“หัวหน้า หรือเป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพขมขู่ท่านมิให้เสนอราคา?”
พอเห็นชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ ลูกตาชายชราก็หดเล็กลงทันที กล่าวด้วยโทสะว่า “ถล่มมารดามันเถอะ เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพใดวางอำนาจบาตรใหญ่ถึงเพียงนี้…พวกมันไม่กลัว พันมิตรดาบโลหิต ของพวกเราทำสงครามกองโจรกับของพวกมัน หรือไปดักฆ่าพวกศิษย์สาวกที่ออกมาด้านนอกหรือไร?”
“หรือพวกมันมั่นใจว่าสามารถปกป้องศิษย์หรือลูกหลานของตัวเองได้ตลอดเวลา? มารดามันเถอะหรือที่แท้พวกมันไม่คิดจะให้คนของพวกมันออกนอกประตูไปไหนชั่วชีวิต?”
พันธมิตรดาบโลหิตนั้น เป็นกองกำลังระดับราชาเทพที่หากินในละแวกเมืองวายุสวรรค์ กล่าวได้ว่าเป็นกองโจรระดับราชาเทพก็ว่าได้
กองกำลังอันธพาลเช่นนี้ ตระกูลระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ล้วนขยาดนัก ไม่กล้าจะล่วงเกินหรือมีเรื่องกับพวกมันโดยง่าย…แม้แต่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพบางแห่งเองก็ไม่เต็มใจจะไปมีเรื่องกับพวกมัน
ในเมื่อเป็นกองกำลังอันธพาล เท่ากับไม่มีหลักแหล่ง
ผู้คนในขุมกำลังทั่วไปนั้น เสมือนพระวิ่งได้แต่วัดไม่อาจหนี…ทว่ากองกำลังอันธพาลเหล่านี้ต่างกันโดยสมบูรณ์ พวกมันไม่กลัวจะสร้างปัญหากับใคร เพราะถ้าสู้ไม่ได้เต็มที่ก็แค่ย้ายถิ่น
และถ้าสู้ตัวใหญ่ไม่ได้ ก็ไประรานตัวเล็กเสีย! ดักซุ่มสังหารลูกหลานเหล่าศิษย์ของศัตรูได้อย่างไร้ยางอาย!
หากศัตรูส่งยอดฝีมือที่เกิดต้านทานมา ก็รีบหนี!
ได้ยินคำสบถด้วยความขุ่นเคืองของชายชรา ชาวัยกลางคนที่มีแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้า ก็ส่ายหัวไปมา “มิใช่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่ข่มขู่ข้า…แต่เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหมดขู่ไม่ให้ข้าเสนอราคา หาไม่แล้ววันนี้ข้ากับเจ้าอย่าหวังจะได้ก้าวออกจากเมืองวายุสวรรค์…”
คำพูดของชายวัยกลางคน ทำให้สีหน้าชายชรามืดลงทันที ขณะเดียวกันมันก็เอ่ยถามด้วยความหวาดกลัวว่า “หัวหน้า ที่ท่านพูด รวมถึงมู่หรงสุยเฟิงด้วยหรือ?”
มู่หรงสุยเฟิง ฐานะของมันไม่ใช่แค่คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในรองประมุขของนิกายหมอกเร้นลับอีกด้วย สถานะของมันกล่าวได้ว่าสูงส่งใหญ่โต มีหน้ามีตาในสังคม…และเหตุไฉนที่ชายชราเอ่ยถาม ก็เพราะมันกลัวตัวตนระดับนี้เป็นอย่างมาก
“มิผิด”
ชายวัยกลางคนหน้าบากพยักหน้า “สถานศึกษาหมอกเร้นลับก็ดี นิกายหมอกเร้นลับก็ดี ล้วนเห็นด้วย”
“ถล่มมารดามันเถอะ!”
สีหน้าชายชราเต็มไปด้วยความอัดอั้น สองหมัดกำแน่น “ขุมกำลังระดับจอมราชันพวกนี้จักไร้ยางอายเกินไปแล้ว!!”
ในที่สุดมันก็เข้าใจ ว่าไฉนหัวหน้าพันธมิตรดาบโลหิตของมันถึงไม่กล้าเสนอราคาออกไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะประมูลเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพไปให้ได้ ที่แท้ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลายมันรวมหัวกันกดดันผู้อื่นไม่ให้เสนอราคา!
ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดเสนอราคาออกมาสักคน เกรงว่ากองกำลังหรือขุมกำลังระดับราชาเทพอื่นๆ ก็ถูกข่มขู่ด้วยเช่นกัน
ในโถงประมูลด้านล่าง โจวอวิ๋นที่ยืนอยู่บนเวทีประมูล บัดนี้สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
หรือเรื่องราวจักต้องจบลงเช่นนี้?
ต้องทราบด้วยว่า ที่ตระกูลโจวเลือกจะนำเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพอย่างเคล็ดเทพ 6 เงาออกมาประมูล นอกจากมันเป็นสมบัติที่ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ พวกมันยังคิดจะโยน ‘เผือกร้อน’ ชิ้นนี้ทิ้งไปให้ไกล…
หากเรื่องราวยังไม่เปิดเผยก็แล้วไป…แต่ในปัจจุบันผู้คนล้วนล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้ว ว่าตระกูลโจวมีเคล็ดวิชาระดับจอมราชันอยู่…
สำหรับตระกูลโจว นี่ไม่ใชแค่เพียงเรื่องไม่ดี แต่ยังกล่าวได้ว่าเป็นหายนะ!
โจวอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ จากนั้นก็ลอบส่งข้อความออกไปทันที
และข้อความที่นางส่งออกไป ก็ส่งไปหายอดฝีมือที่ดูแลโรงประมูลของตระกูลโจว…ยอดฝีมือดังกล่าวก็คือบรรพบุรุษคนหนึ่งของตระกูลโจว เป็นยอดฝีมือระดับราชาเทพ คนแลชราภาพนัก ราวกับไม้ใกล้ฝั่งมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน
ขณะได้รับข้อความ ชายชราดังกล่าวก็กำลังตกปลาอยู่ในสระด้านหลังโรงประมูลอย่างสงบ…
เมื่อมันได้รับข้อความจากโจวอวิ๋นเบ็ดตกปลาในมือก็กระตุกเล็กน้อยสองตาหรี่ลงเผประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ดูเหมือนขุมกำลังพวกนั้นจักรวมหัวกัน…หาไม่แล้วต่อให้เป็นตระกูลราชาเทพเล็กๆในเมือง อย่างไรก็ต้องลองเสนอราคาดู ไม่ใช่กระทั่งกองกำลังระดับราชาเทพยังนิ่งเงียบแบบนี้…”
“เจ้าลดราคาเปิดประมูลเสีย…เหลือแค่หินเทพ 10,000 ตำลึงก็พอ”
ชายชราส่งขอความตอบอวิ๋นโจวเร็วไว
ขณะกล่าวตอบ คันเบ็ดในมือของมันก็หักลงทันที ถึงแม้ทีท่ามัจะยังแลดูนิ่งสงบ แต่อันที่จริงคนไหนเลยบสงบได้ไหว ผืนดินโดรอบยังเริ่มปรากฏน้ำแข็งเกาะตัว และพริบตาเดียว กระทั่งสระเบื้องหน้าของมันก็จับตัวเป็นน้ำแข็ง
บรรพบุรุษของตระกูลโจวที่เป็นยอดฝีมือราชาเทพคนนี้ เชี่ยวชาญกฏน้ำแข็ง
โจวอวิ๋นที่ยืนอยู่บนเวทีในโถงประมูล พอได้รับข้อความจากบรรพบุรุษ ก็เร่งประกาศออกมาเสียงดังทันที “เนื่องจากไม่มีผู้ใดกล่าวเสนอราคาเคล็ดเทพ 6 เงา…ข้าได้สอบถามท่านบรรพบุรุษแล้ว ท่านเห็นว่าราคาอาจจะแพงเกินไปจึงเลือกจะลดราคาลง”
“เช่นนั้น ตอนนี้ราคาเริ่มต้นของเคล็ดเทพ 6 เงา จักมีเพียงหินเทพ 10,000 ตำลึงเท่านั้น”
พอเสียงของโจวอวิ๋นดังจบคำ ผู้คนในโถงรวมก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกพิกลในใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้กระทั่งต้องรบกวนบรรพบุรุษตระกูลโจวเชียวหรือ?
ต้องทราบด้วยว่าภายในตระกูลโจว ผู้ที่จะถูกเรียกหาว่าบรรพบุรุษได้ ก็คือชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพ!
และสิ่งที่ทำให้พวกมันตกใจยิ่งกว่าก็คือ…
เคล็ดเทพ 6 เงานั้น เมื่อไม่มีใครเสนอราคา ไม่เพียงแต่ตระกูลโจวจะไม่เก็บกลับไปเท่านั้น ยังลดราคาเริ่มต้นจากหินเทพ 100,000 ตำลึงเป็นหินเทพ 10,000 ตำลึงอีก! ทว่ากลับยังไม่มีใครกล่าวเปิดราคาประมูลออกมาเลย!!
หินเทพ 10,000 ตำลึง ต่อให้ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวเหล่านั้นแต่นั่งในโถงรวม ก็มีหลายคนที่มีกำลังซื้อ
และหลายคนที่ไม่ทันเรื่องราวแต่มีกำลังซื้อ ก็ทำท่าราวกับจะกล่าวเสนอราคาออกมา
ทว่าทันทีที่ร่างของพวกมันเริ่มขับส่อแววจะเสนอราคา เสียงผ่านพลังหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของพวกมัน ทำให้ร่างแต่ละคนชะงักค้าง จากนั้นเม็ดเหงื่อก็เริ่มผุดซึมเต็มหน้าผาก
“ไฉนข้าได้กลิ่นทะแม่งๆ…ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพไม่คิดประมูลของแล้วหรือ เช่นนั้นพวกมันมาทำอะไร?”
“ข้ารู้สึกว่า…เหมือนพวกมันจะลอบตกลงอะไรกัน”
“ตอนนี้ไม่พ้นต้องมีการตกลงอะไรกันเรียบร้อยแล้ว และผู้ที่กล้าฝ่าฝืนน่ากลัวจะถูกกลุ้มรุมสังหาร…ที่ตระกูลโจวเลือกจะลดราคาเริ่มต้นลงเป็นหนึ่งในสิบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันตระหนักดีว่าเคล็ดเทพ 6 เงาเป็นเผือกร้อน”
“ธรรมดา…หากตระกูลโจวกล้าเก็บไว้ อย่างดีก็ไม่เกิน 2 วัน ไม่พ้นต้องถูกยอดฝีมือปล้นชิงไปแน่”
…
กระทั่งคนของตระกูลโจวเองยังไม่กล้าเก็บเคล็ดเทพ 6 เงาเอาไว้ เช่นนั้นคนจากตระกูลและขุมกำลังทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าคิดเสนอราคาอีกเลย
ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ต้วนหลิงเทียนที่มองลาดหน้าต่างไปยังโถงรวมเบื้องล่าง ก็อดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
ถึงแม้เคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพอย่าง เคล็ดเทพ 6 เงาจะไม่ได้อยู่ในสายตาเขา ทำให้เขาไม่คิดจะเสียเวลาประมูลมันมา แต่เขารู้ดีว่าเมื่อเคล็ดวิชาระดับนี้ปรากฏขึ้นแล้ว ไม่พ้นต้องเกิดมรสุมแย่งชิงแน่นอน…
สุดท้ายสำหรับผู้คน ชีวิตก็สำคัญเหนือใดอื่น ไหนเลยจะกล้ารับเคล็ดวิชาที่ไม่ต่างอะไรจากเผือกร้อนไป
จะมีประโยชน์อันใด หากรับเคล็ดวิชาไปแล้วไม่มีชีวิตอยู่ฝึก?
ดังนั้นแล้วในงานประมูลวันนี้ เคล็ดวิชาดังกล่าวถูกกำหนดให้มีแต่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพรวมถึงกองกำลังอันธพาลระดับราชาเทพขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ขุมกำลังระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลโจวเองก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่ามิอาจครอบครอง
ไม่เห็นหรือตระกูลโจวเลือกจะลดราคาเริ่มต้นจากหินเทพ 100,000 ตำลึงเป็นหินเทพ 10,000 ตำลึงราวเลหลังขาย ทั้งหมดก็เพราะอยากโยนเผือกร้อนทิ้งไป
หินเทพ 10,000 ตำลึง เป็นราคาที่คนส่วนใหญ่จับต้องได้
อนิจจายังไม่มีใครเสนอราคา
ต้วนหลิงเทียนจึงคาดเดาได้ทันที ว่าไม่พ้นต้องมีขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเล่นนอกเกมเป็นแน่…เผลอๆพวกมันได้หารือกันแต่แรก ว่าจะไม่เสนอราคาและช่วยกันกดดันไม่ให้ผู้อื่นเสนอราคา
และความจริงก็ไม่ต่างอะไรจากการคาดเดาของต้วนหลิงเทียนเลย
นิกายหมอกเร้นลับ นิกายหมื่นปีศาจ รวมถึงขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้ง 5 ที่มาวันนี้ ได้ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไม่ประมูลเคล็ดเทพ 6 เงา
กระทั่งยังรวมหัวกันกดดันผู้ที่คิดจะเสนอราคาอีกด้วย
พวกมันตั้งใจว่าจะชิงเคล็ดวิชามาโดยไม่ต้องเสียหินเทพแม้แต่ก้อนเดียว แล้วค่อยมาตัดสินกันภายหลังว่าผู้ใดจะได้ไปครอง หรือไม่ก็แบ่งปันกันทั้งหมดจะได้ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
มิฉะนั้นหากมาแข่งกันประมูลตามปกติ ผู้ชนะก็ไม่พ้นเป็น 1 ในบรรดาพวกมัน 5 ขุมกำลัง และเชื่อได้เลยว่าสุดท้ายก็ต้องมีไปปะทะเพื่อช่วงชิงกันด้านนอกหรือไม่ก็ต้องลงขันกันจ่าย เช่นนั้นมิสู้รับของมาก่อนโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองหินเทพ แล้วไปตัดสินกันภายหลังว่าจะเอาอย่างไรไม่ดีกว่าหรือ?
“อะไรกัน อย่างไรนั่นก็เคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพไม่ใช่หรือ ราคาก็ลดลงมาเหลือแค่หินเทพ 10,000 ตำลึงแล้ว ทำไมไม่มีผู้ใดอยากได้เลยล่ะ?”
ตอนนี้เองต้วนเฉียวอวี่ที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆด้วยความแปลกใจ
ครู่ต่อมา นางก็หัวเราะคิกคัก “ในเมื่อไม่มีใครต้องการ งั้นข้าจะเก็บไว้แล้วกัน…จ่ายหินเทพแค่ 10,000 ตำลึงก็ได้มาแล้ว เอาไปขายต่อถูกๆอย่างน้อยก็ยังได้หินเทพเป็น 100,000 ตำลึงแน่ะ!”
พอกล่าวจบ นางก็โพล่งคำออกไปอย่างคึกคัก “หินเทพ 10,000 ตำลึง!!”
ภายในโถงประมูลอันเงียบสงัดไร้แม้แต่เสียงลมหายใจ อยู่ดีๆพลันมีเสียงตะโกนอันเจื้อยแจ้วของต้วนเฉียวอวี่ดังขึ้น ประหนึ่งหินร่วงหล่นสระก่อเกิดระลอกคลื่นนับพัน! โถงรวมพลันฮือฮาขึ้นมาทันที
“มีคนเสนอราคาแล้ว!!”
“เป็นคนในห้องส่วนตัวหมายเลข 9! ข้าจำได้ว่าคนในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 นั่นหลังจากประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไปแล้ว ก็มิได้ประมูลสิ่งใดอีกเลย!”
“สวรรค์! จังหวะนี้ยังกล้าเสนอราคาอีกรึ!? ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาแต่ที่ใด ถึงได้หาญกล้าล่วงเกินขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเหล่านั้น?!”
“พวกเจ้าไม่ได้ยินเสียงเสนอราคาเมื่อครู่หรือไร…เหมือนจะเป็นคนละคนกับที่ประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง เสียงเมื่อครู่ฟังอย่างไรก็เด็กหญิงตัวน้อยชัดๆ”
…
ในขณะที่ด้านนอกกำลังฮือฮา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต้วนเฉียวอวี่ข้างกาย จากนั้นก็มองไปยังอวี๋ชิวซวนที่นั่งไม่ห่าง จากนั้นเขาก็พบว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าสงบเฉยเมย
จังหวะนี้เขาพลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ไม่ว่าจะต้วนเฉียวอวี่ก็ดี หรืออวี๋ชิวซวนก็ดี ท่าทางพวกนางจะไม่ได้หวาดกลัวอะไรกับขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้ง 5 เลย
“แขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เสนอราคาหินเทพ 10,000 ก้อน!”
ในเวลาเดียวกัน โจวอวิ๋นที่ยืนอยู่บนเวทีประมูล พอได้ยินใครบางคนเสนอราคาออกมาก็พอได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นต่อว่า “หากไม่มีผู้ใดเพิ่มราคา ข้าจักเริ่มนับถอยหลัง!”
งานประมูลตระกูลโจววันนี้ วัตถุประสงค์หลักก็คือขายเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพออกไป
ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนซื้อ
กระทั่งสำหรับตระกูลโจวแล้ว จะขายได้เท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ขายมันออกไป!
เพราะหากไม่หาทางขายออกไปให้ได้ สิ่งที่รออยู่ก็คือหายนะของตระกูลโจว!
“หินเทพ 10,000 ตำลึง ครั้งที่ 1!”
เสียงนับถอยหลังของโจวอวิ๋นดังขึ้นเร็วไว ราวกับกลัวแขกในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 จะเปลี่ยนใจ
ขณะเดียวกัน ผู้คนในโถงรวมก็ทยอยกันได้สติกลับคืน “ให้ตายเถอะ! มีคนกล้าเสนอราคาจริงๆ นอกจากนั้นดูเหมือนจักมิได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกระมัง?”
“ฟังเสียงที่เสนอราคาเมื่อครู่แล้วเหมือนจะเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆในห้องส่วนตัวหมายเลข 9…ใช่นางประมูลเล่นรึเปล่า?”
“ไม่กระมัง…หากเป็นการประมูลเล่นๆ ตอนนี้ผู้ใหญ่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ต้องกล่าวเตือนนางไปแล้ว”
…
“หินเทพ 10,000 ตำลึง ครั้งที่ 2!”
ขณะที่โจวอวิ๋นนับถอยหลังครั้งที่ 2 ผู้คนก็พากันสงสัยนักว่าที่แท้ผู้คนในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เป็นใครมาจากไหนกันแน่
เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ไหน ถึงกล้าเสนอราคาตอนนี้
“หึ!”
หานลี่กัง ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของนิกายหมื่นอสูรที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวพร้อมคนของนิกายหมื่นอสูร อยู่ๆก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น กล่าวออกเสียงต่ำ “ยาโถวน้อย เจ้ามิรู้หรือไร…เจ้าทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก กระทั่งยังนำหายนะมาสู่ตระกูลหรือขุมกำลังต้นสังกัดเจ้า!”