ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังระงมจากด้านนอก
  และฟังจากบทสนทนาของคนด้านนอก เขาก็รู้เจตนาการมาของพวกมันทันที ที่ทุกคนมาเฝ้ารอกันเกินสิบวันครึ่งเดือนแบบนี้ ล้วนมีเหตุผลเดียวกัน…ชวนเขาไปพบเจออาจารย์หรือผู้อาวุโสของพวกมัน!
  อาจารย์และผู้อาวุโสของพวกมัน คิดรับตัวเขาเป็นศิษย์
  ‘หรือข้าจะเปิดค่ายกลอีกรอบดี?’
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคิดดังกล่าว ก็มีเสียงอุทานโพล่งดังจากด้านนอก “เฮ่ ดูนั่นเร็ว! ต้วนหลิงเทียนปิดค่ายกลแล้ว!!”
  “จริงด้วย!!”
  “ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าเป็นศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ หวงผิงอี้ และอาจารย์ของข้าให้ข้ามาเชิญเจ้าไปเป็นแขกยังสถานที่พักบ่มเพาะของท่าน!”
  “ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์เอกของผู้พิทักษ์ หลิวก่วนเซียง แห่งนิกายหมอกเร้นลับ วันนี้ข้าเองก็มาในนามผู้พิทักษ์หลิวก่วนเซียงอาจารย์ของข้า เพื่อเชิญเจ้าไปเป็นแขกจิบชาสนทนากับท่านอาจารย์!”
  …
  ทันทีที่ผู้คนด้านนอกพบว่าค่ายกลปิดกั้นรอบๆบ้านพักต้วนหลิงเทียนหายไป พวกมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยซ้ำ เร่งตะโกนเสียงดังวุ่นวายกันใหญ่
  อาวุโสสูงสุด?
  ผู้พิทักษ์?
  ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
  ต้องทราบว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้มีมากมายอะไร และสถานะของผู้อาวุโสสูงสุดแต่ละคนก็สูงกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คนรวมถึงอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับมาก
  นอกจากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้ง 19 คนเอง ก็มีสถานะเหนือกว่าอาวุโสหลักเช่นอาวุโส 2 เสียอีก เรียกว่าฐานะพอๆกันกับรองประมุขนิกายเลย
  ในบรรดาผู้พิทักษ์อาวุโส ยังมีบางคนที่มีฐานะเหนือกว่าประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนปัจจุบันเสียอีก!
  และตัวตนเหล่านั้นก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว
  ทว่าตอนนี้ตัวตนระดับอาวุโสสูงสุดกับผู้พิทักษ์กลับส่งคนมาเฝ้ารอเพื่อเชิญเขาไปพบ? แถมที่เรียกไปพบก็ไม่พ้นหมายรับเขาเป็นศิษย์?
  ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะล่วงรู้วัตถุประสงค์ในการเชิญเขาของทุกคน แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้จริงๆ
  เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เผยความสามารถที่น่าทึ่งอะไรมากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าอาศัยพลังระดับปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เขาเผยออกไป จะยังดึงดูดระดับสูงๆของนิกายหมอกเร้นลับขนาดนี้
  พวกมันถึงกับส่งศิษย์มาเฝ้าหน้าบ้านเขา เพื่อรอเชิญเขาไปเป็นแขก!
  แอ๊ด…
  สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เปิดค่ายกลอีกครั้งแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะเปิดประตูแล้วก้าวออกมาจากบ้าน ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนที่เฝ้ารอ
  “ฮ้า! ศิษย์น้องต้วนออกมาแล้ว!”
  “ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ข้าชื่อหวู่ฉงเป็นลูกชายของอาวุโสสูงสุด หวู่เหอ ท่านพ่อของข้าอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าลองพิจารณาดูก่อนดีไหม? และท่านพ่อยังฝากข้ามาบอกเจ้าอีกว่า ขอเพียงเจ้าเต็มใจเข้าสำนักของท่านพ่อ ท่านพ่อจะไม่ละเลยเจ้าเด็ดขาด กระทั่งยังจะดูแลส่งเสริมเจ้าอย่างดีถึงขั้นที่ลูกชายแท้ๆอย่างข้าต้องอิจฉาเชียว!”
  “ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์คนที่ 2 ของอาวุโสสูงสุด หลิวกุ้ย เรียกว่า เหอไช่ ท่านอาจารย์ข้าก็ตั้งใจรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน อีกทั้งท่านอาจารย์ยังได้เตรียมโอสถเสริมโชคไว้ให้เจ้าเป็นของขวัญแล้ว!”
  “ศิษย์น้องต้วน ข้าคือศิษย์คนที่ 4 ของผู้พิทักษ์ จ้าวปู่อี้ เรียกว่า โอวหยางเฉวียน ท่านอาจารย์ของข้ากล่าวไว้ว่า หากเจ้ายินดีเข้าสำนักของท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจารย์จะหาโอสถเสริมโชค 9 เม็ดให้เจ้าภายใน 1 ปี เพื่อให้เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพทันที!”   …
  ชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน มีแม้แต่ศิษย์สตรี 2-3 คนที่มารวมกันด้านนอกบบ้านต้วนหลิงเทียน พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวก็เร่งกล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนไปเป็นแขกทันที
  และเมื่อมีบางคนเอ่ยข้อเสนอชักชวนต้วนหลิงเทียนออกมา เหล่าผู้ที่รอดูท่าทีก็ไม่อาจรอช้า เร่งกล่าวข้อเสนอเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนให้ไปเป็นแขกทันที
  กระทั่งบางคนยังจงใจเพิ่มของขวัญเอาเองอีกด้วย
  บางคนถึงกับบอกว่า จะรวบรวมโอสถเสริมโชคให้ต้วนหลิงเทียนถึง 9 เม็ดภายในครึ่งปีเพื่อเกทับคนที่เสนอหนึ่งปี! และข้อเสนอดังกล่าวก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนหวั่นไหวอยู่บ้าง แน่นอนว่าก็แค่ใจเต้นรัวขึ้นมาเท่านั้น…
  “ศิษย์พี่ทั้งหลาย…”
  ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจกล่าวคำเพื่อขัดการแย่งกันยื่นข้อเสนอของทุกคน “ข้าต้วนหลิงเทียน เข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดหรือผู้พิทักษ์ ความหวังดีของทุกท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ ต้องลำบากทุกท่านกลับไปขอขมาท่านผู้อาวุโสสูงสุดและท่านผู้พิทักษ์ที่เป็นอาจารย์ของพวกท่านแล้ว”
  “ข้าเข้ามายังนิกายหมอกเร้นลับ มีจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะได้เข้าสู่นิกาย จ้าวมังกร เท่านั้น…”
  พอต้วนหลิงเทียนกล่าวคำออกมา ก็เป็นการปฏิเสธทุกคน ณ ที่นี้ทันที “เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคงทำให้ทุกท่านต้องเสียเวลารออย่างเปล่าประโยชน์แล้ว..ต้องขออภัยศิษย์พี่ทุกท่านจริงๆ”
  พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานทั้งโค้งตัวเล็กน้อยอย่างสุภาพมากมารยาท
  หลายคนเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะป้องมือพลางเขย่าเบาๆทีหนึ่ง ค่อยเหินร่างจากไป
  ยังมีหลายคนที่ไม่คิดตัดใจง่ายๆ และหมายเจรจาข้อเสนอกับต้วนหลิงเทียน อนิจจาทั้งหมดถูกลิขิตให้ผิดหวัง  สุดท้าย ก็เหลือไม่กี่คนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนไปยัง ‘ตำหนักกิจการฝ่ายใน’ ของนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายใน เพื่อไปชมดูอันดับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์
  และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ต้วนหลิงเทียนได้รับอันดับ 1 ของศิษย์สายในขอบเขตเทพ
  อันที่จริงไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงติดตามการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนต้องได้อันดับที่ 1 ในบรรดาศิษย์สายในขอบเขตเทพแน่นอน
  สุดท้ายแล้ว การขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ของบันไดสวรรค์ ก็ไม่มีศิษย์สายในขอบเขตเทพคนไหนในนิกายหมอกเร้นลับทำได้มานานแล้ว
  “นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”
  “หืม? คนนั้นน่ะหรือต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือกัน ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ของการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สำหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพ?”
  “ใช่ เป็นมัน! เห็นว่าตอนนี้มันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีด้วยซ้ำ ได้รับการแนะนำจากรองประมุขมู่หรงสุยเฟิงให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับของพวกเราก่อนกำหนด”
  “ยากนักที่จะเห็นผู้ใดได้รับคำแนะนำจากท่านรองประมุขมู่หรงเช่นนี้…กล่าวไปท่านรองประมุขมู่หรงก็ไม่เคยใช้สิทธิ์แนะนำผู้ใดมานานมากๆแล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกปากก็ล้วนเป็นตัวตนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของนิกายหมอกเร้นลับเราทุกที”
  “นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ข้าบอกเลยว่าในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ นอกจากเหล่าอาวุโสสูงสุดกับท่านประมุขแล้ว ผู้ที่ข้าชื่นชมมากที่สุดก็คือท่านรองประมุขมู่หรงสุยเฟิง!!”
  …
  เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงตำหนักกิจการฝ่ายใน ก็มีเหล่าศิษย์สายในหลายคนที่จดจำเขาได้ ทำให้บริเวณโดยรอบพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
  และหลังจากได้ยินเสียงสนทนาเซ็งแซ่ไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า มู่หรงสุยเฟิง เป็นรองประมุขที่มีผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย เรียกว่ามีชื่อเสียงดีงามจนหลายๆคนให้การเคารพนับถือ
  “ศิษย์พี่ทุกท่าน พอมีใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่าของรางวัลการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ต้องไปรับที่ไหนหรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะประสานมือกล่าวถามทุกคนอย่างสุภาพ จากนั้นก็มีศิษย์หลายคนเร่งกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น ไม่เพียงจะชี้ทางเท่านั้น ยังมีศิษย์มากอัธยาศัยแลดูเป็นคนตลกคนหนึ่ง อาสานำพาต้วนหลิงเทียนไปยังโต๊ะบริการมอบของรางวัลอีกด้วย แถมมันยังป่าวประกาศขอทางอย่างนอบน้อมระคนยียวน จนศิษย์ที่ต่อแถวอยู่พากันหลีกทางด้วยเสียงหัวเราะ ทำให้ต้วนหลิงเทียนได้รับของรางวัลจากการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ในเวลาอันสั้น
  โอสถเสริมโชค!
  ต้วนหลิงเทียนเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ก็คิดกลับบ้านพักทันที
  หากทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีคนเรียกทักเขาเสียก่อน “ช้าก่อน ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน!”
  คนที่รั้งต้วนหลิงเทียนไว้ ก็เป็นศิษย์สายในร่างอ้วนกลมตาหยีแลดูไม่มีพิษมีภัยคนหนึ่ง ขณะกล่าวถามแก้มย้วยๆของมันยังกระเพื่อมจนดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย “อีกไม่นาน ศิษย์น้องก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้ว…มิทราบศิษย์น้องมั่นใจหรือไม่?”
  “ศิษย์น้องต้องทราบว่าในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเรา…ศิษย์สายในคนสุดท้ายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหมื่นปีก่อน!”
  “และในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ศิษย์สายในขอบเขตเทพเลย แม้แต่ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพเองก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักสักคน”
  พอศิษย์ร่างอ้วนกล่าวถามจบคำ สายตาทุกคู่ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที
  เห็นชัดว่าทั้งหมดกำลังรอฟังต้วนหลิงเทียน ว่าจะตอบอย่างไร
  ต้วนหลิงเทียนที่หันมามองศิษย์ร่างอ้วน ก็คลี่ยิ้มบางๆ “ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี..”
  พอกล่าวจบคำ ไม่ทันที่ศิษย์ร้างอ้วนกับศิษย์คนอื่นๆจะได้พูดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากตำหนักกิจการฝ่ายในไปเสียแล้ว
  จากนั้นในตำหนักกิจการฝ่ายในก็ดังระงมไปด้วยเสียงฮือฮากันพักใหญ่ “ฟังจากคำตอบของต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนจะมั่นใจมากกระมัง?”
  “อัยยะ ช่างน่าตื่นเต้นยิ่ง…เกิดต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขึ้นมาจริงๆ ก็จะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบคนแรกในรอบหมื่นปีแล้ว!!”
  “เฮ่อ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย วันทดสอบประเมินศิษย์หลักเป็นพรุ่งนี้เลยได้ไหม?”
  …
  จากนั้นเรื่องรางในตำหนักกิจการฝ่ายในก็เริ่มแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานศิษย์นิกายหมอกเร้นลับส่วนใหญ่ก็ได้รับทราบถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน สำหรับการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่จะมาถึงในไม่ช้า
  “ชายผู้นั้น….มั่นใจถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
  ขณะที่ถังอู๋เยียนได้รับทราบข่าว นางก็อยู่กับปู่เล็กของนางพอดี ถังชุนที่ได้ยินคำพึมพำของนาง จึงอดถามออกมาไม่ได้ “มีอะไรหรือ?”
  และพอถังชุนได้ยินเรื่องราวจากถังอู๋เยียน มันก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ…เจ้าหนูนั่น ไม่แน่มันอาจจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักจริงๆก็ได้!”
  “ท่านปู่เล็ก ท่านมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
  เห็นท่าทีของปู่เล็ก ถังอู๋เยียนก็ประหลาดใจไม่น้อย “จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาจนถึงตอนนี้…ดูเหมือนว่าจะไม่สูงพอทำให้มันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักกระมัง? นอกเสียจากมันยังปกปิดพลังเอาไว้!”
  “ท่านปู่เล็ก…หรือท่านรู้ว่าที่แท้มันยังปกปิดพลังเอาไว้?”
  ถังอู๋เยียนกล่าวถามด้วยสองตาเป็นประกาย
  ทว่าด้านถังชุนกลับส่ายหน้าไปมา
  ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะถูกมันพาตัวมา แต่เรื่องที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เผยพลังฝีมือทั้งหมดแล้วหรือไม่ มันก็ไม่ทราบเลย  อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนของมัน
  “เอ๋าท่านปู่เล็ก…แล้วไฉนท่านถึงแลดูมั่นใจในตัวมันนักล่ะ?”
  ถังอู๋เยียนถาม
  “อาจเป็นเพราะเสน่ห์รวมถึงลักษณะท่าทีของมัน…หากเป็นคนอื่นกล่าวคำทำนองนั้น ข้าไม่พ้นต้องคิดว่าหยิ่งผยองถือดี…แต่พอเป็นมันพูดออกมา ข้ารู้สึกว่ามันพูดเพราะความมั่นใจในฝีมือตัวเอง”
  ถังชุนคลี่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังถังอู๋เยียนด้วยสายตาทะแม่งๆ “เสี่ยวอู๋เยียน…ปู่เล็กได้ยินมาว่า วันที่ต้วนหลิงเทียนไปแข่งขันไต่บันไดสวรรค์วันนั้น เจ้าเองก็เหมือนจะเร่งรีบออกไปกระมัง?”
  “เจ้าใช่ไปที่นั่นเพราะมันโดยเฉพาะหรือเปล่า?”
  สายตาของถังชุน ทำให้ถังอู๋เยียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ท่านปู่เล็ก ข้าไม่ได้ไปเพราะมันเสียหน่อย…เดิมทีข้าเองก็คิดจะไปเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์อยู่แล้ว…และข้าก็คิดจะเข้าไปทันทีหลังมันกลับออกมา ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆมันจะไปประลองกับฉีอวี่เสียอย่างนั้น”
  “หลังจากพวกมันประลองกันจบ ข้าก็กลับไปยังบันไดสวรรค์เลยไม่ใช่รึไง!”
  ยิ่งเห็นถังอู๋เยียนกล่าวคำอธิบายอย่างจริงจังและละเอียดแบบนี้ แววตาของถังชุนยิ่งมาก็ยิ่งแปลกๆมากขึ้นเท่านั้น “เข้าใจแล้วๆ…สาวๆหน้าบางหน่อยก็ดี”
  พอถังอู๋เยียนได้ยินดังกล่าว นางก็ถึงกับหมดคำจะพูดทันที
  อย่างไรก็ตาม พอถังชุนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจนางก็พลันนปรากฏร่างชาหนุ่มชุดม่วงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่ข้าใส่ใจผู้ชายเช่นนี้?’
  ‘อีกอย่าง ผู้อื่นเขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว…’
  ถังอู๋เยียนพยายามลบร่างในชุดสีม่วงในหัว อนิจจายิ่งนางพยายามลบเลือนมากเท่าไหร่ ร่างในชุดสีม่วงนั่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นนางก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมใจยังเต้นรัวขึ้นมาอีก  …
  “ตัวโง่งมฝันละเมอ!!”
  ด้านถูเฟิงหลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนพูดอะไรในตำหนักกิจการฝ่ายใน ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจ “มันคิดว่ามันเป็นใครกัน? ถึงกับกล้าพูดว่าจะเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก?”
  “ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักสำหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพจะง่ายกว่าบททดสอบสำหรับศิษย์ขอบเขตราชาเทพ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเทพจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ!”
  “คิดจะเป็นเชวียไห่ชวนคนที่ 2 เช่นนั้นหรือ? ไม่ประเมินตัวเอง!!”
  ถูเฟิงไม่คิดว่าคนที่อยู่ในรายชื่อ ‘ต้องฆ่า’ ของมันจะผ่านการทดสอประเมินศิษย์หลักทั้งๆที่ยังมีด่านพลังขอบเขตเทพได้ เพราะตัวมันเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบประเมินดังกล่าวตอนด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพมาแล้ว จึงรู้ดีว่ามันยากเย็นแค่ไหน…