ราชาเยี่ยหลัวโน้มตัวลงหมายจะอุ้มฮองเฮาไปที่เตียง

เฉียวเวยรีบเอามือปิดตา ไม่กล้าดูต่อ

หากสตรีนางนั้นจับนางขังไว้ในตู้เสื้อผ้าเพราะมีจุดประสงค์นี้ เช่นนั้นนางก็โรคจิตเกินไปแล้ว!

ยังดีที่เรื่องราวไม่ได้ดำเนินไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด ฮองเฮาเยี่ยหลัวผลักราชาเยี่ยหลัวเบาๆ ไม่รู้บอกอะไรกับอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย ราชาเยี่ยหลัวหัวเราะเบาๆ ยังคงอุ้มฮองเฮาของตนไว้ ไม่ได้เดินไปที่เตียงต่อ แต่กลับหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

ก่อนออกจากห้อง เฉียวเวยเห็นจากซอกประตูว่าฮองเฮาเยี่ยหลัวหันมากะพริบตาทะเล้นใส่นาง

เฉียวเวยงงไปหมด นางไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะรอดพ้นจากใต้เปลือกตาราชาเยี่ยหลัวไปได้

สตรีนางนั้นไม่ได้เล่นลูกไม้กับนาง นางช่วยตนไว้จริงๆ!

นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดเป็นการแสร้งทำของนางใช่หรือไม่

หากใช่ เช่นนั้นก็เรียกว่าเป็นการแสดงระดับท้องพระโรงแล้ว…

เวลาที่เฉียวเวยมีอยู่ไม่มากนัก ถึงแม้ราชาเยี่ยหลัวจะออกไปแล้ว แต่ใครเลยจะรู้ว่าเขาจะกลับมาอีกหรือไม่ หรือจะมีนางกำนัลขันทีเข้ามาที่นี่หรือไม่ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น นางควรหนีออกไปให้ได้ก่อนจะดีที่สุด!

เฉียวเวยปลดสัมภาระบนตัวออก ของพวกนี้ปิงเอ๋อร์ให้เอามาให้ฟู่เสวี่ยเยียน เอาไว้ที่นี่ฮองเฮาเยี่ยหลัวน่าจะเข้าใจว่านางเอามาให้ฟู่เสวี่ยเยียน

หลังจากทิ้งห่อผ้าไว้ในตู้แล้ว เฉียวเวยก็ย่องออกจากห้องไป

ซิ่วฉินกับฟู่เสวี่ยเยียนเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งของระเบียงทางเดิน จึงเห็นเฉียวเวยที่เดินออกมาจากห้องนอนของฮองเฮาทันที และกำลังย่องเงียบๆ ไปตรงกำแพง ซิ่วฉินพูดด้วยความตกใจว่า “นั่นไม่ใช่จั๋วหม่าน้อยหรือ นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ขนตาฟู่เสวี่ยเยียนสั่นระริก ไม่ได้พูดอะไร พอเฉียวเวยกับเสี่ยวไป๋และจูเอ๋อร์ข้ามกำแพงไปแล้วถึงไปเดินนำซิ่วฉินไปที่ห้องของตน

ในที่สุดฟู่เสวี่ยเยียนก็ได้ของของตนเสียที นางเปิดชั้นในกล่องเครื่องประดับออกดู ข้างในมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ นายบ่าวสองคนอ่านจบก็พากันตกอยู่ในความเงียบ

ซิ่วฉินรู้สึกทนไม่ไหว พูดขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “คุณหนู ท่านอ๋องเขา…”

ฟู่เสวี่ยเยียนรับจดหมายไป จุดเทียนแล้วจัดการเผาทิ้ง นางเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “วันพรุ่งข้าจะกลับไปที่จวนอ๋องสักหน่อย เจ้าไปเตรียมตัวที”

ซิ่วฉินเหมือนอยากพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจบอกว่า “เจ้าค่ะ”

เฉียวเวยตอนกระโดดลงพื้นไม่ทันได้หยิบหน้ากากหนังคนของตนขึ้นมาก็ถูกจูเอ๋อร์คว้าไปเสียก่อน จูเอ๋อร์เอาขึ้นใส่หน้าตนเองแล้วใส่ไปอย่างนั้นตลอดทางกลับจวน ระหว่างทางเจอกับหลายคนที่ใจเสาะหน่อย ก็ถึงกับตกใจจนฉี่รดกางเกงไปตรงนั้น

ตั้งแต่นั้นมาในหมู่ชาวบ้านก็มีข่าวลือเกิดขึ้น: ลิงเทพหน้ามนุษย์

จูเอ๋อร์ยังไม่รู้ว่าตนถูกเรียกว่า “ลิงเทพหน้ามนุษย์” แล้ว มันใส่หน้ากากที่ยับย่น (หน้าเล็กเกินไป หน้ากากใหญ่เกินไป เลยยับย่นเป็นพิเศษ) เดินอย่างลิงโลดเข้าไปในฟางชุ่ยหยวน ใต้เท้าเจ้าสำนักที่เพิ่งได้สติหลังจากสลบไป พอเห็นใบหน้านั้นก็ตกใจจนเป็นลงไปอีกครั้ง

“หุหุ”

จูเอ๋อร์รู้สึกน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!

มันเด็ดดอกไม้สีแดงสดที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นเสียบแซมบนศีรษะอย่างสง่างาม ก่อนจะกระโดดโลดเต้นกลับห้องไป

ตอนเฉียวเวยกลับไปถึงห้องตนเอง ปิงเอ๋อร์ได้สติแล้ว

ปิงเอ๋อร์ถูกคนฟาดจนสลบไป นางจำความรู้สึกเจ็บจี๊ดก่อนหมดสติไปได้อย่างแม่นยำ นางนวดต้นคอที่ปวดหนึบของตน หันไปมองเฉียวเวยที่นั่งแทะเม็ดก๋วยจี๊อย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้อย่างทั้งตกใจและขวัญผวา

เฉียวเวยวางเปลือกลง เอ่ยเสียงสบายๆ ว่า “ของนั่นข้าช่วยเอาเข้าไปส่งไว้ในวังให้แล้ว”

ปิงเอ๋อร์อึ้งงันไป “ส่ง ส่งเข้าไปในวังแล้ว? จั๋วหม่าน้อยท่าน”

เฉียวเวยเอ่ยขัดนางเสียงเรียบ “ไม่ต้องขอบคุณ!”

ปิงเอ๋อร์สูดหายใจได้อากาศเย็นๆ ก่อนจะสะอึกไป

เรื่องนี้จะว่าไปก็เป็นตัวนางเองที่บกพร่อง เฉียวเวยคงไม่คิดว่านางจะโง่เขลาถึงขั้นไปหาท่านอ๋องแล้วเปิดเผยทุกอย่างว่าใครเป็นใคร ชีวิตของนางในจวนเป็นไปอย่างระมัดระวัง ส่วนตนก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของท่านอ๋อง นางรีบร้อนจะไปแสดงความจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง กลับมีความเป็นไปได้มากที่ท่านอ๋องจะไม่สนใจความตั้งใจของนางสักนิด ในทางกลับกัน ยังอาจจะกล่าวโทษที่นางกระทำเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ยังไม่ได้ เช่นนี้แล้วจะเก็บนางไว้ไปไย

ว่าตามตรง หากไม่มีฐานะของฟู่เสวี่ยเยียนอยู่ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสร้างข้อผิดพลาด

ปิงเอ๋อร์เป็นคนฉลาดเพียงนี้ จะไม่เข้าใจถึงหลักการนี้ได้อย่างไร

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากปิงเอ๋อร์พยายามอยู่ช่วงสั้นๆ นางก็ยอมถอยไปอย่างรู้ตัวดี หลังจากนั้นก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องในคืนนี้ขึ้นมาอีกเลยสักคำ ประหนึ่งว่าไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

ตกดึก เฉียวเวยนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง ในหัวมีภาพใสซื่อบริสุทธิ์ของฮองเฮาเยี่ยหลัวผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ ด้วยอายุเท่านี้ การใช้คำอธิบายเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร แต่หากมีใครได้เห็นนางก็คงคิดเช่นเดียวกัน จะรู้สึกว่านางเป็นอย่างคำอธิบายนี้

“เฮ่อ เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่นะ”

เฉียวเวยพึมพำออกมา

****************************