ตอนที่ 3463 ความจริงเรื่องวิญญาณข้ามระนาบในอดีต

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

“จะมาเมื่อใดก็มา”
  ได้ยินคำพูดของยูไล ฟงชิงหยางก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีเกียจคร้าน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
  “อาตมาขอลา”
  ยูไลมองจ้องฟงชิงหยางเล็กน้อย ค่อยเอ่ยคำลาออกมา จากนั้นก็หันมาพักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนเบาๆ หันหลังแล้วก็เหินร่างจากไปทันที
  อย่างไรก็ตามมันเหินร่างจากไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่งที่แผ่มาทางเขา ยังปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา ทำให้เขารู้สึกเสมือนตัวเองกลายเป็นเรือใบลำน้อยที่ลอยคอท่ามกลางมหาสมุทรคุ้มคลั่ง! สามารถอับปางลงได้ทุกเวลา ไร้ทิศทางไม่เห็นความหวังใดๆ!!
  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง บริเวณหว่างคิ้วเขา จิตเทพที่อาจารย์ประทับไว้ก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทันที ปรากฏกระบี่สีเทาหนึ่งผุดขึ้นจากหว่างคิ้ว จากนั้นก็แปรสภาพกลับกลายเป็นสำนึกกระบี่เทวะจำนวนมหาศาลแผ่ออกมาปกป้องเขาทันที
  อย่างไรก็ตาม มันยังปรากฏช้าไปอยู่บ้าง
  เพราะสำนึกเทวะที่แผ่มาปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน คล้ายมีดวงตางอกเงย จงใจหลีกหลบสำนึกกระบี่เทวะดังกล่าวแต่แรก ได้แทรกซึมชำแรกเข้ามาสำรวจสถานการณ์ภายในร่างของต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ ก่อนจะถอนรั้งคืนกลับเร็วไว ทว่าแม้จะเป็นการแผ่เข้ามาสำรวจร่างต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ แต่เรื่องที่จะบอกว่าเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายจริงหรือไม่ก็ทำได้ไม่ยาก!
  “เป็นร่างเหยียนหวงจริงๆ!!”
  เสียงยูไลดังก้องมาแต่ไกล แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา
  การตรวจสอบอย่างกะทันหันของยูไล ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์นัก จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เองก็หน้าม้านไปไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ายูไลสหายของพวกมันจะหน้าด้านถึงขนาดนี้!
  หรือลืมไปแล้วว่าอาจารย์ของต้วนหลิงเทียนก็คือ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และยังบรรลุถึงขอบเขตเทพเช่นกัน?
  “หึ!”
  แทบจะพร้อมกันกับที่อวี้ฮ่าวเทียนกับกงซุนซวนหยวนบังเกิดความละอายใจ ฟงชิงหยางก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นก็พลังวิญญาณสีเทาอันเข้มเข้นก็พุ่งยิงออกจากหว่างคิ้วอย่างเห็นได้ชัด พลังวิญญาณสีเทาดังกล่าวยังก่อลักษณ์เป็นกระบี่ พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ พริบตาก็สะบั้นทำลายสำนึกเทวะของยูไลที่เร่งงรุดถอนรั้งคืนกลับจนแหลกสลาย!
  เวิง เวิง!!
  หลังทำลายสำนึกเทวะของยูไลแล้ว กระบี่วิญญาณยังลอยค้างในอากาศด้วยพลานุภาพราวกับจะสะบั้นทำลายวิญญาณทั้งมวลในโลกหล้าให้แหลกสิ้น!
  ทันใดนั้นเอง เสียงโอดครวญหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล เป็นเสียงของยูไลที่เร่งรุดจากไปก่อนหน้า! ฟังแล้วเห็นได้ชัดว่ามีโมโหไม่น้อย “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง อีกร้อยปีอาตมาจักไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของเจ้า!!”
  ร้อยปี!
  คราวนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง
  ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ายูไลได้ลั่นคำไว้ก่อนจากไปหรือไง ว่าจะมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหลังจบศึกอัจฉริยะสวรรค์ 10 ปี?
  ไฉนถึงเปลี่ยนเป็น 100 ปีแล้วล่ะ?
  ฟืด! ฟืด!
  ขณะเดียวกัน ด้านกงซุนซวนหยวนกับอวี้ฮ่าวเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
  ลองยูไลเปลี่ยนใจแบบนี้ น่ากลัวว่ากระบี่วิญญาณของฟงชิงหยางเมื่อครู่ จะทำลายสำนึกเทวะไปไม่น้อย!
  สำนึกเทวะเสียหาย วิญญาณย่อมบาดเจ็บ! และท่าทางจะบาดเจ็บหนักไม่ใช่เล่น!!
  หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลื่อนเวลานัดหมายประลองจาก 10 เป็น 100 ปี!
  “อีก 100 ปีหากเจ้ากล้าเสนอหน้ามาเหยียบวังข้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย”
  ฟงชิงหยางก็เอ่ยตอบยูไลกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส สีหน้าไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
  แต่รอบนี้ไร้เสียงตอบกลับจากยูไลที่จากไป
  หลังจากที่ยูไลไปแล้ว ฟงชิงหยาง ก็หันไปมองลึกที่กงซุนซวนหยวน “จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน ท่านช่วยเล่าเรื่อง ‘ร่างเหยียน’ หวงที่พูดถึงก่อนหน้าได้หรือไม่?”
  กงซุนซวนหยวนได้แค่คลี่ยิ้มขื่นขม มันย่อมเห็นถึงความไม่พอใจของฟงชิงหยางได้ชัดเจน “จักรพรรดิสวรรค์ฟง ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่ายูไลจะทำแบบนี้ หากข้ารู้แต่แรกข้าไม่มีทางปล่อยให้มันทำอะไรเช่นนี้แน่”
  พอฟงชิงหยางได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน
  ต่อมา กงซุนซวนหยวนก็ค่อยๆเล่า “สำหรับร่างเหยียนหวงนั้น เป็นดั่งร่างพิเศษของระนาบเหยียนหวงเรา…หลังจากที่พวกเราได้ค้นคว้าเรื่องร่างพิเศษในระนาบเทวโลกมานานปี ในที่สุดพวกเราก็บังเกิดความคิดบ้าๆหนึ่งขึ้น…”
  “ในการค้นคว้าวิจัยเรื่องร่างพิเศษของระนาบเทวโลกต่างๆ พวกเราได้พบจุดร่วมเหมือนกันประการหนึ่ง จากนั้นเราก็ทำการวิจัยลงลึกถึงเรื่องนี้…สุดท้ายก็ค้นพบว่ามันเกิดจากการเพาะสร้างของยอดคนในอดีต”
  “จากนั้นในที่สุดพวกเราก็คลำทางและหารูปแบบของมันได้บางส่วน…”
  “หลังงจากพวกเราค้นคว้าวิจัยมาหลายปี พวกเราก็ย้อนกลับไปยังระนาบโลกะบ้านเกิดของพวกเรา…ระนาบเหยียนหวง หลังกลับไปยังดาวเหยียนหวงที่พวกเราจากมา พวกเราก็ได้จัดตั้งค่ายกลเพาะสร้าง ‘ร่างเหยียนหวง’ ขึ้น…อันที่จริงพวกเราก็ไม่มั่นใจนักว่าค่ายกลจะทำงานได้หรือไม่ เพราะพวกเราแค่แกะวิธีสร้างค่ายกลดังกล่าวมาจากร่องรอยที่พวกเราค้นพบ…”
  “ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าหากเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นในดาวเหยียนหวง แล้วมันจะเป็นอย่างไร…”
  “และหลังจากพวกเราเฝ้าดูผลการทดลองครั้งแรกอยู่นาน พวกเราก็ไม่พบว่าจะเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นบนดาวเหยียนหวง…จากนั้นพวกเราก็เลยลองเปลี่ยนค่ายกลดู ต่อมาหลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในที่สุดพวกเราก็สร้างร่างเหยียนหวงได้สำเร็จ! และร่างเหยียนหวงที่ถือกำเนิดขึ้นก็ทรงพลังเหนือกว่าคนธรรมดามาก ไม่เพียงแต่จะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเท่านั้น ความเข้าใจยังเหนือล้ำกว่าคนธรรมดามากมาย แต่ทว่าหลังจากบ่มเพาะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จแล้ว ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ด่านพลังฝึกปรือของทั้งหมดจะหยุดลงแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน…”
  “ต่อมาพวกเราก็ลองให้วิญญาณ 2-3 ดวงมาสวมรอยสิงร่างโดยใช้ศพของร่างเหยียนหวงดู เผื่อจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง…ทว่ามิคาดหลังจากที่ยึดร่างเหยียนหวงและบ่มเพาะจนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้แล้ว…ทั้งหมดกลับตกตายในสระก่อเซียนอมตะหมดทั้งสิ้น”
  “ไม่มีผู้ใดลงมือทำร้ายพวกมันแต่อย่างใด ราวกับพลังของสระกำเนิดเซียนอมตะไปทำปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับวิญญาณสวมร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น ทำให้ร่างเซียนอมตะเกิดการปฏิเสธดวงวิญญาณ สุดท้ายก็ระเบิดไปดื้อๆ…”
  “ต่อมาภายหลัง พวกเราก็เลิกใช้วิธีสวมร่างและย้อนกลับไปใช้วิธีเลี้ยงดูร่างเหยียนหวงแทน…แต่ไม่ว่าพวกเราจะส่งเสริมมันในระนาบโลกียะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จกี่คนต่อก็คน ทั้งหมดก็จบลงแบบเดิม…ด่านพลังหยุดอยู่แค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน”
  กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น มีศักยภาพพรสวรรค์สูงมาก ทั้งยังมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเหมือนกันหมด…อย่างไรก็ตามหากไม่ตกตายในสระกำเนิดเซียนอมตะ ด่านพลังก็หยุดชะงักแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน แม้จะให้โอสถที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ทันที แต่พวกมันก็ไม่อาจทะลวงด่านพลังได้…”
  “จากการวิเคราะห์ พวกเรารู้ว่าต้องมีความผิดปกติกับค่ายกลที่พวกเราสร้างขึ้น…เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นการทำซ้ำค่ายกลโบราณอันสลับซับซ้อน พวกเราเองก็จนปัญญาจะศึกษาให้แตกฉาน”
  “หลังจากพยายามทุกทางแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในที่สุดพวกเราก็ตัดใจเรื่องร่างเหยียนหวง และเลิกสนใจอีกต่อไป”
  “พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาเป็นพันปี…ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะได้มาพบเจอร่างเหยียนหวงที่นี่”
  กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเร่าร้อนพลางกล่าว “ค่ายกลที่พวกเราสร้างก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด หาไม่แล้วพวกเราคงไม่อาจสร้างร่างเหยียนหวงได้หลายร่าง…อย่างไรก็ตามในการทดลองของพวกเรา พวกเราไม่เคยถอดวิญญาณของร่างเหยียนหวง และนำไปยึดร่างของผู้คนในระนาบโลกียะอื่นๆเลย…”
  “บางทีอาจมีกรณีวิญญาณของร่างเหยียนหวงได้ย้ายไประนาบโลกียะอื่นหลังตายเช่นเจ้าเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะสุดท้ายวิญญาณของร่างเหยียนหวงก็แข็งแกร่งเหนือวิญญาณคนธรรมดามาก มันจะไปหาร่างสวมรอยตามสัญชาติญาณเอาตัวรอดเองก็ไม่แปลก แต่อย่างไรก็ตามในกรณีดังกล่าว ถ้าเจ้าตัวไม่บอกว่าวิญญาณข้ามระนาบโลกียะมาเหมือนเจ้า พวกเราก็คงไม่อาจรู้ได้”
  “หรือไม่แน่คนที่บังเอิญเป็นเหมือนเจ้า แต่ดันตกตายกลางทางเสียก่อน ไม่ก็อาจจะขึ้นสวรรค์ไปยังระนาบเทวโลกอื่น หรือไม่แน่ก็อาจขึ้นมาระนาบอวี้หวงเทียนของพวกเราแล้ว…แต่ใครจะไปรู้ได้?”
  กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนพลางยักไหล่
  อย่างไรเสียจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เอง ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวิจัยค้นคว้าและสร้างร่างเหยียนหวง
  ยูไลเองก็เช่นกัน
  “วิญญาณข้ามระนาบโลกียะ…สัญชาติญาณเอาตัวรอด”
  ต้วนหลิงเทียนพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความตกตะลึงในใจ ในอดีตเขาเองก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าไฉนวิญญาณของเขาถึงข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้? เขาเองก็เคยหาคำตอบแล้ว ทว่าไม่เคยพบเจอเลย
  ตอนนี้พอมาฟังกงซุนซวนหยวนอธิบาย ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนได้พบคำตอบที่ตามหามานาน!
  “แล้วค่ายกลสร้างร่างเหยียนหวงของพวกท่าน…เคยมีร่างเหยียนหวงที่ตกตายแล้ววิญญาณไปเข้าร่างคนอื่นเหมือนข้าไหม?”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
  “ย่อมมี”
  กงซุนซวนหยวนพยักหน้า “พวกเราเคยทดลองฆ่าร่างเหยียนหวงเองกับมือ เพราะในค่ายกลเหมือนจะมีส่วนที่ทำให้ดวงวิญญาณสามารถหาร่างที่เหมาะสมได้อยู่ จากนั้นจึงพบว่าวิญญาณของร่างเหยียนหวงที่พวกเราฆ่า มันได้ไปหาร่างอื่นเพื่อยึดครองเช่นกัน แต่เรื่องวิญญาณข้ามไปยังระนาบโลกียะอื่นจุดนี้พวกเราไม่มั่นใจ…”
  “เรียกว่าสถานการณ์ของพวกมันแตกต่างกับเจ้าอย่างเห็นได้ชัด”
  “บางทีเหตุผลที่วิญญาณของเจ้าสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้…อาจเกิดขึ้นเพราะพวกเราไม่อาจจัดตั้งค่ายกลที่สมบูรณ์ และมีบางจุดที่บกพร่องไป…”
  กล่าวถึงจุดนี้กงงซุนซวนหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าม้านไปด้วยความละอายอยู่บ้าง
  จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออก
  แบบนี้ไม่ได้หมายความว่า เหตุผลที่วิญญาณเขาสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดในการจัดตั้งค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงของพวกกงซุนซวนหยวนหรือไร?
  “ด้วยเหตุนี้ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องวิญญาณเจ้าข้ามระนาบโลกียะมา ก็เลยทำให้พวกเรานึกถึงค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาทันที…หลังจากนั้นข้าก็ลองถามเจ้าดูว่าเจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายหรือไม่ ทั้งหมดเพื่อยืนยันว่าเจ้าใช่ร่างเหยียนหวงที่พวกเราเคยสร้างในอดีตหรือเปล่า…”
  กงซุนซวนหยวนกล่าวสืบต่อ
  มุมปากของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าสาเหตุในการได้ชีวิตที่ 2 ของเขา และการที่วิญญาณเขาข้ามไปยังระนาบเซียนได้ ทั้งหมดจะเกิดจาก ‘การทดลอง’ ของกงซุนซวนหยวนกับพวก ที่อยากเลียนแบบวิธีสร้างร่างพิเศษ…
  “แต่เจ้านับว่าพบพานโชควาสนาในคราวเคราะห์ของแท้”
  กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นร่างเหยียนหวง แม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณของร่างเหยียนหวง แต่ตราบใดที่เจ้าไม่หย่อนยานเจ้าย่อมบรรลุถึงขอบเขตเทพได้เต็ม 100 ส่วน…สำหรับเซียนอมตะปกติแล้ว ย่อมพบเจอประตูที่ยากข้ามผ่าน แต่สำหรับเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นเลย”
  “ตราบใดที่เจ้าบ่มเพาะพลังถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และบ่มเพาะสั่งสมพลังต่อไป ขอเพียงเจ้าสั่งสมพลังได้มากพอ เจ้าก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้ในคราวเดียว!”
  “เผลอๆเจ้าอาจจะบรรลุถึงขอบเขตเทพก่อนข้ากับฮ่าวเทียนเสียอีก”
  ขณะกล่าวถึงงจุดนี้กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนอีกครั้ง และอวี้ฮ่าวเทียนเองก็กำลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาอยู่บ้าง
  สำหรับถงถูศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 4 ของกงซุนซวนหยวนนั้น สองตาของมันแดงก่ำไปด้วยความอิจฉาริษยานานแล้ว!
  ด้านอวี๋ตงฟางแม้สีหน้าท่าทีจะยังสงบ หากแต่ลึกลงไปในดวงตาก็ยากจะปิดซ่อนความตกใจได้
  “ต้วนหลิงเทียน”
  ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก สองตากงซุนซวนหยวนฉายความกังวลเล็กน้อย ค่อยมองถามต้วนหลิงเทียน “ถึงแม้เจ้าจะเป็นร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น…แต่พวกเราก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรกับเจ้า”
  “เพราะสุดท้ายแล้ว ที่เจ้ามีอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะเจ้าพึ่งพาตัวเองทั้งหมด…”
  “ข้าแค่หวังว่า…วันหน้าหากมีเรื่องราวบางอย่างที่พวกเราอยากให้เจ้าช่วยเหลือ เจ้าจะให้พวกเรายืมมือสักครั้ง…”
  หลังกงซุนซวนหยวนกล่าวจบคำ ความกังวลในแววตาก็ค่อยๆหายไป
  “ย่อมได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ถึงแม้มองไปในระดับหนึ่งเขาอาจจะเป็นผลิตผลจากการทดลองของกงซุนซวนหยวนกับพวก แต่อย่างไรเสียเขาก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองจนตกตายไปแล้ว จุดนี้หากไม่ใช่เพราะการทดลองของพวกกงซุนซวนหยวนเขาก็คงไม่ได้รับโอกาสที่ 2…
  ด้วยเห็นแก่บุญคุณดังกล่าว เขาก็คิดจะทดแทนเป็นธรรมดา
  เขา ต้วนหลิงเทียน ไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร
  “ขอบคุณเจ้ามาก”
  จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนผู้มีฐานะสูงส่ง กล่าวคำขอบคุณต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน จากนั้นก็อำลาต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางแล้วจากไป
  ด้านจักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน ก็จากไปเช่นกัน
  ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็เร่งรุดติดตามกงซุนซวนหยวนไปติดๆ และหลังจากมองส่งกงซุนซวนหยวนกับคนอื่นๆจากไปได้สักพัก มุมปากต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆอีกรอบ ‘คนพวกนี้ถือดีว่าตัวเองอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลก ถึงได้ทำการทดลองกับชีวิตผู้คนกันอย่างสบายใจเฉิบ…ชีวิตมนุษย์ไม่ต่างอะไรจากของเล่นในมือพวกมันจริงๆ’
  ส่วนอีกด้าน
  หลังจากติดตามอาจารย์มาสักพัก ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็แยกย้ายกลับไปบ้านพักของพวกมัน
  และเมื่อทั้ง 2 จากไป จักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียนอวี้ฮ่าวเทียน ก็หันไปมองถามจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนกงซุนซวนหยวน “ซวนหยวน เรื่องที่เจ้าคิดจะขอให้เจ้าหนูนั่นช่วย…หรือเจ้ากลัวว่าลาหัวโล้นนั่นจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือเจ้าหนูนั่น?”