หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจไม่กล้าแย้งคำปรามาสดังกล่าว ผู้คนในโรงประมูลก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันจริงๆ
เพราะถึงแม้หานลี่กังจะเป็นราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าราชาเทพขั้นสูงทั่วไป ทว่าต่อหน้ายอดฝีมือมากประสบการณ์อย่างมู่หรงสุยเฟิง ที่อาจจะบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว มันก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้
แต่กระนั้น การปรากฏตัวของคนจากนิกายหมื่นปีศาจ ก็ทำให้หลายๆคนในโรงประมูลประหลาดใจ “นิกายหมื่นปีศาจมักขัดแย้งกับนิกายหมอกเร้นลับอยู่เสมอ แต่คราวนี้คนของพวกมันกล้ามาเหยียบเมืองวายุสวรรค์ของพวกเราเชียวหรือ?”
“นั่นสิ เมืองวายุสวรรค์ของพวกเรา ก็ถือเป็นเมืองของนิกายหมอกเร้นลับกลายๆ…คนของนิกายหมื่นปีศาจกล้าเข้ามาเช่นนี้มันไม่กลัวถูกล้อมสังหารหรือไร?”
“ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก…ถึงแม้นิกายหมอกเร้นลับจักมีความขัดแย้งกับนิกายหมื่นปีศาจ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นกลุ้มรุมสังหารคนของนิกายหมื่นปีศาจต่อหน้าผู้คนอย่างโจ่งแจ้งหรอก…”
“จะอย่างไรก็ช่าง ลองคนของนิกายหมื่นปีศาจมาด้วยแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็สนใจเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพอย่าง เคล็ดเทพ 6 เงา ไม่น้อย…”
…
ความขัดแย้งระหว่างอาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ หานลี่กัง กับคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มู่หรงสุยเฟิง นับเป็นฉากเล็กๆในงานประมูลตระกูลโจวเท่านั้น
หลังจากที่ของประมูลชิ้นแรกถูกนำขึ้นเวที ความสนใจของผู้คนในโรงประมูลก็ถูกดึงดูดไปทันที
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน นี่เป็นรายการประมูลชิ้นแรกในงานประมูลที่ตระกูลโจวเราจัดขึ้นวันนี้…”
เมื่อโจวอวิ๋นทื่นอู่บนเวทีประมูลกล่าวออกมา ทุกสายตาก็จับจ้องมองไปที่นางทันที
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาชมมองของผู้คน โจวอวิ๋น ก็สะบัดมือเรียกขวดโอสถเทพออกมาจากแหวนพื้นที่ของนาง ยิ้มกล่าวออกมาเสียงดังว่า “ในขวดโอสถขวดนี้ มีเม็ดยาเทพอยู่ด้วยกัน 3 เม็ดยา ได้แก่ เม็ดยาเทพเจี๋ย เม็ดยาเทพอี๋ และเม็ดยาเทพปิ่ง!”
“อย่างที่พวกท่านทราบกันดี ว่าเม็ดยาเทพทั้ง 3 นั้นหากแยกกันก็มิได้มีผลเลิศล้ำอันใดมากมายนัก และช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะให้ราชาเทพได้ไม่แตกต่างอะไรจากโอสถเทพขนานอื่น…อย่างไรก็ตามหากรับประทานพวกมันด้วยกัน ก็สามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์อัศจรรย์ยิ่ง!”
“ร่ำลือกันว่า ยิ่งผู้ที่ใช้มันมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะสูงส่งเท่าใด ประสิทธิผลจากโอสถเทพชุดนี้ก็จักยิ่งให้ผลเลิศล้ำมากขึ้นเท่านั้น…อย่างเช่นอัจฉริยะของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพคนหนึ่ง หากบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเทพล่ะก็ แม้จักพึ่งบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นต่ำได้ไม่นาน แต่เมื่อใช้โอสถเทพ 3 เม็ดยาชุดหนึ่ง ก็จักทะลวงถึงเทพขั้นกลางในคราวเดียว!”
“และหากบ่มเพาะพังด้วยเคล็ดวิชาระดับอริยะเทพในตำนาน…เห็นว่าต่อให้เป็นเทพขั้นต่ำ ไม่แน่ก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้ในคราวเดียว!”
“แต่ถึงแม้จักมิได้บ่มเพาะพังด้วยเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเทพหรืออริยะเทพ…ตัวตนในขอบเขตเทพยามใช้มัน ก็จะช่วยส่งเสริมพลังฝึกปรือได้ไม่น้อยอยู่ดี”
“โอสถเทพ เจี๋ย อี๋ ปิ่ง นี้ท่านแขกผู้มีเกียรติจักใช้เองก็ดี จักประมูลไปให้รุ่นเยาว์ในขุมกำลังก็ดี…สิ่งนี้ มิแตกต่างจากของขวัญจากฟ้า!”
โจวอวิ๋นกล่าวแนะนำของที่นำขึ้นประมูลเป็นรายการแรกอย่างฉะฉาน และวาจาไม่กี่คำของนาง ก็ทำให้บรรยากาศในโถงประมูลเริ่มคึกคักขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่ยังรั้งอู่ในขอบเขตเทพทั้งหลายล้วนตาลุกวาวกันทั้งนั้น
“โอสถเทพ เจี๋ย อี๋ ปิ่ง ทั้ง 3 เม็ดยา มิว่าจักเป็นโอสถเทพชนิดใดโอกาสหลอมปรุงสำเร็จก็มิได้สูงนัก…มิใช่เรื่องราวอันง่ายดายเยที่จักรวบรวมพวกมันได้ครบชุด 3 เม็ดในเวลาเดียวกัน เกรงว่านอกจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแล้ว ให้เป็ขุมกำลังระดับราชาเทพที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังยากจะรวบรวมพวกมันได้ครบทั้ง 3 เม็ดในเวลาเดียวกัน”
“บัดนี้โอกาสประเสริฐอยู่เบื้องหน้าทุกท่านแล้ว…โอสถเทพ เจี๋ย อี๋ ปิ่ง ทั้ง 3 เม็ดในขวดนี้ มีราคาเปิดประมูลเพียงแค่หินเทพ 3,000 ตำลึงเท่านั้น!”
“ทุกครั้งที่เพิ่มราคาประมูล…ต้องเพิ่มหินเทพมิน้อยกว่า 1,000 ตำลึง!”
ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังตาลุกวาวและคิดจะเคลื่อนไหว โจวอวิ๋น พิธีกรบนเวทีประมูลก็เริ่มประกาศราคาเริ่มต้นของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งออกมา ท่ามกลางความคาดหวังของผู้คนที่มาเขาร่วมงานประมูลตระกูลโจว
“หินเทพ 3,000 ตำลึง!”
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่โจวอวิ๋นกล่าวจบคำ ก็มีผู้คนในโถงรวมโพล่งราคาออกมาเสียงดังฟังชัด ผลักดันบรรยากาศในโรงประมูลให้พุ่งสูงขึ้นทันใด
“หินเทพ 4,000 ตำลึง!”
ไม่ทันที่โจวอวิ๋นจะขานราคาซ้ำ ก็มีอีกเสียงที่โพล่งดังขึ้น
และคาวนี้หลังเงียบไปหนึ่งลมหายใจ ก็มีเสียงเพิ่มราคาดังขึ้นจากมุมหนึ่งของโถงรวม “หินเทพ 5,000 ตำลึง เด็กน้อยหลบไปเสีย!!”
หินเทพ 5,000 ตำลึง!
ราคาดังกล่าว อันที่จริงแล้วก็แทบจะเป็นราคากลางของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดรวมกันในสถานการณ์ปกติ
ท้ายที่สุดแล้วหากคนทั่วไปรับประทานโอสถเทพชุดนี้ แม้จะเป็นเพียงเทพขั้นต่ำ แต่ด่านพลังก็ไม่แน่ว่าจะทะลวงขั้น เพียงแค่มีความก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น…เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจักรพรรดิเทพหรืออริยะเทพให้ฝึกปรือ
“แขกท่านนี้เสนอราคาหินเทพ 5,000 ตำลึง ไม่ทราบมีผู้ใดคิดเพิ่มราคาหรือไม่?”
โจวอวิ๋นที่ยืนบนเวทีประมูล เอ่ยถามเสียงดัง
“ไม่มีแขกท่านใดเสนอราคาแล้วหรือ?”
“เช่นนั้น หินเทพ 5,000 ตำลึงครั้งที่ 1!”
โจวอวิ๋นเริ่มทำการนับถอยหลังทันที และหากนับถึง 3 แล้วถ้าไม่มีผู้ใดเสนอราคาประมูลเพิ่มอีก เช่นนั้นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ก็จะถูกขายให้แก่ผู้ที่เสนอราคาหินเทพ 5,000 ตำลึงทันที
“ผู้คนในห้องส่วนตัว ไม่มีใครสนใจหรือ?”
หลายคนในโถงรวมเริ่มหันไปแหงนมองหน้าต่างห้องส่วนตัวทั้งหลาย
“หินเทพ 6,000 ตำลึง”
ท่ามกลางสายตาคาดหวังของผู้คนที่หันไปแหงนมอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้จากห้องส่วนตัว น้ำเสียงยังแหลมเล็กน้อย
ได้ยินเสียงดังกล่าว หลายคนในโถงประมูลรวมก็จดจำเจ้าของเสียงได้ทันที “เสียงนี้มัน…มิใช่นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งหรือไร?”
“เป็นเสียงนายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งจริงๆ!”
ตระกูลจ้ง ก็เป็นตระกูลระดับราชาเทพตระกูลหนึ่งในเมืองวายุสวรรค์ และชื่อเสียงก็พอๆกับตระกูลโจว
และที่ไฉนมีผู้คนมากมายจดจำได้ว่าเป็นเสียงของนายท่าน 4 ตระกูลจ้งนั้น เพราะอีกฝ่ายรับหน้าที่ดูแลเหลาอาหารแห่งเดีวของตระกูลจ้ง ทำให้ผู้ที่เคยแวะเวียนผ่านไปลิ้มลองอาหารเลิศรสของเหลาอาหารตระกูลจ้ง มักคุ้นเคยกับเสียงของมันดี
“ดูเหมือนสหายหลาท่านจักจดจำเสียงของข้านายท่าน 4 ตระกูลจ้งผู้นี้ได้…ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก และคงประเสริฐยิ่งหากทุกท่านไว้หน้าข้า วางมือจากโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง เพื่อให้ข้านำไปเป็นของขวัญให้ลูกชายคนเล็กของข้า!”
เมื่อมีหลายๆคนจดจำเสียงของนาย 4 ตระกูลจ้งได้ เจ้าตัวก็ส่งเสียงออกมาจากห้องส่วนตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ด้วยคำพูดดักคอผู้อื่นดังกล่าวของมัน ทำให้โจวอวิ๋นที่อยู่บนเวทีประมูลขมวดคิ้วทันที “นาย 4 สกุลจ้ง เจ้าคิดท้าทายอำนาจตระกูลโจวเราหรือไร เจ้ากล่าวเช่นนั้นมิใช่คิดกดดันผู้อื่นไม่ให้เสนอราคาประมูลโต้งๆ นี่ขัดต่อกฏการประมูลของโรงประมูลตระกูลโจวเรา!”
“หรือ…เจ้าอยากให้ทุกครั้งที่โรงประมูลตระกูลจ้งเจ้าจัดงาน ให้พวกเราไปกล่าวเช่นนี้บ้างดีหรือไม่?”
เป็นธรรมดาที่โจวอวิ๋นไม่พอใจกับคำพูดดังกล่าวของนาย 4 ตระกูลจ้ง เพราะเมื่อมันพูดแบบนี้ออกมา คนที่กล้าเสนอราคาต่อก็ถือว่าไม่ไว้หน้ามัน เช่นนั้นก็อาจเป็นการล่วงเกินตระกูลจ้งได้
ต้องทราบว่าแขกที่เข้าร่วมการประมูล ก็ใช่ว่าจะมีฐานะและอำนาจมากพอจะงัดกับตระกูลจ้งได้ทุกคน
ทว่าถึงจะเป็นคนทั่วไป ก็ไม่ขาดผู้ที่มีกำลังซื้อโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง
แต่ผู้ที่มีกำลังซื้อเหล่านั้น เป็นธรรมดาวว่าไม่กล้าล่วงเกินตระกูลจ้ง!
อยู่ๆมาโพล่งให้ผู้อื่นไว้หน้ากลางงานประมูล ยังจะมีใครอยากแข่งประมูลอีก น่าอึดอัดไหมเล่า?
และไม่ต้องพูดถึงตระกูลจ้งทั้งตระกูล เอาแต่ตัวนาย 4 ตระกูลจ้งเองก็เป็นเทพขั้นสูง ที่เจียนบรรลุถึงราชาเทพเต็มที คนทั่วไปที่คิดประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สู้มันได้
“ฮ่าๆๆๆ…!”
นาย 4 ตระกูลจ้งหัวเราะ “อาวุโสโจวอวิ๋นอย่าได้มีโทสะ ข้ามิได้ตั้งใจจะฝ่าฝืนกฏการประมูลของตระกูลโจวท่าน…พอดีมีสหายไม่น้อยจดจำข้า นาย 4 ตระกูลจ้งได้ ข้าก็เลยแปลกใจจึงกล่าวคำออกไปโดยไม่รู้ตัว”
พอกล่าวชี้แจงจบ นา 4 ตระกูลจ้งก็โพล่งออกมาเสียงดังสืบต่อ “สหายทุกท่าน ข้านาย 4 ตระกูลจ้งเพียงกล่าวไปโดยไม่ตั้งใจ…หากสหายท่านใดยังต้องการโอสถเทพทั้ง 3 เม็ด ก็สามารถเพิ่มราคาประมูลได้ ข้านาย 4 ตระกูลจ้งยินดีแข่งขันอย่างเป็นธรรม”
อย่างไรก็ตามเสียงโพล่งของนาย 4 ตระกูลจ้งนั้น กลับเยียบเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด มีอำนาจขู่ขวัญผู้คนอยู่บ้าง
ขอเพียงผู้ฟังไม่ได้มีปัญหากับการได้ยิน ย่อมได้ยินถึงการคุกคามชัดเจน
พอนาย 4 ตระกูลจ้งกล่าวจบ มันก็ถามโจวอวิ๋นด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม “เช่นนี้อาวุโสโจวอวิ๋นพอใจแล้วหรือไม่?”
“เจ้า…”
ในขณะที่สีหน้าโจวอวิ๋นเปลี่ยนไป และดวงตาของนายเริ่มฉายแววเยียบเย็น พลันมีเสียงอ่อเยาว์หากแต่เต็มไปด้วยพลังหนึ่งดังขึ้นจากห้องส่วนตัวห้องอื่น “หินเทพ 7,000 ตำลึง”
พอเสียงดังกล่าวดังขึ้นมา ชายวัยกลางคนในห้องส่วนตัวหมายเลข 6 ที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้ามันก็ชะงักค้างไปทันใด…ยังทุบโต๊ะเบื้องหน้าดัง ‘ปั้ง’ กล่าวสบถอย่างหัวเสียว่า “มารดามันเถอะ…ตัวบัดซบที่ไหน จึงไม่ไว้หน้าข้า!?”
เป็นธรรมดาว่าเสียงสบถของนาย 4 ตระกูลจ้งไม่ได้ดังอะไรมากมาย เพียงได้ยินกันแต่ในห้องส่วนตัวของมันเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม เสียงทุบโต๊ะดัง ‘ปั้ง’ ของมันนั้น กลับดังสนั่นเข้าหูทุกคนในโถงประมูลชัดเจน
“นายท่าน 4 เสียงเมื่อครู่ดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข 9”
ด้านหลังนาย 4 ตระกูลจ้ง ชายชราคนหนึ่งพลันก้าวออกมา 2 ก้าว กล่าวคำขณะมองไปยังห้องส่วนตัวด้านนอก
“ห้องส่วนตัวหมายเลข 9?”
สองตานาย 4 ตระกูลจ้งฉายแววเย็นชาเรืองวูบ “ห้องหมายเลข 9 นั่น…มิใช่คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกระมัง?”
“มิใช่ ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1-5”
ชายชรากล่าวออกอีกครั้ง
“ประเสริฐ! ประเสริฐนัก…กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดแข่งกับข้า!”
ยิ่งมาประกายในดวงตาของนาย 4 ตระกูลจ้งก็ยิ่งเยียบเย็น สุดท้ายหลังนิ่งไปครู่หนึ่ง มันก็โพล่งออกมาอีกครั้ง “หินเทพ 8,000 ตำลึง”
คราวนี้ถึงแม้นาย 4 ตระกูลจ้งจะไม่ได้กล่าวอะไรมากความ แต่น้ำเสียงเพิ่มราคาประมูลของมันก็เย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน พาลให้ผู้คนในโถงรวมที่ได้ยยินรู้สึกเสมือนร่วงตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
“ดูเหมือนนายท่าน 4 จะมีโมโหแล้วจริงๆ”
“ไม่ทราบผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เป็นผู้ใดกันแน่…แม้วันนี้นายท่าน 4 แซ่จ้งจะได้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไป แต่ทว่าต้องจ่ายหินเทพ 8,000 ตำลึงเช่นนี้ ข้าเกรงว่าคงไม่คิดปล่อยมันไปง่ายๆแน่!”
“ไม่รู้จริงๆว่ามันคิดอะไรอยู่ รู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นนาย 4 ตระกูลจ้ง แต่มันยังกล้าเพิ่มราคาอีก”
…
ผู้คนในโถงรวมเริ่มซุบซิบคุยกันอย่างออกรส
ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 สมควรรู้แล้วว่าอะไรควรไม่ควรและเลิกเพิ่มราคา อ่างไรก็ตามผลที่ตามมาจากการเพิ่มราคาเมื่อครู่ก็ทำให้นาย 4 ตระกูลจ้งหัวเสียไม่น้อย และมีแนวโน้มว่าหากยังกล้าเพิ่มราคาอีกครั้ง นาย 4 ตระกูลจ้งก็ไม่บ้าจี้เพิ่มราคาตามแล้ว
หินเทพ 8,000 ตำลึง!
สำหรับโอสถเทพทั้ง 3 เม็ด นับว่าแพงหูฉี่!
ไม่แพงธรรมดา แต่แพงโคตร!
และในขณะที่ทุกคนหันไปมองห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ก็บังเกิดเสียงดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข 9 อีกครั้ง “หินเทพ 10,000 ตำลึง”
ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 มองผ่านหน้าต่างไปยังขวดโอสถในมือโจวอวิ๋นบนเวทีประมูลด้วยความสนใจ กล่าวเสนอราคาออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ไม่ได้แยแสภัยคุกคามในน้ำเสียงของนาย 4 ตระกูลจ้งเลย