ตอนที่ 3,456 : ขอบเขตเทพอีกคน!
“เห็นว่าจักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน แล้วก็จักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียน ล้วนมาจากระนาบโลกียะเดียวกัน…ทั้ง 3 เป็นสหายกันมานานก่อนที่จะขึ้นมายังระนาบเทวโลกพร้อมๆกัน”
“ให้ตายเถอะ หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า ไม่ใช่ระนาบโลกียะของทั้ง 3 จะร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ?”
“จะไม่ร้ายกาจได้อย่างไรเล่า เพราะระนาบโลกียะของทั้ง 3 ถือเป็นมหาระนาบโลกียะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนาน! เพาะสร้างยอดฝีมือที่โด่งดังไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลมาแล้วหลายต่อหลายคน…และหากข้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะเรียกว่าระนาบเหยียนหวง”
“ระนาบเหยียนหวงรึ? ดูเหมือนหากมีเวลาว่างต้องลองไปเที่ยวดูหน่อยแล้ว”
“ไปเที่ยวย่อมไม่มีปัญหา…แต่อย่าได้ไปก่อเรื่องอันใดเชียว! หากกล้าลงมือฆ่าคนเยี่ยงจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน เจ้าได้ตายไร้ที่ฝังแน่!”
…
ถึงแม้บทสนทนาของผู้คนโดยรอบจะไม่ได้ดังอะไรมากมายแถมเสียงพูดก็ผสมปนเปไปหมด แต่ด้วยโสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียน เขาย่อมได้ยินเรื่องที่สนใจชัดเจน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงยืนยันได้ทันที
จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน สมควรเป็นพระยูไลในตำนานที่เขารู้จัก…ถึงแม้ภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายจะแตกต่างจากตำนานโบราณบนโลกเก่าเมื่อชาติที่แล้วของเขาก็ตามที
และหลังจากนั้นไม่นานนัก จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนก็เดินทางมาถึง
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน จักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียน และจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนสมควรมาด้วยกัน มั้นคงไม่ทยอยกันมาปรากฏตัวติดๆกันแบบนี้
และท่ามกลางงสายตาผู้คนมากมาย ทั้ง 3 ก็เหินร่างไปพักบนเกาะลอยเดียวกัน
“กงซุนซวนหยวน…”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็จับจ้องไปยังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน อีกฝ่ายเป็นดั่งคู่แข่งของอาจารย์เขา และยังเป็นตัวตนที่อยู่ในตำนานเก่าแก่บนโลกบ้านเกิดเขาอีกด้วย และเขาเองก็อยากพบเจออีกฝ่ายมานานแล้ว
ในที่สุดก็ได้พบเจออีกฝ่ายเสียที!
หลังการมาถึงของจักรพรรดิหยกและสหายทั้ง 3 ไม่นานนักจักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆก็ทยอยกันมาถึง
อย่างไรก็ตามด้วยการมาของจักรพรรดิสวรรค์ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์บางคน ทำให้การมาถึงของจักรพรรดิสวรรค์ทั่วไป มันไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของผู้คนสักเท่าไหร่…จนเมื่อมีจักรพรรดิสวรรค์ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกอีกคนมาถึง ผู้คนก็เริ่มฮือฮากันอีกครั้ง
“คนผู้นั้น…สมควรเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียน อันดับ 6 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ ตี้หวง!”
“จักรพรรดิสวรรค์ตี้หวงผู้นี้เป็นคนของเผ่ากิเลน ยังเป็นสัตว์เทพของเผ่ากิเลน กิเลนโกลาหล! เห็นว่าถือกำเนิดมาพร้อมกับเพลิงเทพโกลาหล 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุ!”
“คนที่ติดตามอยยู่ด้านหลังจักรพรรดิสวรรค์ตี้หวง ข้าเคยพบเห็นอีกฝ่ายตอนติดตามอาจารย์ไปทำธุระที่เผ่ากิเลนครั้งหนึ่ง ผู้นำเผ่ากิเลน ตี้หง!”
…
ผู้ที่พึ่งปรากฏตัวและสร้างเสียงฮือฮาดึงความสนใจของผู้คน ก็คือจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียน และยังเป็นถึงงสัตว์เทพของเผ่ากิเลน กิเลนโกลาหล ตี้หวง!
จักรพรรดิสวรรค์ตี้หวงคนนี้ รั้งอยู่ในอันดับ 6 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ที่ทุกคนรู้กันดีว่าถือครองเทพเบญจธาตุเอาไว้
เทพเบญจธาตุ ปกติแล้วแม้แต่ตัวตนขอบเขตเทพของระนาบเทพก็ยังต้องหวั่นไหว ไม่ต้องกล่าวถึงคนของระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ! อย่างไรก็ตามในระนาบเทวโลกทั้งมวล แม้จะมีผู้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ตี้หวงไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าแย่งชิงเพลิงเทพโกลาหล 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุในร่างตี้หวง
เนื่องเพราะเผ่ากิเลนมีตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุด!
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตี้หวง ผู้แข็งแกร่งที่สุดย่อมลงมาแทรกแซงเป็นแน่
ว่ากันว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ทิ้งตราประทับอะไรบางอย่างไว้บบนร่างของตี้หวง ไม่ว่าผู้ใดสังหารตี้หวงก็จะถูกล่วงรู้ได้ทันที และไม่มีวันหนีพ้นแน่!
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ตี้หวงจะครอบครองเพลิงเทพโกลาหล 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุเอาไว้ และมีคนรู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าปล้นชิง เพราะไม่มีใครไม่กลัวผู้แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่เบื้องหลังตี้หวง!
ผู้แข็งแกร่งที่สุด เป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือขอบเขตเทพไปแล้ว
เพียงปลายนิ้วก็บดขยี้เทพที่แข็งแกร่งที่สุดให้แหลกเป็นผงได้ง่ายๆ นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ในระนาบเทวโลก
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่แข็งแกร่งแค่ไหน ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดารา ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่สุดก็เปราะบางยิ่งกว่าหมอกควัน เพียงแค่ลมหายใจก็เป่าให้ตกตายได้ง่ายๆ…ช่องว่างของพลังมันกว้างใหญ่เกินไป
‘กิเลนโกลาหล…ถือกำเนิดมาพร้อมกับเพลิงเทพโกลาหล 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุ…’
ตอนนี้เองสายตาต้วนหลิงเทียนก็มองสำรวจจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียน ตี้หวง ด้วยความระแวง โชคดีที่เขาปิดกั้นโลกใบเล็กภายในกายไว้สมบูรณ์ ปกปิดกลิ่นอายของเทพเบญจธาตุไม่ให้เล็ดลอดออกมา
หาไม่แล้วไม่พ้นต้องถูกจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียน ตี้หวง ผู้นั้นพบเจอแน่!
ด้วยมีอาจารย์อยู่ถึงตี้หวงอยยากลงมือแย่งชิงเพลิงเทพโกลาหลของเขาก็ควงทำไม่ได้…แต่มันทำไม่ได้แล้วคนอื่นเล่า? ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดมันติดต่อผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ากิเลนเพื่อแย่งชิงเทพเบญจธาตุในร่างเขาขึ้นมา จะให้เขาทำอย่างไร?
หากผู้แข็งแกร่งที่สุดลงมือ ต่อให้อาจารย์เขาจะร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่มีทางต่อกรกับอีกฝ่ายได้เลย
ยังดีที่ไม่มีใครทราบความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วถ้าใครล่วงรู้คงต้องหัวเราะเยาะเขาครั้งใหญ่แน่! นั่นเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้นเต็มที่ก็ปกป้องมรดกและลูกหลานที่ตัวเองให้ความสำคัญเท่านั้น ไม่มีทางยุ่งเกี่ยวเรื่องหยุมหยิมอื่นใดอีก
ขอเพียงเผ่ากิเลนไม่ถึงกาลสิ้นสูญ และลูกหลานที่ตีตราไว้ไม่ถูกฆ่าตาย เช่นนั้นต่อให้จะฆ่าเผ่ากิเลนไปมากแค่ไหน ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สนใจทั้งสิ้น
ก็อ่างเช่นหาก ตี้หวง สัตว์เทพแห่งเผ่ากิเลนที่ได้รับความสนใจตกตายลง ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งที่สุดต้องลงมือแน่!
กลับกัน หากเป็นผู้อาวุโสหรือผู้นำเผ่ากิเลนที่ตกตายไป ผู้แข็งแกร่งที่สุดย่อมไม่สนใจ
แต่เป็นธรรมดาว่าหากคนของเผ่ากิเลนถูกคุกคาม จะอย่างไรตี้หวงที่เป็นคนของเผ่ากิเลนก็ต้องมาช่วยเหลือแน่นอน…ถึงตอนนั้นเมื่อมีตี้หวง จักรพรรดิสวรรค์ของว่านโช่วเทียนลงมือ ก็คงไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไรอีก เพราะหากพลั้งมือทำตี้หวงตาย ก็ฉิบหายกันหมดพอดี…
อย่างไรก็ตามถึงแม้ผู้แข็งแกร่งที่สุดจะให้ความสำคัญกับชีวิตของตี้หวง แต่ก็ไม่คิดก้าวก่าการเติบโตของตี้หวง และไม่มีทางช่วยตี้หวงช่วงชิงเทพเบญจธาตุของคนอื่นแน่
เพราะผู้แข็งแกร่งที่สุดย่อมรังเกียจเรื่องงเช่นนี้ ไม่มีทางลดตัวมาทำอะไรต่ำช้าแน่นอน!
ระดับของผู้แข็งแกร่งสูงเกินไป
ถึงแม้จะมีบ้างที่เห็นแก่ตัว แต่ก็ยังมีขีดจำกัดล่าง
หังการมาถึงของตี้หวงจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียน ก็เหลือจักรพรรดิสวรรค์ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ไม่กี่คนแล้ว
และเป็นธรรมดาว่า จักรพรรดิสวรรค์ที่ติด 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นผู้ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากที่สุด เพราะนั่นคือผู้ที่ได้อันดับ 1 และ 2 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์! เป็น 2 คนที่มีอันดับสูงกว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ หากจักรพรรดิสวรรค์อันดับ 2 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ ไม่เผยพลังเทพออกมา…จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็จะเข้าไปแทนที่อันดับของมันทันที!”
“ใช่ ไม่ว่าจะอย่างไร ในอดีตอันดับ 2 กับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็ล้วนถูกผู้คนคาดเดาไปเท่านั้นว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว…และวันนี้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็ลงมือเผยพลังเทพออกมาให้ประจักษ์ หากอันดับ 2 ไม่เผยพลังเทพบ้าง ไหนเลยจะไม่โดนจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแทนที่อันดับได้?”
“เจ้าผิดแล้ว…วันนี้ต่อให้อันดับ 2 นั่นเผยพลังเทพออกมา พิสูจน์ว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆ แต่ในเมื่อมันเผยพลังหลังจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง สุดท้ายมันก็ต้องร่วงตกไปอยู่ที่อันดับ 3 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์อยู่ดี! หากคิดจะกลับมาอยู่ในอันดับที่ 2 ก็มีแต่ต้องประลองเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางให้ได้เท่านั้น”
…
จากนั้นสักพัก ด้วยการมาถึงของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน และจักรพรรดิสวรรค์ต้ากวงเทียน อันดับที่ 1 และ 2 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ บรรยากาศ ณ สถานที่จัดงานประลองศึกอัจฉริยะก็พุ่งขึ้นถึงงจุดสูงสุด! เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่ปานตลาดสด!!
จักรพรรดิสวรรค์ต้ากวงเทียนมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแลดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว พอมาถึงสองตาก็มองจ้องไปยังจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่วางตา พักหนึ่งงก็เอ่ยถามว่า “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางดูเหมือนตามกฏการจัดอันดับในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ ตอนนี้อันดับที่ 2 ของข้าสมควรถูกท่านเอาไปแล้ว…”
“จักรพรรดิสวรรค์ข่ง…หากท่านต้องการอันดับ 2 คืน ท่านก็สามารถมารับได้ทุกเมื่อ”
ฟงชิงหยางคลี่ยิ้มเฉยเมย
สำหรับคนอื่นๆนั้น พอได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่แต่ละคนก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาทันที ลอบกล่าวในใจอย่างคึกคักว่า ‘ตีกัน ตีกัน’
เพราะเกริ่นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีโอกาสที่ 2 จักรพรรดิสวรรค์จะตีกันวัดความสูงต่ำของพลังฝีมือหรือไร?
“ฮ่าๆๆ…ข้าหาได้สนใจอันดับไม่”
จักรพรรดิสวรรค์ต้ากวงเทียน ข่งจี๋ หัวเราะกล่าวด้วยใบหน้าไร้แยแส
หลังกล่าวจบคำ ข่งจี๋ก็มองลึกไปทางฟงชิงหยาง “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง วันนี้ท่านเลือกจะเปิดเผยพลังฝึกปรือออกมา…เกรงว่าวิหารเฟิงฮ่าวคงไม่ปล่อยให้ท่านนั่งตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนต่อนานกระมัง?”
พอกล่าวจบ ข่งจี๋ก็หันไปมองเหล่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาต่างๆทันที ใบหน้ายังคลี่ยิ้มเย้ยบางๆ ปานจะล้อเลียนคนของวิหารเฟิงฮ่าว
ได้ยินคำพูดของข่งจี๋ ฟงชิงหยางงก็ไม่ได้ใส่ใจ กล่าวออกเสียงเฉยว่า “เช่นนั้นข้าก็จะตั้งหน้าตั้งตารอยอดฝีมือของวิหารเฟิงฮ่าวที่จะมาฉุดลากข้าลงจากตำแหน่ง”
วิหารเฟิงฮ่าวนั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพนั่งดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์!
อย่างไรก็ตาม การจะให้ผู้อื่นลงจากตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ ปกติแล้วทางวิหารเฟิงฮ่าวก็จะส่งตัวตนขอบเขตเทพออกมาบีบบังคับให้สละตำแหน่งด้วยกำลัง หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้จักรพรรดิอมตะคนอื่นๆช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ไปตามประสา
แน่นอนว่าการที่จะบีบคั้นให้จักรพรรดิสวรรค์ลงจากตำแหน่งได้ ก่อนอื่นเลยยอดฝีมือของวิหารเฟิงฮ่าวก็ต้องเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพให้ได้เสียก่อน!
“โฮ่? ดูเหมือนจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะมั่นใจไม่น้อย…เช่นนั้นข้าจักรอดูชม”
คำพูดของฟงชิงหยางทำให้ข่งจี๋อึ้งไปพักหนึ่ง พอดึงสติกลับมาก็มองจ้องฟงชิงหยางด้วยสายตาลึกล้ำพลางกล่าวเสียยงเรียบ อย่างไรก็ตามแม้เสียงพูดจะฟังดูสงบราบเรียบ แต่ลึกลงไปในแววตาไม่ได้สงบอย่างที่เห็น
เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดว่าฟงชิงหยางจะพูดออกมาแบบนี้ หรือไม่ก็มันไม่คิดว่าฟงชิงหยางจะเต็มไปด้วยความมั่นใจแบบนี้!
และตอนนี้เหล่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวรวมถึงชนชั้นรองจ้าววิหารทั้งหลายก็พากันขมวดคิ้วย่นยู่ ยามหันไปมองฟงชิงหยางสายตายังกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลายส่วน…จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคนนี้พึ่งบรรลุเทพได้ไม่นานก็เหลิงเสียแล้ว ดูเหมือนได้เวลาทุบตีให้หายเหลิง!
“อา มี ถัว ฝัว… ”
(มันคืออามิตตาพุทธ)
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังกังวานขึ้น เป็นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล ลุกขึ้นยืน สองมือยกขึ้นพนมไว้กลางอกพลางกล่าวกับฟงชิงหยางว่า “หลังศึกอัจฉริยะสิ้นสุดลง อาตมาจักไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน เพื่อประลองกับจักรพรรดิสวรรค์ฟง”
พอจักรพรรดิอมตะมหาสุริยันกล่าวคำนี้ออกมา ก็สร้างความฮือฮาให้ผู้คนไม่น้อย
กระทั่งสีหน้าต้วนหลิงเทียนยังฉายชัดถึงความตกใจ
เพราะคำพูดของยูไลหมายความว่าอะไร ผู้คนในที่นี้ทั้งหมดล้วนทราบดี!
“จ้าววิหารยูไลแห่งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน…บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือ?”
“ยังไม่ชัดอีกรึไร? หาไม่แล้วจ้าววิหารยูไลจักไปเอาความกล้าประมือกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางที่ทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้วมาจากไหน?”
“ให้ตายเถอะ…ขอบเขตเทพอีกคน!”
…
ทุกคนอดตกใจไม่ได้
“ฮ่าๆๆ!”
ตอนนี้เองจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ผู้ที่รั้งอยู่ในอันดับ 1 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ ที่พิสูจน์ตัวเองมานานแล้วว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า มองฟงชิงหยางด้วยสายตาเป็นประกาย “พวกท่าน 2 คนคิดประมือกันวันใด รบกวนแจ้งให้ข้าล่วงรู้ด้วยเถอะ…ข้าอยากชมดูการประมือระหว่างพวกท่านทั้งคู่!”
พลังฝึกปรือของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้ฟ่านเทียน ได้รับการยืนยันแล้วว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพ ตั้งแต่ 1,000 ปีก่อน!