บิดาของต้วนล่างเรียกว่า ‘ต้วนอี้เตา’ เป็นคนที่มีอำนาจในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้พอสมควร กล่าวไปอำนาจของมันก็เป็นรองแค่ต้วนฉิงหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้เท่านั้น และมันยังเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่ง หัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้คนต่อไปอีกด้วย
ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนเองก็สนิทสนมกับต้วนล่างมากกว่าใครในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เช่นนั้นเขาก็เคยพบต้วนอี้เตาครั้งหนึ่ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนองอาจผ่าเผยไม่น้อย และทัศนคติที่มีต่อเขาก็ดีเช่นกัน
วันนี้เป็นวันที่ต้วนล่างแต่งงาน
ตามธรรมเนียมแล้ว ต้วนอี้เตาที่เป็นบิดาของเจ้าบ่าวย่อมไม่ต้องออกมาต้อนรับและทักทายแขกเหรื่อแต่อย่างใด ที่มันต้องงกระทำก็มีแต่นั่งรอให้คู่บ่าวสาวมายกน้ำชาคารวะเท่านั้น
เดิมทีวันนี้สมควรเป็นวันที่ต้วนอี้เตามีความสุข เพราะบุตรชายเพียงคนเดียวของมันกำลังจะวิวาห์
สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว คงมีแต่วันที่ลูกๆของตัวเองแต่งงานออกเรือนไปเท่านั้น ถึงจะรู้สึกว่าลูกๆของตนเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“ท่านลุงอี้เตาออกมาแล้ว!”
“สีหน้าของท่านลุงงอี้เตามิค่อยจะสู้ดีเลย…”
…
ด้วยมีเสีงเอะอะดังขึ้นจากเรือนใหญ่ด้านหลัง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปชมดู จึงพบว่าต้วนอี้เตากำลังเดินเคียงต้วนฉิงออกมาจากบ้าน และสีหน้าของมันก็แลดูอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
นี่เป็นครั้งที่สอง ที่ต้วนหลิงเทียนได้เจอต้วนอี้เตา
ครั้งแรกที่พบกัน ต้วนอี้เตาแลดูองอาจมากอัธยาศัย คนยิ้มแย้มแลดูกล้าหาญอยู่ตลอดเวลา ราวกับไม่มีอะไรยับยั้งรอยยิ้มบนใบหน้าของมันได้
เรียกว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม วันนี้สีหน้าของต้วนอี้เตาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ยังแลดูอัปลักษณ์เป็นที่สุด
ต้วนหลิงเทียนย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่าหากเป็นเพียงเรื่องทั่วไป ไม่มีทางทำให้มันหน้าบูดแบบนี้ได้แน่
เห็นได้ชัดว่าอะไรก็ตามที่ต้วนฉิงนำไปบอกมัน ได้ทำให้อารมณ์ของมันขุ่นมัวจนต้องเผยออกบนใบหน้า
“ท่านพ่อ”
เมื่อเห็นต้วนอี้เตาเดินออกมา ต้วนล่างงก็เสมือนพบเจอผู้ช่วยชีวิต สองเท้าก้าวอาดๆไปหุดหน้าบิดาทันที “หมู่บ้านสกุลเถี่ยรังแกผู้คนเกินไปแล้ว คนที่ข้าต้องตบแต่งด้วยวันนี้เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นเถี่ยหยู บุตรีของหัวหน้า 2 แห่งหมู่บ้านสกุลเถี่ย…แต่วันนี้ผู้ที่มากลับเป็นเถี่ยเหิง หัวหน้า 4 แห่งสกุลเถี่ย ทั้งยังจะยัดเยียดให้ข้าตบแต่งกับลูกสาวมันแทนเถี่ยหยู!”
“การแต่งงานครั้งนี้ทางสกุลต้วนเรากับสกุลเถี่ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่พวกมันมาเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเอาดื้อๆ เห็นชัดว่าไม่เห็นหัวสกุลต้วนของพวกเราเลย!”
กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของต้วนล่างก็ทวีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม
ด้านต้วนอี้เตาพอได้ยินคำพูดของลูกชายสีหน้ามันก็อ่อนลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามลึกลงไปในแววตาของมันกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจับใจ “ล่างเอ๋ออยย่าได้กล่าวเหลวไหล…วันนี้คนที่เจ้าต้องตบแต่งด้วยก็คือ เถี่ยหลานอวี้ บุตรีของหัวหน้า 4 เถี่ยเหิง มีใช่เถี่ยหยู…”
“งานแต่งวันนี้เป็นพ่อรับปากผู้อื่นเขาไปเอง…ย่อมไม่ผิดคนแน่ เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหลอีก”
“เอาล่ะ…ตอนนี้เจ้าไปขอขมาหัวหน้า 4 เสีย แล้วก็เตรียมเข้าพิธีกับว่าที่ภรรยาของงเจ้าได้แล้ว”
คำพูดของต้วนอี้เตาพอดังออกมา ก็ไม่ใช่แค่ต้วนล่างเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่คนของงสกุลต้วนโดยรอบก็อึ้งไปตามๆกัน ลูกตาของพวกมันแต่ละคนเบิกกว้างปานพบเห็นภูตผีกลางวันแสกๆ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่ต้วนล่างต้องตบแต่งด้วยมิใช่เถี่ยหยูหรอกหรือ? ไฉนถึงกลายไปเป็นเถี่ยหลานอวี้เสียเล่า?”
“จะมีเรื่องผิดพลาดถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“แต่ลุงงอี้เตาก็กล่าวออกชัดเจน…หรือเป็นพวกเราเข้าใจผิดไปแต่แรก?”
“มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร…ในบรรดารุ่นเยาว์ของสกุลเถี่ย ก็เห็นทีจะมีแต่เถี่ยหยูเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับต้วนล่าง เถี่ยหลานอวี้คนนี้ไม่เพียยงแต่อ้วนฉุเท่านั้น แต่นิสัยใจคอยังไม่เหมาะแต่งเข้าบ้านเป็นที่สุด ลุงอี้เตาไฉนถึงคิดผลักต้วนล่างเข้ากองไฟด้วยการให้แต่งกับนางได้?”
“แต่ที่ลุงอี้เตาพูดมา มันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นเช่นนั้นนี่…”
“ที่แท้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ไฉนข้าคิดว่าที่ลุงอี้เตาพูดออกมาแบบนั้น เป็นเพราะความจากเถี่เหิงที่ท่านปู่ฉินเอาไปบอกลุงอี้เตากัน?”
“พวกเจ้าดูสีหน้าลุงอี้เตาเข้าเถอะ แทบดูไม่เป็นผู้คนแล้ว…”
“ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ คงงมิได้ง่ายดายอย่างที่เห็น”
…
ผู้คนของสกุลต้วนทิศใต้กระซิบกระซาบกันดังระงม ทั้งหมดเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไรสักอย่างเป็นแน่
’
ในฐานะผู้ที่เฝ้ามองเรื่องราวอยู่ตลอด ต้วนหลิงเทียนเองก็มั่นใจได้แล้ว
เรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน..
และพอเขาหันไปสังเกตสีหน้าท่าทีของเถี่เหิงกับเถี่ยหลานอวี้ เขาก็พบว่าพวกมันสองพ่อลูกกำลังยิ้มแสยะ ฉายชัดถึงความเย้ยหยัน มองต้วนล่างด้วยสายตาดูแคลนราวสหายเขาไม่ใช่คน
“ท่านพ่อ ท่าน…ไฉนถึงกล่าวเช่นนี้เล่า? ข้าไหนเลยจะไม่รู้ได้ว่าข้าต้องแต่งกับผู้ใด?”
หลังจากต้วนล่างได้สติกลับมา มันก็ส่ายหัวด้วใบหน้าแดงก่ำ “ตอนนั้นที่ข้าตอบตกลง เพราะทราบวว่าเจ้าสาวของข้าก็ถือเถี่ยหยู…เช่นนั้นคนที่ข้าต้องตบแต่งด้วก็คือเถี่ยหยู มิใช่เถี่ยหลานอวี้!”
“คนที่ข้าต้วนล่างต้องแต่งด้วยวันนี้ มิใช่นาง!”
ขณะกล่าวประโยคท้าย ต้วนล่างก็ตะคอกเสียงจนแทบกลายเป็นการคำรามอยู่รอมร่อ
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่ต้วนอี้เตาจะได้พูดอะไรออกมาอีกครั้งสีหน้ายยังเริ่มมืดลงไม่ทันไร ก็เป็นเถี่ยหลานอวี้ที่หัวเราะออกมาดังร่า สองมือยกขึ้นเท้าสะเอวซึ่งไม่เห็นว่าเป็นเอว กล่าวว่า “ต้วนล่าง ถึงวันนี้เจ้าจะไม่เต็มใจแต่งกับข้าแค่ไหน แต่วันนี้เจ้าจะอย่างไรก็ต้องแต่งกับข้า!!”
“เจ้า ไม่มีสิทธิ์เลือก!!”
“ก็จริงที่ในอดีตสกุลเถี่ยเราตกลงเรื่องให้เจ้าแต่งกับเถี่ยหยู…แต่ตอนนี้ คนที่เจ้าต้องแต่งงานด้วยก็คือข้า เถี่ยหลานอวี้ ผู้นี้!”
เถี่ยหลานอวี้กล่าวถึงท้ายประโยค รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ฉายชัดถึงความประชดแดกดัน “แน่นอนว่าเจ้าสามารถล้มเลิกงานแต่งกับข้าได้…แต่หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เจ้าที่จะต้องซวย กระทั่งเจ้ายังจะลากทั้งสกุลต้วนของเจ้าให้เคราะห์ร้ายไปด้วย!”
“ต่อให้ตาย ข้าก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า!”
ต้วนล่างหันไปมองเถี่ยหลานอวี้ด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยังเย็นยะเยือกปานจะแช่แข็งผู้คน
“ล่างเอ๋อ เจ้าต้องแต่งกับนาง!”
ทันใดนั้นต้วนอี้เตาพลันกล่าวคำขาดออกมา ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ “เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าเจ้าเป็นคนของสกุลต้วน…เจต้าลืมเรื่องีท่ข้าสั่งสอนเจ้าตั้งแต่เด็กไปแล้วหรือไร? เพื่อสกุลต้วนแล้ว ผลประโยชน์ส่วนตนนับเป็นเรื่องอันเล็กน้อย!”
สีหน้าท่าทีของต้วนล่างกลายเป็นมืดดำ โพล่งคำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอม “ท่านพ่อ เพราะอะไร?”
นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันขึ้นเสียงตั้งคำถามกับบิดาเช่นนี้
แต่ในสายตาของมัน
ต่อให้วันนี้มันต้องตาย ก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันตายเพราะอะไร
เดิมทีตั้งแต่ตอนที่เห็นบิดาเดินออกมา มันก็รู้สึกว่าท่าทีของบิดามีอะไรผิดแปลก บัดนี้พอได้ยินคำพูดของบิดา มันก็ยิ่งตระหนักชัดว่าเรื่องราวผิดท่าแน่แล้ว และมันอยากจะรู้นักว่าที่แท้เป็นเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้บิดามันเป็นเช่นนี้
พ่อของมันเป็นอย่างไร มันย่อมรู้ดีกว่าใคร
ต่อให้เป็นผู้นำของสกุลเถี่ยมาเอง พ่อมันก็ไม่มีวันก้มหัวให้อีกฝ่ายแน่!
เช่นนัน้มันเชื่อว่าเบื้องหลังของเรื่องราววันนี้ ต้องมีอะไรซ่อนเร้นอยู่!
“ล่างเอ๋อ…”
จังหวะนี้ต้วนอี้เตาได้แต่กัดฟันดังกรอด มันตระหนักดีว่าจำเป็นต้องเล่าเรื่องราวให้ลูกชายฟังให้กระจ่าง หาไม่แล้วลูกชาของมันไม่มีวันยอมรับเรื่องราวได้แน่ จากนั้นมันก็ไม่รีบพูดอะไร เพียงก้าวไปไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลงข้างๆต้วนล่าง กล่าวคำข้างหูต้วนล่างไม่กี่คำ
และสีหน้าขึงขังของต้วนล่างก็แปรเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าขณะรับฟัง
สุดท้ายหลังต้วนอี้เตากล่าวจบได้สักพัก ต้วนล่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ…ฮ่าๆๆๆ…ที่แท้เป็นเช่นนี้…ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!!”
“หืม?”
ท่าทางของต้วนล่างทำให้หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนยู่ย่นเป็นปมทันที เขาย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ว่าต้วนล่างสมควรรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว
และสิ่งที่ต้วนล่างพึ่งรับรู้ ก็ไม่พ้นเป็นถ้อยคำที่เถี่ยเหิง เดินไปกระซิบข้างหูต้วนฉิงก่อนหน้าแน่นอน
ครู่ต่อมา เขาก็พบว่าต้วนล่างที่หยุดหัวเราะแล้วค่อยๆหันหลังกลับอ่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นก็ก้าวอาดๆไปหยุดลงเบื้องหน้าพ่อลูกสกุลเถี่ยท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคนในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้
“ต้วนล่างเป็นอันใดไป คิดตกลงแล้วหรือ?”
“ไฉนข้ารู้สึกว่าต้วนล่างหมดสิ้นความอดทนแล้วกันนะ”
“ที่แท้ลุงอี้เตาบอกอะไรต้วนล่างกันแน่”
…
ท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ต้วนล่างที่เดินมาหยุดลงเบื้องหน้าเถี่ยเหิงกับเถี่ยหลานอวี้ ก็มองทั้ง 2 เบื้องหน้า จากนั้นก็กล่าวถามออกมาเสียงเบา “พวกเจ้าคิดว่า…วันนี้ข้าต้วนล่าง จะลดตัวลงไปทำตามคำพูดของพวกเจ้าอยู่กระมัง?”
“ฮึ!”
ก่อนที่เถี่ยเหิงจะทันได้พูดอะไร เถี่ยยหลานอวี้ก็พ่นลมขึ้นจมูก กล่าวคำปรามาสด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ดูเหมือนพ่อเจ้าจะบอกเรื่องราวให้เจ้ารับทราบแล้วกระมัง…ทำไม เจ้าไม่ยอม?”
“อาศัยเจ้า มีความกล้าเช่นนั้น?”
“เพราะนั่นมิใช่อะไรที่เจ้า…หรือทั้งหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ของเจ้าจะแบกรับได้!”
“อ้อ…กล่าวไปแล้วต่อให้เป็นหมู่บ้านย่อยสกุลต้วนทั้งหมดมัดรวมกัน ก็ยังมิอาจแบกรับโทสะของท่านผู้นั้นได้ไหว!!”
ยิ่งมาน้ำเสียงของเถี่ยหลานอวี้ยยิ่งงทวีความดูถูกมากขึ้นเรื่อยๆ
และทุกคนในสกุลต้วนทิศใต้พอได้ยิน ก็เสมือนเริ่มเข้าใจเรื่องงราวอะไรได้อย่างคลุมเครือ
ด้านต้วนหลิงเทียนเองที่ยืนฟังอยู่ ก็รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดเบื้องหน้า มีคนที่คอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง…และคนๆนั้นก็เป็นตัวตนที่หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ หรือแม้แต่หมู่บ้านสกุลต้วนทั้งหมด ไม่อาจตอแยด้วยได้!
“ลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้!”
“ใต้หล้าไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมชะตาชีวิตข้าต้วนล่างได้! ไม่มีผู้ใดทำได้!!”
ท่ามกลางสายตาของทุกคนรวมถึงต้วนหลิงเทียนที่มองดูแผ่นหลังงของต้วนล่างอยู่นั้น ด้านต้วนล่างอยู่ๆก็ยกมือขึ้นชี้หน้าพ่อลูกสกุลเถี่ย จากนั้นพอกล่าวจบคำอยู่ดีๆทั่วร่างของมันก็ปรากฏประกายอัสนีวาบลั่นออกมาแปลบปลาบ
‘ผิดท่าแล้ว!’
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที พลังมิติปะทุขึ้นฉับไว ร่างยังอันตรธานหายไปในความว่างเปล่าทันที
“ล่างเอ๋อ อย่าได้!!”
และก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนจะเริ่มเคลื่อนไหว ด้านต้วนอี้เตาที่ได้ยินต้วนล่างพูดไปถึงครึ่งประโยค มันก็ตระหนักได้ว่าต้วนล่างคิดทำอะไร! ร่างของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟ พุ่งออกไปฉับไว!
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ด้านต้วนอี้เตามาถึงเบื้องหน้าต้วนล่างเรียบร้อย แต่สิ่งที่ต้อนรับมันก็คือมวลพลังอัสนีที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็บังเกิดคลื่นพลังกระแทกกระทั้นอันร้ายกาจพร้อมกับหมอกโลหิตปะทุออกมาจากร่างต้วนล่างสาดชโลมไปทั่วร่างต้วนอี้เตา…
แม้แต่พ่อลูกสกุลเถี่ยเองก็โดนละอองเลือดที่ฟุ้งออกมาจากต้วนล่างย้อมไปทั้งตัว
และตอนนี้เองร่างต้วนหลิงเทียนก็พึ่งปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า เขาก็หยุดมองจ้องละอองโลหิตเบื้องหน้าด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
ต้วนล่างฆ่าตัวตาย!
คนของสกุลต้วนโดยรอบพากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ต้วนฉิงหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เผยสีหน้าแววตาสลดหดหู่ หลับตาลงด้วยความโศกศัลย์ ราวกับว่ามันกำลังเสียใจกับอะไรบางอย่าง
“เพราะอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรกที่ฟื้นคืนสติ เขาหันไปมองจ้องงต้วนอี้เตาพลางถามเสียงหนัก “เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง…ท่านพูดอะไรกับต้วนล่าง?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกว่า ต้วนอี้เตา คงไม่คิดทำร้ายต้วนล่าง
อย่างไรก็ตาม ต้วนล่าง ได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบนี้ เพราะได้ยินคำพูดของต้วนอี้เตาไม่ผิดแน่…
ทว่าคำถามของต้วนหลิงเทียนก็เป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ เพราะตอนนี้ต้วนอี้เตาเสมือนคนใจสลาย ไร้ซึ่งวิญญาณไปแล้ว สองมือมันสั่นเทามองจ้องกองโลหิตบนพื้นด้วยความโศกเศร้าจับใจ “ล่างเอ๋อ…เจ้า…พ่อมันไม่เอาไหน! เป็นพ่อไม่เอาไหน! เป็นพ่อผิดต่อเจ้า! เป็นพ่อผิดต่อเจ้าแล้ว!!”
ด้านคนของสกุลเถี่ย ไม่เวว้นพ่อลูกสกุลเถี่ยเองก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย
พอเถี่ยเหิงกลับมารู้สึกตัว มันก็ประสานมือไปยังกองเลือดเบื้องหน้าคล้าทำความเคารพ จากนั้นก็หันไปพูดกับเถี่ยหลานอวี้เสียงอ่อน “กลับกันเถอะ…ผู้คนก็ตกตายไปแล้ว งานวิวาห์ก็คงต้องสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้”
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันคิดจะจากไป แต่ไหนเลยคนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้จะยอมให้พวกมันจากไปได้ง่ายๆ?
ท้ายที่สุดแล้ว ต้วนล่างก็ฆ่าตัวตายเพราะพวกมัน!