“หึ!”

ต้วนหลิงเทียนพ่นลมสบถเสียงงเย็นออกมาคำหนึ่ง และหลังจากทำลายการโจมตีฝ่ากรงมิติบิดเบือนของหงจีได้แล้ว เขาก็เร่งเร้าพลัง ทำให้ห้วงมิติบิดเบือนทรงพลานุภาพมากกขึ้น!

พริบตาต่อมาร่างหงจีเสมือนถูกพายุคมมีดปั่นเฉือน ชิ้นเนื้อทั้งชุดคลุมหลุดหลุดร่อนก่อนจะถูกป่นสลายเป็นผุผง เลือดทะลักออกท่วมร่าง สีหน้าซีดลงปานกระดาษ จากนั้นคนก็กระเด็นละลิ่วร่วงฟ้าไปราวสุนัขตาย

เหตุผลที่ไฉนหงจีถึงกระเด็นร่วงฟ้าไปได้ แน่นอนว่าเป็นต้วนหลิงเทียนที่คลายกรงมิติบิดเบือน หาไม่แล้วอย่าว่าแต่ร่วงตกฟ้า กระทั่งคนอาจถูกปั่นเป็นเศษเนื้อสลายหายไปกลางอากาศ

ต่างจากหงจีที่ร่วงตกฟ้าไปด้วยสภาพับเยินปานผ้าขี้ริ้ว ต้วนหลิงเทียนยังลอยร่างค้างกลางหาวด้วยสภาพสมบูรณ์ แลดูไม่ได้เหน็ดเหนื่อยหรือสิ้นเปลืองพลังอะไรมากมาย

“หงจี เจ้าเป็นไรหรือไม่!?”

ถงฉี่ซานเร่งเหินร่างไปรับหงจีที่ร่วงตกฟ้า ทั้งตบโอสถเข้าปากอีกฝ่ายและเดินพลังย่อยโอสถให้อีกฝ่ายดูดซับได้ง่ายๆ เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวล

เนื่องจากมันร่วมมือกับหงจีและช่วยเหลือกันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานาน มันย่อมสนิทกับหงจีไม่น้อย เห็นอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้มันย่อมเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีความคิดลงมือล้างแค้นให้หงจีอยู่เลย เพราะหงจีแข็งแกร่งกว่ามันเสียอีก

ถึงแม้มันจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 5 ประการ แต่หากมันปะทะกับหงจี อย่างด็ทำได้แค่อาศัยความแข็งแกร่งในการป้องกันของกฏแห่งดินต้านทานหงจีถ่ายเดียว

ในแง่การโจมตี มันอ่อนด้อยกว่าหงจีหลายขุม

ความลึกซึ้งทั้ง 5 ประการของกฏแห่งทองที่หจีเข้าใจ ล้วนแล้วแต่หนุนเสริมพลังโจมตีได้ทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลึกซึ้งเฉือน ความลึกซึ้งผ่า และความลึกซึ้งทะลวงเจาะ ล้วนแล้วแต่เป็นความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลักของกฏแห่งทอง!

หากเป็นคู่ต่อสู้ทั่วไปที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 5 ประการเหมือนกัน หงจีก็เสมือนตกอยู่ในจุดไม่พ่ายแพ้ เพราะมันสามารถอาศัยการโจมตีแลกกับคู่ต่อสู้ได้!

น่าเสียดายคนที่มันพบเจอคือต้วนหลิงเทียน

ถึงเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนจะใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ 5 ประการ ก็คงไม่ยากอะไรที่จะเอาชนะหงจีได้ แค่ต้องใช้เวลาสักหน่อยเท่านั้น

แต่พอต้วนหลิงเทียนใช้ความลึกซึ้งประการที่ 6 อย่างผ่ามิติออกมา ก็เอาชนะหงจีได้อย่างง่ายดาย

หลังประจักษ์ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนแล้ว ถงฉี่ซานก็รู้ดีแก่ใจว่าหากมันคิดแข็งข้อต่อต้านต้วนหลิงเทียน ต่อให้มันจะทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการป้องงกัน ก็ไม่วายต้องแพ้พ่ายแน่นอน!

เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึง 6 ประการ!

กฏมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดท่ามกลางสวรรค์และโลก มันทรงพลังเหนือกว่ากฏทั่วไปมากนัก แม้ต้วนหลิงเทียนจะใช้ความลึกซึ้งแค่ 5 ประการ ต่อให้มันกับหงจีร่วมมือกัน ก็ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้แล้ว

หากต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะจัดการพวกมันทีละคน ต่อให้มันกับหงจีจะร่วมมือกันให้ตาย แต่โอกาสสิ้นท่าก็มีมากกว่า 9 ส่วน!

เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ สามารถวูบร่างไปมาได้อย่างไร้ร่องรอย คิดจะจัดการพวกมันทีละคนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

“อั๊ค…ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่แผลภายนอกเท่านั้น แต่เจ้านั่นมันร้ายกาจเกินไป ข้าไม่มีทางทำอะไรมันได้เลย…”

หงจีที่ถูกถงฉี่ซานประคองไว้กล่าวออกด้วยสีหน้าซีดเซียว อาการบาดเจ็บของมันกล่าวไปไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก หากแต่มันเสียโลหิตไปมากหน่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามในแววตาของมันตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“โชคดีที่พวกเราไม่ได้ชมชอบการฆ่าฟัน…หากวันนี้พวกเราคิดฆ่ามันก่อน มันคงฆ่าพวกเราทิ้งได้ง่ายๆ…”

“พลังบิดเบือนมิติเมื่อครู่ เป็นมันออมมือให้ข้าแล้ว…ไม่งั้นข้าได้ตายแน่!”

กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าหงจีที่ซีดอยู่แล้วก็ซีดลงแทบไร้สีเลือด แววตาฉายชัดถึงความหวาดผวาจับใจ

“พวกเราไปกันเถอะ”

หงจีหยิบป้ายหยกสะสมคะแนนออกมา หลังมองป้ายด้วยความไม่เต็มใจครู่หนึ่ง มันก็บดขยี้ป้ายทิ้งดัง แคร่ก อย่างไม่รอช้า

หลังจากป้ายหยกสะสมคะแนนถูกทำลาย พลังสีขาวก็ระเบิดออกมาปกคลุมไปทั่วร่างของหงจีทันที

หลังแสงพลังสีขาวปกคลุมร่างหงจีได้สักพัก มันก็เริ่มจางหายไปดั่งหมอกควันต้องลม ร่างหงจีเองก็หายไปเช่นกัน

แคร่ก!

หลังหงจีทำลายป้ายหยก ถงฉี่ซานก็หิบป้ายหยกของงตัวเองออกมาอย่างไม่รอช้า ก่อนจะบดขยี้ทิ้งเพื่อออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที

ไม่ว่าจะหงจีหรือถงฉี่ซาน ขณะจากไป ทั้งคู่ก็ได้จดจำชื่อหนึ่งไว้ขึ้นใจ…

ต้วนหลิงเทียน

จากป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ต้วนหลิงเทียนห้อยแขวนไว้ที่เอว พวกมันทั้งคู่จึงทราบชื่อของต้วนหลิงเทียน

หลังจากที่หงจีกับถงฉี่ซานบดขยี้ป้ายหยกจากไป ป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนก็ได้รับแต้มเพิ่มมา 5 แต้ม และรวมกับคะแนนสะสมที่เขามีอยู่ 1 ก็ทำให้เขามีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 6 แต้ม

ในป้ายหยกสะสมคะแนนของทุกคน ตอนได้รับมาล้วนมีคะแนนสะสมอยู่ 1 แต้ม

ในป้ายหยกกสะสมคะแนนของหงจีนั้นมีคะแนนสะสมอยู่ 3 แต้มบ่งบอกว่ามันได้จากคนอื่นมา 2 แต้ม ส่วนป้ายหยกสะสมคะแนนของถงฉี่ซานมีแค่ 2 แต้มเท่านั้น เห็นชัดว่ามันได้รับ 1 แต้มมาจากคนอื่นๆ

ตอนนี้เมื่อคะแนนสะสมของพวกมันกลายเป็นของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้คะแนนสะสมในป้ายหยกของต้วนหลิงเทียนเพิ่มขึ้นทันที

จาก 1 เป็น 6

‘หากข้าจำไม่ผิด…ในบรรดา 100 อันดับแรก คนที่ได้อันดับสุดท้ายเหมือนจะมีแค่ 4 แต้มสินะ…’

ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ดี ว่าก่อนที่จะเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ตอนเขามองม่านแสงอันเป็นตารางจัดอันดับที่นอกตำหนัก เขาก็พบว่าอันดับที่ 100 มีคะแนนสะสมอยู่แค่ 4 แต้มเท่านั้น

‘หากจำไม่ผิดอันดับที่ 89 ถึงอันดับที่ 92 มีอยู่ 6 แต้ม…ส่วนอันดับที่ 93 ก็มีคะแนนสะสมอยู่แค่ 5 แต้มเท่านั้น’

‘หากคะแนนสะสมของพวกมันยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง หมายความว่าตอนนี้ข้าสมควรอยู่ในอันดับที่ 93 แล้วสินะ’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พึงพอใจแค่อันดับที่ 93…

ดังนั้นหลังเก็บป้ายหยกสะสมคะแนนแล้ว เข้าจึงมุ่งหน้าไปต่อ และพริบตาร่างในชุดสีม่วงก็วูบไปปรากฏห่างออกไป 100 หมี่ทันที

ร่างวูบหายไปอีกครั้ง คนก็ไปโผล่ไกลกว่าจุดเดิม 100 หมี่ เรียกว่าพริบตาคนก็ตัดผ่านระยะ 200 หมี่ไปได้อย่างไร้ร่องรอย

จากนั้นไม่ทันไร ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปดั่งภูตผี ออกจากแนวป่าเขาทันที

ในเวลาเดียวกัน

1 ใน 3 เกาะหลักของคฤหาสน์เฉวียนโยว ลานด้านหน้าตำหนักเคลื่อนย้าย อยู่ๆก็คึกครื้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

และทั้งหมดเป็นเพราะอยู่ดีๆก็มีชื่อใหม่ปรากฏขึ้นบนม่านแสงตารางจัดอันดับกลางลานหน้าตำหนักเคลื่อนย้าย

แน่นอนว่าหากเป็นแค่ชื่อใหม่ คงไม่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากขนาดนี้

ที่ไฉนชื่อใหม่ดังกล่าวถึงสร้างความสนใจให้ผู้คนได้ เพราะด้านหลังชื่อดังกล่าวมีคำว่า คฤหาสน์เฉวียนโยวเขียนไว้!

สิ่งนี้บ่งบอกว่า…

ชื่อใหม่ที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นบนตารางจัดอันดับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เป็นคนคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมัน!

“ต้วนหลิงเทียน?”

“มันเป็นผู้ใดกัน คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรามีชื่อนี้ด้วยเหรอ?”

“ลองมีความสามารถติด 100 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ อย่างน้อยๆพลังฝีมือย่อมไม่ต่ำทราม เป็นไปไม่ได้ที่จักไร้ชื่อเสียงเรียงนามในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา…นอกจากนั้นในบรรดาศิษย์ฝ่ายในที่มีพลังฝีมือมากพอจะติดอยู่ใน 100 อันดับแรกได้ของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา ก็ล้วนเป็นคนที่พวกเราคุ้นเคยทั้งสิ้น”

“เฮ่ พวกเจ้ามีผู้ใดรู้จักคนผู้นี้บ้าง?”

อยู่ดีๆก็มีชื่อใหม่ปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับและเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ ย่อมทำให้คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวรู้สึกยินดีไม่น้อย

เพราะถึงจะไม่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรก และไม่ได้นำผลประโยชน์อะไรมาสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว แต่การติดอยู่ใน 100 อันดับแรกได้ ก็ไม่ต่างอะไรจากสัญลักษณ์บ่งบอกความแข็งแกร่ง

การจัดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่ดำรงสืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่มีไว้ให้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นดั่งเกียรติยศของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อีกด้วย

ศิษย์ของคฤหาสน์อมตะคนใดสร้างผลงานได้ดีและครองอันดับสูงๆ ก็พลอยทำให้คฤหาสน์อมตะนั้นๆได้รับการนับหน้าถือตา เรียกว่านำเกียรติมาสู่คฤหาสน์อมตะต้นสังกัด

ด้วยเหตุนี้พอมีชื่อใหม่และเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับ ก็ทำให้เหล่าศิษย์ที่จับตาดูความเคลื่อนไหวบนตารางจัดอันดับบังเกิดความสนใจไม่น้อย

แต่ทว่าสำหรับพวกมันนั้น…

นามต้วนหลิงเทียนช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย…

“ต้วนหลิงเทียน?”

อาวุโสที่ทำหน้าที่ประจำโต๊ะบริการโต๊ะหนึ่งของตำหนักเคลื่อนย้ายบน 1 ใน 3 เกาะหลัก พอได้ยินเสียงเสียงสนทนาถามไถ่ด้วยความสงสัยดังขึ้นจากด้านนอก มันก็ขมวดคิ้วทันที

ทันทีที่มันได้ยินชื่อนี้ มันก็รู้สึกคุ้นๆนัก

ครู่ต่อมาในใจมันคล้ายมีประกายแสงสว่างวาบ ลูกตายังทอแสงจ้าขึ้นมาโดนพลัน “ช้าก่อน…ต้วนหลิงเทียนนั่น มิใช่ชื่อศิษย์ฝ่ายนอกที่ผู้ตรวจการฉีพามาวันนี้หรือไร?”

มันย่อมจดจำได้ดีว่าวันนี้ผู้ตรวจการฉีพาศิษย์ฝ่ายนอกมาลงทะเบียนรับป้ายหยกสะสมคะแนน เพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางกับมันเป็นการส่วนตัวคนหนึ่ง

และชื่อบนป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกผู้นั้นก็เป็นชื่อเดียวกันกับ ชื่อใหม่บนตารางจัดอันดับตอนนี้

“ต้วนหลิงเทียน…คงไม่ใช่แค่บังเอิญชื่อเหมือนกันกระมัง?”

จังหวะนี้อาวุโสวัยกลางคนหลังโต๊ะบริการอดไม่ได้ที่จะงุนงง เพราะมันจำได้ว่าศิษย์ฝ่ายนอกนามต้วนหลิงเทียนที่ฉีเทียนหมิงพามา ไม่ใช่ว่ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปีหรือไร?

คงไม่ใช่ว่ามีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่บังเอิญมีชื่อต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน มาลงทะเบียนเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่โต๊ะอื่นตอนมันแอบงีบเมื่อครู่หรอกนะ?

“ลองตรวจดูอีกที…”

ในฐานะผู้อาวุโสที่โต๊ะบริการมันย่อมสามารถใช้แผ่นค่ายกลตรวจสอบข้อมูลส่วนกลางภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ทันที และมันก็เลือกตรวจเฉพาะชื่อของศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ลงทะเบียนนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้

หลังจากตรวจสอบดูไม่นานนัก อาวุโสประจำโต๊ะบริการวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เมื่อพบว่า…

ในบรรดาเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ลงทะเบียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้นั้น มีศิษย์นามต้วนหลิงเทียนแค่คนเดียวเท่านั้น! และเป็นคนๆเดียวกันกับที่ผู้ตรวจการฉีพามาส่งเป็นการส่วนตัว!!

“งั้นหมายความว่า…ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวเราที่พึ่งติด 100 อันดับแรกนั่น เป็นเจ้าหนุ่มที่ผู้ตรวจการฉีพึ่งพามาลงทะเบียนวันนี้งั้นหรือ?”

“แต่เจ้าหนูนั่น…ไม่ใช่ว่ายังเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณไม่ทันถึงชั่วยามเลยหรือไร ไฉนติด 100 อันดับแรกได้แล้วเล่า?”

อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวงุนงงไม่น้อย

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อาวุโสคนดังกล่าวก็เริ่มหันไปคุยับอาวุโสโต๊ะข้างๆ และไม่นานก็ทำให้ตำหนักเคลื่อนย้ายอื้ออึงไปด้วยเสียงสนทนาไม่อยากจะเชื่อทันที

“เฮ่ มีข่าวจากด้านในตำหนักล่ะ…เห็นว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้เป็นชายหนุ่มที่ผู้ตรวจการฉีพามา!”

“หือ! เป็นเจ้าหนุ่มที่ผู้ตรวจการฉีพามาคนนั้นหรือ? มันไม่ใช่พึ่งมาเมื่อชั่วยามก่อนหรือไร? แถมไม่ใช่ว่ามันอายุไม่ถึง 100 ปีหรอกเหรอ?”

“เหอะๆ อายุไม่ถึงร้อยเข้าไปด้านในไม่ถึงหนึ่งชั่วยามกลับสู้เอาชนะผู้อื่นในนั้นจนได้อันดับ 93…เรื่องพรรค์นี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน! ไม่ต้องกล่าวถึงในประวัติศาสตร์คฤหาสน์เฉวียนโยวเรา หรือแม้แต่กระทั่งประวัติศาสตร์ของทั้งแดนสวรรค์ใต้ ที่ไม่เคยมีขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปีปรากฏตัวมาก่อน! การที่มันจะได้รับแต้มเร็วขนาดนี้บ่งบอกให้รู้ว่ามันสมควรเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศไม่ผิดแน่ และความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจก็ไม่น้อย…แต่พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรอที่คนอายุไม่ถึงร้อยปีจะทำอะไรแบบนั้นได้?”

“ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ สิบในสิบต้องซื้อคนของคฤหาสน์อมตะอื่นเอาไว้ และให้อีกฝ่ายส่งมอบคะแนนให้เป็นแน่!”

“มันโกง!!”