ตอนที่ 484 พลังทำลายล้างของราชันอสูร (3)
ชางจิวกลับมีความลังเล “แต่ว่านายท่าน วรยุทธ์ของท่าน…”
ฮองเฮาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่เกี่ยวอันใดกับวรยุทธ์ อีกอย่าง ไม่มีวรยุทธ์สิดี”
ยอดฝีมือเช่นราชันอสูรยิ่งเป็นคนมีวรยุทธ์ยิ่งยากจะเข้าใกล้ ชาวบ้านเหล่านั้นที่ไร้เรี่ยวแรงกระทั่งจะจับไก่ กลับยิ่งง่ายที่จะทำให้เขาลดความระแวดระวังลง
…
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง คนในฟางชุ่ยหยวนทยอยกันรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนวุ่นวายกันจนดึกดื่น ไห่สือซานกับเฉียวเวยเลยหลับกันเพลิน จีหมิงซิวยังคงตื่นเช้าตามปกติ เขาคนนี้ไม่ว่าจะนอนดึกเพียงใด แต่เช้ามาก็จะรู้สึกตัวตื่นในเวลาเดิมทุกครั้ง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ตื่นแล้ว เขาจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย ยังงุนงงว่าเหตุใดตนถึงไม่ได้อยู่หน้าบ้านแม่ทัพน้อยมู่แล้ว แต่มานอนอยู่บนเตียงได้
เขาตบไหล่ไห่สือซานที่เฝ้าเขาถึงดึกดื่นจนฝืนไม่ไหว ฟุบนอนตรงหัวเตียงให้ตื่นขึ้นมา “ไห่สือซาน เมื่อคืนเจ้าทำอะไรข้า เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ในห้องข้าได้ เจ้าลักหลับข้าใช่หรือไม่”
ไห่สือซานโกรธจนถีบอีกฝ่ายล้มลงบนเตียง
ทางนี้ตีกันเอ็ดตะโร อีกด้านหนึ่งแม่นางน้อยก็ตื่นจากนิทราฝัน เผยอปากน้อยๆ ร้องไห้แงๆ ไม่หยุด เสียงนางดูจะดังขึ้นเล็กน้อย
ไม่เท่าไรจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูก็ตื่น
จิ่งอวิ๋นลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเอง วั่งซูเดินก้นล่อนจ้อนหอบเสื้อผ้าไปที่ห้องหนังสือ “ท่านพ่อ ใส่”
จีหมิงซิวสวมเสื้อผ้าให้แม่ยอดขมองอิ่มของตน
ตอนเฉียวเวยตื่น เด็กทั้งสองไม่รู้ถูกราชันอสูรกับสือชีพาไปเล่นที่ตรอกซอกซอยไหนแล้ว
ยาฉุกเฉินของเฉียวเวยใช้หมดแล้ว จำเป็นต้องออกไปหาซื้อที่ตลาด ก่อนออกไป จูเอ๋อร์รั้นจะตามไปด้วยให้ได้
น้อยครั้งที่จูเอ๋อร์จะยอมทิ้งซาลาเปาน้อยทั้งสองเพื่อออกไปกับนาง
เฉียวเวยยังคิดว่าเจ้าตัวเล็กนี้กลัวราชันอสูร แต่พอไปถึงที่ตลาด จูเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าไปในร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง มันกอดนักรบดินเผาขนาดเล็กที่วางอยู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย เฉียวเวยถึงได้เข้าใจว่ามันเป็นอะไรกันแน่
เฉียวเวยไม่อยากซื้อให้มันสักนิด แต่มันกอดทหารดินเผาตัวเล็ก ทำตาปริบๆ เป็นประกาย กระทั่งเถ้าแก่ร้านยังทนดูไม่ได้ “ข้าๆๆๆ ข้าให้เจ้าแล้วกัน!”
ในที่สุดเฉียวเวยก็ซื้อมา
หลังจากกอดทหารดินเผาตัวเล็กหนักอึ้งขึ้นรถม้าแล้ว จูเอ๋อร์ก็ถอดชุดเกราะสีน้ำตาลของทหารดินเผาออกอย่างไม่เกรงใจแล้วเอามาใส่ให้ตัวเอง ตามตัวถอดเกราะหมวกของอีกฝ่ายมาสวมให้ตัวเองเช่นกัน จากนั้นก็โยนทหารดินเผาที่ตัวเปล่าล่อนจ้อนทิ้งไป!
ทางด้านนี้ ตอนที่เฉียวเวยแยกย้ายไปทำธุระของตนเอง ฮองเฮากลับปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปในจวนอ๋อง
นางเป็นฮองเฮาอยู่ในเมืองเยี่ยหลัวมาหลายปี ป้ายคำสั่งมู่อ๋องจึงไม่ยากที่จะเอามาไว้ในมือ
นางแปลงโฉม ปลอมตัวเป็นสาวใช้ หิ้วตะกร้าขนมเข้าไปในจวน
ชางจิวไม่ได้รับอนุญาตให้ตามมาด้วย แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เขาจึงนำนักรบมรณะกลุ่มใหญ่ไปเฝ้าระวังอยู่ในบ้านชาวบ้านแถวนั้น
ราชันอสูรพอเก็บงำไอพลังของตนแล้ว หากไม่เข้าใกล้จริงๆ จะสัมผัสไม่ได้ แต่นี่สำหรับฮองเฮาไม่ใช่เรื่องยาก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนที่นางฝึกมากับมือ นางจะหาเขาไม่เจอเชียวหรือ
เยี่ยหลัวหนีเข้ามาในทะเลทรายระหว่างที่ถูกไล่สังหารล้างชนเผ่า ยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะมาเจอโอเอซิสเล็กๆ แห่งนี้ หลังจากขยายอาณาเขตและเพาะปลูกอยู่นานหลายร้อยปี โอเอซิสเล็กๆ เลยกลายเป็นแคว้นเล็กๆ แทน หากดูจากแผนที่ ยังใหญ่กว่าเกาะนิรนามของชนเผ่าลึกลับอยู่เล็กน้อย แต่หากเทียบเรื่องอาณาเขตจริงๆ แล้ว ยังห่างไกลจากต้าเหลียงอีกมาก
แคว้นไม่ใหญ่ จวนจะใหญ่ได้สักแค่ไหนกัน
ฮองเฮาแค่เพียงเดินวนอยู่ในจวนก็ได้ยินเสียงโฮ่งๆๆๆๆ ของราชันอสูรแล้ว
ฮองเฮาเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ ก็แทบจะเป็นลมหงายตึงไปทันที!
ราชันอสูรที่นางอุตส่าห์เคี่ยวกรำมาอย่างยากลำบาก ราชันอสูรที่เดิมควรจะไล่สังหารไปทุกทิศ เวลานี้กลับคล้ายสติไม่สมประกอบ เล่นยิงธนูไปมาอยู่ในสนามหญ้ากับเด็กหญิงคนหนึ่ง
“ธนู” ดอกหนึ่งของราชันอสูรยิงถูกวั่งซู
วั่งซูพลันตัวงอ มือถือธนูสีทองอร่าม ตัวซวนเซล้มลงกับพื้น “เจ้า…เหตุใดถึง…ทำเช่นนี้กับข้า”
ราชันอสูรใช้ธนูธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ขึ้นลูก
วั่งซูก็ไม่ได้ขึ้นลูกเช่นกัน แต่ธนูที่นางใช้เป็นธนูจันทร์โลหิตสีทองอร่ามของตน
แน่นอนว่า นางยังไม่รู้ว่านี่คือธนูจันทร์โลหิต นางรู้เพียงว่าท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ให้นางเล็งยิงธนูกับผู้อื่น มีเพียงผู้เฒ่าผู้นี้ที่ยอมเล่นกับนาง
ผู้เฒ่าช่างดีเหลือเกิน!
เวลานี้ถึงตาวั่งซูแล้ว
วั่งซูลุกขึ้นมา มองราชันอสูรด้วยหน้าตาดุดัน ตัวน้อยๆ แผ่ไอรัศมีอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา นางดึงคันธนู “ข้าจะเป็นตัวแทนฝ่ายธรรมะ ทำลายเจ้า! ระวังธนู!”
มีเสียงดังฟุ่บพร้อม “ธนู” ที่พุ่งออกไป
พลังที่แรงราวมหาสมุทรเข้าโอบล้อมราชันอสูรไว้อย่างดุดัน
ราชันอสูรเคยบาดเจ็บเพราะธนูจันทร์โลหิตมาก่อน ถึงแม้จะจำไม่ได้แล้วแต่สัญชาตญาณยังคงไม่ชอบเจ้าสิ่งนี้ เพียงแต่นายหญิงชื่นชอบ เขาจึงต้องทำใจเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนาย
ในตอนที่พลังขุมนั้นกระแทกถูกหัวไหล่เขานั้น เขารู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นสะเทือน ความรู้สึกนั้น…คล้ายถูกใครผลักเบาๆ ไม่รู้สึกบาดเจ็บเลยสักนิด!
แต่ราชันอสูรก็รู้จักที่จะเพิ่มบทบาทให้ตนเอง!
เขา “ถูกกระแทก” จนกระเด็นไปอยู่บนกิ่งไม้ที่ห่างไปร้อยเมตร ซึ่งทำให้วั่งซูตื่นเต้นยิ่งนัก นางร้องว้าวๆๆๆ พลางกระโดดโลดเต้น!
ฮองเฮาสูดหายใจเข้าลึกๆ ข่มใจที่อยากซัดฝ่ามือใส่เจ้าบ้าสองคนนั่นให้ตายเอาไว้ นางแตะปลายเท้าเบาๆ ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้แล้วควักกริชออกมาเงียบๆ
ใช้เลือดเป็นตัวล่อ เรียกราชันอสูรกลับมา
ขอเพียงนางใช้เลือดจากขั้วหัวใจของนางแตะตรงหว่างคิ้วของราชันอสูรได้ ราชันอสูรก็จะกลับมารับใช้นางอีกครั้ง
วิธีการนี้ใช้ได้กับราชันอสูรที่เพิ่งทะลุขีดจำกัดมาช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนี้สิบวัน จิตของราชันอสูรจะแข็งแกร่งขึ้น วิธีการนี้จะใช้ไม่ค่อยได้ผลอีก นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงต้องมาพาราชันอสูรไปให้ได้ก่อนกลับเมือง
“ลั้ลลา~”
ห่างไปไม่ไกลมีเสียงอารมณ์ดีของวั่งซูดังมา
“โฮ่งๆๆ!”
ตามติดมาด้วยเสียงคำรามด้วยความดีใจของราชันอสูร
ฮองเฮาได้ยินแล้วปวดหู หลับตาตัดสิ่งรบกวนออกไป นางดึงกริชที่ส่องประกายแวววาวออกมาจากปลอกฝังอัญมณีของตน จากนั้นก็ดึงสาบเสือของตนลง กำด้ามกริชไว้แน่นแล้วจ่อตรงไปที่หน้าอกของตน
แรงที่ใช้ต้องกะให้พอเหมาะพอดี หากหนักเกินไปจะถึงแก่ชีวิต หากเบาเกินไปก็จะไม่พอ
“อ๊า”
เงาคนตัวน้อยกระเด็นลอยมากระแทกเข้าที่หน้าอกของนาง
ปลายกริชของนางเสียบเข้าหน้าอกนางดังสวบ
นางมองกริชที่ยังเสียบเข้าไปไม่มิดด้าม เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
วั่งซูก็รู้สึกตนกระแทกถูกใครบางคน นางตกใจยิ่งนัก ไม่ได้บอกว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่หรอกหรือ เหตุใดถึงมีพี่สาวใช้มาอยู่ตรงนี้ได้
พี่สาวคนนี้ดูคุ้นหน้าเหลือเกิน นางเคยพบที่ไหนมาก่อนหรือไม่นะ
ตายจริง แย่แล้ว! นางบาดเจ็บเสียแล้ว!
“ตายจริง เจ้าบาดเจ็บ!” วั่งซูเบิกตากว้าง “แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ท่านตาข้าเป็นหมอเทวดา ท่านแม่ข้าก็เป็นหมอเทวดา ข้าเองก็เป็นหมอเทวดาน้อยเหมือนกัน!”
ฮองเฮาเห็นธนูจันทร์โลหิตในมือวั่งซูก็คล้ายเห็นศัตรูจากชาติภพก่อน สายตาเปลี่ยนเป็นลนลาน “เอาออกไป…เอาออกไปเดี๋ยวนี้!”
วั่งซูได้ยินเป็นดึงออกไป ดึงออกไปเดี๋ยวนี้ นางตอบอ้อคำหนึ่ง มือจับกริชแล้วกระชากออกมาทันที!
เลือดกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุ…
ฮองเฮา “!”
ฮองเฮา “ข้าหมายถึงธนูนั่น! ไม่ใช่กริชนี่!”
“ไม่ใช่กริชหรือ ขอโทษทีๆ!”
วั่งซูรีบเสียบกริชกลับไปลงอย่างเก่า
ฮองเฮาที่ถูกกริชแทงสองทีติดๆ กัน สติก็แทบกระเจิง “เจ้าโง่หรือไร! ใครให้เจ้าเสียบกลับลงมา!”
“ไม่ให้เสียบกลับลงไปหรือ ขอโทษทีๆ!” วั่งซูรีบดึงกริชออกมาอีกครั้ง
เลือดกระฉูดยิ่งกว่าเดิม…
ฮองเฮาอยากเป็นบ้าเสียให้ได้
วั่งซูก็สติกระเจิงเช่นกัน นี่อยากจะให้เสียบเอาไว้หรืออยากให้ดึงออกมากันแน่ เหตุใดแค่ประโยคเดียวก็ยังพูดไม่ชัดเจนเช่นนี้ ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง สตรีนั้นแปรปวนเกินไปจริงๆ!
ดึงกริชออกนั้นเจ็บกว่าถูกแทงมากนัก ซ้ำยังถูกดึงออกสองครั้งติดกัน หากนับที่ถูกแทงกลับลงไปอีกก็ไม่ต่างอะไรกับถูกแทงสี่ห้าหกเจ็ดแปดครั้งแล้ว
ฮองเฮากระอักเลือดเพราะทำไม่สำเร็จ นางทั้งเจ็บทั้งโกรธทั้งหัวเสียทั้งเจ็บแค้น กำลังทั้งร่างกายถูกสูบหายไปหมด ไม่นานกระทั่งแรงจะนั่งก็ยังไม่มี
โชคดีที่ในตอนนั้น ราชันอสูรก็ทนรอให้วั่งซูกลับออกไปไม่ไหว ตามมาหาถึงที่ด้วยตนเอง
เวลานี้ฮองเฮาไม่ต้องเป็นห่วงว่าเลือดจะไม่พออีกแล้ว ในมือนางเต็มไปด้วยเลือด พอเพียงชั่วขณะที่ได้เข้าใกล้ราชันอสูร นางเอาเลือดที่ได้มา “โดยไม่ได้ตั้งใจ” นี้แตะตรงหว่างคิ้วเขาก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หากเป็นเช่นนั้น ตนก็ถือว่าไม่เสียแรงที่ถูกแทงให้หลายทีแล้ว
ความคิดนี้พอแวบเข้ามา นางก็เอามือจับหน้าอกพลางปั้นสีหน้าให้ดูใจดีขณะเอ่ยกับวั่งซูว่า “แม่นางน้อย ข้าเจ็บหนักเกินไป ช่วยอะไรข้าสักเรื่องได้หรือไม่”
“ได้สิ!” นางเป็นแม่นางน้อยที่มีน้ำใจเชียวนะ!
ฮองเฮาหลุบตาลงยิ้มโหด เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะกระทำเรื่องโง่เขลาอะไรสินะ
ตอนฮองเฮาเหลือบตาขึ้นมองอีกครั้ง ในดวงตาไม่มีแววประหลาดใดๆ
นางอดทนกับความเจ็บปวดหมดสิ้นเรี่ยวแรงไปทั้งตัวเอาไว้ ชี้ไปยังกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ห่างไปไม่ไกล “เห็นห้องทางนั้นหรือไม่ ข้าพักอยู่ที่นั่น รบกวนเจ้าช่วยส่งข้ากลับไปจะได้หรือไม่”
“ได้สิ!” วั่งซูตอบรับในทันทีพร้อมยื่นมือไปประคองนาง
ราชันอสูรกลับจับตัววั่งซูมาอุ้มไว้
ฮองเฮาลอบยินดี ไม่ให้เจ้าเด็กอ้วนนั่นช่วยประคองน่ะถูกแล้ว เจ้าต้องเป็นคนช่วยเอง
ราชันอสูรเข้ามาช่วยเองจริงๆ เพียงแต่เขาไม่ได้ใช้มือประคองนาง แต่กลับหักกิ่งไม้ที่มีแฉกมาเกี่ยวนางขึ้นไป!
ฮองเฮาถูกราชันอสูรใช้ไม้เกี่ยวเข้าไปในกระท่อมด้วยความรังเกียจ นางจึงโมโหจนเกือบเป็นลมไป
*********************************