โอสถเทพทั้ง 3 เม็ดอย่าง เจี๋ย อี๋ ปิ่ง นั้น ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่ามันมีสรรพคุณอย่างไร ตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่ในเมืองหลินซาน
หากแยกโอสถเทพทั้ง 3 ออกมาแบ่งขายทีละเม็ดยา เกรงว่าเม็ดยานึงขายในราคาหินเทพ 1,000 ตำลึงก็จัดว่าเหมาะสม ขาย 3 เม็ดยารวมกัน 3,000 ตำลึงถือว่าปกติ กระทั่งตั้งราคาหินเทพ 4,000-5,000 ตำลึงก็คงไม่มีใครซื้อเพราะมัมนไม่คุ้มค่า สำหรับหินเทพ 10,000 ตำลึงนั้น เรียกว่าราคาสูงเสียดฟ้ามหาโหด!
หลายคนไม่ใช่ว่าไม่ซื้อเพราะขาดหินเทพจนจ่ายไม่ไหว เพียงแต่หากราคาสูงเกินไป มันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตามสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว โอสถเทพทั้ง 3 เม็ดยาอย่างโอสถเทพ เจี๋ย อี๋ ปิ่ง นั่น เขาต้องได้! เพราะสำหรับเขามันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด หากเขาได้มาก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นกลางได้ทันทีแน่ กระทั่งพลังฝึกปรือยังจะปริ่มเปร่จุดรอคอเทพขั้นสูงด้วยซ้ำ
เนื่องเพราะเคล็ดวิชาเทพที่เขาใช้ฝึกฝนบ่มเพาะ มันก็คือ ‘เคล็ดเทพมายาพันวิถี’ ที่อาจารย์มอบให้เขา และเขาก็ได้ใช้พลังอำนาจของเคล็ดเทพมายาพันวิถีที่ว่าเปลี่ยนเคล็ดวิชา ‘9 มังกรจักรพรรดิสงคราม’ ของเขาให้กลายเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับอริยะเทพไปแล้ว…
หลังรับประทานโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไป และโคจรพลังตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับอริยะเทพ ย่อมสามารถดูดซับพลังของโอสถเทพทั้ง 3 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด่านพลังฝึกปรือของเขาย่อมเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด!
ดังนั้นวันนี้อย่าว่าแต่หินเทพ 10,000 ตำลึงเลย ต่อให้เป็นหินเทพ 20,000 ตำลึงหรือ 30,000 ตำลึง ต้วนหลิงเทียนก็จ่ายได้ไม่กระพริบตา!
โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง เขาต้องได้!
“พี่ชาย”
ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเพิ่มราคาประมูลออกไปเป็หินเทพ 10,000 ตำลึง ต้วนเฉียวอวี่ที่นั่งข้างๆก็กุมมือเขาแน่น ขมวดคิ้วกล่าวว่า “พี่ชายท่านไม่เชื่อเสียวอวี่หรือ? โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งนั่นถึงแม้ตอนนี้เสียวอวี่จักมิมี แต่เสียวอวี่ก็สามารถไปหาจากที่อื่นมาให้ท่านได้”
“พี่ชายอย่าได้สู้กับมันเลย ให้มันใช้หินเทพ 8,000 ตำลึงซื้อไปเถอะ”
ต้วนเฉียวอวี่กล่าว
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ขาดหินเทพ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อครู่ตอนที่เขาเพิ่มราคาเป็นหินเทพ 7,000 ตำลึง ต้วนเฉียวอวี่ก็ได้บอกเขามาแล้วว่าหากเขาต้องการมันก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงขนาดนั้น นางจะไปหาโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งมาให้เขาเอง
ภายใน 3 เดือนเขาจะได้มันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเสียเวลารอขนาดนั้น และคุณค่าของมันในตอนนี้กับอีก 3 เดือนก็แตกต่างกันมาก
เป็นธรรมดาว่าเรื่องของเรื่องก็คือเขาไม่ขาดแคลนหินเทพ
ในปัจจุบันเขามีหินเทพในมือถึง 190,000 ตำลึง อาศัยหินเทพแค่ 10,000 ตำลึงไม่อาจนับเป็นอะไรในสายตาเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเชื่อว่าขอเพียงพลังฝึกปรือก้าวหน้าเข้มแข็งขึ้น การจะหาหินเทพก็เป็นเรื่องราวอันแสนง่ายดาย
ความมั่งคั่งก็แปรผันตรงกับพลังฝีมือ…
ขณะเดียวกัน หลังจากต้วนหลิงเทียนเสนอราคาหินเทพ 10,000 ตำลึงออกไป ผู้คนในโถงประมูลก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที
ทุกสายตาจับจ้องไปยังหน้าต่างห้องส่วนตัวหมายเลข 9 อย่างอื้ออึง กระทั่งโจวอวิ๋นที่เป็นพิธีกรเองก็ไม่เว้น
อย่างไรก็ตาม นางสามารถดึงสติกับมาได้ก่อนใคร และกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “ดูเหมือนแขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ตั้งใจชนะประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งจริงๆ…ตอนนี้แขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เสนอราคาหินเทพ 10,000 ตำลึง มิทราบมีผู้ใดคิดเพิ่มราคาหรือไม่ หากมิมีข้าจักเริ่มนับถอยหลัง!”
เดิมที ตอนนี้โจวอวิ๋นสมควรเริ่มนับถอยหลังได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม นางอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองห้องส่วนตัวหมายเลข 6 ก่อนจะหัวเราะกล่าวออกมาเสียงใส “นาย 4 ตระกูลจ้ง เจ้ายังต้องการเพิ่มราคาอยู่อีกหรือไม่ หากไม่เพิ่มราคาสู้ ข้าจักเริ่มนับถอยหลังแล้ว”
เรียกว่าเสียงกล่าวเคล้าหัวเราะของโจวอวิ๋น ไม่ขาดการถากถางแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม!”
ได้ยินเสียงถากถางอย่างไม่คิดจะปกปิดของโจวอวิ๋น นาย 4 ตระกูลจ้งในห้องส่วนตัวหมายเลข 6 ก็พ่นลมสบถขึ้นจมูกออกมาเสียงเย็นคำหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะตอนนี้จะพูดอะไรก็รังแต่จะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าเท่านั้น
“ไปสืบมาให้ข้า…ว่าในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เป็นตัวบัดซบแต่ที่ใด!”
หลังพ่นลมสบถเสียงเย็น นา 4 ตระกูลจ้งก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับโทสะ ก่อนจะกล่าวสั่งคนที่อยู่ด้านหลังเสียงแข็ง
“ทราบแล้วนายท่าน 4”
คนด้านหลังมันก็รับคำแล้วจากไปทันที
ขณะเดียวกันบนเวทีประมูล โจวอวิ๋นที่นับถอยหลังถึง 3 ครั้งแล้วพบว่าไม่มีใครเพิ่มราคา นางก็ประกาศปิดประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งด้วยราคาหินเทพ 10,000 ตำลึงทันที กล่าวได้ว่ารายการประมูลแรกตกเป็นของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
เมื่อพบว่าได้ของที่ต้องการมาในราคาแค่หินเทพ 10,000 ตำลึง มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆอย่างถูกใจทันที
ขณะเดียวกัน โจวอวิ๋นก็มอบขวดโอสถให้คนของตระกูลโจวที่เดินขึ้นเวทีมารับ จากนั้นก็เริ่มทำการประมูลรายการที่ 2 ต่อ “แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ของต่อไปที่จักนำขึ้นประมูล เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเทพขั้นสูง”
“เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเทพขั้นสูงเป็นเช่นไรข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าวคำอธิบายแล้วกระมัง…เช่นนั้นข้าขอประกาศราคาเปิดประมูลที่หินเทพ 5,000 ตำลึง!”
“แขกผู้มีเกียรติท่านใดสนใจ เชิญเสนอราคาได้!”
“กฏเดิม…หากผู้ใดคิดเพิ่มราคาประมูล ต้องเพิ่มราคาขั้นต่ำเป็นหินเทพ 1,000 ตำลึง!’
ตราบใดที่ศักยภาพของผู้ใช้สูงพอจะบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้ ด้วยมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเทพขั้นสูง ก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้แน่นอน และเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับนี้ก็ถือว่ามีค่าไม้นอยในละแวกเมืองวายุสวรรค์
ปกติแล้วเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับนี้สามารถยืมฝึกได้แต่ในขุมกำลังระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น แถมราคาที่จ่ายยังไม่น้อยเลย
แต่ตระกูลโจวกลับนำเคล็ดวิชาระดับนี้ออกมาประมูล
กล่าวคือ ไม่ว่าผู้ใดที่ประมูลเคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ไป ก็สามารถให้ผู้อื่นยืมฝึกตามราคาที่เหมาะสมได้เช่นกัน และยังเป็นรายได้ที่มั่นคงนัก…
เป็นธรรมดาว่าคงไม่อาจนำมาให้ผู้อื่นจ่ายเพื่อยืมฝึกได้ในละแวกเมืองวายุสวรรค์ เพราะมีขุมกำลังระดับราชาเทพผูกขาดไว้แล้ว…
ทว่าหากนำออกไปยังพื้นที่ห่างไกล อาจรับทรัพย์กันแทบไม่หวาดไม่ไหว
ด้วยเหตุนี้พอสิ้นคำกล่าวของโจวอวิ๋น ก็มีผู้ประเดิมราคาแรกทันที “หินเทพ 5,000 ตำลึง!”
และพอสิ้นคำกล่าวผู้เปิดประมูลไม่ทันไร ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตามติด “หินเทพ 6,000 ตำลึง!”
“7,000 ตำลึง!”
“8,000 ตำลึง!”
…
ต่างจากตอนประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งมาก ที่ราคาเริ่มขึ้นช้าตั้งแต่เสนอราคากันไม่กี่ครั้ง ทว่าราคาประมูลของเคล็ดวิชาระดับเทพขั้นสูง มันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งเกินหินเทพ 10,000 ตำลึงไปแล้วก็ยังไม่หยุด
จนเมื่อถึงราคาหินเทพ 14,000 ตำลึง ก็เริ่มชะลอตัว
สุดท้ายมันก็ถูกประมูลไปในราคาหินเทพ 15,000 ตำลึง
และผู้ที่ประมูลได้ไปก็คือผู้ที่นั่งอยู่ในโถงรวม ไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัว
อันที่จริงผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็คงไม่แยแสเคล็ดวิชาระดับนี้
“ก็อกๆ”
ทันทีที่รายการประมูลชิ้นที่ 2 ถูกขายออกไป ก็มีคนมาเคาะประตูห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ ขณะเดียวกันกับที่เสียงเคาะดังขึ้น ก็มีเสียงคนกล่าวว่า “แขกผู้มีเกียรติข้าคือคนของตระกูลโจว นำของที่ท่านประมูลได้มามอบให้ท่าน…”
โรงประมูลของตระกูลโจว ห้องส่วนตัวไม่เพียงสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวเท่านั้น แต่จะได้รับสิ่งของที่ประมูลได้ทันที ต่างจากผู้ที่นั่งประมูลในโถงรวม ซึ่งจะได้รับสิ่งของประมูลหลังจบการประมูลทั้งหมด
“เข้ามา”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวอนุญาต ประตูห้อส่วนตัวก็ถูกเปิดออก จากนั้นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างปานกลางผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมพานหรูหรา บนพานปูพื้นด้วยผ้าสีแดง และมีขวดโอสถตั้งอยู่บนนั้น
เป็นขวดโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งในมือโจวอวิ๋นก่อนหน้า
“เชิญแขกผู้มีเกียรติตรวจสอบสินค้าก่อน หากไม่มีปัญหาอันใดท่านสามารถชำระหินเทพกับข้าได้เลย”
ชายวัยกลางคนกล่าวพลางยิ้ม
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นก็เหลือบมองชายชราคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมๆกับชายวัยกลางคน ตั้งแต่ที่เข้าประตูมาชายชราเพียงติดตามชายวัยกลางคนอย่างเงียบงัน อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ทันทีว่าพอมันเข้ามา สิ่งแรกที่มันทำก็คือการแผ่สำนึกเทวะออกมาตรวจสอบเขา ต้วนเฉียนอวี่ แล้วก็อวี๋ชิวซวน ทำให้สตรีทั้ง 2 หันมามองหน้ากันทันที
จากนั้นมันก็เดินมายืนข้างชายวัยกลางคนโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจมันมากนัก เพียงหยิบขวดโอสถขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเปิดขวดเพื่อตรวจสอบเม็ดยาด้านในทันที พอพบว่าเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไม่ผิดแน่ เขาก็นำหินเทพ 10,000 ตำลึงออกมามอบให้ชายวัยกลางคน “ของไม่มีปัญหา นี่คือหินเทพ 10,000 ตำลึง”
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ”
หลังชายวัยกลางคนได้รับแหวนพื้นที่อันมีหินเทพ 10,000 ตำลึงใส่ไว้ มันก็ถอยกลับไปด้วยท่าทีสุภาพ
จากนั้นชายชราก็เดินออกไปนอกห้องทันที
ชายวัยกลางคนที่ติดตามออกไป ก็ปิดประตูอย่างเบามือ
หลังจาต้วนหลิงเทียนเก็บขวดโอสถลงแหวนและหันไปชมดูการประมูลด้านล่าง ชายวัยกลางคนก็พาชายชราเดินไปหยุดลงที่มุมหนึ่ง
ตอนนี้เองชายชราที่ไม่พูดไม่จาและติดตามชายวัยกลางคนมาแต่ต้นจนจบ ก็ได้โยนแหวนพื้นที่วงหนึ่งให้ชายวัยกลางคน “นายท่าน 4 ไม่ชอบพวกพลิกลิ้น เจ้าเองก็คงจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนกระมัง…ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เจ้าคิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น หาไม่แล้วข้ามิอาจรับรองได้ว่าครอบครัวของเจ้าจะอยู่ดี…”
ชายวัยกลางคนนั้นไม่ใช่คนของตระกูลโจวแต่อย่างไร มันเป็นแค่คนของตระกูลที่อยู่ใต้อาณัติตระกูลโจวเท่านั้น เนื่องจากมันรู้จักชนชั้นอาวุโสบางคนของตระกูลโจว จึงได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานที่โรงประมูล
เมื่อครู่ตอนมันกำลังเดินนำของไปให้แขกในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 มันก็ถูกคนหยุดไว้ อีกฝ่ายกล่าวว่าเป็นคนของนายท่าน 4 ตระกูลจ้ง และบอกว่าจะติดตามมันไปยังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เพื่อดูว่าใครอยู่ในนั้น หากมันไม่พาอีกฝ่ายไปแต่โดยดี อีกฝ่ายจะเล่นงานครอบครัวมัน
เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว มันก็ทำได้แค่ยอมจำนน
“ขอท่านผู้เฒ่าอย่าได้กังวล เรื่องวันนี้จักเน่าในท้องข้า”
ชายวัยกลางคนที่รับแหวนบรรจุหินเทพมา กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ดี!”
พอเห็นว่าชาวัยกลางคนรับหินเทพไปอย่างเชื่อฟัง ชายชราก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ย้อนกลับปังห้องส่วนตัวหมายเลข 6
“ตกลงมันเป็นผู้ใด?”
ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 6 นาย 4 ตระกูลจ้งพอเห็นชายชรากลับมาก็เร่งถามออกไปเร็วไว
“เป็นหน้าใหม่ 3 คนที่ข้าน้อยมิเคยเห็นมาก่อน”
ชายชรากล่าว
ได้ยินคำพูดของชายชรา สองตานา 4 ตระกูลจ้งก็ฉายแสงเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ดูเหมือนพวกมันจะเป็นคนนอก…หากมาจากเมืองวายุสวรรค์หรือพื้นที่รอบๆ นอกจากคนของขุมกำลังระดับราชาเทพ และสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้ว คนอื่นยังไม่กล้าพอจะหักหน้าข้า!”
“เจ้าจดจำหน้าตาของพวกมันได้ชัดเจนหรือไม่?”
นาย 4 ตระกูลจ้งเอ่ยถามชายชราอีกรอบ
“ข้าน้อยจำได้”
ชายชราพยักหน้า “เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วง ลักษณะ ฯลฯ…แล้วก็สตรี 2 คน ลักษณะ ฯลฯ…”
“อย่างไรก็ตามนายท่าน 4 ข้าแลแล้วทั้ง 3 มิน่าจักใช่คนธรรมดา…เป็นการดีเสียกว่าที่ท่านจะไม่ผลีผลามลงมือจนกว่าพวกเราจักทราบตัวตนที่แน่ชัดของพวกมัน เพื่อป้องกันมิให้เผลอไปล่วงเกินผู้ที่มิอาจล่วงเกิน”
กล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็เผยท่าทีโน้วน้าวออกมา
“ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
นายท่าน 4 ตระกูลจ้งเช่นมัน หรือต้องให้ชายชราคนนี้มาสอน?
มันเป็นถึงนาย 4 แห่งตระกูลจ้ง สามารถอยู่มาจนถึงวันนี้ได้ กระทั่งดูแลกิจการเหลาอาหารที่ดีที่สุดของตระกูลจ้งมาได้อย่างยาวนาน มันจะเป็นตัวไร้สมองได้หรือ?
…
งานประมูลดำเนินไปอย่างคึกคัก สิ่งของถูกนำออกมาประมูลรายการแล้วรายการเล่า
ในกระบวนการดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยเสนอราคาประมูลอีกเลย เพราะสิ่งของที่นำออกประมูลหลังจากนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเขา และไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา