ตอนที่ 3486 ต้วนหลิงเทียน เทพสงคราม 5 ดารา!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ทันทีที่โอวหยางชี่ลงมือ สังเวียนประลองก็คล้ายถูกชโลมย้อมไปด้วยแสงสีทองทันที
  ห่ากระบี่พลังส่งเสียงแหวกฟ้าฉับไว พุ่งทะลวงผ่านความว่างเปล่าจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว!
  การลงมือของโอวหยางชี่ ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังของมันชัดเจน
  โอวหยางชี่คนนี้ ความแข็งแกร่งของมันไม่ใช่แค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดาราอย่างที่ทุกคนเข้าใจ!
  อย่างน้อยๆมันก็เป็นเทพสงคราม 4 ดารา!
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคนพ้บเรื่องดังกล่าว เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูอยู่ก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งโอวหยางชี่ได้เช่นกัน “ให้ตายเถอะ โอวหยางชี่นั่นมันไม่ใช่แค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา! แต่มันเป็นเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว!!”
  “เจ้าจะตกใจอะไรเล่า? จะอย่างไรมันก็บรรลุถึงเทพสงคราม 3 ดาราตั้งแต่ 100 ปีก่อน…ตอนนี้มันจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน”
  “อายุไม่ถึงพัน บรรลุระดับเทพสงคราม 4 ดารา…ตัวตนเช่นนี้ให้มองทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล ก็เกรงว่าจะมีไม่เกิน 30-40 คน ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิสวรรค์กว่า 9 ส่วนต้องเต็มใจรับมันเป็นศิษย์แน่…”
  “น่าเสียดาย แต่พอดีจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ไม่ได้อยู่ในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ 9 ส่วนที่ว่า”
  “เดิมทีข้าคิดว่าหากมันเป็นแค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา มันอาจจะไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียน แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้มันจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราด้วย ไม่งั้นเห็นทีคงยากจะรับมือมันไหว”
  …
  ความแข็งแกร่งในปัจจุบันเท่าที่เปิดเผยมาของต้วนหลิงเทียน ถูกวิหารเฟิงฮ่าวลงความเห็นไว้ว่าเป็นเทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเท่านั้น ทั้งหมดเพราะพวกมันไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งบ้างแล้วหรือไม่
  พลังของต้วนหลิงเทียนถูกมองจากพลังอำนาจของ 2 วิถีที่เผยออกมาเท่านั้น
  “หมัดเท้าปักบุปผา”
  ท่ามกลางทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับการลงมือเข่นฆ่าเข้ามาของโอวหยางชี่ แค่นคำดูแคลนเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทว่าทันใดนั้นเองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานธาตุมิติก็เปล่งพลังอานุภาพ ก่อเกิดกระบี่มิติสีเทาออกมาเล่มแล้วเล่มเล่า
  เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
  …
  ยามกระบี่มิติสีเทาปรากฏออกมาเหินฉวัดเฉวียนรอบกายต้วนหลิงเทียน ห้วงมิติก็ปรากฏรอยแยกมืดดำวูบวาบไม่ต่างอะไรกับฝูงอสรพิษทมิฬ ราวกับกระบี่แต่ละเล่มมีพลังอำนาจฉีกได้กระทั่งห้วงมิติ!
  และฉากเรื่องราวดังกล่าวก็ทำให้เหล่าอัจฉริยะฉือฮาไม่น้อย “อะไรกัน!? แค่กระบี่พลังของต้วนหลิงเทียนก็ร้ายกาจถึงขั้นฉีกห้วงมิติได้แล้วเหรอ!?”
  ในระนาบโลกียะนั้นพื้นที่มิติอะไรไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ขอเพียงเป็นเซียนอมตะก็สามารถฉีกมิติ ทลายว่างเปล่าได้ตามใจชอบ
  อย่างไรก็ตาม พื้นที่และมิติของระนาบเทวโลกนั้นมั่นคงแข็งแรงมาก กระทั่งให้เป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังก็แทบฉีกเปิดมิติไม่ได้…ลือกันว่ามีแต่ตัวตนขอบเขตเทพที่เหนือขอบเขตจักรพรรดิอมตะเท่านั้น ถึงจะมีพลังมากพอฉีกเปิดพื้นที่ สร้างรอยแยกมิติได้
  แน่นอนว่าฉีกเปิดพื้นที่สร้างรอยแยกมิติที่ว่า คือการใช้พลังทำลายความว่างเปล่าจริงๆ
  สำหรับจักรพรรดิอมตะต่อให้ร้ายกาจและทรงพลังแค่ไหน ทว่าอย่างดีพลังทั้งหมดก็ทำได้แค่สะท้านสะเทือนความว่างเปล่าเท่านั้น แม้จะมีบางคนที่สามารถสร้างรอยแยกมิติขึ้นได้ ทว่าก็เพียงสร้างให้คงอยู่ได้ในเวลาเสี้ยวพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ จึงไม่ถือว่าสามารถฉีกเปิดมิติ ทลายว่างเปล่าได้จริงๆ
  อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ไม่ขาดผู้ที่มีสายตาแหลมคม “ไม่ใช่พลังของกระบี่ต้วนหลิงเทียนที่รุนแรงจนฉีกเปิดพื้นที่ได้หรอก…แต่กระบี่พลังทั้งหลายนั่นมันแฝงเร้นไปด้วยพลังความลึกซึ้งผ่ามิติ! แถมดูเหมือนจะมีความลึกซึ้งของกฏมิติอื่นผสานรวมอยู่ด้วย!!”
  “ความลึกซึ้งผ่ามิติ…แถมเหมือนจะผสานรวมกับความลึกซึ้งของกฏมิติประการอื่นรึ?!”
  “ให้ตายเถอะ! ที่แท้ต้วนหลิงเทียนกลับประสบความสำเร็จในกฏมิติเช่นกัน…แถมยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแล้วจริงๆ!!”
  …
  ท่ามกลางสายตาของทุกคน กระบี่มิติสีเทาของต้วนหลิงเทียนที่ฉวัดเฉวียนรอบกาย ก็จวนเจียนจะปะทะเข้ากับแสงกระบี่สีทองของโอวหยางชี่ที่เข่นฆ่าเข้ามาเต็มที!
  อย่างไรก็ตาม มองจากฉากเรื่องราวแล้ว กระบี่มิติสีเทาของต้วนหลิงเทียน มันแลดูไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยเมื่อเทียบกับแสงกระบี่มิติสีทองสว่างจ้าของโอวหยางชี่!
  เรียกว่าการโจมตีของโอวหยางฉี่นั้นสว่างไสวเหมือนแสงจันทร์ ทว่าการป้องกันของต้วนหลิงเทียนนั้นอย่างดีก็แค่แสงหิ่งห้อยเท่านั้น…
  วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
  …
  ทว่าทันใดนั้นเอง วินาทีสุดท้ายก่อนที่กระบี่แสงสีทองของโอวหยางชี่จะปะทะเข้ากับกระบี่มิติสีเทาที่ฉวัดเฉวียนเวสีนวนรอบกายต้วนหลิงเทียน ร่างต้วนหลิงเทียนก็พลันเคลื่อนย้ายข้ามมิติติดต่อกันด้วยความเร็วสูง คนไปผุดๆโผล่ๆอยู่รอบกายโอวหยางชี่ปานภูตผี! และเงาติดตาที่ปรากฏขึ้น ก็ทำให้เสมือนต้วนหลิงเทียนกำลังแยกร่างห้อมล้อมโอวหยางชี่เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น!!
  เวิง!
  เวิง!
  …
  ทันใดนั้นเอง โอวหยางชี่ที่ถูกต้วนหลิงเทียนเคลื่อนมิติมาห้อมล้อมรอบกาย ไม่เพียงแต่แสงกระบี่สีทองของมันจะถูกกระบี่มิติที่เวียยนวนรอบกายต้วนหลิงเทียนทำลายจนหายไปด้วยความเร็วสูง ตัวโอวหยางชี่เองอยู่ๆก็รู้สึกเสมือนตัวเองกลับกลายเป็นตะพาบในไห เพราะตอนนี้เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบคั้นกดดันมันเข้ามาจากทุกทิศทาง
  ต่อมาทุกผู้คนก็แลเห็นว่า หลังกระบี่แสงสีทองรอบๆโอวหย่างชี่ถูกทำลายหายไปบางส่วน จากกระบี่แสงสีทองที่เหลืออยู่ก็กลายเป็นตัวบ่งชี้ ว่าบัดนี้เสมือนมีกล่องลูกบาศก์ที่มองไม่เห็นล้อมกักมันเอาไว้!
  สุดท้ายทุกคนก็เห็นกันชัดถนัดตา ว่าบัดนี้โอวหยางชี่สมควรติดอยู่ในกรงมิติรูปกล่องสี่เหลี่ยมจริงๆ!!
  ทั้งหมดเพราะ กระบี่แสงสีทองของมันได้ถมพื้นที่กรงมิติดังกล่าวจนเต็ม ทำให้ทุกคนรู้ขอบเขตของกรงมิติในรูปลักษณ์กล่องสี่เหลี่ยม หาไม่แล้วก็คงบอกไม่ได้ว่ามันถูกกรงมิติรูปลักษณ์กล่องสี่เหลี่ยมกักขังอยู่!
  “นี่มัน…ความลึกซึ้งกักกันเหรอ?”
  “ให้ตายเถอะ ต้วนหลิงเทียนคิดจะขังโอวหยางชี่แบบนี้เลย?”
  “แต่คิดขังโอวหยางชี่แบบนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ? สุดท้ายพลังจากการผสานรวมความลึกซึ้งของโอวหยางชี่มันก็พอๆกับพลังเทพสงคราม 4 ดารา…”
  …
  โอวหยางชี่ที่ถูกกรงมิติรูปกล่องสี่เหลี่ยมล้อมกักเอาไว้ ก็หยุดร่างลงและมองต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้หยุดลอยอยู่ไกลๆ พลางแสยะยิ้มแค่นคำว่า “ช่างไร้เดียงสานัก! เจ้าคิดว่าอาศัยกรงมิติจากความลึกซึ้งกักกันกระจอกงอกง่อยนี่ จะมีปัญญาขังข้าได้รึ?”
  “พังให้ข้าเสีย!!”…
  สิ้นคำตวาดของโอวหยางชี่ แสงกระบี่สีทองทั่วร่างมันก็เรืองสว่างขึ้นมาอย่างรุนแรง! กลิ่นอายพลังพุ่งสูงขึ้นในฉับพลัน!!
  “ทำลาย…”
  ทว่าในขณะที่โอวหยางชี่ลงมือ เสียงเฉยเมยไร้แยแสของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูมัน จากนั้นมันก็พบว่าร่างต้วนหลิงเทียนได้เคลื่อนมิติมาหยุดอยู่บริเวณขอบกรงมิติ และระยะดังกล่าวก็ห่างจากตัวโอวหยางชี่ไม่ถึง 5 หมี่
  เรียกว่าวินาทีนี้กรงมิติรูปลักษณ์กล่องสี่เหลี่ยมของต้วนหลิงเทียน ได้อยู่ในรัศมีของวิถีควบคุมต้วนหลิงเทียนกว่าครึ่ง!
  ส่วนอีกครึ่งที่อยู่นอกระยะวิถีควบคุมนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านส่งกระบี่มิติสีที่ฉวัดเฉวียนฉีกเปิดรอยแยกมิติไปปรากฏเอาไว้ทันที!
  ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
  …
  ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
  …
  ในที่สุดกระบวนท่าของโอวหยยางชี่ก็ถูกปลดปล่อยออกมา กระบี่แสงสีทองที่มันรวมรั้งพลังน่ากลัวพุ่งทำลายไปยังกรงมิติโดยรอบราวห่าพิรุณกระหน่ำ หมายฝ่าทำลายกรงขังต้วนหลิงเทียนให้สิ้นซาก ก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังกระหึ่มสะท้านสะเทือนแดนดิน เคี่ยวกรำแก้วหูผู้คนอย่างหนักหน่วง!
  อย่างไรก็ตาม กระบี่แสงสีทองของมันนั้นเพียงปะทะระเบิดได้ก็แต่พื้นที่นอกรัศมีควบคุมของต้วนหลิงเทียนและบริเวณที่มีกระบี่มิติลอยอยู่เท่านั้น สำหรับในพื้นที่ๆอยู่ในรัศมีวิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียน กระบี่แสงสีทองเสมือนถูกผนึกค้างกลางอากาศ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้องคุลี
  อย่างไรก็ตามขอบกรงมิติเหนือศีรษะกับใต้เท้าของมัน ที่ไม่อยู่ในรัศมีวิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียน ก็เห็นชัดว่าถูกกระบี่แสงสีทองของโอวหยางชี่ทำลายได้อยู่
  อนิจจาโอวหยางชี่ที่คิดว่าตัวเองค้นพบ ‘ทางออก’ จากกรงแล้ว ไม่ทันที่มันจะได้เคลื่อนไหวกระบี่มิติที่ฉีกเปิดรอยแยกน่ากลัวก็ผุดโผล่ขึ้นบดบังทางออกดังกล่าวในฉับพลัน แถมกระบี่มิติสีเทาที่อยู่ๆก็มาปรากฏทั้งบนล่างรวมถึงเดิมที่อยู่ด้านหลังของมัน ก็พุ่งเข้าใส่มันพร้อมๆกันทันที!
  และฉากเรื่องราวชวนสยองก็อุบัติขึ้นทันตาเห็น กระบี่แสงสีทองที่ยังหลงเหลืออันห้อมล้อมรอบกายโอวหยางชี่นั้น ไม่อาจต้านทานกระบี่มิติได้แม้แต่เสี้ยววินาที ห่ากระบี่มิติสีเทาพุ่งทะลวงลบกระบี่แสงสีทองมาทิ่มแทงปาดเฉือนทั่วร่างมันในพริบตา!!
  “โอ๊ยยยย—!!”
  ความเจ็บปวดที่อุบัติขึ้นทั่วร่าง ทำให้โอวหยางชี่ร่ำร้องออกมาเสียงหลงปานหมูโดนน้ำร้อนลวก!
  หากเป็นบาดแผลฉกรรจ์ใหญ่ๆ สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสไปเลย โอวหยางชี่เชื่อว่ามันสามารถทนไหว ไม่มีทางร่ำร้องออกมาแบบนี้แน่…
  อย่างไรก็ตามกระบี่มิติสีเทาของต้วนหลิงเทียน ไม่มีเล่มไหนลงมือถึงตา เพียงทิ่มแทงหั่นเฉือนกร่อนทำลายไปทั่วร่างของมันพร้อมๆกันเท่านั้น! ความเจ็บปวดยิบย่อยทั่วร่างปานมีหนอนกัดเนื้อไชกระดูกแบบนี้ ทำให้ประสาทรับความรู้สึกของมันเสมือนส่งความรู้สึกเจ็บปวดถึงขีดสุดจากทั้งร่างมาพร้อมๆกัน เกินใจมันจะทนไหวได้จริงๆ!
  ปงงงง!!
  โอวหยางชี่รำร้องได้ไม่ทันไร พลันบังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวกลบเสียงปานหมูโดนน้ำร้อนลวกของมันเสียมิด! เป็นต้วนหลิงเทียนอาศัยห้วงคิดหนึ่ง ก็ระเบิดกรงมิติทิ้ง จากนั้นแรงระเบิดของกรงมิติรวมกับความลึกซึ้งบิดเบือนอันบ้าคลั่งก็โถมเข้าใส่ร่างโอวหยางชี่อย่างจัง จนคนปลิดปลิวละลิ่วไปดั่งว่าวสายป่านขาด!
  ขณะปลิวละลิ่ว โอวอยางชี่ยังกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ สุดท้ายสติของมันก็ดับวูบลงกลางหาวเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร่วงตกลงไปแน่นิ่งยังพื้นสังเวียนเบื้องร่างราวสุนัขตาย…
  โอวหยางชี่ที่แข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 4 ดารา พ่ายแพ้แล้ว
  และยังเป็นความพ่ายแพ้ยับเยิน!
  แต่ต้นจนจบ มันไม่อาจแตะได้แม้แต่ชายเสื้อต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ โดนต้วนหลิงเทียนละเล่นดั่งแมวหยอกหนู เรียกว่าชีวิตของมันอยู่ในกำมือต้วนหลิงเทียนโดยสมบูรณ์…
  ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
  …
  หลังเห็นต้วนหลิงเทียนเอาชนะเทพสงคราม 4 ดาราอย่างโอวหยางชี่ได้ง่ายดาย เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆของผู้คนก็ดังขึ้นอย่างอดไม่ไหว
  ฉากการแล่เนื้อเถือหนังทั้งขูดกระดูกผู้คนทั้งเป็นเบื้องหน้า เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของคนส่วนใหญ่จริงๆ
  “นรกเถอะ! ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันเอาชนะโอวหยางชี่ที่แข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 4 ดาราได้ง่ายดายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
  “ให้ตายเถอะ! ต่อให้เป็นซูหลี่ก็ไม่น่าจะสู้โอวหยางชี่ได้มิใช่หรือไร!?”
  “เหอะๆ ข้าคิดว่าซูหลี่เป็นสัตว์ประหลาดมากเกินพอ…หากต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นสัตว์ประหลาดเท่าซูหลี่ได้ ข้าก็ว่าน่าทึ่งมากแล้ว…แต่ใครจะไปคิดไปฝันว่ามันยังเป็นสัตว์ประหลาดมากกว่าซูหลี่เสียอีก!”
  “บ้าไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่เพียงเข้าใจ 2 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก แต่ยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติด้วยหรือ?”
  …
  การต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโอวหยางชี่ครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนได้เผยให้เห็นพลังความแข็งแกร่งไปอีกระดับ เป็นพลังที่เหนือล้ำสุดที่พลังก่อนหน้าจะเทียบได้!
  ขณะเดียวกันหลายคนก็เริ่มหันไปมองยังทิศทางที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางนั่งอยู่โดยไม่รู้ตัว “ข้าล่ะไม่แปลกใจเลยว่าไฉนจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียนถึงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ที่แท้จริง แต่กลับไม่เคยเหลียวแลโอวหยางชี่สักครั้ง…ที่แท้ต้วนหลิงเทียนกับโอวหยางชี่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!”
  “แล้วต้องทราบด้วยว่าเจ้าโอวหยางชี่นั่นมันอายุมากกว่าต้วนหลิงเทียนเกือบ 300 ปี! แต่พลังฝีมือของมันกลับด้อยยกว่าผู้อื่นเขามาก…ช่องว่างระหว่างมันกับผู้อื่นกว้างใหญ่เกินไป!”
  “สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ไม่เพียงแต่พลังฝีมือตัวเองจะร้ายกาจ กระทั่งศิษย์ที่แท้จริงยังเป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน! นอกจากนั้นข้าได้ยินมาว่า…ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะได้รับสืบทอดมรดกจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางตั้งแต่ระนาบโลกียะ! ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นแม้แต่เซียนอมตะด้วยซ้ำ”
  …
  เดิมทีเรื่องที่ฟงชิงหยางรับศิษย์ หลายคนคิดว่าอาจรับมาเพราะเห็นแก่ความเกี่ยวข้องแต่ไม่ได้อะไรมากมาย ทว่าตอนนี้ทุกคนทราบแล้ว ว่าสายตาของฟงชิงหยางยอดเยี่ยมขนาดไหน
  และทั้งหมดเกิดจากการลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่
  “ต้วนหลิงเทียนนั่น การลงมือแต่ละครั้งของมันช่างทำให้ผู้อื่นตกใจเสียจริง…แต่ข้าไม่ทราบว่าการลงมือเมื่อครู่ของมัน ใช่ใช้พลังทั้งหมดแล้วหรือยัง?”
  “หากมันยังไม่สำแดงพลังทั้งหมดออกมา…เช่นนั้นมันก็อาจเป็นถึงเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ หรือไม่ก็อาจเป็นได้ถึงเทพสงคราม 6 ดารา!”
  “เทพสงคราม 6 ดารา? มันจะเป็นไปได้หรือ? ในประวัติศาสตร์ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ ดูเหมือนว่าเทพสงคราม 6 ดาราจะปรากฏตัวขึ้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยไม่ใช่รึไง? พอมารวมกับที่ศึกอัจฉริยะสวรรค์จัดขึ้นทุกๆพันปี เช่นนั้นต่อให้ผ่านไปหมื่นปีก็ยังยากจะปรากฏเทพสงคราม 6 ดาราออกมาสักคน!”
  …
  ท่ามกลางสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างกลับมายังอัฒจันทร์ที่นั่งอย่างไม่รีบไม่ร้อน และคนที่รออยู่อย่างถังซานเป่า ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมถึงจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ ก็แลดูไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายกับการลงมือของต้วนหลิงเทียน ราวกับทุกคนรู้สึกว่าผลออกมาเป็นแบบนี้ก็สมควรแล้ว
  อย่างน้อยๆในใจของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนก็น่าจะมีพลังระดับนี้แต่แรก
  หากต้วนหลิงเทียนไม่อาจจัดการโอวหยางชี่ได้ พวกมันถึงจะรู้สึกว่าแปลก
  “พี่น้องต้วนท่าน…เมื่อครู่ท่านลงมือเต็มกำลังแล้วรึยัง?”
  ถังซานเป่าเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
  อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนที่ถูกมันถาม ก็เพียงหันกลับมาคลี่ยิ้มมีเลศนัยพลางย้อนถามว่า “ทำไม? หรือหากเมื่อครู่ข้าใช้พลังทั้งหมดแล้ว เจ้ามั่นใจว่าจะจัดการข้าได้งั้นสิ?”
  ถังซานเป่าที่ถูกต้วนหลิงเทียนแฉความในใจ ก็ได้แต่คลี่ยิ้มโง่งมกลบเกลื่อน “ฮาย! พี่น้องต้วนท่านก็นะ เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! อาศัยพลังที่ท่านเผยออกมาเมื่อครู่ ข้าเกรงว่าอย่างดีก็คงทำได้แค่สู้กับท่านไหวเท่านั้นแหล่ะ”