“อู๋เยียนเจ้าดูแลต้วนหลิงเทียนให้ดี หากปู่เล็กรู้ว่าเจ้าละเลยต้วนหลิงเทียนล่ะก็ ปู่เล็กจะไม่ยกโทษให้เจ้าแน่!”
หลังกล่าวทิ้งท้ายจบคำร่างถังชุนก็เหินจากทั้ง 2 คนไปทันที หลังจากเหินร่างจากมาแล้ว มุมปากมันก็ปรากฏรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้น
ที่มันเรียกหลานสาวมา แน่นอนว่าเป็นการจงใจ
มีเรื่องต้องไปสะสาง?
ย่อมไม่ใช่เป็นธรรมดา!
มันแค่อยากสร้างโอกาสให้หลานสาวเท่านั้น
ตอนที่มันพึ่งออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และเดินทางไปยังกลางเมืองวายุสวรรค์เพื่อหาอะไรกินในเหลาอาหารตระกูลจ้ง มันก็คิดจะแนะนำหลานสาวของตัวเองให้รู้จักกับต้วนหลิงเทียนแต่แรก เพราะมันมองโลกในแง่ดีสำหรับอนาคตของต้วนหลิงเทียน และรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนต้องมากสามารถจนนำพาตระกูลถังให้รุ่งเรืองขึ้นไปได้แน่
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเอาแต่ปฏิเสธถ่ายเดียว ยกอ้างว่ามีภรรยาทั้งลูกแล้ว มันก็ได้แต่นิ่งไว้ไม่กล่าวถึงอีก
จนเมื่อได้เห็นท่าทางนอบน้อมต่อต้วนหลิงเทียนของคนตระกูลจ้ง กระทั่งจ้งเอ้อนายรองตระกูลจ้งผู้นั้นถึงกับยินดีฆ่าลูกชายแท้ๆด้วยมือตัวเองเพื่อเอาใจต้วนหลิงเทียน!
วินาทีนั้น มันตระหนักได้ทันทีว่าความเข้าใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าไม่ต่างอะไรกับหนึ่งหยดน้ำในมหาสมุทร
ด้วยเหตุนี้ ขณะเดินทางกลับมายังนิกายหมอกเร้นลับ มันก็วางแผนจับคู่ต้วนหลิงเทียนกับหลานสาวของมัน ถังอู๋เยียนมาตลอดทาง
และมันก็มั่นใจในตัวหลานสาวของมัน ถังอู๋เยียน มาก
ในนิกายหมอกเร้นลับนั้น จำนวนศิษย์สตรีน้อยกว่าบุรุษอย่างมาก นับประสาอะไรกับศิษย์สตรีที่โดดเด่น
และหานสาวของมัน ถังอู๋เยียน คนนี้ ในบรรดาศิษย์สตรีรุ่นหลัง ก็สามารถติด 1 ใน 3 ของศิษย์สตรีที่แข็งแกร่งที่สุดได้…ที่สำคัญหลานสาวของมันคนนี้ยังได้รับการยอมรับให้เป็นโฉมงามอันดับ 1 ของนิกายหมอกเร้นลับอีกด้วย มีศิษยย์ชั้นในมากมายนักที่ต้องตาพึงใจนาง
กระทั่งศิษย์หลักบางคนยังมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านมัน เพื่อสู่ขอหลานสาวคนเก่งไปตบแต่ง
เดิมทีมันก็คิดจะให้หลานสาวแต่งกับศิษย์หลักสักคน
เพราะศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น ขอเพียงไม่ตกตายไปกลางทาง ต่อไปต้องมีอนาคตสดใสรออยู่แน่ และพลังฝีมือก็จะก้าวข้ามตัวมันถังชุนไปมากแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือ หลานสาวของมัน ถังอู๋เยียนกลับไม่ชายตามองผู้ใด… ถังอู๋เยียนนั้นเป็นสตรีที่เข้มแข็งและดื้อรั้นมาก อย่างน้อยๆมันก็ไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตของหลานสาวคนนี้ได้ นอกจากนางจะชมชอบบุรุษคนไหนสักคน หาไม่แล้วเกรงว่าคงไม่มีทางบีบบังคับให้นางแต่งกับใครได้ตามใจชอบ
นางยอมตายดีกว่าถูกบีบคั้น!
ด้วยเหตุนี้แม้ถังชุนจะพยายามหาบุรุษดีๆให้นาง และยกระดับฐานะตระกูลของตัวเอง มันก็รู้ดีว่าไม่อาจฝืนใจหลานสาวคนนี้ได้
กล่าวได้ว่ามันไม่ได้ นัดบอด ให้หลานสาวมานานมากแล้ว
คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพรามันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมากพรสวรรค์และสมควรมีฐานะไม่ธรรมดาจริงๆ มันก็คงไม่คิดแนะนำหลานสาวให้รู้จัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจับคู่ด้วยซ้ำ
“อู๋เยียนมีเรื่องหนึ่งที่ปู่เล็กต้องแจ้งให้เจ้ารู้ไว้ก่อน…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ กล่าวบอกออกมาว่ามันมีภรรยากับลูกแล้ว หากเจ้ารับไม่ได้ ก็เพียงคบหาเป็นสหายกับมันเสีย ไม่ต้องพยายามฝืนใจอยู่กับมัน”
ในขณะที่จากมา ถังชุนก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังบอกถังอู๋เยียน
ด้านถังอู๋เยียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเสียงผ่านพลังของปู่เล็กแม้แต่นิดเดียว
นาง ถังอู๋เยียน หากไม่ใช่บุรุษที่ชนะใจนางได้นางไม่แลเหลียวแน่นอน ถึงแม้ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้จะหน้าตาดีแถมมีลักษณะไม่ธรรมดา แต่ในโลกที่เคารพผู้เข้มแข็ง หน้าตากับบุคลิกไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
นางถังอู๋เยียนชมชอบบุรุษที่สยบนางได้ทุกด้าน
หากเป็นบุรุษที่เหนือกว่านางมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีภรรยาและลูกกี่คน นางก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่
ในสายตาของนาง บุรุษที่ทรงพลังอำนาจ จะมี 3 ภรรยา 4 อนุก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนเรื่องที่วันหน้านางจะถูกทิ้งหรือไม่หากอยู่กับบุรุษเช่นนั้น นางย่อมไม่กังวลเพราะนางมีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ! ไม่เพียงมั่นใจในรูปร่างหน้าตา ยังมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองอีกด้วย!
นาง ถังอู๋เยียน ไม่ใช่แจกัน!
ถึงแม้ข้างกายบุรุษที่นางต้องตาพึงใจจะมีอิสตรีมากมาย แต่นางจะใช้ความสามารถทำให้บุรุษผู้นั้นชมชอบนางที่สุด และสตรีที่เหลือนั้นก็ถูกกำหนดให้เป็นแค่ใบไม้เขียวหนุนเสริมดอกไม้อันสวยงามเช่นนาง
“มากับข้า”
ถังอู๋เยียนเหลือบมองชายหนุ่มชุดม่วงผ่านๆพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ก่อนจะเหินร่างนำลิ่วไปทันที
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นทีท่าดังกล่าว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพีงติดตามนางไปดูที่ทางอย่างสงบเงียบ ไม่พูดไม่ถามอะไรสักคำ
อย่างไรก็ตาม เขาประเมินถังอู๋เยียนสูงขึ้นไม่น้อย
ที่ถังอู๋เยียนมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ไม่พ้นต้องเป็นฝีมือถังชุนแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายเอาแต่แนะนำหลานสาวไม่หยุด
พอคิดดูแล้ว ก็สมควรเป็นสตรีนางนี้ไม่ผิดแน่
และหากถังอู๋เยียนพยายามเข้าหาเขาหรือทอดสะพาน เกรงว่าเขาคงต้องดูแคลนางแน่นอน
พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจใยดีเขา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็ทำเหมือนอีกฝ่ายไร้ตัวตนในสายตา
เขาไม่คิดจะสนใจอะไรถังอู๋เยียนคนนี้แม้แต่น้อย
“หากเจ้ามีอะไรจะถาม ก็ถามมาได้”
ถึงแม้ถังอู๋เยียนเองก็ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรกับต้วนหลิงเทียนมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่านางจะนิ่งเงียบไปตลอดทาง หลังนำทางมาสักพัก เมื่อถึงอาคารสำคัญๆ ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้ไว้
อาคารปลูกสร้างเหล่านี้เป็นตำหนักที่รับผิดชอบหน้าที่บางอย่างในนิกายหมอกเร้นลับโดยเฉพาะ และระหว่างทางนางก็ไม่ลืมแนะนำเขตที่อยู่ของเหล่าอาวุโสหลัก และอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับให้ต้วนหลิงเทียนทราบด้วย
ที่พักของเหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายหมอกเร้นลับ แน่นอนว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
เนื่องจากพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของนิกายหมอกเร้นลับนั้นถูกทำให้กระจายตัวอย่างเท่าๆกันทุกแห่งหน เช่นนั้นจะเลือกพักบริเวณไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้พัก และทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ได้รับก็ไม่ได้ลดน้อยลงเพราะตำแหน่งที่พักแต่อย่างใด
เพราะเหตุนี้ทำให้สถานที่พักฝึกฝนของตัวตนระดับสูงของนิกายหมอกเร้นลับกระจายไปทั่ว ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง “นั่นก็คือจวนของอาวุโส 2”
ขณะที่ถังอู๋เยียนพาต้วนหลิงเทียนเหินผ่านจวนหลังใหญ่ ที่ไม่ต่างอะไรจากพระราชวังขนาดย่อมหลังหนึ่ง นางก็กล่าวแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักทันที “แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่สถานที่พักของอาวุโส 2 เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ฝึกฝนของอาวุโส 2 รวมถึงศิษย์ในสำนักของอาวุโส 2 อีกด้วย…”
แม้ภายนอกต้วนหลิงเทียนจะพยักหน้ารับทราบอย่างขอไปที หากแต่ใจเขาก็เต้นรัวขึ้นมาอยู่บ้าง เพราะเขาจดจำได้ว่าตอนที่ยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เหมือนจะมีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์ของอาวุโส 2 มาหาเขาถึงบ้าน และต้องการให้เขากราบอาจารย์อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธไป
ต่อมาอีกฝ่ายก็มีโมโหจนหน้าแดงก่ำ บอกว่าเขาไม่ไว้หน้าบ้างหักหน้าบ้าง จนคิดลงมือลงไม้กับเขา แต่สุดท้ายก็ถูกศิษย์ที่ติดตามมาห้ามปรามไว้ก่อน จึงไม่ได้ทำอะไร “นิกายหมอกเร้นลับ มีคนระดับอาวุโส 2 ที่ว่ากี่คน?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามข้อมูลที่เขาอยากรู้
“ไม่น้อยเลย”
ถังอู๋เยียนกล่าวว่า “ในนิกายหมอกเร้นลับเรา มีตัวตนระดับอาวุโส 2 อยู่ทั้งสิ้น 19 คน…อาวุโส 2 เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น”
“แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ชนชั้นอาวุโสหลักในนิกายหมอกเร้นลับเราจะมีแค่ 19 คน…เพราะนอกจากอาวุโสหลักทั้ง 19 คนที่ข้าพูดถึงแล้ว ยังมีอาวุโสหลักอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับไปแล้วและมี 19 คนเช่นกัน ฐานะอาวุโสสูงสุดเหล่านั้นก็พอๆกับรองประมุขนิกาย”
“ในบรรดาอาวุโสสูงสุด ยังมีอยู่บางคนที่พลังฝีมือเหนือกว่าท่านประมุขนิกายเสียอีก…และส่วนใหญ่ก็มีลำดับอาวุโสเหนือท่านประมุขทั้งสิ้น” “นอกจากอาวุโสสูงสุดเหล่านี้แล้ว ในนิกายหมอกเร้นลับเรายังมีผู้พิทักษ์อีก 19 คน สถานะก็เทียบได้กับรองประมุขและอาวุโสสูงสุดบางคน แน่นอนว่าเหนือกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คน…”
หลังได้ฟังคำอธิบายของถังอู๋เยียน ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที ว่าจวนหลังใหญ่ที่มีกำแพงสูงกั้นเขตราวกับพระราชวังขนาดย่อมด้านล่างนั่น สมควรเป็นสถานที่ๆอาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับที่ส่งคนมาชวนเขาเป็นศิษย์พักอยู่!
เผลอๆถูเฟิงก็อาจจะพักอยู่ด้านล่างด้วย!
“ด้วยความเร็วของพวกเรา อย่างมากก็ไม่เกิน 1 เค่อ พวกเราก็จักวนดูสถานที่สำคัญครบและกลับไปถึงเขตที่พักของศิษย์สายใน”
ถังอู๋เยียนกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
หากก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่หน้าตำหนักทะเบียน ต้วนหลิงเทียนถูกพาไปยังเขตที่พักศิษย์สายในเลย ก็คงใช้เวลาเดินทางแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น แต่ที่ต้องเสียเวลาขนาดนี้เพราะถังอู๋เยียนพาต้วนหลิงเทียนตระเวนชมดูสถานที่สำคัญ และคอยแนะนำที่ทางให้รู้จัก
“ข้าก็เดินทางจนเหนื่อยแล้วพอดี”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันหางตาเขาก็เหลือบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ในจวนที่พักของอาวุโส 2 ด้านล่าง ปรากฏร่างคุ้นตาหนึ่งเหินลอยขึ้นมาบนฟ้า และอีกฝ่ายก็กำลังมองจ้องมาทางเขา
‘ไม่ใช่ถูเฟิง’
มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ถูเฟิงที่มาวางท่าหน้าบ้านเขาในอดีต จากนั้นเขาก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้และรู้สึกว่าตัวเขาอ่อนไหวอยู่บ้าง
จากนั้นเขาก็ติดตามถังอู๋เยียนไปเงียบๆ
ด้านคนที่เหินร่างขึ้นฟ้ามา ย่อมไม่ใช่ถูเฟิงจริงๆ
อย่างไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นๆ ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนไหวไปเอง แต่เป็นเพราะคนผู้นี้เคยมาปรากฏตัวในสายตาเขาจริงๆ!
มันไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นศิษย์ที่ติดตามถูเฟิงไปหาต้วนหลิงเทียนถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และมันก็เป็นศิษย์น้องของถูเฟิง เป็นศิษย์คนหนึ่งของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ
“เจ้านั่น…ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?”
สายตาชายหนุ่มเผยความประหลาดใจ จากนั้นก็เร่งส่งข้อความออกไปทันที “หวงลี่ เจ้าส่งข้อความไปถามถังอู๋เยียนให้ข้าหน่อย ว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางเป็นผู้ใด…แต่เจ้าอย่าบอกนางเล่าว่าข้าฝากเจ้าถาม แค่บอกนางว่ามีคนบอกเจ้ามาอีกที ว่าเห็นนางอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง เจ้าก็เลยส่งข้อความมาถามแค่นั้นพอ”
หวงลี่ที่ชายหนุ่มกล่าวถึง ก็เป็นศิษย์สายในคนหนึ่งของนิกายหมอกเร้นลับ มีความสัมพันธ์อันดีกับถังอู๋เยียน รวมถึงสนิทสนมกับมันอยู่บ้าง “เอ๊ะ? เมิ่งชิงเหิน…คงไม่ใช่ว่าเจ้าแอบชอบถังอู๋เยียนอยู่กระมัง”
หวงลี่พอได้รับข้อความก็รีบแซวกลับทันที “หาไม่แล้วไฉนให้ข้าไปสืบเรื่องผู้อื่นเขาเล่า? รีบสารภาพมาเร็วๆ เจ้าชอบนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เพ่ย! เจ้าคิดไปนู่นแล้ว ข้าแค่รู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงข้างกายนางคุ้นๆเท่านั้น ก็เลยอยากจะยืนยันตัวตนมันหน่อย…เจ้ารีบถามให้ข้าเร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ข้าเลี้ยงเจ้าชุดใหญ่เลยเอ้า!”
เมิ่งชิงเหินเป็นศิษย์คนที่ 4 ของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ และเป็นศิษย์น้อง 4 ของถูเฟิง
และเมิ่งชิงเหินก็ไม่ต้องรอนานนัก หวงลี่ก็ได้ส่งข้อความกลับมาหามัน “ว่าที่เจ้ามือเมิ่งชิงเหิน ข้าถามนางให้เจ้าแล้ว…เห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ ก็คือนักศึกษา 10 ดาวจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ที่ร่ำลือกันผู้นั้น มันมาถึงนิกายหมอกเร้นลับเราวันนี้เอง และพึ่งจะไปทำเรื่องลงทะเบียนเป็นศิษย์สายในเสร็จหยกๆ”
“จะว่าไปข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารองประมุขมู่หรงจะแนะนำนักศึกษา 10 ดาวคนหนึ่งให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับเราก่อนกำหนด และเห็นว่ารองประมุขมู่หรงยังเสนอชื่อมันเป็นศิษย์หลัก มันก็เลยจะได้เข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะจัดขึ้นหลังจากนี้ครึ่งปีด้วย”
“ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าบอกว่ามันคุ้นๆหรือ…เจ้าเคยเจอมันหรือไร?”
หวงลี่ส่งส่งข้อความถามมาด้วยความอยากรู้
“ขอบคุณเจ้า”
อย่างไรก็ตามเมิ่งชิงเหินเพียงส่งข้อความขอบคุณไปหานางสั้นๆ จากนั้นก็ไม่สนใจนางอีก ร่างยังดิ่งลงจากฟ้าเร็วไว แต่แทนที่จะย้อนกลับไปยังอาคารที่มันพึ่งเหินร่างขึ้นมา มันเลือกจะลงไปยังอาคารอื่นแทน “ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านว่างหรือไม่?”