การทดสอบประเมินศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ นั้นจะแบ่งออกเป็นการทดสอบประมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ แล้วก็การทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตราชาเทพ
อย่างหลังนั้นย่อมยากกว่าเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ในแง่ความยากสำหรับตัวผู้ทดสอบ อย่างหลังกลับสู้อย่างแรกไม่ได้
“ศิษย์สายในขอบเขตเทพของนิกายหมอกเร้นลับ หากไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้ก่อนอายุครบ 5,000 ปี ก็จะถูกขับออกจากตำแหน่งศิษย์สายใน…ถึงตอนนั้นก็เป็นได้แค่ ผู้ดูแลฝ่ายนอก ไม่ว่าจะอยู่ที่นิกายฝ่ายนอกก็ดี หรือออกจากนิกายไปช่วยจัดการดูแลกิจการของนิกายก็ดี..”
“ส่วนศิษย์สายในที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้สำเร็จ ต่อให้เติบโตไปและมีอายุมากขึ้น ไม่ว่าด่านพลังฝึกปรือจะเป็นอย่างไร ก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์สายในไปตลอด…อีกทั้งหากทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นกลางได้ ก็สามารถเลือกเป็นผู้ดูแลฝ่ายใน ส่วนราชาเทพขั้นต่ำก็เป็นได้แค่ผู้อาวุโสฝ่ายนอกเท่านั้น…”
ต้วนหลิงเทียนเองก็มาอยู่ที่นิกายหมอกเร้นลับสักพักแล้ว เขาเองก็คุ้นเคยกับการจัดสรรตำแหน่งของนิกายหมอกเร้นลับดี
ในนิกายหมอกเร้นลับฝ่ายนอกนั้น ศิษย์สายนอกนับว่ามีลำดับฐานะต่ำที่สุด ต่อมาก็จะเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอก จากนั้นถึงจะเป็นชนชั้นผู้อาวุโสฝ่ายนอก
ส่วนฝ่ายในนิกายหมอกเร้นลับ ศิษย์สายในจะมีฐานะต่ำสุด ลำดับถัดมาก็จะเป็นผู้ดูแลฝ่ายใน อาวุโสฝ่ายใน ผู้อาวุโสหลัก ผู้พิทักษ์ รองประมุขนิกาย ผู้อาวุโสสูงสุดกับประมุขนิกาย
ผู้ดูแลฝ่ายนอก ปกติแล้วด่านพลังอย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในขอบเขตเทพขั้นสูง
ส่วนผู้อาวุโสฝ่ายนอกนั้น โดยทั่วไปจะเป็นราชาเทพขั้นต่ำ ผู้ดูแลฝ่ายใน ระดับพลังต้องบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ
ส่วนผู้อาวุโสฝ่ายในนั้น เป็นตัวตนระดับราชาเทพขั้นสูงขึ้นไป
แน่นอนว่าในระดับพลังฝึกปรือเดียวกัน ก็ยังมีแบ่งแยกสูงต่ำ
ตัวอย่างเช่นอาวุโสหลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น แม้ด่านพลังอาจอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นสูงเหมือนอาวุโสฝ่ายใน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ผู้ที่สามารถรับมือเอาชนะตัวตนในด่านพลังเดียวกันนับสิบ เรียกว่าช่องว่างของพลังมากพอให้อาศัยแค่พลิกฝ่ามือก็เข่นฆ่าอีกฝ่ายได้..
และเป็นธรรมดาว่าในบรรดาผู้อาวุโศหลักของนิกายหมอกเร้นลับ ก็มีตัวตนระดับจอมราชันเทพไม่น้อย
และชนชั้นผู้พิทักษ์กฏ ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพทั้งสิ้น
ส่วน ‘ศิษย์หลัก’ นั้น แม้จะยังมีด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพ แต่ฐานะในนิกายหมอกเร้นลับก็จะเทียบได้กับผู้อาวุโสฝ่ายในที่มีด่านพลังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นสูงทั้งหลาย และยังจะได้รับการดูแลสนับสนุนจากนิกายดุจเดียวกับอาวุโสฝ่ายในเป็นอย่างต่ำ
จากจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าศิษย์หลักมีความสำคัญกับนิกายหมอกเร้นลับมากเพียงใด
และในเมื่อนิกายหมอกเร้นลับ ไม่เคยมีศิษย์หลักมากกว่า 100 คน ก็บ่งบอกให้รู้ว่าการทดสอบประเมินศิษย์หลักมีความเข้มงวดถึงขนาดไหน
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้ศิษย์หลักนั้นเป็นดั่งกระดูกสันหลังของนิกายหมอกเร้นลับ เมื่อศิษย์หลักเติบโตขึ้น วันหน้าอย่างน้อยๆก็ต้องได้เป็นผู้อาวุโสหลักแน่นอน
‘หลังจากผ่านการทดสอบประเมินของนิกายจนเป็นศิษย์หลักได้แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะมีคนในนิกายหาญกล้าลงมือกับข้าอย่างโจ่งแจ้ง…สุดท้ายฐานะศิษย์หลักในนิกายหมอกเร้นลับก็เทียบเท่าอาวุโสฝ่ายใน เรียกว่าสามารถยืนเคียงไหล่คุยกันได้อย่างเท่าเทียม…’
ระหว่างเดินทางไปยัง หอทดสอบ ที่จัดการทดสอบประเมินศิษย์หลัก ใจต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องราวไปเรื่อยเปื่อย และยังคิดว่าหลังจากเป็นศิษย์หลักแล้วจะเอาอย่างไรต่อไป
เขาไม่เคยลืมแม้สักวัน ว่าไฉนเขาถึงต้องดิ้นรนและเสียงขึ้นมายัง 1 ในระนาบเทพอย่างดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้
ทั้งหมดเพื่อเพิ่มพูนพลังฝีมือของเขา
300 ปีหลังจากนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเดินทางไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ เพื่อนำตัวเค่อเอ๋อกลับมา ให้ครอบครัวได้พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
ด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก็มีศิษย์สายในเหาะตามมาเป็นจำนวนมาก
แต่ศิษย์สายในที่เหาะตามมาเหล่านี้ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลัก เพียงแค่พวกมันว่างและไม่รู้จะทำอะไร จึงติดตามมาชมดูสถานการณ์ นอกจากนั้นยังมีหลายคนที่แม้จะมีคุณสมบัติแต่ก็รู้ตัวดีว่ายากจะผ่านการทดสอบ แค่มาลองทดสอบดูเพื่อหาประสบการณ์ จะได้เก็บไว้เป็นแนวทางในภายหลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์สายในขอบเขตเทพ ทุกคนรู้ตัวดีว่าไม่มีทางผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักครั้งนี้ และกลายเป็นศิษย์หลักได้แน่
“หึหึหึ! คราวนี้ถึงแม้ข้าจะไม่มีปัญญาผ่านการทดสอบและเป็นศิษย์หลัก…แต่การเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักครั้งนี้ อย่างน้อยๆข้าก็มีโอกาสได้เห็นฝีไม้ลายมือของต้วนหลิงเทียน…นับว่าคุ้มค่ายิ่ง! ไงล่ะอิจฉาข้ากันล่ะสิ?”
ศิษย์สายในขอบเขตเทพคนหนึ่ง กล่าวอวดออกมากับเหล่าสหายข้างกาย
จากนั้นไม่เพียงแต่สหายข้างกายจะเบ้ปากมองบนใส่มันด้วยความหมั่นไส้ระคนอิจฉา บ้างยังประทานฝ่ามือตบกะโหลกไปทีหนึ่งอย่างอดไม่ไหว และเหล่าศิษย์สายในที่เหินร่างใกล้เคียงก็หันมามองมันด้วยสายตาอิจฉาเช่นกัน
“เฮ่อ ส่วนข้าแม้จะมีโอกาสได้ทดสอบประเมินศิษย์เช่นกัน แต่ด่านพลังข้าดันอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำ แถมการทดสอบศิษย์ขอบเขตเทพกับราชาเทพดันแยกกัน ข้าก็เลยอดดูต้วนหลิงเทียนสำแดงฝีมือเลย…”
ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำบางคนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียน นับว่ามีชื่อเสียงเลื่องลือในนิกายหมอกเร้นลับนัก เรียกว่ากลายเป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นอกจากศิษย์หลักที่สร้างผลงานอันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งหลาย
ต้วนหลิงเทียนนั้น หลังเข้านิกายหมอกเร้นลับมาไม่นาน ก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์เป็นครั้งแรก แถมยังคว้าอันดับ 1 มาได้
นอกจากนั้น ยังต่อสู้กับฉีอวี่ 1 ใน 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุด แถมต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย ยังสำแดงพลังร้ายกาจ จบชีวิตฉีอวี่ได้ในกระบี่เดียวราวตัดหญ้าฆ่าไก่ ทำให้กลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…
กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งตัวตใน ‘ตำนาน’ สำหรับเหล่าศิษย์หลายๆคน
และข้อเท็จจริงเรื่องต้วนหลิงเทียนถูกรองประมุขมู่หรงสุยเฟิงเสนอชื่อให้เข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลัก ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรับทราบกันนานแล้ว แค่ในอดีตทุกคนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก
แต่พอเขาคว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ขอบเขตเทพ และฆ่าศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งอย่างฉีอวี่ได้ง่ายดาย ทำให้การเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลักของเขา กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งนิกายหมอกเร้นลับ จับตาดูผลงานเขากันทั้งนั้น
ในบรรดาผู้ที่ให้ความสนใจ ก็มีศิษย์หลักรวมอยู่ด้วย
สูงขึ้นไปบนน่านฟ้าเหนือโถงทดสอบ
ปรากฏแผ่นศิลาขนาดใหญ่หนึ่งลอยล่องอยู่ และบนแผ่นศิลาดังกล่าว ก็มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำยืนอยู่
“ฉือถงหมิง นี่เจ้าก็มาชมดูการทดสอบกับเค้าด้วยหรือ?”
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดขึ้นด้านหลังชายหนุ่มคลุมดำปานภูตผี เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินแลดูเรียบง่านไม่หรูหรา ในมือถือกระบี่พร้อมฝัก คิ้วแหลมคม มองถามชายหนุ่มชุดคลุมดำด้วยสายตาประหลาดใจ
“ไม่ใช่เจ้าหลินอี่เจี้ยนก็มาดูเหมือนข้ารึไง?”
ชายหนุ่มชุดคลุมดำเหลือบมองชายหนุ่มชุดคลุมสีน้ำเงินพลางกล่าวเสียงเบา
“ฮ่าๆๆ…ก็ข้าว่างนี่นา แทนที่จะอยู่เบื่อๆที่บ้าน มิสู้มาหาอะไรดีๆดูชมประเสริฐกว่า”
ผู้ถูกถามหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “ที่เจ้าถ่อมาที่นี่ได้ ก็ไม่พ้นสงสัยเหมือนข้ากระมัง ว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้น จะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักหรือไม่?”
“ถึงแม้ว่าข้าตัดสินใจพลังฝีมือที่มันเผยออกมาแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะผ่านการทดสอบ แต่ข้าเองก็ยังบังเกิดความคาดหวังอยู่บ้าง…สุดท้ายมันก็เป็นคนที่ตระหนักถึงประตูสู่มรรคากระบี่แล้ว”
พอกล่าวถึงคำ ‘ประตูสู่มรรคากระบี่’ สองตาชายหนุ่มชุดคลุมน้ำเงินก็เผยประกายขึ้นมาอย่างเร่าร้อน
“เปล่า”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำส่ายหัวไปมา “ที่ข้ามาที่นี่วันนี้เป็นเพราะอาจารย์ขอให้ข้ามา…หากมันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก ท่านอาจารย์ให้ข้าพาตัวมันไปพบ…อาจารย์ของข้าคิดจะรับมันเป็นศิษย์”
“หืม? อาจารย์เจ้า…ผู้อาวุโสสูงสุดท่านนั้นน่ะรึ?”
พอได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ชายหนุ่มชุดคลุมน้ำเงินก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเท่าที่มันจำได้อาจารย์ของคนตรงหน้า เป็นถึงหนึ่งในอาวุโสสูงสุดที่มีอำนาจมากที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับ!
กระทั่งประมุขนิกายยามพบเจอ ยังต้องให้เกียรติถึงขั้นโค้งคารวะ
ตัวตนแบบนั้น กลับสนใจต้วนหลิงเทียน?
ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์?
ตอนนี้หากมีศิษย์สายในที่อยู่ในนิกายหมอกเร้นลับมาหลายปีเห็นร่างทั้ง 2 บนฟ้าสูงล่ะก็ จะต้องจดจำพวกมันได้ทันที เพราะชายหนุ่ม 2คนทื่นอู่บนแท่นศิลาลอยฟ้า เหนือโถงทดสอบก็เป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับทั้งคู่
ในปัจจุบัน ศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับมีแค่ 62 คนเท่านั้น
ในเมื่อทั้งคู่สามารถเป็นศิษย์หลักได้ เช่นนั้นพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงเพียงใด และพลังฝีมือร้ายกาจแค่ไหนก็พอจะนึกภาพได้ออก
…
สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขามายังโถงทดสอบ
โถงทดสอบนั้น เป็นอาคารขนาดใหญ่มีประตูหน้ามหึมา เมื่อเข้าไปก็พบเจอห้องโถงอันกว้างใหญ่ ตกตแงอย่างเรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกหรูหรา
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในโถง “ยกเว้นศิษย์สายในที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลัก ผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปจากห้องโถงแห่งนี้เสีย…”
“หาไม่แล้ว พวกเจ้าต้องแบกรับความเสี่ยงสำหรับผลที่จะตามมาเอาเอง”
พอกล่าวจบคำ เหล่าศิษย์สายในที่คิดติดตามมาชมดูต้วนหลิงเทียน ก็ได้แต่หันหลังเดินออกจากห้องโถงแต่โดยดี
“เอ๋า ไฉนครั้งนี้ถึงไล่ผู้คนที่ไม่มีสิทธิ์ออกซะเล่า?”
“นั่นน่ะสิ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าห้ามคนที่ไม่มีสิทธิ์ทดสอบเข้ามารอดูผลในโถงด้วย”
“หรือครั้งนี้จะเป็นเพราะมีคนนอกมาชมดูเยอะเกินไป?”
“เฮ่อ หากไม่ใช่เพราะวันนี้ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมการทดสอบด้วย ข้าจะถ่อมาดูทำซากอะไรเล่า…เซ็งจริงอะไรจริง”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์สายในเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของโถงทดสอบ พวกมันก็ได้บ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ แต่ให้พวกมันบ่นกันมากแค่ไหน พวกมันก็ไม่กล้าท้าทายอำนาจของผู้ที่กล่าวคำในโถงทดสอบเมื่อครู่อยู่ดี ถึงแม้ผู้ที่พูดออกมาเมื่อครู่อาจจะเป็นแค่ผู้ดูแลฝ่ายในที่ทำหน้าที่ในโถงทดสอบ อย่างไรก็ตามตราบใดที่พลังฝีมือสูงพอ พวกมันก็สามารถฆ่าศิษย์สายในที่ละเมิดคำสั่งได้ทันที
หลังจากศิษย์สายในที่ไม่เกี่ยวข้องจากไป โถงทดสอบก็แลดูกว้างขวางขึ้นถนัดตา
และนอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ภายในโถงแห่งนี้ก็มีผู้คนรั้งอยู่เกือบร้อย
เนื่องจากความกว้างใหญ่ของห้องโถง ถึงจะมีผู้คนเกือบร้อยยืนกระจายตัวกันอยู่ในโถง ก็ชวนให้รู้สึกถึงความโหรงเหรงวังเวงอยู่บ้าง
“ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพ เดินเข้าประตูทางนี้เสีย…”
พอเสียงดังขึ้นอีกครั้ง อากาศว่างเปล่าบริเวณด้านหนึ่งของโถงที่โล่งๆอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็พลันปรากฏรอยแยกมิติขึ้น จากนั้นมันก็ฉีกเปิดออกกว้างจนคล้ายประตูบานหนึ่ง
ด้านหลังประตูดังกล่าว มองไปก็เห็นแต่ความมืดมิด ไม่เห็นอะไรอื่น
เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
ก่อนที่เข้าจะมาที่นี่ เขาก็รู้แต่แรกแล้วว่าการทดสอบประเมินศิษย์หลักนั้น จะดำเนินการทดสอบในระนาบอิสระที่ถูกเปิดสร้างขึ้นโดยหัวหน้าโถง หรือรองหัวหน้าที่ดูแลโถงทดสอบของนิกายหมอกเร้นลับ
อันที่จริงระนาบอิสระที่ว่า ยังเป็นโลกใบเล็กภายในกายพวกมัน!
‘หืม? ปกติแล้ว การทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ จะดำเนินการในโลกใบเล็กของรองหัวหน้าโถงทดสอบ…ส่วนการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตราชาเทพจำดำเนินการในโลกใบเล็กของหัวหน้าโถงทดสอบมิใช่หรือ?’
‘กล่าวได้ว่า แรกเริ่มก็สมควรเป็นรองหัวหน้าโถงเปิดโลกใบเล็กภายในกาย ให้ศิษย์สายในขอบเขตเทพเข้าไปก่อนไม่ใช่หรือไร?’
‘ไฉนคราวนี้ให้ราชาเทพไปก่อนเล่า?’
‘ช้าก่อน…พอสัมผัสดูดีๆ ดูเหมือนกลิ่นอายพลังที่เล็ดลอดออกมาจากประตูนั่น กลับคล้ายกลิ่นอายพลังของอาวุโสถังชุนอย่างไรชอบกล ราวกับผู้เปิดประตูสู่โลกใบเล็กนั่นเป็นแค่ราชาเทพขั้นสูง?” ‘หรือว่านั่นจะเป็นประตูสู่โลกใบเล็กของรองหัวหน้าโถง?’
‘ปกติแล้วหัวหน้าโถงของนิกายหมอกเร้นลับต้องเป็นชนชั้นผู้พิทักษ์! และชนชั้นผู้พิทักษ์ทั้ง 19 คนของนิกายหมอกเร้นลับก็เป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพกันทั้งนั้น’
‘หรือว่าการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตราชาเทพครั้งนี้ จะดำเนินการภายในโลกใบเล็กของรองหัวหน้าโถง? กลับกันการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพกลับดำเนินการในโลกใบเล็กภายในกายหัวหน้าโถงทดสอบ?’
‘หากเป็นแบบนั้นจริง…ไฉนต้องสับเปลี่ยนแบบนี้ด้วย’
ในตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ทราบเลย ว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวของเขา ทำให้หัวหน้าโถงทดสอบเปลี่ยนใจกะทันหัน จากที่ตัวมันจะรับผิดชอบการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตราชาเทพ กลับเปลี่ยนมารับผิดชอบการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพแทน…