ต้วนหลิงเทียนลงมือสยบโอวหยางชี่ที่มีพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราลงได้อย่างง่ายดาย ย่อมทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย
และไม่ใช่แค่เหล่าอัจฉริยะเท่านั้น กระทั่งบรรดาจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงคนของวิหารเฟิงฮ่าวเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ ด้วยคิดไม่ถึงมาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนที่มีอายุได้ 600 ปีเศษ กลับประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้แล้ว!
ก่อนหน้านี้ ความสำเร็จของซูหลี่ที่บรรลุถึงเทพสงคราม 4 ดารา ก็ทำให้พวกมันตะลึงไปแล้วรอบหนึ่ง
เทพสงคราม 4 ดาราอายุ 600 ปีเศษ…ให้พวกมันมองไปทั่วประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับท้าทายสวรรค์ยิ่งกว่าซูหลี่เสียอีก เปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา เอาชนะอัจฉริยะอย่างโอวหยางชี่ได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้พลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราของซูหลี่แลดูหมองลงถนัดตา
“น้องฟงท่าน…นับว่ารับศิษย์ประเสริฐมาจริงๆ”
ติงฟู่ จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนได้แต่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ และพอเหลือบไปเห็นเว่ยฉีด้านหลัง มันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา…
ส่วนฟงชิงหยางแม้จะทำแค่ยิ้มรับมาพอเป็นพิธีไม่ได้พูดอะไร ทว่าหากใครมีสายตาแหลมคมเข้าหน่อยก็คงสามารถเห็นได้ว่าลึกลงไปในแววตาของฟงชิงงหยางพลันทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นิ่งกับคำชมของติงฟู่อย่างที่คิด
สำหรับเว่ยฉี จักรพรรดิอมตะกระดูกมังกร ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆไร้คำจะกล่าว…
“ดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเราคงไม่มีใครถูกท้าจริงๆแล้วล่ะ…”
ถังซานเป่าส่ายยหัวไปมาพลางงกล่าวว
ตอนนี้ ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเองก็เปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา เท่ากับว่าในบรรดาพวกมันคนที่อ่อนแอที่สุดก็คือเทพสงคราม 4 ดารา เช่นนั้นเรื่องที่ทุกคนจะติด 100 อันดับแรกในรอบที่ 4 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
เช่นนั้นก็คงไม่มีใครอุตริคิดท้าทายให้เสียโอกาสไปเปล่าๆปลี้ๆแน่นอน
เพราะการท้าทายพวกมัน เพียงแต่จะไม่มีโอกาสชนะ ยังเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย…หรือไม่เห็นว่ากระทั่งเทพสงคราม 4 ดาราอย่างโอวหยางชี่ ตอนนี้ยังถูกผู้อื่นหามออกไปราวสุนัขตาย?
และดูจากอาการบาดเจ็บทั่วทั้งร่างของโอวหยางชี่ เกรงว่าต่อให้ใชโอสถอมตะที่มีประสิทธิภาพฟื้นฟูสูงที่สุด ก็คงยากจะหายได้ใน 2-3 วัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับพลังของโอวหยางชี่ เรื่องที่จะรักษาตัวให้พอมีอาการทุเลาและลงประลองใน 2-3 วันหลังจากนี้เพื่อให้ติดอยู่ใน 100 อันดับแรก ก็คงไม่มีปัญหา
กระทั่งต่อให้มันลุกไม่ไหวจริง แต่ด้วยระดับพลังเทพสงคราม 4 ดาราของมัน วิหารเฟิงฮ่าวจงงใจจะเว้นที่ให้มันสักที่เพื่อให้มันผ่านเข้ารอบโดยไม่ต้องประลอง ก็เกรงว่าคงไม่มีใครคิดคัดค้าน…
“โอย…น่าเบื่อจริง”
หลังชมดูการประลองอยู่ 2 วัน ในที่สุดถังซานเป่าก็โอดครวญออกมา
ในช่วงสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 นั้น ถึงแม้บางคนจะเผยให้เห็นพลังฝีมือไม่ธรรมดา แต่อย่างดีก็แค่เทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเท่านั้น ยากที่จะได้เห็นอัจฉริยะระดับเทพสงคราม 4 ดาราลงมือ…
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ถังซานเป่ารวมถึงต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่ก็ไม่อาจกลับไปก่อนได้ เพราะตามกฏของศึกอัจฉริยะสวรรค์ช่วงสุดท้าย ทุกคนก็ทำได้แค่รออู่จนจบ
หาไม่แล้วเกิดมีคนมาท้าประลองตอนไม่อยู่จะให้ทำอย่างไร?
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนเองก็เลือกที่จะหลับตาตั้งแต่เมื่อวันก่อน หากไม่พักสมองก็บ่มเพาะพลังไปพลางๆ
แน่นอนว่าอยู่ในที่แจ้งแบบนี้ เขาก็ไม่กล้านำผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดออกมาใช้เป็นธรรมดา เพราะหากถูกเปิดเผยขึ้นมา ต่อให้อาจารย์เขา ฟงชิงหยาง จะเป็นจักรพรรดิสวรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนและบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว ก็คงอยากจะปกป้องเขาได้
วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลายวันผ่านไปในพริบตา
และในที่สุด ช่วงสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็ใกล้ถึงกาลยุติเต็มที เพราะตอนนี้เหลือผู้ที่ท้าประลองน้อยคนแล้วว และสิทธิ์ในการท้าของพวกมันก็เหลือแค่ไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่ได้ใช้สิทธิ์ 10 ครั้งไปจนหมด
“โอ พวกเจ้ารีบตีๆกันให้ไวเลย ข้าอยากจะดูชมการประลองรอบที่ 5!”..
อัจฉริยะหลายคนที่ชมดูอยู่ กระทั่งอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอบแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
แต่เป็นธรรมดาว่ายังมีอัจฉริยะกวว่าครึ่งที่ชมดูการประลองทุกนัดอย่งสนุกสนาน…อย่างเช่นจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ เพราะสุดท้ายพลังฝีมือของงพวกมันมก็ด้อยกว่าคที่กำลังสู้อยยยู่มาก ไม่ว่าใครสู้กัน พวกมันที่ชมดูก็ได้ประสบการณ์ทั้งแรงบันดาลใจทั้งสิ้น อยู่แค่จะมากหรือน้อยเท่านั้น…
“จบเสียที!”
ในที่สุดหลังจากผ่านไปอีก 3 วัน ช่วงสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็จบลง
“ตลอดหนึ่งเดือนหลังจากนี้ อัจฉริยะทั้ง 100 คนที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 สามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่…และหนึ่งเดือนให้หลัง ขอให้ทุกคนมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ การประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 จักเริ่มต้นขึ้น”
ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ที่รับผิดชอบเป็นประธานกำกับควบคุมการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์กล่าวคำออกมาเสียงดังฟังชัด
และทันทีที่เสียงของมันดังออกมาจนจบคำ ก็เป็นอันว่าศึกอัจฉริยสวรรค์รอบที่ 4 ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
“พี่น้องต้วนช้าก่อน”
ต้วนหลิงเทียนกับพวกก็ออกเดินทางกลับไปยังเขตที่พักที่ทางงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จัดให้ แต่ทว่าระหว่างทางถังซานเป่าก็หยุดลงแล้วกล่าวทักต้วนหลิงเทียนออกมา ทำให้ซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หยุดลงตามไปด้วย
ด้านจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ ไม่ได้กลับมาพร้อมพวกต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด
เพราะพวกมันเองก็รู้ตัวดี ว่าพวกมันทั้ง 3 กับพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ถูกลิขิตให้ไม่อาจอยู่ในแวดวงเดียวกัน
“เจ้ามีอะไรรึ?”
ซูหลี่เอ่ยถามถังซานเป่าด้วยความสงสัย
ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หันไปมองถังซานเป่าทันที ใบหน้าฉายยชัดถึงความสงสัยไม่ต่าง
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน มีสถานที่ๆเรียกว่า ‘ผาบรรพกาล’ อยู่ เรื่องนี้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วหรือยัง”
ถังซานเป่ากล่าวถาม
พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ที่ได้ยินก็ส่ายหัวไปมา
“เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่พวกพี่น้องท่านกำลังทำสมาธิบ่มเพาะพลังกันอยู่ จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนได้ประกาศออกมา…ว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ สามาระเข้าไปชมดูผาบรรพกาลได้”
ถังซานเป่ากล่าวสืบต่อด้วยสองตาเป็นประกาย “ตอนนี้พวกเรากล่าวได้ว่ามีคุณสมบัติเข้าสู่ผาบรรพกาลแล้ว…พวกเราจักไปชมดูกันเลยหรือไม่?”
“ผาบรรพกาล? คืออะไร?”
ซูหลี่ถาม
“อ้าว? พวกพี่น้องท่านไม่รู้จักผาบรรพกาลรึ?”
ถังซานเป่ากวาดตามองทั้ง 3 เบื้องหน้าตาปริบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ผาบรรพกาลที่ว่า เป็นสถานที่ๆจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนรุ่นแรกสร้างเอาไว้…จักรพรรดิสวรรค์คนนั้นยังได้รับการกล่าวขานว่าได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว ทว่าเรื่องนี้เป็นแค่ตำนานเท่านั้น จริงเท็จอย่างไรไม่มีผู้ใดสืบทราบ…”
“เพราะจักรพรรดิสวรรค์ผู้นั้นไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย”
“ผาบรรพกาลที่ว่า ก็เป็นดั่งมรดกที่มันสร้างทิ้งไว้…ว่ากันว่าผาบรรพกาลนั่นเกิดจากการที่จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนรุ่นแรกได้ไปจับยอดฝีมือที่เข้าใจกฏต่างๆมา และใช้ค่ายกลบางอย่างกลืนกินวิญญาณและสำนึกรู้บางส่วนของพวกมันเอาไว้…”
“ทำให้ผาบรรพกาลนั่น แม้จะเทียบกับห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าวไม่ได้ แต่ก็สามารถช่วยให้ผู้ที่ไปชมดูสามารถยกระดับความเข้าใจในกฏได้จากการสัมผัสสำนึกรู้ที่เหลือทิ้งไว้ที่นั่น และเห็นว่าผู้ที่ไม่เคยไป ถ้าได้ชมดูเพื่อทำความเข้าใจกฏครั้งแรก จะได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย”
“และยิ่งมีความรู้ความเข้าใจในกฏแต่เดิมสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น”
ถังซานเป่ากล่าวออกมารวดเดียวจบ
“หืม? มีสถานที่อะไรแบบนั้นด้วยรึ?”
ได้ยินคำพูดของถังซานเป่าซูหลี่ก็หวั่นไหวไม่น้อย และแม้แต่ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็ถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมา
“แล้วผาบรรพกาลที่ว่าอยู่ตรงไหน?”
ซูหลี่เอ่ยถามต่อ
“ฮี่ๆๆ เชิญพี่น้องตามข้าพเจ้ามา! ข้าแอบไปสำรวจที่ทางไว้ก่อนแล้ว และเมื่อครู่ข้ายังเห็นอวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน กับจงกุ้ยอวี่ก็เหมือนกำลังจะมุ่งหน้าไปทางนั้น”
“เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดไปผาบรรพกาลไม่ผิดแน่”
หลังถังซานเป่ากล่าวบอกพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 มันก็นำพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ออกเดินทางทันที ไม่นานก็เหินร่างมาถึงอีกฟากหนึ่งของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน
ไม่นานก็มาถึงพื้นที่ภูเขาอันมีผู้คนบางตา และคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้ก็คืออาวุโสและศิษย์ลาดตระเวนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนทั้งนั้น
พอพวกต้วนหลิงเทียนมาถึงทุกคนก็ถูกอีกฝ่าหยุดตรวจเพื่อสอบถามเช่นกัน พอยืนยันตัวตนเป็นที่แน่ชัดแล้ว ถึงจะถูกปล่อยตัวออกมา
และไม่นานนัก ด้วมีถังซานเป่านำทาง ในที่สุดพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็เดินทางมาถึงยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วม่านเมฆ…ยอดเขานี้ยังทิ่มแทงทะลุเมฆขึ้นไปดั่งงเสาค้ำฟ้า และพื้นที่ใจกลางยอดเขาก็เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาตาไม่อาจมองทะลุผ่านไปได้
เห็นได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เมฆหมอกธรรมดาแน่นอน แต่สมควรเป็นเมฆหมอกที่เกิดจากค่ายกลบบางอย่าง
และถึงแม้จะมีคนเดินทางมาที่นี่ไม่มาก แต่ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง และเห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเป็นอัจฉริยะที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ทั้งสิ้น
“ที่นี่ได้รับการคุ้มกันแน่นหนายิ่ง…”
ถังซานเป่าถอนหายใจออกมาเบาๆ “ผาบรรกาลเป็นดั่งสมบัติสถานอันล้ำค่าของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน และจักรพรรดิสวรรค์ทุกรุ่นก็ยึดถือมันเป็นดั่งสถานสมบัติสำคัญไม่ใช่ว่าจะให้ใครเข้าใช้ได้ง่ายๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบนี้จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนคนปัจจุบันจะใจป้ำนัก ถึงเปิดโอกาสให้พวกเราเข้าไปชมดูได้ตามสะดวก”
“แล้วก็ มีคนบอกว่า…ทั้งหมดเป็นเพราะวิหารเฟิงฮ่าวจ่ายหนักไม่น้อย จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนก็เลยจงใจเปลี่ยนกฏที่ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าเป็นการชั่วคราว เพื่อให้พวกเรามีโอกาสเข้าไป”
“กล่าวได้ว่าหากเป็นแบบนั้นจริง…ก็ถือว่าวิหารเฟิงฮ่าวทำได้ดีทีเดียว”
ถังซานเป่ากล่าว
“วิหารเฟิงฮ่าว?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องวิหารเฟิงฮ่าวมากนัก แต่เขารู้สึกว่าวิหารเฟิงฮ่าวไม่น่าจะใช่ขุมกำลังที่ไม่เห็นแก่ตัว และทำอะไรใจกว้างแบบนี้ได้ ถึงแม้พวกมันจะจัดศึกอัจฉริยะและมอบของรางวัลให้มากมาย แต่เขารู้สึกว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกมันก็คือรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมของระนาบเทวโลกมากกว่า…
และถ้าเป็นอัจฉริยะที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด ไร้ภูมิหลังยิ่งใหญ่ใดๆ ก็อาจถูกวิหารเฟิงฮ่าวจับตัวไป และอาศัยอาคมจำกัดบางอย่าง เพื่อให้อัจฉริยะเหล่านั้นกลายเป็นข้ารับใช้ของวิหารเฟิงฮ่าว
กล่าวได้ว่า วิหารเฟิงฮ่าวไม่ใช่ตัวดีอันใดแน่นอน!
“พวกเจ้าเป็นคนที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์แล้วหรือไม่?”
ไม่นานนัก คนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนที่รับหน้าที่ลาดตระเวนและค่อยดูแลความเรียบร้อยพื้นที่ยอดเขาใกล้ๆทางเข้าผาบรรพกาล ก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 เพื่อทำการตรวจสอบ
“ใช่แล้วอาวุโส”
ถังซานฮ่าวกล่าว
“หวังเค่อ เจ้าพาพวกมันไปพบคนของวิหารเฟิงฮ่าว”
อาวุโสหน่ววลาดตระเวนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน หันไปกล่าวทักศิษย์ลาดตระเวนในหน่วย เพื่อให้พาพวกต้วนหลิงเทียน ไปยังชายขอบอีกด้านของยอดเขา
เมื่อมาถึงชายขอบด้านหนึ่งของยอดเขา ต้วนหลิงเทียนกับพวกก็สังเกตเห็นว่ามีอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอบเหมือนพวกเขา ได้มาถึงก่อนแล้ว
“ยูไล?”
และไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวคนหนึ่ง ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล!
ด้านยูไลหลังสัมผัสได้ถึงสายตาของต้วนหลิงเทียน มันก็หันมามองทันที และสายตาเฉียบคมของมันราวกับตัดระมาสบตากับต้วนหลิงเทียนปานสายฟ้าฟาดในพริบตา…และพอเห็นว่าเป็นต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว ประกายแห่งความโลภก็เรืองขึ้นวาบหนึ่ง ก่อนที่จะหายวับไปแทบจะทันที…