!
เสียงหัวเราะคิกคักปานระฆังแก้วดังเจื้อแจ้วกังวาลไปทั่วโถงประมูล และในบรรยากาศอันเงียบสงัดเช่นนี้ ช่างฟังดูขี้เล่นและสนุกสนานเป็นพิเศษ
ประมูลเล่นๆ?
“ให้ตายเถอะ เป็นท่านย่าน้อยจากตระกูลใดกัน?”
ผู้คนในโถงประมูลรวมหันหน้ามามองสบตากันยกใหญ่ แต่ละคนแลดูอื้ออึงพูดไม่ออก
ต้องทราบว่าอีกฝ่ายเป็นถึงอาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ ไม่ใช่ชนชั้นไก่กาหมาแมวที่ไหน พลังฝีมือยังบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูง ในละแวกเมืองวายุสวรรค์แห่งนี้ หากสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่เข้ามาแทรกแซง เกรงว่าอาศัยมันเพียงลำพังก็กวาดล้างตระกูลระดับราชาเทพได้ทั้งเมือง!
แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหญิงตัวน้อยปั่นหัวราวกับลิง!
บัดนี้โถงประมูลกลายเป็นเงียบงันถึงขั้น ขอเพียงเข็มร่วงตกลงพื้นยังได้ยิน…
กระทั่งโจวอวิ๋นผู้อาวุโสของตระกูลโจวบนเวทีประมูลเองก็หน้าเปลี่ยนสีไปไม่น้อย พอมองไปยังห้องส่วนตัวหมายเลข 9 อีกครั้ง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความสงสัย
และในปัจจุบันนางไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อยที่เคล็ดวิชาเทพ 6 เงา ถูกหานลี่กังเสนอราคาหินเทพ 1,100,000 ตำลึง เพราะนางรู้ดีว่าเงินก้อนนี้ตระกูลโจวไม่อาจรับ ให้ชัดคือไม่กล้ารับ!
แต่ต้นจนจบ มีแค่หานลี่กังของนิกายหมื่นปีศาจเท่านั้นที่เสนอราคา…
เห็นได้ชัดว่าเหล่าขุมกำลังระดับจอมราชันเทพได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว เผลอๆอีกฝ่ายตั้งใจจะแบ่งปันเคล็ดวิชาเทพ 6 เงากันด้วยซ้ำ…
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ตระกูลโจวยังจะกล้ารับหินเทพของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
“สารเลวน้อย! เจ้ามันแส่หาที่ตายเอง!!”
ภายในห้องส่วนตัวของนิกายหมื่นปีศาจ หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาพักหนึ่งหลังได้ยินคำพูดของต้วนเฉียวอวี่ ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหวสืบไป คนโพล่งออกมาเสียงดัง จากนั้นก็บังเกิดเสียงสนั่นดัง ‘ปั้ง’ พร้อมมีร่างหนึ่งพุ่งทะลุหน้าต่างออกมา
หน้าต่างที่ถูกพุ่งชนจนพังทลาย เศษไม้ทั้งกระจกยังปลิดปลิวว่อนไปทั่ว และก่อนที่เศษไม้กับกระจกดังกล่าวจะทันได้พุ่งไปทำร้ายผู้ใด โจวอวิ๋น ที่อยู่บนเวทีประมูลก็ลงมือได้ทันท่วงที ฝ่ามือหนึ่งสะบัดออกเร็วไว อุบัติพลังไร้สภาพแผ่พุ่งกำจายไปราวพัด สลายเศษไม้และกระจกจนกลายเป็นฝุ่นว่อนไปในอากาศ…
ฟุ่บ!
ท่ามกลางสายตาอื้ออึงของทุกคน หานลี่กังที่พุ่งร่างทำลายหน้าต่างออกมา ก็ไปหยุดลงเบื้องหน้าห้องส่วนตัวหมายเลข 9 จากนั้นก็มองจ้องไปยังร่างต้วนเฉียวอวี่ที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียนเขม็ง
จากเสียงก่อนหน้า มันเดาได้ทันทีว่าผู้กล่าวเป็นเด็กหญิงคนนี้
“อาวุโสรอง!!”
ตอนนี้เองด้านคนของนิกายหมื่นปีศาจที่เหลือก็หน้าเปลี่ยนสีทันใด พวกมันเร่งรุดกันเหินร่างออกจากห้องส่วนตัวตามมา ทั้งกล่าวห้ามปรามหานลี่กังทันที
สำหรับคนของ 4 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหลือ นอกจากมู่หรงสุยเฟิงที่ขมวดคิ้วนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอีก 3 ขุมกำลังก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปห้ามหานลี่กังเช่นกัน “พี่หาน อย่าได้วู่วาม!”
“พี่หาน ท่านใจเย็นก่อน อ่าได้ผลีผลามลงมือจนกว่าจะรู้ว่าที่แท้นางเป็นผู้ใดกันแน่!”
“เมื่อครู่นางกล่าวว่าไม่เห็นเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพอยู่ในสายตา ไม่แน่นางอาจมีความเป็นมายิ่งใหญ่อันใด!”
…
เมื่อเสียงห้ามปรามของหลายๆคนทยอยกันดังเข้าหูหานลี่กังติดๆกัน ก็ทำให้หานลี่กังใจเย็นลงบ้าง
“หึ!”
หานลี่กังเพียงมองจ้องต้วนเฉียวอวี่ด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง หลังพ่นลมสบถแล้วมันก็หันหลังเตรียมจากไป
อย่างไรก็ตามหานลี่กังพึ่งจะหันหลังได้ไม่ทันไร พลันมีเสียงเฉยเมยไร้แยแสหนึ่งดังขึ้นจากห้องส่วนตัวหมายเลข 9 “หานลี่กังกระมัง? อยู่ๆเจ้าโผล่หน้าอัปลักษณ์นั่นมา นับว่าทำให้คุณหนูของข้าตกใจกลัวแล้ว…ตอนนี้เจ้าคุกเข่าขอขมาคุณหนูของข้าเสีย”
เสียงดังกล่าวทุกคนพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ มีเพียง 2 เสียงเท่านั้นที่ดังออกมาจากห้องส่วนตัวหมายเลข 9 และไม่มีเสียงของสตรีผู้นี้เลย
และพอพวกมันได้ยินเสียงสตรีดังกล่าว พวกมันก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
ท่านย่าผู้นี้เป็นใครอีกกัน?
พอกล่าว ก็บอกให้หานลี่กังคุกเข่าต่อหน้าผู้คนเชียวหรือ?
หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ตัวมันยังเป็นราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง ในเมืองวายุสวรรค์แห่งนี้ นับเป็นตัวตนที่สามารถเดินทอดน่องได้อย่างไม่ต้องเห็นหัวผู้ใดโดยแท้…
แต่บัดนี้ สตรีนางนั้นกลับบอกให้อีกฝ่ายคุกเข่าขอขมาคุณหนูของนาง?
หานลี่กังที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ร่างมันก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พอดึงสติกลับมาได้ มันก็หันหลังกลับมามองจ้องไปยยังโฉมงามที่มันละเลยไปเมื่อครู่ ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความตะลึงอยู่บ้าง “เจ้า…เจ้าให้ข้าคุกเข่าขอขมานังหนูนี่?”
ขณะกล่าว หานลี่กังก็ชี้นิ้วไปทางต้วนเฉียวอวี่
และในขณะที่ต้วนเฉียวอวี่ขมวดคิ้วเพราะโดนหานลี่กังชี้หน้านั้นเอง…
ฉัวะ!!
เสียงแผ่วเบาหนึ่งดังขึ้นแทบจะทันทีที่หานลี่กังกล่าวจบคำ จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าแขนข้างที่หานลี่กังยกขึ้นมาชี้หน้าผู้อื่น ได้ขาดสะบั้นลง จากนั้นแขนทั้งแขนก็ค่อยๆสลายเป็นผุยผงหายไปในอากาศ ไม่มีเหลือ…
“จอมราชันเทพยอดฝีมือ!!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากห้องส่วนตัว 4 ห้องพร้อมๆกัน
และมู่หรงสุยเฟิง รองประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ควบตำแหน่งคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1 บัดนี้สองตามันหรี่ลงแทบปิด ใบหน้าฉายชัดถึความหวาดผวา จากนั้นก็เริ่มบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ‘แม่นางผู้นั้น…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจอมราชันเทพขั้นกลางชนชั้นยอดฝีมือ เผลอๆอาจจะเหนือกว่านั้น!’
จอมราชันเทพขั้นกลาง!!
ให้กวาดตามองไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับ ก็มีตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นกลางแค่เพียง 2 คนเท่านั้น
สำหรับตัวตนที่อยู่เหนือจอมราชันเทพขั้นกลาง นิกายหมอกเร้นลับของมันหามีไม่!
‘ยอดฝีมือจอมราชันเทพขั้นกลาง?’
ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังอวี๋ชิวซวนด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้ก่อนหน้าเขาจะมีเดาไว้บ้างแล้วว่าต้วนเฉียวอวี่กับอวี๋ชิวซวนสมควรเป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตราชาเทพ…แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าอวี๋ชิวซวนจะเป็นจอมราชันเทพขั้นกลางจริงๆ
ยิ่งไปกว่ามองจากการลงมืออันรวบรัดหมดจบ เขารู้สึกว่านางยังร้ายกาจยิ่งกว่าจอมราชันเทพขั้นกลางที่เขาเคยพบเจออย่างเย่เป่ยหยวนของนิกายฟ้าจรัสแสงเสียอีก!
‘อวี๋ชิวซวนผู้นี้…ไม่น่าจะอ่อนด้อยกว่าเย่เป่ยหยวน’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“ข้าไม่อยากจะพูดซ้ำคำที่ข้าเคยพูด…เจ้าจักคุกเข่าหรือตาย!”
พออวี๋ชิวซวนกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงของนางฟังดูใกล้หมดความอดทนเต็มที
“อาวุโสรอง!!”
หลังได้เห็นการลงมืออันน่ากลัวของอวี๋ชิวซวน และตระหนักว่านางสมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพคนหนึ่ง คนของนิกายหมื่นปีศาจที่เหลือ ก็พากันหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ยังรีบส่งเสียงผ่านพลังกล่าวเตือน อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจอย่างหานลี่กัง ไม่ให้ชักช้าจนถูกผู้อื่นฆ่าทิ้งเอา!
หานลี่กังที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวจนคนกลายเป็นเฉื่อยชาทั้งอื้ออึงไปราวตัวโง่งม พอได้ยินเสียงผ่านพลังด้วยความร้อนใจของคนนิกายหมื่นปีศาจ มันก็ดึงสติกลับมาทันที
และหลังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามของอวี๋ชิวซวน สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง แววตายังฉายชัดถึงความประหวั่น สุดท้ายก็คุกเข่าลงกลางอากาศเบื้องหน้าต้วนเฉียวอวี่ กล่าวออกเสียงอ่อนว่า “คุณหนู เป็นข้าโดนโทสะครอบงำ หวังว่าท่านจักไม่ถือสาและอภัยให้ข้าด้วย ละเว้นข้าสักครั้งเถอะ”
“เอ๋? เจ้าโมโหข้าเหรอ?”
ต้วนเฉียวอวี่คลี่ยิ้มพลางถามอย่างสนุกสนาน
“ไม่กล้า! ไม่กล้า!”
หานลี่กังเร่งกล่าวแก้คำออกมาเสียงสั่น เด็กหญิงเบื้องหน้าอาจไม่ใช่คู่มือมัน แต่ข้างกายอีกฝ่ายมียอดฝีมือระดับจอมราชันเทพอยู่ แถมพลังฝีมือของจอมราชันเทพผู้นี้ ยังน่ากลัวยิ่งกว่าจอมราชันเทพในนิกายหมื่นปีศาจของมันเสียอีก!
มันรู้ดี ว่ากระทั่งนิกายหมื่นปีศาจของมันยังไม่กล้าล่วงเกินสตรีนางนี้ นับประสาอะไรกับมัน
“อภัยให้ก็ได้…แต่เจ้าต้องเห่าเหมือนสุนัขให้ข้าฟัง”
ต้วนเฉียวอวี่กล่าวกับหานลี่กังด้วยรอยยิ้มซุกซน
เห่าเหมือนสุนัข?
ใบหน้าหานลี่กังเสมือนเป็นตะคริวในฉับพลัน จากนั้นมันก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันร้อนแรงมากมายในโถงประมูลตระกูลโจวที่กำลังจดจ้องมาที่มัน มันไหนเลยไม่รู้ว่าทุกคนกำลังรอดูชมเรื่องตลกของมันอยู่…
แต่ตอนนี้มันยังจะทำอะไรได้อีก?
มันมีทางเลือกอื่นไหม?
“ฮ่ง…ฮ่ง…ฮ่งๆๆ…ฮ่งๆๆๆๆ”
ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย หานลี่กัง อาวุโสลำดับ 2 ของนิกายหมื่นปีศาจ ก็สามารถเห่าเสียงสุนัขออกมาได้จริงๆ และเมื่อต้วนเฉียวอวี่ไม่ได้บอกให้มันหยุด มันก็ไม่กล้าหยุดเห่าเลย…
ตอนนี้ในใจหานลี่กังเต็มไปด้วยความขมขื่นทั้งเสียใจนัก อยู่ดีไม่ว่าดีจะมาหาเรื่องอีกฝ่ายทำอะไร?
แส่หาความอัปยศ?
เป็นธรรมดาว่ามันรู้ดีว่าทั้งหมดเพราะมันไม่รู้ว่าสตรีข้างกายเด็กหญิงตัวน้อยจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ หากมันรู้ว่าข้างกายอีกฝ่ายมียอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพที่น่ากลัวยิ่งกว่าบรรพบุรุษของนิกายหมื่นปีศาจอยู่ด้วย ให้มันมีความกล้ามากกว่านี้แสนเท่ามันก็ไม่กล้าเสนอหน้าออกมา
“เอาล่ะ ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว”
ต้วนเฉียวอวี่คลี่ยิ้มสนุกสนานพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
พอหานลี่กังได้ยินมันก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก มันหยุดเห่าเสียงสุนัข จากนั้นก็ไม่รอให้ใครทันได้พูดอะไร เร่งเหินร่างออกจากโรงประมูลตระกูลโจวด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ทันที กระทั่งเคล็ดเทพ 6 เงาที่มันชนะประมูล ก็คล้ายจะลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้ว…
ในปัจจุบันหานลี่กังยังอยากจะฆ่าทุกคนในโรงประมูลหลังนี้เพื่อปิดปากด้วยซ้ำ!
เพราะมันรู้ดีว่าหลังจากวันนี้ไป มันจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองวายุสวรรค์ กระทั่งละแวกเมืองโดยรอบ!
“คุณหนู พวกเราเองก็ต้องไปแล้ว”
ตอนนี้เองอวี๋ชิวซวนพลันลุกขึ้นและเดินมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนเฉียวอวี่ และก่อนที่ต้วนเฉียวอวี่จะทันได้ตอบสนอง นางก็จับมือต้วนเฉียวอวี่และพาร่างเล็กไปหยุดลอยนอกหน้าต่างเบื้องหน้าห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ทันที
และในขณะที่ต้วนเฉียวอวี่กำลังจะกล่าวลาต้วนหลิงเทียน อวี๋ชิวซวนก็หอบหิ้วนางหายไปจากโถงประมูลอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาผู้คน…
เรียกว่าปรากฏตัวไม่ทันไร ก็หายไปเร็วไวนัก
“นายน้อยต้วน วันหน้าพบกันใหม่”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในฉับพลันทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง จนเมื่อต้วนเฉียวอวี่ถูกอวี๋ชิวซวนพาไปแล้ว เสียงผ่านพลังของอวี๋ชิวซวนก็พึ่งจะดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “พอดีมีธุระเร่งด่วน…ข้าทำได้แค่รีบพาคุณหนูจากมา โดยไม่ทันให้นางได้ร่ำลาท่าน”
ธุระด่วน?
ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดของอวี๋ชิวซวนสักเท่าไหร่
ถึงแม้จะมีเรื่องเร่งด่วนแค่ไหน กระทั่งเวลาให้ต้วนเฉียวอวี่ได้ร่ำลายังไม่มีงั้นเหรอ?
พิจารณาจากสถานการณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าอวี๋ชิวซวนตั้งใจพาต้วนเฉียวอวี่จากไปกะทันหัน โดยที่ต้วนเฉียวอวี่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงขั้นไม่ทันได้รำลาเขา
ราวกับอวี๋ชิวซวนไม่ต้องการให้เขากับต้วนเฉียวอวี่อยู่ด้วยกันนานกว่านี้
‘ช่างสตรีที่พิกลนัก..’
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาหลังจากนั้นก็จากไปเช่นกัน และเขาไม่ได้เหินร่างออกทางหน้าต่างแต่เลือกจะเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วจากไปตามปกติ
ในขณะที่เขาเดินออกมา เขาก็ไม่เจอใครเลย เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังตกตะลึงกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้น ไม่ทันรู้ตัวว่างานประมูลได้จบสิ้นลงแล้ว และถึงเวลาต้องแยกย้าย
“เดิมทีข้าคิดจะไปคารวะยอดฝีมือจอมราชันเทพท่านนั้นกับคุณหนูที่นางกล่าวถึง…แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะจากไปในลักษณะนี้”
ไม่ว่าจะมู่หรงสุยเฟิงหรือคนของ 4 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหลือ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา พวกมันพึ่งจะลุกขึ้นยืนได้ไม่ทันไร ก็จำต้องนั่งลงอีกรอบ เพราะคนไม่อยู่ให้คารวะทักทายเสียแล้ว…
พวกมันย่อมตระหนักได้ชัดเจนว่าสตรีทั้ง 2 มีความเป็นมาไม่ธรรมดา หากสามารถทำความรู้จักกันได้ ก็มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษอันใด
อนิจจาอีกฝ่ายไม่ให้โอกาสพวกมันเลย
…
ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข 6
นายท่าน 4 ของตระกูลจ้ง จ้งซื่อ บัดนี้สีหน้าของมันซีดลงปานกระดาษ หน้าผากยังปรากฏเม็ดเหงื่อหลั่งไหลเป็นสายฝน ราวกับไม่รู้จะหยุดลงอย่างไร
และด้านหลังจ้งซื่อ ชายชราที่ไปสอดแนมในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ก่อนหน้าก็นั่งหน้าซีดตัวสั่นไปด้วยความกลัวจับใจ…