ตอนที่ 3,449 : ศิษย์จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน
  ฟังจากน้ำเสียงแล้วผู้มาไม่มีเจตนาดีแน่นอน เขาจึงไม่อาจไม่ออกไป
  เพราะหากเขาไม่ออกไป ไม่พ้นมันต้องคอยกวนใจไม่เลิกราแน่!
  แอ๊ด…
  หลังต้วนหลิงเทียนผลักประตูและเดินออกไป เขาก็พบว่ามีสายตามากมายหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่เขา และหน้าบ้านพักเขาก็มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินขลิบทองแลดูหรูหราอู้ฟู่คนหนึ่งยืนอยู่
  ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างสูง แลดูกำยำแข็งแรง หน้าต่อหล่อเหลาเอาเรื่อง คิ้วคมเข้มปานพยัคฆ์ ลักษณะสง่างามน่าเกรงขาม มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนผ่านๆ เอ่ยยถามเสียงเบาว่า “เจ้าน่ะหรือ คือต้วนหลิงเทียน? ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง?”
  “มีอะไร?”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมยพลางถาม
  ท่าทีเป็นศัตรูของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง เพราะเขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย มันเป็นใครมาจากไหนเขาไม่ทราบ และมั่นใจว่าในอดีตเขาไม่เคยพบเจอมันมาก่อนแน่นอน
  “ข้าคือศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน ถงถู! และข้าก็ติดตามอาจารย์มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์”
  ชายหนุ่มร่างใหญ่มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงของมันยังคงเฉยเมยไร้แยแส “ข้ามาที่นี่เพื่อหาเจ้าโดยเฉพาะ…ด้วยอยากรู้นักว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งงจี้เมี่ยเทียน ตัวตนีท่ทำให้ท่านอาจารย์ของข้ายังรู้สึกด้อยกว่า ที่แท้รับศิษย์ที่แท้จริงอันใดมา…”
  ต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดเจน
  ถึงแม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะสงบ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของมัน
  “ข้าถงถู ปีนี้พึ่งมีอายุได้ 700 ปีเศษเท่านั้น ถือว่าไม่แก่กว่าเจ้ามากมายอะไร ดังนั้นหากข้าท้าประลองก็ไม่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบเจ้า”
  ถงถูกล่าวสืบค่อ
  จังหวะนี้ผู้คนที่มามุงชมเรื่องราวโดยรอบอดไม่ได้ที่จะซุบซิบขึ้นมาดังระงม “ข้าก็กำลังสงสัยอยู่เชียวว่ายังมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เป็นศิษย์คนที่ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนนี่เอง”
  “ข้ารู้จักศิษย์คนที่ 4 ของจักรพรรดิสววรรค์ซวนหยวนดี เมื่อหลายสิบปีก่อนมันก็มีพลังปริ่มๆจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว ตอนนี้ผ่านมาหลายปีจมันมีอายุ 700 ปีเศษ…สมควรบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามเรียบร้อย!”
  “ตัวตนเช่นนี้ถึงแม้จะยังไม่บรรลุถึงระดับจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ใต้จักรพรรดิอมตะสมญานามคงากจะหาผู้ใดต่อกรด้วยได้”
  “จะว่าไปแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนก็นับเป็นคนที่มีความสามารถน่าทึ่งยิ่ง…เรื่องของเรื่องก็คือยังเป็นเซียนกระบี่อันร้ายกาจด้วย ทำให้หลังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนรเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนมักเอาทั้งคู่มาเปรียบเทียบกัน และเห็นว่าทั้งคู่มีไปลอบประมือกันเรียบร้อย แลพลังฝีมือของทั้งคู่ก็ร้ายกาจพอๆกัน”
  “เฮ่อ…เรื่องนั้นเป็นอดีตไปแล้ว! ตั้งแต่ที่จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งงจี้เมี่ยเทียนกลับออกมาจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก พลังฝีมือก็เหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนไปแล้ว!”
  “บางทีศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนไม่แน่ใจเรื่องนี้ จึงคิดมาหาความจากศิษย์จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือไม่? หมายพิสูจน์ว่าอาจารย์ของตัวเองเก่งกว่า?”
  “เมื่อครู่มันบอกว่าไม่เอาเปรียบ? ลืมเรื่องที่มันอายุเท่าไหร่กับต้วนหลิงเทียนอายุเท่าไหร่ไปเลย แต่มันคารวะจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนเป็นอาจารย์ตั้งแต่ตอนไหน แล้วต้วนหลิงเทียนคารวะจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อใด?!”
  “เท่าที่ข้าทราบมา ถงถู ผู้นี้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนตั้งแต่เด็ก แต่ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะได้พบเจอจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเมื่อ 100 กว่าปีก่อนเท่านั้น”
  …
  ฟังจากเสียงกระซิบกระซาบของผู้คน พวกมันไม่คิดว่าข้อได้เปรียบจริงๆของถงถูอยู่ที่อายุ
  ล้อกันเล่นหรือไร?
  เจ้าถงถู ได้รับการสอนสั่งกับจักรพรรดิสวรค์ซวนหยวนเทียนมาแต่เด็ก
  แต่ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเมื่อ 100 กว่าปีก่อน!
  ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่เอาเปรียบต้วนหลิงเทียน?
  “ต้วนหลิงเทียน…คงไม่บ้าจี้รับคำท้ามันหรอกนะ?”
  ไม่นานนักผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจรอฟังคำตอบจากต้วนหลิงเทียนคนส่วนใหญ่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่คิดสั้นถึงขั้นรับคำท้าถงถูเพื่อหาเรื่องใส่ตัวแน่นอน
  การหาเรื่องใส่ตัวเป็นกิจของตัวโง่งมเท่านั้น
  ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะใช่ตัวโง่งม ไม่ต้องกล่าวถึงเหตุผลใดอื่น ตัดเรื่องที่เสียหน้าอะไรออกไป หรือต้วนหลิงเทียนจะกล้าทำให้อาจารย์ของตัวเองอย่างจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนอับอาย?
  “ต้วนหลิงเทียนเจ้าไม่กล้าหรือ?”
  หูของถงถูก็ไม่ใช่ว่าหนวกอะไร เสียงกระซิบกระซาบดังระงมของผู้คนโดยรอบมันได้ยินเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนี้มันจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้…เพราะไม่ใช่คนรอบๆกำลังหาข้ออ้างหนีการประลองให้ต้วนหลิงเทียนหรือไร?
  “ต้วนหลิงเทียนถึงแม้ข้าถงถูจะเติบโตในพพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนแต่เด็ก ทว่าตอนข้าได้กราบอาจารย์เป็นศิษย์และได้รับการสอนสั่งชี้แนะจริงจัง ก็ตอนอายุข้ามีได้ 300 ปีเท่านั้น…”
  ถงถูมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “หากเจ้าคิดว่ายังเป็นข้าเอาเปรีบเจ้าอยู่ เช่นนั้นการประลองระหว่างเราเจ้าจะใช้อะไรก็ใช้ไป แต่ข้าจะไม่ใช้อุปกรณ์อมตะ”
  ทันทีที่ถงถูกล่าวคำนี้ออกมา ผู้คนก็ฮือฮาทันที
  และไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไร เหล่าผู้ชมโดยรอบก็กล่าวกระซิบกระซาบกันว่า “เจ้านั่น…มันถึงกับต่อให้ไม่ใช้อุปกรณ์อมตะ?”
  “มันจะไม่หยิ่งเกินไปหน่อยเหรอ?”
  “นี่มันดูเบาต้วนหลิงงเทียนขนาดนี้เชียว?”
  …
  ไม่มีใครคิดเลยว่าถงถูจะกล้าพูดต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ว่าจะต่อให้ไม่ใช้อุปกรณ์อมตะในการประลองกับต้วนหลิงเทียน
  ฟังจากคำพูดของถงถู ผู้คนรอบๆก็ตระหนักเรื่องราวบางอย่างได้
  ถงถูผู้นี้ สิบในสิบสมควรบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว
  ด้านต้วนหลิงเทียน พอได้ฟังก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
  “เจ้าหัวเราะทำอะไร?”
  ใบหน้าถงถูจมลง “อันใด หรือคิดใช้การแสร้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความขี้ขลาดของเจ้า? ข้าถงถูต่อให้เจ้าถึงงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่กล้าสู้กับข้าอีกรึ?”
  “หึ!ข้าล่ะรู้สึกเสียหน้าแทนจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางอาจารย์เจ้าจริงๆ!”
  ถงถูกล่าวคำเสียงเย็น น้ำเสียงท่าทีรังเกียจดูเบา
  “เจ้าอยากประลองกับข้าให้ได้?”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองถงถูด้วยสายตาเฉยเมยพลางถาม
  “ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะ เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นหรือไม่เล่า?”
  ถงถูกล่าวเย้ย
  และแทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่ถงถูกล่าวจบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง พริบตาต่อมาร่างเขาก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าคงเหลือไว้แต่เสียงแหวกสาลมฉับไวดัง ‘ฟุ่บ’
  ผัวะ!!
  ก่อนที่ผู้ชมโดรอบจะทันได้ตอบสนอง ก็มีเสียงหนึ่งดังชัดถนัดถนี่ พอหันไปดูชมทุกคนก็พบว่าจุดที่ถงถูเคยยืนอยู่ก่อนหน้า ได้ถูกแทนที่ด้วยต้วนหลิงเทียนไปเรียบร้อยแล้ว และดูจากเท้าขวาที่ยกขึ้นค้างไว้ ไม่พ้นถงถูพึ่งถูกเตะจนปลิวไปแน่!
  “อ๊อคคค!!”
  ถงถูที่ถูกเตะจนปลิวไปลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร คนหมุนคว้างกลางหาวหัวปักดินก่อนจะไถเป็นทางสร้างทางระบายน้ำยาว 100 กว่าหมี่ค่อยหยุดร่างลงได้! จากนั้นก็กระอักโลหิตออกคำใหญ่ มันบาดเจ็บภายในไม่ใช่น้อย เส้นผมบนหัวยังหายไปหย่อมหนึ่ง…
  และบัดนี้สีหน้ามันอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็งกล่าวคำด้วยน้ำเสียงดุร้าย “ต่ำช้า น่ารังเกียจนัก! ศิษย์ที่แท้จริงของงจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ดีแต่ลอบโจมตีผู้อื่นตอนที่ผู้อื่นไม่ทันตั้งตัวหรือ?”
  ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้พูดอะไร ถงถูก็โพล่งคำออกมาอีกครั้ง “เจ้ารอให้ศึกอัจฉริยะสวรรค์เริ่มก่อนเถอะ! ถึงตอนนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!!”
  พอกล่าวจบคำ ถงถู ก็หันร่างกลับแล้วพุ่งหายไปเลย…
  เรียกว่ามาไวไปเร็วนัก ผู้ชมโดยรอบยังอดอึ้งไปไม่ได้ “เจ้านั่น…หนังหน้ามันจะหนาไปไหน?”
  ตอนนี้ขอเพียงไม่ใช่ตัวโง่งม ย่อมเห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้อยไปกว่าถงถูแม้แต่น้อย และอย่างน้อยๆก็เทียบได้กับถงถู!
  หาไม่แล้วมีหรือถงถูจะถูกซัดจนบาดเจ็บโดยไม่ทันตั้งตัว?
  เห็นได้ชัดว่าถงถูก็รู้จุดนี้เอง ถึงรีบแจ้นหายไป
  กระทั่งตอนที่ถงถูยังมีสภาพสมบูรณ์พร้อมก็ยากจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ นับประสาอะไรกับถงถูตอนที่บาดเจ็บหนักเพราะประมาทจนโดนต้วนหลิงเทียนเตะโด่งไปก่อน?
  “เฮ่ หากเมื่อครู่เจ้าเป็นถงถู เจ้าจะรับลูกเตะต้วนหลิงเทียนได้รึเปล่า?”
  ท่ามกลางฝูงชนอัจฉระรุ่นว์คนหนึ่งหันไปมองสหายยข้างๆพลางถาม
  หลายคนที่ได้ยินคำถามของมัน ก็ครุ่นคิดสักพัก ค่อยส่ายหน้าไปมา
  “ตอนนี้แทบจะเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว…ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน…เป็นจักรพรดริอมตะสมญานามไม่ผิดเพี้ยน!”
  “จักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีอายุได้ 600 ปีอีกคนหรือ?”
  “น่าเสียดาย พวกเราหลงคิดว่าอีกฝ่ายมีโชคได้อาจารย์ประเสริฐทั้งๆที่เป็นคนธรรมดา…มาตอนนี้ข้ารู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด โดนความจริงตบหน้าอย่างจังมันเป็นเช่นนี้นี่เอง…”
  “ข้าก็ว่าแล้วเชียว จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ยอดฝีมือที่มาก้นไปด้วยพรสวรรค์แสติปัญญาเช่นนั้น ปกติแล้วมีอัจฉริยะไร้คู่เปรียบกี่คนที่อยากกราบกรานคารวะให้เป็นอาจารย์ แต่กลับไม่รับใครสักคน ไหนเลยจะไปรับคนที่เพียงมีโชคมาได้เล่า?”
  “เฮ่ ข้าจำได้วว่วาเจ้าไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ยังก่นด่าว่าฟ้าไม่ยุติธรรมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
  “อะแฮ่มๆ…สหาย เจ้าอย่ารื้อเวทีข้าได้เปล่า?”
  …
  หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับเข้าบ้านพักไปแล้ว เหล่าอัจฉริยะด้านนอกก็เริ่มนำข่าวเรื่องราวที่พึ่งรู้ไปบอกต่อสหาย
  ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม!
  เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีอายุได้ 600 ปีเศษดุจเดียวกับซูหลี่
  ถึงแม้ข่าวนี้จะเริ่มแพร่ไปในละแวกเล็กๆ แต่ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย
  ถงถู ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนไม่ได้กลับไปที่พักของมันแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะไปยังที่พักของศิษย์พี่ 3 ของมันแทน ศิษย์พี่มันก็คือ 1 ในอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เดินทางมาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะครั้งนี้
  อวี๋ตงฟาง
  อวี๋ตงฟางอายุมากกว่า 900 ปี หลังเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกเมื่อหลายปีก่อน ก็สามารถสร้างผลงานจนถูกยอมรับว่าเป็นเทพสงคราม 3 ดารามือดีคนหนึ่ง
  หลายคนยังสงสัยว่าในปัจจุบันอวี๋ตงฟางน่าจะประสบความก้าวหน้าบางอย่างและกลาเป็นเทพสงคราม 4 ดาราไปแล้ว
  “ศิษย์พี่ ข้าไปหาต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงของงจักรพรรดิสวรรค์จี่เมี่ยเทียนมา”
  อยู่ต่อหน้าอวี๋ตงฟางง ถงถูก็แลดูเสมือนเด็กน้อยว่าง่าย ช่างเรียบๆร้อยๆนัก
  “เจ้าถูกมันซัดจนเจ็บหนักขนาดนี้เชียว?”
  อวี๋ตงฟางมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม มาในชุดคลุมสีเทาตัดดำ รูปร่างปานกลาง เตี้ยกว่าถงถูครึ่งศีรษะ คนยืนอยู่ตรงั้น ก็เสมือนต้นกำเนิดไอเย็น ให้ความรู้สึกไม่ธรรมดาผิดกับถงถูลิบลับ
  หน้าตาของมันค่อนข้างธรรมดาสามัญ ไม่หล่อเหลาแต่ไม่น่าเกลียด ทว่าสองตากลับสดใสเปล่งประกายลี้ลับพิกล ชวนให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกหลงใหลอยู่บ้าง
  “ศิษย์พี่ เป็นมันลอบทำร้ายข้าหรอก!”
  ถงถูดพล่งออกมาอย่างไม่ยินยอม
  “ลอบทำร้าย? ในเมื่อมันลอบทำร้ายเจ้าจนเจ็บได้ ก็บอกให้รู้ว่าฝีมือมันไม่ธรรมดา”
  อวี๋ตงฟางเหลือบมองถงถูด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามว่า “ข้าถามเจ้าสักคำ…หากพลังฝีมือของมันไม่ได้บรรลุถึงจักรพรรดิอมตะสมญานาม ต่อให้มันลอบทำร้ายเจ้า มันจะทำอะไรเจ้าได้หรือไม่?”
  “ย่อมไม่ได้”
  ถงถูคลี่ยิ้มชื่นขม มันรู้เรื่องนี้ดี ถึงทำให้ใจมันโอดครวญด้วยความไม่ยินยอมอยู่แบบนี้
  คราวนี้มันได้รับบาดเจ็บหนักเพราถูกลอบทำร้าย
  อย่างไรก็ตามหากพลังฝีมือของคู่ต่อสู้เหนือกว่ามันมาก มันย่อมไม่ติดใจเอาความอะไร
  แต่หากพลังฝีมือของศัตรูแค่พอๆกับมัน หรืออาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายอาศัยการลอบทำร้ายซัดมันจนเจ็บแบบนี้ มันย่อมไม่พอใจ ยังรู้สึกอับอายขายหน้านัก!
  “อายุได้ 600 ปีเศษแต่พลังฝีมือพอๆกับเจ้า…ยิ่งไปกว่านั้นเห็นว่ามันพึ่งพบเจอกับฟงชิงหยางและได้รับการชี้แนะอะไร ก็เมื่อ 100 ปีก่อนเท่านั้น…”
  อวี๋ตงฟางเอ่ยยถึงจุดนี้ก็ส่ายหัวไปมา “น่าเสียดายที่มันยังเด็กเกินไป”
  “หาไม่แล้ว มันก็อาจมีคุณสมบัติพอเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าอวี๋ตางฟางได้อยู่”