หลังจากผ่านไป 2 เดือนตั้งแต่ที่หลงเซียวออกจากนิกายหมอกเร้นลับมายังเมืองจวินหลิง ในที่สุดมันก็ได้แต่ย้อนกลับไปนิกายหมอกเร้นลับด้วยความผิดหวัง
ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา กล่าวได้ว่ามันระดมกำลังทั้งหมดในเมืองจวินหลิงเท่าที่จะทำได้แล้วเพื่อหาตัวต้วนหลิงเทียน ศิษย์หลักขอบเขตเทพคนใหม่ของนิกายหมอกเร้นลับ เพื่อตามไปฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย!
แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เรื่องอะไร
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนคนนั้น พอปรากฏตัวออกมาหยุดขวางรถสัตว์อสูรของตระกูลหลิงหูเพื่อขอพบหน้าหลิงหูชูยินโฉมงามอันดับ 1 ของตระกูลหลิงหูแล้ว อีกฝ่ายก็หายไปจากเมืองจวินหลิงอย่างไร้ข่าวคราวอีกเลย…
หลงเซียวที่คิดเฝ้ากระต่ายหน้าโพรงอยู่พักใหญ่ พอยืนยันได้ว่าถึงเฝ้าไปกก็ไร้ประโยชน์ มันก็เลยกลับนิกายหมอกเร้นลับ
“เว้นเสียแต่เจ้าจะไม่กลับมานิกายชั่วชีวิต…หาไม่แล้วข้าหลงเซียวจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”
หลังกลับมาถึงนิกายหมอกเร้นลับ หลงเซียวก็หันหลังกลับไปมองทิศทางเมืองจวินหลิงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเปี่ยมอาฆาต สองตายังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันชวนสยอง จากนั้นมันก็กลับเข้านิกายและไปตรวจสอบทันทีว่าต้วนหลิงเทียนกลับมาแล้วหรือไม่ หลังยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับมา มันก็กลับไปสถานที่พักบ่มเพาะของมัน
ยังเป็นสถานที่พักบ่มเพาะของอาวุโสเหล่ยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มันกลับมาได้ไม่ทันไร ก็ไปหาซั่งกวนฉงเฟิง และอีกฝ่ายพอเห็นมันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวล้อเลียน “หลงเซียวคราวนี้เจ้าออกไปเสียนาน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลยหรือ…ดูเหมือนเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นจะหัวไวไม่ใช่ย่อย ถึงกับหลบหน้าเจ้าได้”
“บัดซบ ข้ามาหาเจ้าไม่ได้จะมาฟังเจ้าแขวะ!”
หลงเซียวขมวดคิ้วกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็เอ่ยถามเสียงหนัก “ด้านเจ้าเล่า เห็นต้วนหลิงเทียนมันกลับมาหรือยัง?”
“ไม่เห็นเลย”
ซั่งกวนฉงเฟิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “หากข้าเห็นมันกลับมา คงรีบติดต่อไปหาเจ้าแต่แรก…หรือเจ้าคิดว่าข้าจะช่วยปกป้องมันเล่า?”
กล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของซั่งกวนฉงเฟิงก็เต็มไปด้วยความยียวน นับว่ามันกวนเบื้องล่างผู้อื่นเก่ง
“อ้อ อย่างไรก็ตาม…ไม่นานมานี้มีศิษย์สายในหลายคนไม่เว้นศิษย์หลักมาถามหาต้วนหลิงเทียน สำหรับจุดประสงค์ของพวกมันข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ซั่งกวนฉงเฟิงกล่าวออกมาอีกครั้ง ยังยักคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ยังจะเพื่ออะไรได้อีก?”
หลงเซียวแค่นหัวเราะพลางกล่าว “เหอะ! ไม่พ้นเห็นว่าต้วนหลิงเทียนนั่น ยังเด็กก็กลายเป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพได้แล้ว…หากข้าพูดออกไปสักคำว่าจะให้ต้วนหลิงเทียนมันตาย แม้พวกมันจะคิดเข้าหาต้วนหลิงเทียนเพื่อสานไมตรี แต่สุดท้ายพวกมันก็ต้องตัดขาดจากต้วนหลิงเทียนแน่นอน!!”
ขณะกล่าว สีหน้าท่าทีหลงเซียวก็เต็มไปด้วยความมั่นใจทั้งหยิ่งทะนง
“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะกลับมานิกายอีกหรือ?”
ซั่งกวนฉงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ “คราวที่แล้วเจ้าไปขู่ผู้อื่นจนขวัญกระเจิง…นอกจากนั้นมันก็รู้แล้วว่าถึงเจ้าฆ่ามัน เจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่านิกายจะลงโทษ”
“เช่นนั้นหากมันเลือกรั้งอยู่ ไยมิใช่รนหาที่ตาย?”
ซั่งกวนฉงเฟิงกล่าวคาดเดา
“ฮึ!”
หลงเซียวพ่นลมสบถเยียบเย็น “หากมันไม่กล้ามาก็แล้วไป เพราะข้าคงทำอะไรมันไม่ได้…แต่ถ้ามันกล้ากลับมา ข้าไม่มีวันปล่อยมันไปแน่!”
กล่าวจบคำ ในดวงตาของหลงเซียวก็เหลือแต่จิตสังหารอันเย็นชา
…
ภายใน มรดกสถานของจักรพรรดิเทพฉินหวู่
ภายในห้องโถงตำหนักมรดก พลันมีเสียง ‘ซัว’ ดังขึ้น จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งจากความว่างเปล่า ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นศิษย์สายในของนิกายหมอกเร้นลับ หวูเฟิง
“บ้าจริง อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…”
หลังจากปรากฏตัวออกมา ในแววตาของหวูเฟิงก็เต็มไปด้วยความเสียดาย แต่หลังจากเสียดายแล้วพอหันรีหันขวางไม่เห็นใคร มันก็อดยกยิ้มขึ้นมาอย่างสดใสไม่ได้ “สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องต้น บททดสอบสืบมรดกของจักพรรดิเทพขั้นต่ำแม้จะยากในสายตาข้า แต่ในสายตาศิษย์น้องต้วนคงใม่นับเป็นอะไรกระมัง”
“น่าเสียดายก็แต่ด่านสุดท้ายนั่น หากข้าแข็งใจยื้อไว้ได้อีกสักครึ่งลมหายใจ ข้าต้องผ่านได้แน่…หากผ่านก็ต้องได้รับของดีๆอีกอย่าง”
พอพึมพำถึงจุดนี้ หวูเฟิงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาดังเฮือก
“ข้าผ่านด่านทดสอบไปได้ 7 ด่าน ได้รับสมบัติที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่ทิ้งไว้ทั้งสิ้น 9 ชิ้น…ด้วยพลังฝีมือของศิษย์น้องต้วน สมควรผ่านด่านทดสอบทั้งหมด จนได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณได้แน่!”
สองตาหวูเฟิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถึงแม้มันจะถูกกำจัดออกมา แต่มันเชื่อว่าศิษย์น้องต้วนของมันต้องไปได้ไกลกว่ามันแน่นอน และต้องได้รับสมบัติที่เหลือทั้งหมดของจักรพรรดิฉินหวูแน่
”แต่….”
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ สีหน้าของหวูเฟิงก็เต็มไปด้วยความกังวลทันที “ฟังจากที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่บอก คนีที่อยู่ในช่องทางอื่นจะถูกส่งตัวออกไป หมายความว่าพวกตู้เชียนจวินที่ไปอีกทางสมควรกลับออกไปแล้ว…แม้หลังจากมันกลับออกไป คำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจจะยังมีผล จึงไม่อาจเผยแพร่เรื่องเทพซ่อนออกไปได้ทั้งหมด แต่ไม่พ้นมันต้องแต่งเรื่องให้ทุกคนรู้ว่าพวกฉู่หานอาจตายเพราะข้ากับศิษย์น้องต้วน…”
“ฟังจากที่ศิษย์น้องต้วนบอก 9 ใน 10 ฉู่หานกับตู้เชียนจวินสมควรแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกันแล้ว พอฉู่หานตายมันก็ต้องรู้ได้แน่”
“ตราบใดที่ตู้เชียนจวินเอาเรื่องของฉู่หานไปบอกปู่มัน จนปู่มันแจ้งไปถึงศิษย์พี่ในนิกายมังกรสวรรค์นั่น…ข้ากับศิษย์น้องต้วนเกรงว่าคงไม่อาจปกปิดตัวตนได้อีก”
…
ยิ่งคิดหวูเฟิงก็ยิ่งเครียด
อันที่จริงก็เป็นอย่างที่หวูเฟิงกังวลไม่มีผิด
ด้านนิกายหมื่นปีศาจ จากเบาะแสที่ได้รับจากตู้เชียนจวิน ตัวตนของต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงก็แทบจะยืนยันได้ในเวลาอันสั้น เนื่องเพราะประมุขนิกายหมื่นปีศาจเข้ามาแทรกแซง
“ท่านประมุข สายของเราที่อยู่ในนิกายหมอกเร้นลับส่งข่าวกลับมาว่า ต้วนหลิงเทียนได้ออกจากนิกายาหมอกเร้นลับไปพักใหญ่ ไม่ได้กลับมาหลายเดือน…ครั้งสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวก็เป็นที่เมืองจวินหลิง และมันวิ่งไปขวางรถสัตว์อสูรของตระกูลหลิงหู เพื่อหาทางเข้าหาโฉมงามอันดับ 1 ของตระกูลหลิงหู หลิงหูชูยิน”
ภายในอาคารหลังใหญ่ของนิกายหมื่นปีศาจ คนผู้หนึ่งกำลังกล่าวรายงานต่อประมุขนิกายหมื่นปีศาจ
ประมุขนิกายหมื่นปีศาจ มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนแลดูสุภาพทั้งสง่างาม มาในชุดสีขาวสะอาดตา ยามฟังคำรายงานก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาออกมา
“ท่านประมุข ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายใน ศิษย์หลักหรือแม้แต่ชนชั้นผู้อาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับ ข้าได้ตรวจสอบมาดีแล้ว แต่พบว่าไม่มีผู้ใดชื่อหวูอี้ซานแม้แต่คนเดียว”
“อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ต้วนหลิงเทียนได้ไปเยือนตำหนักแลกเปลี่ยนของนิกายหมอกเร้นลับ และได้ทำการแลกกระบี่เทพขั้นกลางกับโอสถเสริมโชค 2 เม็ดมาจากศิษย์สายในคนหนึ่งที่เรียกว่า หวูเฟิง จากนั้นทั้งคู่ก็สมควรรู้จักกัน และเห็นว่ายังเป็นหนึ่งในน้อยคนที่ต้วนหลิงเทียนแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณด้วย”
“ท่านประมุข ช่วงที่ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่ในนิกาย หวูเฟิงเองก็ออกจากนิกายไปเช่นกัน…นอกจากนั้นเวลาที่หวูเฟิงออกจากนิกายนั้นระบุได้แน่ชัดแล้ว..ฯลฯ”
หลังได้ฟังคำรายงานทั้งหลาย สองตาประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็เป็นประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “จากช่วงเวลาที่หวูเฟิงกับต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับ…ดูเหมือน หวูอี้ซาน จักเป็นนามแฝงของหวูเฟิง ศิษย์สายในนิกายหมอกเร้นลับที่ว่า”
“ส่วนชายหนุ่มแซ่ต้วน ที่มีด่านพลังเทพขั้นสูง ที่หวูอี้ซานเรียกหาว่าศิษย์น้องต้วน สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังในนิกายหมอกเร้นลับมาสักพัก…”
หลังไตร่ตรองเรื่องนี้ ประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็บอกให้คนที่มารายงานจากไป ก่อนจะติดต่อไปหาตู้จ้าน หนึ่งในอาวุโสสูงสุดที่มีอำนาจล้นพ้นในนิกายหมื่นปีศาจ “อาจารย์อา ได้เรื่องแล้ว…”
หลังจากนั้น ประมุขนิกายหมื่นปีศาจก็รายงานทุกสิ่งที่สืบมาได้ให้ตู้จ้านรับทราบ
ในแง่ลำดับอาวุโส ตู้จ้านนั้นเป็นอาจารย์อาของมัน
“ฟังจากที่เจ้าพูดมาหวูอี้ซานนั่นสมควรเป็นหวูเฟิงแน่นอน ส่วนศิษย์น้องแซ่ต้วนก็สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังในนิกายหมอกเร้นลับช่วงนี้ เพราะมีแค่มันที่สามารถฆ่าขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำได้ทั้งๆที่เป็นเทพขั้นสูง และน่าจะมีพลังมากพอต่อกรกับราชาเทพขั้นต่ำชนชั้นยอดฝีมือได้”
ตู้จ้านพยักหน้า จากนั้นก็เร่งติดต่อไปหาศิษย์พี่ของมัน กวงเทียนเจิ้ง ที่อยู่นิกายมังกรสวรรค์ทันที
“ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ…ต้วนหลิงเทียน? หวูเฟิง?”
กวงเทียนเจิ้งตอบข้อความกลับมาเร็วไว้ “ข้าจำชื่อพวกมันไว้แล้ว รอให้ข้าสะสางธุระแล้วเสร็จ ข้าจะกลับไปยืนยันถึงที่!”
‘ดูเหมือนธุระของศิษย์พี่จะสำคัญไม่น้อย…หาไม่แล้วด้วยนิสัยของศิษย์พี่ปานนี้คงรีบกลับมานานแล้ว’
ตู้จ้านลอบกล่าวในใจ
อย่างไรก็ตาม ตู้จ้านก็ไม่ได้รอนานนัก
เพราะครึ่งเดือนต่อมา กวงเทียนเจิ้ง ก็เดินทางมาถึงนิกายหมื่นปีศาจแล้ว
พอกวงเทียนเจิ้งเดินทางมาถึงเขตนิกายหมื่นปีศาจ ก็พบเจอกับขบวนต้อนรับของนิกายหมื่นปีศาจ ซึ่งมีประมุขนิกายหมื่นปีศาจเหินร่างนำอยู่หน้าสุด เพราะพวกมันประมาณการเวลามาถึงของกวงเทียนเจิ้งได้คร่าวๆ จึงออกมาเฝ้ารอแต่แรก ยังรออยู่ 2 วันกับอีก 1 คืนแล้ว…
“หลานชิง ยินดีต้อนรับการกลับมาของอาจารย์อา”
ประมุขนิกายหมื่นปีศาจ หลานชิง พอพบเจอกวงเทียนเจิ้ง ก็เร่งป้องมือประสานโค้งคารวะด้วยท่าทีนอบน้อมมากเคารพเป็นที่สุด
ในแง่ลำดับอาวุโสของกวงเทียนเจิ้ง สำหรับมันก็ไม่ต่างอะไรจากตู้จ้าน และเป็นอาจารย์อาเหมือนกันทั้งคู่
เพราะอาจารย์ของหลานชิงนั้น มีอายุมากกว่ากวงเทียนเจิ้งกับตู้จ้าน แถมยังเข้านิกายหมื่นปีศาจเร็วกว่า ดังนั้นแม้แต่กวงเทียนเจิ้งกับตู้จ้านเองก็ต้องเรียกหาอาจารย์ของมันว่าศิษย์พี่
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ของหลานชิงได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เพราะไม่อาจต้านทานหายนะที่จะเกิดขึ้นทุกรอบบพันปีได้ไหว
“ยินดีต้อนรับอาวุโสกวงเทียนเจิ้ง!”
ด้านหลังหลานชิง เหล่าคณะผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายหมื่นปีศาจก็เร่งโค้งคำนับให้กวงเทียนเจิ้ง ส่วนใหญ่ในแววตายังเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ชื่นชม เพราะหลายๆคนก็เติบโตมาพร้อมฟังตำนานของกวงเทียนเจิ้ง ทำให้พวกมันเคารพนับถือกวงเทียนเจิ้งจากใจ
หากกล่าวว่าเชวียไห่ชวนเป็นตำนานของนิกายหมอกเร้นลับล่ะก็
เช่นนั้นกวงเทียนเจิ้งก็คือตำนานของนิกายหมื่นปีศาจ
“หลานชิง ข้าไม่เห็นเจ้าหลายปี เจ้ายังดูดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”
หลังจากกวงเทียนเจิ้งพยักหน้าเบาๆเป็นการทักทายอาวุโสของนิกายหมื่นปีศาจ มันก็ย้อนกลับมามองกล่าวกับหลานชิงด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบนใบหน้ากวงเทียนเจิ้งตอนนี้ มันแลดูเหินห่างนัก
“อาจารย์อา ข้าขอแสดงความเสียใจกับท่านด้วย”
หลานชิงได้แต่ถอนหายใจ พลางกล่าวปลอบกวงเทียนเจิ้ง
ครั้งล่าสุดก็เป็นอาจารย์อาของมันตู้จ้านมาบอกมันเรื่องการตายของฉู่หาน ลูกศิษย์ของกวงเทียนเจิ้ง จากนั้นก็ขอแรงมันให้ส่งคนไปสืบความที่นิกายหมอกเร้นลับ
“ขอแสดงความเสียใจ?”
พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของหลานชิง เหล่าผู้อาวุโสของนิกายหมื่นปีศาจก็ได้แต่งุนงง จากนั้นก็หันไปมองหลานชิงด้วยสายตาสับสนระคนสงสัย
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
พวกมันเพียงได้ยินก็แต่กวงเทียนเจิ้งจะกลับมาเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่ทำให้กวงเทียนเจิ้งกลับมา พวกมันไม่ได้รู้เลย…