ตอนที่ 3,458 : จบรอบแรก
  “เอาล่ะ ตอนนี้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ ให้เหินลอยขึ้นมาจากที่นั่ง 10 หมี่”
  ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก เอ่ยออกอีกครั้ง “หลังจากผ่านไป 10 ลมหายใจแล้ว ผู้ใดที่ยังไม่เหินร่างขึ้นมาลอยกลางอากาศตามที่ข้าบอก จักถือว่าไม่เข้าร่วม”
  สิคำกล่าวของฉีคงไห่ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็เร่งรุดเหินร่างขึ้นมาลอค้างเหนือที่นั่งของตัวเองทันที
  เรียกว่าอัฒจันทร์ที่นั่งทั้ง 4 ทิศ บัดนี้เต็มไปด้วยร่างอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันเหินร่างลอยยขึ้นมา มองไกลๆยังคล้ายห่าฝูลตั๊กแตนอยู่บ้าง
  ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ แล้วก็หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ก็ลอยร่างขึ้นมาเหมือนคนอื่นๆเช่นกัน
  “จะคัดคนรอบแรกแบบนี้เลย?”
  ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้อยู่แล้วว่ารอบแรกนั้นจะทำการคัดคนออกไปนับพัน แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะให้ทุกคนเหินร่างขึ้นมาเหนือที่นั่งเฉยๆ
  เดิมทีเขาคิดว่าจะให้ทุกคนไปรวมตัวตรงบริเวณลานประลองใจกลางเสียอีก แล้วค่อยทดสอบ
  ‘ลักษณะการทดสอบสมควรเหมือนๆกับบททดสอบเข้าวังเทียนฉือ’
  ต้วนหลิงเทียนยังจำได้ดี ว่าตอนที่เขากับฮ่วนเอ๋อไปสมัครเข้าร่วมวังเทียนฉือนั้น หนึ่งในการทดสอบเข้าสู่วังเทียนฉือก็ละม้ายคล้ายแบบนี้
  ในเวลานั้นก็เป็นจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง ที่เป็นผู้ควบบคุมดูแลการทดสอบ
  หลังจากผ่านไปครบ 10 ลมหายใจ พอเห็นว่าอัจฉริยะทั้งหมดเหินร่างลอยขึ้นมาเหนือที่นั่ง 10 หมี่ตามกำหนด สองตาฉีคงไห่ก็หดเล็กลงทันที กล่าวออกเสียงเรียบ “ต่อไปข้าจะใช้แรงกดดันพลังกดทับพวกเจ้า ผู้ใดที่หล่นร่วงจากอากาศถือว่าตกรอบ”
  “และทันทีที่เหลือผู้คนลอยร่างแค่ 1,000 คนเมื่อไหร่ ข้าจะหยุดกดดันพวกเจ้า”
  “เอาล่ะ ข้าจักให้เวลาพววกเจ้าเตรียมพร้อม 10 อีกลมหายใจ”
  ทันทีที่ฉีคงไห่กล่าวจบ สีหน้าอัจฉริยะหลายคนก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที
  จากนั้นทั่วร่างหลายๆคนก็ปรากฏแสงพลังเรืองรองขึ้นมา มองไกลๆเห็นเป็นสีสันหลากสีพร่างพราวนัก เห็นได้ชัดว่าหลายๆคนเลือกที่จะเร่งเร้าพลังเตรียมพร้อมรับแรงกดดันพลังที่กำลังจะมา
  จะไม่ให้พวกมันตึงเครียดได้อย่างไร ต้องทราบด้วยว่าผู้ที่กำลังจะใช้แรงกดดันพลังกดทับพวกมันก็คือรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ฉีคงไห่ ตัวตนที่สมควรบรรลุถึงขอบเขตเทพ!
  เป็นธรรมดาว่าพวกมันรู้ดีว่าฉีคงไห่ไม่มีทางใช้พลังทั้งหมดแน่นอน อย่างมากก็ใช้เสี้ยวพลังกดดันพวกมันเท่านั้น
  หากตัวตนที่ทรงพลังระดับนี้คดใช้แรงกดดันพลังทั้งหมดกดทับพวกมันจริง เกรงว่าต่อให้พวกมันไม่ตายก็ต้องพิการ!
  10 ลมหายใจผ่านไปในพริบตา
  จังหวะนี้รุ่นเยาว์อัจฉริยะหลายคนพากันหยุดหายใจ มีแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ยังแลดูเฉยๆ
  หลายร้อยคนที่ว่า ก็รวมพวกต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และแม้แต่ถังซานเป่าอยู่ด้วย
  ปกติแล้วขอเพียงเป็นอัจฉริยะที่ระดับพังทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามก็จะไม่ได้ร้อนรนอะไร
  เพราะพวกมันรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีทางตกรอบแรกแน่นอน อาศัยพลังฝีมือของพวกมันแค่บดทดสอบรอบแรกก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกจริงจังอะไร
  ผู้ที่จะถูกกำจัดออกไปในรอบแรก สมควรเป็นอัจฉริยะที่ระดับพลังยังไม่ถึงจักรพรรดิอมตะสมญานาม
  กลับกัน ทางด้านว่างถิง เหอเจี้ยนอี่ ข้างๆจางเทียนโย่วนั้นแลดูจริงจังมาก ทำท่าราวกับกำลังจะเผชิญศัตรูตัวฉกาจ
  ครืน!
  ซัวว!!
  ฉีคงไห่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ หากแต่ทั่วร่างมันปรากฏแรงกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งกำจายออกมาปกคลุมร่างเหล่าอัจฉริยะ 2,000 กว่าคนทั่วอัฒจันทร์
  ทันใดนั้นร่างอัจฉริยะกว่าครึ่งก็สะท้านไปทันที
  จากนั้นไม่ทันไรหลายคนก็เริ่มกระอักเลือดออกมา บ้างก็ปรากฏเลือดไหลออกทวารทั้ง 7
  อาศัยแค่แรงกดดันพลังระลอกแรกของฉีคงไห่ ก็ทำให้อัจฉริยะหลายคนบาดเจ็บแล้ว! พอระลอกที่ 2มาถึงผู้ที่เกิดอาการแต่แรกก็แลดูมีสภาพย่ำแย่ทันที!
  ซัวว!!
  จนเมื่อแรงกดดันพลังระลอกที่ 3 กำจายออกมาจากร่างฉีคงไห่ อัจฉริยะหลายยร้อยคนก็ไม่อาจต้านทานรับไหวสืบไป ร่างร่วงตกลงจากกลางหาว ทรุดลงไปนั่งกับที่ทันที นอกจากนั้นก็มีอัจฉริยะอีกหลายร้อยที่ส่อแววจะไม่ไหว
  ซัววว!!
  พอแรงกดดันพลังระลอกที่ 4 กวาดทับมา อัจฉริยะอีกหลายร้อยคนก็ร่วงตกลงจากอากาศประหนึ่งเกี๊ยวหล่นกระทะน้ำมัน
  “บ้าเอ๊ย ข้าต้องจบเพียงเท่านี้หรือ…”
  หลายยคนที่ร่วงตกลงจากกลางอากาศได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม “หลงคิดว่าน่าจะผ่านรอบแรกได้แท้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าข้าจะสิ้นท่าตั้งแต่รอบแรกแบบนี้”
  “ความแข็งแกร่งข้าก็แทบจะพอๆกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะถูกกำจัดออกง่ายๆแบบนี้”
  “ข้าประมาทเกินไปจริงๆ คิดว่าจะเก็บบงำพลังไว้ก่อน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมทันได้ทำอะไรก็ถูกคัดออกแล้ว”
  “แค่แรงกดดันพลังะลอกที่ 4 ของใต้เท้าฉีคงไห่ ก็มีคนกว่า 500 ที่ถูกคัดออก…ความเร็วในการคัดออกนี่จะไม่ไวเกกินไปหน่อยรึไง?”
  …
  จังหวะนี้ไม่ว่าจะผู้ที่ถูกคัดออกก็ดี ต้วนหลิงเทียนกับพววกและอัจฉริยะคนอื่นๆก็ดี ล้วนพบว่าแม้จะเป็นอัจฉริยะที่เริ่มแตะขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว ร่างก็เริ่มสั่นไหวราวกับจะทนไม่ได้อยู่รอมร่อ
  นอกจากนั้นยังมีบางคนที่หน้าซีดจนไร้สีเลือด เม้มปากกัดฟัน สองหมัดกำแน่น ขืนร่างกลางหาวอย่างสุดชีวิต
  “ดูท่าเพียงแค่แรงกดดันพลังระลอกที่ 5 รอบแรกก็คงจบแล้วกระมัง”
  จักรพรรดิสวรรค์ที่ชมดูเรื่องราวเบื้องล่างบางคนเอ่ยขึ้น
  จักรพรรดิสวรรค์จากระนาบเทวโลกอื่นที่อยู่ข้างๆมันก็พยักหน้าเห็นด้วย “ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็สมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
  และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ทั้งคู่กล่าวจบคำ ผู้รับผิดชอบเป็นผู้ดำเนินการประลองสึกอัจฉริยะอย่างฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ก็ได้แผ่แรงกดดันพลังระลอกที่ 5 ออกมากดทับไปยังเหล่าอัจฉริยะ
  จังหวะนี้ กระทั่งอัจฉริยะที่มีพลังฝีมือเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานาม ร่างของพวกมันที่ลอยกลางหาวก็เริ่มสั่นไหว หลายคนก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา
  บางคนก็เริ่มออกอาการจนตัวสั่น
  เห็นได้ชัดว่าแรงกดดันพลังระลอกที่ 5 รุนแรงสำหรับพวกมันไม่น้อย
  เป็นธรรมดาว่ายังมีคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และถังซานเป่า…นอกจากนั้นก็มีอัจฉริยะคนอื่นๆที่ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
  ไม่ต้องกล่าวไปไหนไกล อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนที่นั่งอยู่อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามของต้วนหลิงเทียน ก็แลดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเช่นกัน
  กลับกันด้าน ถงถู ที่นั่งข้างๆอวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน ตอนีน้สีหน้ามันแลดูจริงจังขึ้นมา ดูเหมือนมันจะเริ่มรู้สึกกดดันแล้วว
  “เจ้า 4 ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น จะร้ายกาจกว่าเจ้าจริงๆ”
  อวี๋ตงฟางเหลือบมองต้วนหลิงเทียนที่อยร่างอยู่อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้าม ด้วยสาตามันยย่อมเห็นได้ไม่ยากว่าแรงกดดันพลังระดับนี้ไม่ต่างอะไรจากสายลมบางเบาสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย
  หลังได้ยินคำเตือนของอวี๋ตงฟาง ถงถู ก็มองไปยังอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามทันที จากนั้นก็พบว่าอีกฝ่ายดูไม่ต่างอะไรจากศิษย์พี่ 3 ของมันเลย…ไม่แยแสแรงกดดันพลังระลอกที่ 5!
  วินาทีนี้ถึงแม้ใจมันจะไม่อยากยอมรับแค่ไหน มันก็จำต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนอยู่เหนือมัน!
  เป็นธรรมดาว่าปากมันย่อมไม่พูดออกมาง่ายๆ “ศิษย์พี่ 3 เรื่องนี้มันจะไปวัดอะไรได้ล่ะ บางทีมันอาจจะเก่งเรื่องป้องกัน หรือทนรับแรงกดดันได้ดีเป็นพิเศษก็ได้!”
  อวี๋ตงฟางพอได้ยินก็ส่ายหัวไปมาเบาๆแต่มได้พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าศิษย์น้อง 4 ของมันก็แค่ผู้ร้ายปากแข็งเท่านั้น!
  ต่างจากอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม
  ตอนนี้เหล่าอัจฉริยะที่พลังไม่ถึงจักรพรรดิอมตะสมญานาม อาการแต่ละคนย่ำแย่เต็มทน!
  “อั๊ค–!!”
  “อ่อค—!!”
  …
  อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนยังกระอักโลหิตออกปากไม่หยุด บ้างก็ร่วงตกลงไปแน่นิ่งบนที่นั่ง บ้างก็เกรงพลังสุดตัวขืนร่างเอาไว้อย่างกล้ำกลืน
  อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่ไหวแล้ว ถึงจะดื้อรั้นต้านทานแค่ไหนสุดท้ายก็ได้แต่ร่วงลงจากฟ้าอย่างไม่เต็มใจ
  ฉากอัจฉริยะร่วงหล่นจากอากาศ ปรากฏขึ้นติดๆ
  พริบตาอัจฉริยะที่ยังลอยร่างกลางอากาศอยู่ได้ ก็เหลือแค่พันเศษๆเท่านั้น
  “ว่างถิง ข้าทนไม่ไหวแล้ว…เจ้าทนไว้!”
  ด้านหลังต้วนหลิงเทียน เหอเจี้ยนอี่ ที่มาพร้อมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ตอนนี้สภาพแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ใบหน้ามันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อชุ่มโชก สีหน้ายังซีดราวกระดาษ
  คนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่มาพร้อมกับต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 นั้น เป็นจางเทียนอี้ที่พลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด ส่วนว่างถิงกับเหอเจี้ยนอี่ ยังไม่แตะถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามเลย
  ด้านจางเทียนอี้ด้วยความแข็งแกร่งทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม แม้จะพบเจอกับแรงกดดันพลังระลอกที่ 5 สีหน้ามันก็แค่แดงขึ้นเล็กน้อย ร่างกายสั่นไปเบาๆ ดูแล้วไม่ได้กล้ำกลืนกับแรงกดดันพลังเท่าไหร่
  ส่วนว่างถิงที่อยู่ข้างๆจางเทียนโย่ว ใบหน้างามหมจดของนางตอนนี้แดงไม่น้อย ร่างบางยังสะท้านไประริก ราวกับจะร่วงตกจากฟ้าได้ทุกเมื่อ
  อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินคำพูดของเหอเจี้ยนอี่ จากที่นางรู้สึกว่ากำลังจะไม่ไหวแล้ว ก็พอได้มีลูกฮึดแข็งขืนเอาไว้ได้อยู่
  “ว่างถิง เจ้าทนอีกนิดเดียวก็ผ่านรอบแรกได้แล้ว”
  จางเทียนโย่วที่อาการดีกว่าใคร หลังกวาดตามมองไปรอบๆ มันก็พบว่าอัจฉริยะที่ลอยร่างเหนืออัฒจันทร์ที่นั่งตอนนี้เหลือแค่พันนิดๆเท่านั้น “รอให้คนถูกกำจัดอีกแค่ 100 กว่าคนเท่านั้น เจ้าก็จะผ่านเข้ารอบแล้วล่ะ”
  ได้ยินคำพูดของจางเทียนโย่ว ว่างถิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขืนร่างทนไว้สุดใจ ตอนนี้เรียกว่านางรีดเค้นสักยภาพร่างของนางออกมาเต็มกำลัง
  ซัววว!!
  เสียงแผ่วเบาหนึ่งแว่วดังขึ้น เป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการที่แผ่พลังปกคลุมร่างว่างถิง อยู่ๆก็ผสานหลอมรวมก่อเกกิดกลิ่นอายพลังใหม่ ทำให้ร่างีท่แลดูเต็มกลืนของว่างถิงแลดูผ่อนคลายลงทันที
  ครู่ต่อมาสีหน้าของว่างถิงก็ค่อยๆดีขึ้น สองตาเริ่มทอประกายยวูบวาบ ชวนให้ผู้คนรู้สึกถึงความเฉียบคมอยู่บ้าง
  “นี่มัน…เจ้าก้าวหน้ารึ?”
  จางเทียนโย่วมองว่างถิงด้วยสายตาทำราวกับเห็นผี
  ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็สมัผัสได้ไม่ยาก ว่าว่างถิงได้ทะลวงจุดตีบตันหนึ่งจนสามารถผสานความลึกซึ้ง 2 ประการได้สำเร็จ 1 ชุด
  และตอนนี้พลังของว่างถิงก็เทียยนได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว
  ขอเพียงผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการชุดแรกได้ ก็ถือว่ามีพลังระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามทันที
  “แม่นางผู้นั้นทะลวงขั้นพลัง?”
  “แม่นางผู้นั้นไม่เลวเลยทีเดียว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่ยังสามารถทะลวงถึงระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้สำเร็จ”
  ……
  ขณะที่ว่างถิงทะลวงจุดรอคอยบรรลุความเข้าใจในฉับพลัน ชายหนุ่มหลายคนที่อยู่อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้า หรือข้างๆที่สังเกตเห็นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออก
  ว่างถิงนั้นเป็นหลานสาวของสหายเก่าเมิ่งหลัว พอเมิ่งหลัวที่ยืนอยู่ด้านหลังฟงชิงหยางเห็นว่านางบังเกิดความก้าวหน้าได้ในช่วงเวลาแบบนี้ ก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
  “น้องฟง นังหนูตุ๊กตาน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ท่านไม่เลวเลยทีเดียว สามารถก้าวหน้าได้ในเวลาแบบนี้นับว่าหาได้ยากพอสมควร”
  จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน หันไปยิ้มกล่าวกับฟงชิงหยาง
  ฟงชิงหยางก็พยักหน้ารับเบาๆ ในแววตาเผยให้เห็นความประหลาดใจอยู่บ้าง
  ด้านว่างถิงหลังบรรลุความเข้าใจจนพลังก้าวหน้าแล้ว คววามกดดันของนางก็ลดลงมาก ขณะเดียวกันก็เริ่มโล่งอก และมีเวลาหันมองไปรอบๆทันที
  อัจฉริยะคนแล้วคนเล่าที่ทนไม่ไหวก็เริ่มร่วงตกจากอากาศ
  “ในที่สุดข้าก็ทะลวงผ่าน!”
  ไม่นานนักก็มีคนประสบสถานการณ์คล้ายๆว่างถิงให้เห็น
  อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปอีก 10 กว่าลมหายใจ ในที่สุดอัจฉริยะที่ลอยร่างกลางหาวก็หลงเหลืออยู่แค่ 1,000 คนตามกำหนด และฉีคงไห่ที่แผ่แรงกดดันพลังก็ถอนรั้งพลังคืนกลับทันที “ยินดีด้วย พวกเจ้าทั้ง 1,000 คนได้ผ่านรอบแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์เรียบร้อย”
  ตอนนี้เหล่าอัจฉริยะที่พลังยังไม่อาจเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามแต่ฝืนทนจนผ่านเข้ารอบ ก็พากันระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้ายังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีราวกับพึ่งรอดตายมาได้อย่างไรอย่างนั้น