นักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดทั้ง 2 ที่ตามไปฆ่าต้วนหลิงเทียนถึงอวี้หวงเทียนนั้น 1 ใน 2 ก็คือเหลิ่งเอี้ยที่เคยไปดักฆ่าต้วนหลิงเทียนหน้านิกายอมตะเป้าผู่

อย่างไรก็ตามวันนั้นต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์อมตะหลบหนีอย่าง ‘ยันต์เงาวายุ’ ที่ซุนเหลียงเผิงกัดฟันมอบให้ จึงทำให้หนีรอดไปได้ เป็นเหตุให้เหลิ่งเอี้ยรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย

หลังจากนั้นพอมันตามไปถึงอวี้หวงเทียน อารามมั่นใจว่าต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้วแน่ๆ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้ววนหลิงเทียนจะหนีรอดไปใต้จมูกของมันอีกรอบ!

ครั้งนี้เพื่อที่จะปิดงานให้จงได้ ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่เพียงส่งมันกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักคนเดิมที่ไปอวี้หวงเทียนกับมันมาเก็บต้วนหลิงเทียน แต่ยังส่งนักฆ่าไพ่ตายมาอีกคน!

นักฆ่าไพ่ตายที่ว่าก็คือ ซือถูอวี่ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักฆ่าขอบเขตราชาอมตะขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด!

ซือถูอวี่คนนี้ไม่เพียงเป็นนักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกด้วย คนวงในรู้กันว่ามันไม่เพียงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมได้ครบทุกประการแล้ว แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมประการหนึ่งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วด้วย!

“จางเจิ้นไห่…คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองครบทุกประการ ทั้งเข้าใจความลึกซึ้งแสงเงาของกฏแห่งทองถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยผู้นั้นน่ะหรือ?!”

เหลิ่งเอี้ย และนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักข้างๆถึงกับหันหน้ามามองตากัน ก่อนจะแลเห็นถึงสีหน้าแววตาตกใจของอีกฝ่าย

จางเจิ้นไห่มีชื่อเสียงไม่ใช่ชั่วเลย

ถึงแม้การตระหนักรู้ในกฏของจางเจิ้นไห่จะเท่าเทียมกับซือถูอวี่ที่เป็นผู้นำภารกิจสังหารในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามพลังฝีมือของจางเจิ้งไห่นั้นเหนือกว่าซือถูอวี่มาก!

เพราะซือถูอวี่เป็นคนธรรมดา ไร้พลังสายเลือดอะไร ไม่ใช่สัตว์อมตะที่มีความสามารถแต่กำเนิดเหมือน จางเจิ้งไห่ ที่เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาและมีความสามารถในการสร้างภาพลวงตา

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ

จางเจิ้นไห่เคยเอาชนะซือถูอวี่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมาแล้ว

“ข้ามากับท่านหัวหน้าเผ่า”

ได้ยินคำถามของซือถูอวี่ จางเจิ้นไห่ก็เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ

จางเจิ้งไห่กล่าวจบคำไม่ทันไร คล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ร่างมันล่าถอยไปสองก้าวใหญ่

พริบตาต่อมา ก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นเบื้องหน้ามันราวภูตผี ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายานั่นเอง

ฟุ่บ!

หลังจากจางตงหนานปรากฏกาย ข้างๆจางเจิ้งไห่ก็ปรากฏร่างอีก 1 ร่าง และอยู่ด้านหลังจางตงหนานอย่างเรียบๆร้อยๆ

“จางอวิ๋นถิง!?”

เห็นชายชราอีกคนที่วูบมาปรากฏด้านหลังจางตงหนานข้างๆจางเจิ้งไห่ ลูกตาของซือถูอวี่ก็หรี่แคบลงทันใด ยังอดอุทานออกมาไม่ได้

“จางอวิ๋นถิง?”

เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าอีกคนที่อยู่ด้านหลังซือถูอวี่ พอได้ยินคำอุทานดังกล่าว พวกมันก็หันไปมองชายชราผู้มาใหม่ทันที จากนั้นรูม่านตาก็หดแคบลงพร้อมเพรียง

นั่นเพราะจางอวิ๋นถิงผู้นี้ ก็มีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าจางเจิ้งไห่ และเป็นที่กล่าวขานถึงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอยู่บ่อยครั้ง!

ที่สำคัญที่สุดก็คือ

มันก็เป็นดั่งจางเจิ้งไห่ เป็นจิ้งจอกมายาเช่นกัน!

“เมื่อครู่…จางเจิ้งไห่ใช่บอกว่ามากับหัวหน้าเผ่าหรือไม่?”

“เช่นนั้น…ชายหนุ่มด้านหน้าพวกมันก็สมควรเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายามิใช่หรือไร!?”

เหลิงเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างตกใจ พอตระหนักได้ถึงเรื่องราวดังกล่าว สีหน้าท่าทีพวกมันก็เปลี่ยนเป็นหวั่นกลัวทันที

“นักฆ่ากะโหลกเลือด ซือถูอวี่ ขอคารวะหัวหน้าเผ่าตงหนาน”

และในขณะที่เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าอีกคนกำลังหวั่นหวาดกับตัวตนของจางตงหนาน ซือถูอวี่ที่อยู่ด้านหน้าพวกมัน ก็ชักท่าทีสุภาพมากเคารพ ประสานมือโค้งคารวะชายหนุ่มที่มีเส้นผมขนคิ้วสีขาวโพลนออกไปอย่างเรียบๆร้อยๆ

เพราะมันเคยพบเจอชายหนุ่มผมขาวผู้นี้มาแล้ว จึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็คือตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ และเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้!

“คารวะหัวหน้าเผ่าตงหนาน”

หลังงซือถูอวี่คารวะทักทาย เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักก็เร่งประสานมือโค้งคารวะออกไปอย่างพร้อมเพรียง ท่าทางยังแลดูนอบน้อมถ่อมตนราวผู้น้อย

เพราะต่อหน้าจางตงหนาน พวกมันกระทั่งจะเอ่ยนามออกไปยังไม่คู่ควร!

“ซือถูอวี่?”

จางตงหนานมองซือถูอวี่ด้วยสายตาประหลาดใจ “ข้าล่ะใคร่รู้ยิ่งนัก ว่าครานี้ผู้ใดเป็นเป้าหมายลอบสังหารของพวกเจ้ากันแน่…องค์กรกะโหลกเลือดถึงกับส่งเจ้านำกลุ่มมือสังหารมาด้วยตัวเองแบบนี้”

ซือถูอวี่นั้น เรียกว่าเป็นนักฆ่าระดับต้นๆขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเลยก็ว่าได้

มันยังรู้อีกด้วย ว่าอีกฝ่ายมีฉายา ‘มือพิฆาตราชาอมตะ’ บ่งบอกว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ มีราชาอมตะน้อยคนนักที่จะยืนหยัดประมือกับซือถูอวี่ได้ ตัวตนขอบเขตราชาอมตะที่พอจะรอดพ้นเงื้อมมือมัน ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะทั้งสิ้น!

อย่างน้อยๆตั้งแต่ออกปฏิบัติภารกิจสังหารมา ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ซือถูอวี่จะปฏิบัติภารกิจล้มเหลว

“หัวหน้าเผ้าตงหนาน เรื่องนี้มิใช่ความลับอันใด”

ซือถูอวี่กล่าวตอบออกไปว่า “เป้าหมายภารกิจสังหารของข้าครั้งนี้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยว”

“หืม? ต้วนหลิงเทียนรึ?”

จางตงหนานอดประหลาดใจไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียนข้าเองก็รู้จัก…แต่องค์กรกะโหลกเลือดถึงกับต้องส่งเจ้ามาฆ่ามันเชียวหรือ?”

การฆ่าคนที่พึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะคนหนึ่ง แต่ถึงกับต้องส่งซือถูอวี่ออกมาลงมือ…สำหรับจางตงหนานแล้วเสมือนองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดใช้มีดฆ่าโคฆ่าไก่โดยแท้

“เรื่องนี้ข้าเกรงว่าหัวหน้าเผ่าตงหนานอาจจะยังไม่ทราบ…ในอดีตองค์กรกะโหลกเลือดเราเคยส่งนักฆ่าไปจัดการต้วนหลิงเทียน 2 คน แต่พลาดท่าตายตกหมดสิ้น กระทั่งเหลิ่งเอี้ย 1 ใน 2 ที่อยู่ด้านหลังข้าตอนนี้ แม้จะพบเจอต้วนหลิงเทียนและสบโอกาสลงมือแล้ว กลับพลาดท่าเสียทีจนมันหลบหนีไปได้”

“ต่อมาเหลิ่งเอี้ยกับสหายอีกคนข้างๆ ก็ได้ติดตามต้วนหลิงเทียนไปถึงอวี้หวงเทียน อนิจจากลับหาตัวมันไม่พบ”

ฟังจากที่ซือถูอวี่พูด เห็นชัดว่ามันไม่รู้เรื่องที่เหลิ่งเอี้ยมัวแต่คุย จนต้วนหลิงเทียนมีโอกาสรอดพ้นเงื้อมมือเหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกคนแม้แต่น้อย

ไฉนเป็นเช่นนั้น เพราะเหลิ่งเอี้ยกับสหายนักฆ่ารวมหัวกันปกปิดเรื่องราว ไม่รายงานออกไป เพราะกังวลเรื่องเหลิ่งเอี้ยจะถูกองค์กรกะโหลกเลือดลงดาบ!

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากความประมาทของเหลิ่งเอี้ยล้วนๆ!

นักฆ่าบ้านไหนกันถึง เปิดเผยตัวไปยืนคุยกับเป้าหมายโต้งๆ? หากองค์กรล่วงรู้เรื่องนี้ ยังจะเลี้ยงมันไว้ให้ขายขี้หน้าอีกหรือ?

“โฮ่?”

จางตงหนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และติดใจกับคำว่า ‘อวี้หวงเทียน’ ที่ซือถูอวี่กล่าวถึงอยู่บ้าง “ว่าแต่ไฉนพวกมันต้องถ่อไปฆ่าต้วนหลิงเทียนถึงอวี้หวงเทียนด้วยเล่า? หรือต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมาจากอวี้หวงเทียน?”

“มิใช่”

ซือถูอวี่ส่ายหน้าไปมา “ต้วนหลิงเทียนเพียงไปเยือนอวี้หวงเทียนเท่านั้น…มิทราบท่านหัวหน้าเผ่าตงหนานเคยได้ยินเรื่องราวที่มีตัวตนอ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ได้ทำการหลอกลวงรุ่นนเยาว์อัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะ ไปเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ที่อวี้หวงเทียนมาบ้างหรือไม่?”

“เจ้าจะบอกว่า…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดงั้นรึ?”

จางตงหนานเลิกคิ้วขึ้น เรื่องนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อนมันก็เคยได้ยินมาแล้ว แต่คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลมากกว่า จึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

“ไม่”

ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียนนั่น มันก็ถูกตัวตนที่อ้างว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยถึงอวี้หวงเทียนเช่นกัน…หากแต่สุดท้ายมันกลับเป็นคนที่ได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ แทนที่จะเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดผู้นั้น ทำให้ด่านพลังของมันสามารถบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจกฏแห่งมิติได้ในเวลาสั้นๆ”

“หืม? ที่แท้มันใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์มางั้นรึ!?”

จางตงหนานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มิน่าล่ะ…ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าอาศัยเด็กน้อยมนุษย์คนหนึ่ง ไฉนถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ในเวลาไม่ถึงร้อยปี”

“ที่แท้มันได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาใช้นี่เอง!”

ทันใดนั้นเอง จางตงหนานก็ราวกับจะนึกอะไรได้ออก “ว่าแต่เท่าที่ข้ารู้มา ผลเทพสังเวยสวรรค์มีเพียงทำให้ผู้ใช้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 6-8 ประการมิใช่หรือไร แล้วไฉนมันถึงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ครบทั้งหมด ทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้เล่า?”

“เรื่องนี้ตัวข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน…ไม่แน่มันอาจจะมีความเข้าใจสูงด้วย”

ซือถูอวี่กล่าวตอบ

ตั้งแต่ต้นจนจบขณะพูดกับจางตงหนาน ซือถูอวี่ระวังน้ำเสียงและท่าทีอย่างมาก ไม่กล้าไม่สุภาพแม้แต่น้อย

“อืม”

จางตงหนานพยักหน้า ค่อยมองถามซือถูอวี่ต่อว่า “ว่าแต่เจ้าเห็น 2 คนนี้มาปรากฏตัวแถวนี้บ้างหรือไม่?”

จางตงหนานโบกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นท่ามกลางความว่างเปล่าก็ปรากฏ ร่างเสมือนจริงของคน 2 คน!

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ คงจดจำได้ในพริบตา ว่าร่างทั้ง 2 คนที่จางตงหนานสร้างขึ้นกลางอากาศ ก็คือคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ที่ถูกจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยฆ่าทิ้งไป

“2 คนนี้รึ ข้าเคยเห็น!”

พอเห็นร่างเสมือนจริงทั้ง 2 กลางอากาศ ซือถูอวี่ก็พยักหน้ารับเร็วไว “เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเห็นทั้งคู่ลอบติดตามสตรีชุดขาวนางหนึ่งมาถึงที่นี่…อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเป้าหมายของพวกเรา เช่นนั้นพวกเราจึงมิได้ให้ความสนใจ”

“ทั้งคู่เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาข้าเอง ร่องรอยสุดท้ายของทั้งคู่ก็คือการมาถึงพื้นที่ใกล้ๆคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนจะถูกผู้อื่นฆ่าตาย…ข้าสงสัยว่าคนที่ฆ่าทั้งคู่ อาจจะเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยว…”

จางตงหนานกล่าวถึงจุดนี้ สองตาก็ทอประกายเยียบเย็น บรรยากาศรอบกายคล้ายจะลดต่ำลงหลายองศาในชั่วพริบตา!

และพอจางตงหนานกล่าวออกมาแบบนี้ สีหน้าของซือถูอวี่ก็เปลี่ยนไปโดยพลัน เหลิ่งเอี้ยและนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกคน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปไม่ต่าง

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ถึงแม้พวกเราจะเห็นทั้งคู่…แต่พวกเรามิได้ข้องแวะกับทั้งคู่เลย”

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าขอสาบานต่อท่าน ว่าพวกเรามิได้แตะต้องคนของท่านแม้แต่ปลายก้อย”

เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ย่อมรับทราบว่าเหตุผลที่จางตงหนานเอ่ยถึงเรื่องนี้ออกมา เป็นเพราะสงสัยว่าการตายของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมัน

อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็เริ่มคลางแคลงสงสัยพวกมัน!

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ท่านเองก็สมควรทราบดี ว่านักฆ่าองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดอย่างพวกเรา เว้นแต่จะเป็นเป้าหมายในภารกิจ หรือถูกหาเรื่องก่อน…หาไม่แล้วพวกเรามิเคยฆ่าผู้ใดตามอำเภอใจ”

ไม่เหมือนกับอาการแตกตื่นของเหลิ่งเอี้ยกับอีกคน ซือถูอวี่ดึงสติกลับมาเร็วไว และกล่าวออกอย่างตรงไปตรงมา “ยิ่งไปกว่านั้นท่านสมควรทราบดี ว่าองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดของพวกเรามิเคยรับงานฆ่าคนของเผ่าท่าน”

“อืม…ข้าเองก็คิดเช่นนี้แต่แรก”

จางตงหนานพยักหน้า ขณะเดียวกันแววตาของมันก็หวนกลับมาเป็นปกติ “ว่าแต่…พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าสตรีชุดขาวที่คนของข้าติดตาม ไฉนจึงมาปรากฏตัวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้?”

เห็นได้ชัดวาจางตงหนานคิดหาข้อมูลสตรีชุดขาวีท่ต้องสงสัยว่าเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา

“เรื่องนี้ข้าน้อยก็มิอาจทราบได้”

ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา “อย่างไรก็ตามพวกเราสังเกตเห็นว่า ขณะตระเวนไปรอบๆคฤหาสน์เฉวียนโยว นางมักจะหยุดชะเง้อมองไปทางคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่เรื่อย…ราวกับนางเฝ้ารอผู้ใดอยู่”

“เฝ้ารอคนงั้นรึ?”

จางตงหนานหยีตากล่าว “หรือว่า…ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะมีคนรู้จักของนาง”

“อาจเป็นได้ เพราะหากไม่ได้รอพบผู้ใด ข้าก็นึกไม่ออกจริงๆว่าไฉนนางถึงหยุดชะเง้อเหม่อมองแบบนั้น”

ซือถูอวี่กล่าวต่อ

“เจ้าจดจำลักษณะและรูปร่างหน้าตาของนางได้หรือไม่?”

จางตงหนานถามข้อมูลสืบต่อ

“ขออภัยหัวหน้าเผ่าตงหนาน เพราะข้าน้อยมิได้ให้ความสนใจกับนางมากนัก จึงรู้แค่ว่านางสวมใส่ชุดสีขาว ใส่หมวกงอบห้อยผ้าโปร่งคลุมหน้าและก็มีผ้าปิดปาก ปกปิดหน้าตามิดชิด…นอกจากนั้นข้าก็ไม่ได้สนใจนางอีก”

ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน…”

ตอนนี้เองเหลิ่งเอี้ยที่อยู่ด้านหลังซือถูอวี่คล้ายฉุกคิดอะไรได้ออก ลูกตาของมันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง

“หืม?”

จางตงหนานหันไปมองเหลิ่งเอี้ยด้วยสายตาสงสัยทันที

“เรียนหัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าน้อยเคยอ่านรายงานความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนมาก่อน…และพบว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น สมควรมาจากพื้นที่ชายแดนรอบนอกของแดนสวรรค์ใต้ของพวกเรา”

เหลิ่งเอี้ยกล่าวต่อว่า “และในช่วงที่ต้วนหลิงเทียนอยู่นอกชายแดน ข้างกายของมันมักมีสตรีที่สวมหมวกงอบคลุมหน้ากับผ้าปิดปากเช่นนี้!”