“เจ้าแน่ใจรึ?”

แทบจะทันทีที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจบคำ จางตงหนานก็หันไปหยีตามองจี้ถามมันทันที

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าน้อยแน่ใจ”

เหลิ่งเอี้ยพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “หากหัวหน้าเผ่าตงหนานมิเชื่อ ท่านสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองได้…เพราะใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของชายแดนรอบนอก ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นนับว่าเป็น ‘คนดัง’ เช่นกัน”

“หลายคนล่วงรู้ว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมักมีสตรีที่มีรูปโฉมงดงามหาใดเปรียบติดตามอยู่เสมอ…และก่อนหน้าที่มันจะมีชื่อเสียง สตรีที่ติดตามอยู่ข้างกายมัน ก็มักจะปกปิดหน้าตาเอาไว้อย่างมิดชิด”

“เรื่องนี้หากข้าเดาไม่ผิด ที่สตรีนางนั้นปกปิดใบหน้ามิดชิด มิพ้นคิดขจัดปัญหาวุ่นวายที่จะเข้ามาในชีวิตเพราะรูปโฉมงดงามของนางเป็นแน่”

เหลิ่งเอี้ยกล่าวข้อมูลที่ล่วงรู้ออกมารวดเดียวจบ

“เอาล่ะ ข้าจะลองตรวจสอบเรื่องนี้ดู…นอกจากนั้น เจ้าจงติดตามข้ากลับเผ่าจิ้งจอกมายาเสีย หากสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้าไม่ให้เจ้าเสียเปรียบแน่!”

จางตงหนานมองจ้องเหลิ่งเอี้ยพลางกล่าว และพูดถึงตรงนี้สีหน้ากับน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที “แต่หากข้ารู้ภายหลังว่าเจ้าหลอกข้าล่ะก็…เช่นนั้นเจ้าอย่าได้หวังจะกลับออกจากเผ่าจิ้งจอกมายาข้าทั้งยังมีชิวิต!”

“หัวหน้าเผ่าตงหนาน เรื่องให้ติดตามท่านไป ตัวข้าไม่มีปัญหา…แต่ท่านต้องแจ้งทางองค์กรให้ข้าด้วย เพราะตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ”

เหลิ่งเอี้ยไม่ได้กระวนกระวายอะไร เพียงแจ้งขั้นตอนไปอย่างสงบ

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้จักกับรองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดของพวกเจ้าคนหนึ่ง เอาไว้ข้าค่อยบอกมันเอง!”

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ

หลังกล่าวจบคำ มันก็หันไปพยักหน้าให้ซือถูอวี่คราหนึ่ง จากนั้นก็พาชายชราทั้ง 2 ด้านหลัง รวมถึงเหลิ่งเอี้ยเหินร่างเดินทางกลับไปยังเผ่าจิ้งจอกมายาทันที

จางตงหนานพาตัวเหลิ่งเอี้ยไปดื้อๆแบบนี้ แต่ต้นจนจบซือถูอวี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

เพราะมันรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่อาจห้ามหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะได้อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องกล่าวถึงตัวจางตงหนานที่เป็นจอมราชันอมตะด้วยซ้ำ ลำพังแค่คนใดคนหนึ่งในบรรดา 2 ผู้ชราด้านหลังจางตงหนาน เว้นเสียแต่มันจะใช้วิธีลอบสังหาร ก็ไม่มีทางเอาชนะทั้งคู่ได้เลย

ความสามารถแต่กำเนิดของเผ่าจิ้งจอกมายารับมือยากเกินไป!

มันเคยประมือกับจางเจิ้งไห่มาแล้ว ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือกับการตระหนักรู้ในกฏจะถือว่าเท่าเทียมกัน ไม่เว้นอุปกรณ์อมตะที่ใช้ก็มีพลังพอๆกัน แต่มันกลับสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย…ชีวิตยังขึ้นอยู่กับความเมตตาของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

“เจ้ารายงานกลับไปให้รองผู้นำเฉินทราบเรื่องนี้เลยเถอะ”

ซือถูอวี่หันไปกล่าวคำกับนักฆ่าอีกคนที่เหลืออยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเร็วไว และรีบส่งรายงานกลับไปทันที

องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น มีชนชั้นรองผู้นำมากกว่า 1 คน

ซือถูอวี่ก็ไม่รู้ว่าจางตงหนานรู้จักกันกับรองผู้นำคนไหน เช่นนั้นมันก็ได้แต่ให้นักฆ่าด้านหลังส่งรายงานกลับองค์กร เพื่อแจ้งให้ เฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดที่ติดต่อออกภารกิจให้พวกมันรับทราบเรื่องราวโดยตรง

ตอนนี้ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน ก็ถูกเฉินหยวนซานยื่นมือเข้ามาแทรกแล้ว

ส่วนอีกด้าน

ขณะที่จางตงหนานกำลังพาทุกคนเดินทางกลับเผ่าจิ้งจอกมายา จางเจิ้งไห่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหัวหน้าเผ่า หากเรื่องราวเป็นดั่งที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจริง…สตรีนางนั้นมิพ้นต้องอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วเป็นแน่ กระทั่งอาจจะอยู่ด้วยกันกับต้วนหลิงเทียนนั่น”

“ใช่ท่านหัวหน้า ไม่เพียงเท่านั้น…ข้าเกรงว่าที่คนของพวกเราตกตายไป คงไม่อาจแยกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ออก”

จางอวิ๋นถิงที่อยู่ข้างๆพลันกล่าวเสริมออกมา

“ทั้งหมดที่พวกเจ้าพูดมาล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น พวกเจ้ามีหลักฐานอันใดรองรับหรือไม่? หรือพวกเจ้าคิดจะให้ข้าบุกเข้าไปสืบค้นหาคนในคฤหาสน์เฉวียนโยว?”

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ

ได้ยิ้นดังนั้น ทั้งคู่ก็เงียบไปพักหนึ่ง

“ถึงแม้ในแดนสวรรค์ใต้เราจักมีคฤหาสน์อมตะระดับ 6 มากมายที่อยู่ภายใต้อำนาจ 10 ตระกูลใหญ่…แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าคฤหาสน์อมตะหลังเดียวที่ทำให้ข้าหวั่นเกรงจนไม่กล้าดูเบา…ก็คือคฤหาสน์เฉวียนโยว”

กล่าวถึงจุดนี้จางตงหนานก็หยุดลงชั่ววคราว แววตาของมันยังเริ่มเลื่อนลอยคล้ายหวนรำลึกความหลัง “ท่านพ่อของข้าเคยบอกข้าว่า…ในคฤหาสน์เฉวียนโยว มีจอมราชันอมตะยอดฝีมือผู้หนึ่งเร้นกายอยู่ และในขอบเขตจอมราชันอมตะด้วยกันมันก็เป็นชนชั้นสุดยอดฝีมืออีกด้วย”

“เห็นว่าพลังฝีมือของมัน สามารถเทียบเทียมได้กับเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10!”

จางตงหนานกล่าวถึงจุดนี้ ไม่เพียงแต่จางเจิ้งไห่กับจางอวิ๋นถิงเท่านั้น กระทั่งเหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วมาด้วยก็ตกใจยกใหญ่!

ต้องทราบด้วยว่า ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10 นั้น ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นจอมราชันอมตะชนชั้นยอดฝีมือทั้งสิ้น เรียกว่าจอมราชันอมตะทั่วไปในด่านพลังเดียวกัน แทบจะสู้พวกมันไม่ได้เลย…

ทว่ามาตอนนี้จางตงหนานกลับบอกพวกมันว่า…

ในคฤหาสน์เฉวียนโยวกลับมีจอมราชันอมตะเช่นนั้นเร้นกายอยู่?

จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว?

“ยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้น ท่านพ่อบอกว่ามันดำรงตำแหน่งจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวมานานแสนนาน…ในแง่ลำดับอาวุโสแล้ว น่ากลัวจะเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาส์เฉวียนโยวด้วยซ้ำ!”

จางตงหนานกล่าวสืบต่อ

“จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?”

ลูกตาจางเจิ้งไห่หดหยีลง “ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าจำได้ว่า…ตอนที่ท่านถามถึงต้วนหลิงเทียนที่คฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนหน้านี้ มิใช่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวทำนองว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนปัจจุบันของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วหรือไร?”

“เช่นนั้นหมายความว่า…ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้นแล้วสิ?”

จางเจิ้งไห่กล่าวจบคำ แวววตาของมันก็ฉายความประหวั่นพรั่นใจทันที

“เจ้าพึ่งคิดได้หรือไร”

จางตงหนานส่ายหัวไปมา “เช่นนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกเราไม่มีหลักฐานอันใด ต่อให้พวกเรามีหลักฐานก็ไม่อาจไปหาความอะไรได้…เพราะให้กล่าวกันตรงๆ คฤหาสน์เฉวียนโยวหาได้เกรงกลัวเผ่าจิ้งจอกมายาของพวกเราไม่!”

“กระทั่งต่อให้ เผ่าจิ้งจอกมายา 3 สาขาย่อยร่วมมือกัน…ยังไม่อาจเป็นภัยคุกคามอันใดให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้”

จางตงหนานในฐานะหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ย่อมรู้ถึงขุมพลังแท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวดี ว่าเทียบได้กับขุมกำลังระดับ 5 ด้วยซ้ำ!

แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ในแดนสวรรค์ใต้ มีน้อยคนนักที่ล่วงรู้

“คฤหาสน์เฉวียนโยวกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ…เช่นนั้นไฉนคฤหาสน์ปี้ชิงถึงยังกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกมันอีกเล่า?”

จางอวิ๋นถิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในเรื่องนี้ เพราะมันก็ได้ยินข่าวเรื่องที่คฤหาสน์ปี้ชิงเขม่นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวมาไม่น้อย

“ทั้ง 2 คฤหาสน์มีเรื่องราวบาดหมางกันก็จริง และพบกันคราใดก็มักกระทบกระทั่ง ถึงขั้นฆ่าแกงกันอยู่ร่ำไป…แต่พวกเจ้าเคยเห็นขอบเขตราชาอมตะของพวกมันตีกันจนตายหรือไม่?”

จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ “เรื่องราวบาดหมางของพวกมัน เพียงกระทบกระทั่งกันในแวดวงเล็กๆเท่านั้น…เช่นนั้นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะของพวกมัน ยังจะลดตัวไปจัดการกุ้งฝอยพวกนี้อีกหรือ?”

พอได้ยินประโยคนี้ จางอวิ๋นถิงก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที

‘คฤหาสน์เฉวียนโยว…ที่แท้ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ? นอกจากนั้นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ว่า กลับมีพลังฝีมือทัดเทียมกับชนชั้นผู้นำ 10 ตระกูลใหญ่เหล่านั้น?’

‘และตอนนี้ เจ้าต้วนหลิงงเทียนนั่น มันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยขอคฤหาสน์เฉวียนโยวไปแล้ว?’

เหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วเดินทางมาด้วย ย่อมได้ยินบทสนทนาของทั้ง 3 ชัดเจน ทำให้มันรู้สึกเสมือนมีไอเย็นสายหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ!

มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ ว่าขุมพลังที่แท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะน่ากลัวขนาดนี้!

ยิ่งไม่คาดคิดว่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับอยู่ภายใต้การดูแลจากสุดยอดฝีมือระดับนั้นโดยตรง!

‘ไม่ได้การแล้ว! หากพวกเราฆ่าต้วนหลิงเทียนไป ต่อให้เป็นการลงมือนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ตามที…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนั่น ยังจะปล่อยผ่านไปอีกหรือ?’

คิดถึงจุดนี้เหลิ่งเอี้ยก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เหงื่อเย็นเม็ดเขื่องยังผุดซึมขึ้นกลางหน้าผาก

‘รีบแจ้งรองผู้นำเฉินให้ทราบดีกว่า!’

‘กล่าวไปแล้ว ระดับรองผู้นำเฉินก็สมควรล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว…และรู้ดีว่าตัวตนที่กำลังปกป้องต้วนหลิงเทียนอยู่ตอนนี้เป็นเช่นไร’

เหลิ่งเอี้ยคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้า เร่งรุดรายงานกลับไปยังองค์กรกะโหลกเลือดทันที และรายงานของมันก็ถูกส่งต่อไปถึงเฉินหยวนซานเร็วไว

“อะไร!?”

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…กลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว?”

“นอกจากนั้นฟังจากที่จางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากล่าว…บรรพบุรุษผู้เฒ่าคนนั้นของคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังรั้งอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจนถึงบัดนี้?”

หลังได้รับรายงานข้อความที่เหลิ่งเอี้ยส่งมา สีหน้าเฉินหยวนซานก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต้องให้ท่านผู้นำเป็นคนตัดสินใจ…”

“ว่าสุดท้าย…ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนนั่นจักไปต่อหรือพอแค่นี้!”

ในขณะที่เฉินหยวนซานหอบใจที่หนักอึ้งไปเข้าพบผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด มันก็ไม่ลืมส่งข้อความไปถึงซือถูอวี่ที่จับตาดูเรื่องราวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการด่วน ทำการระงับภารกิจสังหารเอาไว้ก่อน สั่งให้ทั้งคู่อย่าได้ลงมือเด็ดขาด แม้จะเห็นต้วนหลิงเทียนออกมาหรือสบโอกาสเหมาะอะไร

เรื่องนี้ ทำให้ซือถูอวี่กับนักฆ่าอีกคนสับสนไม่น้อย

ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว

วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

หลังจากที่กลับมาถึงวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต้วนหลิงเทียนที่นัดแนะกับฮ่วนเอ๋อก็เริ่มปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และด้วยมีผลไม้อมตะกับโอสถอมตะที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยส่งมาให้ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานับว่าสูงขึ้นกว่าตอนที่ไม่มีมาก

ในช่วงที่ฮ่วนเอ๋อตื่นขึ้นมาบ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนจะนอนหลับเพื่อใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด

ผลัดกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

หลังผ่านไปครึ่งเดือน ฮ่วนเอ๋อก็ดูดซับพลังของผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็งได้หมด ด่านพลังของนางจึงประสบผลสำเร็จในการทะลวงไปยังขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้อย่างราบรื่น

‘สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ไม่เพียงมีความเร็วในการบ่มเพาะสูงจนน่ากลัว แต่ความเร็วในการดูดซับพลังของผลไม้อมตะยังสูงไม่ใช่ชั่วอีกด้วย’

พอต้วนหลิงเทียนตื่นขึ้นมาพบเรื่องนี้ เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้จะคาดไว้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรใช้เวลาดูดซับเพื่อทะลวงด่านไม่นานก็ตามที

“ต้วนหลิงเทียน!”

และต้วนหลิงเทียนพึ่งจะตื่นจากการบ่มเพาะได้ไม่ทันไร ก็ได้รับข้อความติดต่อจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวว่า “ข้าได้รับแจ้งข่าวมาว่า…หลังหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากลับไปถึงเผ่า มันก็ได้ส่งคนของเผ่าจิ้งจอกมายาเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนรอบนอกของแดนสวรรค์ใต้เราทันที…”

“ไม่ทราบเรื่องนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับสตรีข้างกายเจ้าหรือไม่?”

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวถาม

‘พื้นที่ชายแดนรอบนอก?’

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงแทบปิด จากนั้นก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ‘ดูเหมือนหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาจะล่วงรู้อะไรบางอย่างแล้วสินะ…’

‘รึว่า…จากองค์กรกะโหลกเลือด?’

สำหรับเรื่องที่องค์กรกะโหลกเลือดสืบพบความเป็นมาของเขาในพื้นที่ชายแดนรอบนอกนั้น ต้วนหลิงเทียนรู้แต่แรกแล้ว จึงไม่ยากที่เขาจะเดาได้ ว่าไม่พ้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสมควรได้รับข้อมูลนี้จากนักฆ่ากะโหลกเลือดทั้ง 3 ที่เฝ้านอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นแน่!

‘ให้ตายเถอะ หากข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ มิสู้ให้ผู้อาวุโสฆ่านักฆ่าทั้ง 3 นั่นทิ้งไปแต่แรกก็ดี!’

แววตาต้วนหลิงเทียนยามนี้ฉายชัดถึงจิตสังหารอำมหิต ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน

“ท่านผู้นำคฤหาสน์…ข้ากับนางมาจากพื้นที่ชายแดน”

ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความตอบกลับ

“เจ้าต้องการให้ข้าส่งคนไปจัดการคนของเผ่าจิ้งงจอกที่กำลังไปพื้นที่ชายแดนหรือไม่? ในเมื่อหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกเลือกจะส่งคนไปที่นั่นตอนนี้ ไม่พ้นมันต้องระแคะระคายอะไรบางอย่างแล้วแน่นอน”

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียน ราวกับหากต้วนหลิงเทียนต้องการ ขอแค่พูดออกมาคำเดียวมันก็จะส่งคนไปเก็บคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทันที

“ไม่ต้องหรอก”

ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความบอกปัดไปยังผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว “ตอนนี้มันสายไปแล้ว ปล่อยให้มันตรวจสอบไปเถอะ…ถึงจะส่งใครไปฆ่าคนของมัน พวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะส่งคนไปเพิ่มไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”

ถึงแม้ว่าตอนนี้ผิวเผิน ต้วนหลิงเทียนจะยังแลดูใจเย็น

แต่อันที่จริงในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์

‘องค์กรกะโหลกเลือดไม่พ้นต้องพบเบาะแสอะไรบางอย่างของข้าที่พื้นที่ชายแดน…รวมถึงเรื่องที่ฮ่วนเอ๋อมักอยู่ข้างกายข้าไม่ว่าจะตอนเปิดเผยหรือปกปิดรูปโฉม’

‘และฮ่วนเอ๋อมาด้อมๆมองๆนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ นักฆ่าทั้ง 3 ขององค์กรกะโหลกเลือดจะมากจะน้อยก็ต้องสังเกตเห็นนางแน่นอน’

‘ขอเพียงจางตงหนานไปถามนักฆ่าทั้ง 3 นั่นดู สุดท้ายก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับฮ่วนเอ๋อได้อยู่วันยังค่ำ’

‘และตอนนี้ ไม่พ้นจางตงหนานต้องรู้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรอยู่กับข้าในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…’