ตอนที่ 3721 ความเปลี่ยนแปลงของหวูเฟิง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

‘นี่น่ะเหรออุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้วอย่างที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่กล่าวบอก’
  ภายในตำหนักมรดกที่จักรพรรดิฉินหวู่สร้างทิ้งไว้ ต้วนหลิงเทียนที่บุกผ่านด่านทดสอบมาได้ตลอด ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการผ่านบททดสอบสุดท้ายที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่สร้างไว้
  และรางวัลจากการผ่านด่านทดสอบสุดท้าย ก็คืออุปกรณ์เทพขั้นสูงที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่กล่าวว่ามันได้ตั้งครรภ์วิญญาณแล้ว เพียงแค่มันดูแปลกๆอยู่บ้าง
  ไฉนที่ว่ามันแลดูแปลกๆนั่นเพราะมันเป็นดาบเล่มหนึ่งที่ไร้ดามจับ มีแต่ใบดาบ ยังคล้ายใบดาบหักครึ่ง ราวกับเป็นใบดาบที่หักออกมาจากดาบเล่มอื่น
  เพียงแค่ใบดาบนี้มันเต็มไปด้วยแสงพลังสีน้ำเงินปกคลุม งแผ่กลิ่นอายเฉียบคมปานจะสับผ่าได้ทุกสิ่ง
  และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ
  หลังต้วนหลิงเทียนแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบใบดาบที่ว่า เขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีลมหายใจวิญญาณอยู่ด้านใน เพียงก็แต่ลมหายใจของวิญญาณดังกล่าวมันเบาบางทั้งสงบนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที ว่านี่เป็นลมหายใจของวิญญาณที่ยังไม่สมบูรณ์
  ‘ลมหายใจของวิญญาณที่ว่า สมควรเป็นจิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพชิ้นนี้’
  ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจใบดาบเบื้องหน้าพลางคิดในใจ
  “ขอแสดงความินดีด้วย”
  และหลังจากต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบด่านสุดท้าย จนได้รับของรางวัลชิ้นสุดท้ายไม่ทันไร เขาที่กำลังสำรวจใบดาบอยู่ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหู
  เสียงที่ว่ายังไม่ได้แปลกหูเขาแต่อย่างไร
  จากนั้นพอเขาเงยหน้าขึ้นมามอง ก็พอดีกับเงาร่างหนึ่งเริ่มปรากฏจากความว่างเปล่า ควบรวมก่อลักษณ์เป็นผู้คน…มองดูก็บอกได้ทันทีว่าเป็นจักรพรรดิเทพฉินหวู่
  จักรพรรดิเทพฉินหวู่ที่ปรากฏกายก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจ้านับเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดที่ข้าได้จัดเตรียมไว้…นอกจากของรางวัลที่ข้าได้มอบให้เจ้าหลังผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว ข้ายังจะมอบโชควาสนาครั้งใหญ่ให้เจ้าอีกอย่าง”
  “โชควาสนา?”
  ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ตอบสนองเรื่องราว เงาร่างผู้คนที่แลคล้ายภูตผีของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ ก็กลายเป็นลำแสงก่อนจะพุ่งเข้าใส่เขา
  กล่าวให้ถูก คืออีกฝ่ายกำลังตรงดิ่งไปยังดวงจิตของเขา
  เพียงพริบตาเดียว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณขุมหนึ่งบุกรุกเข้ามาในทะเลวิญญาณของเขา สถานที่ซึ่งจิตวิญญาณของเขาดำรงอยู่
  หลังจากบรรลุถึงขอบเขตเทพ ดวงจิตของเขาก็ผ่านความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณที่อัดแน่นในทะเลวิญญาณแห่งนี้ หรือก็คือจิตวิญญาณของเขา มันได้ทรงพลังทั้งขยายออกไปมากกว่าเดิมโข…คำทะเลวิญญาณนับว่าไม่เกินเลยแล้วจริงๆ
  และบัดนีพลังวิญญาณที่บุกรุกเข้ามาในทะเลวิญญาณของเขา ก็ทรงพลังมากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลง ดั่งหนึ่งหินร่วงสระสงบ ก่อเกิดระลอกน้ำนับพันวง
  “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”
  เมื่อพลังวิญญาณอันทรงพลังดังกล่าวบุกรุกเข้ามาในทะเลวิญญาณแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าพลังวิญญาณดังกล่าวคิดประพฤตตัวเป็นนกกางเขนชิงรัง แถมมันไม่ลังเลเลยที่จะโจมตีทะเลวิญญาณของเขา ราวกับจะทำให้จิตวิญญาณของเขาสิ้นสลาย และแทนที่จิตวิญญาณของอีกฝ่ายในทะเลวิญญาณของเขา
  และพลังวิญญาณที่บุกรุกเข้ามาขุมนี้ ก็ทรงพลังไม่ธรรมดา ทำให้จิตวิญญาณของต้วนหลิงเทียนอดสะท้านไปไม่ได้
  ช่องว่างของพลังมันห่างเกินไป!
  “ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ข้าเหลือทิ้งไว้ เรื่องชิงร่างของเจ้านั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลย อย่างมากข้าก็ทำให้เจ้ารับสืบทอดความทรงจำทั้งหมดของข้า…เพียงเจ้าปล่อยให้เศษเสี้ยววิญญาณของข้าผสานรวมกับจิตวิญญาณของเจ้าเสีย หลังจากนั้นไม่เพียงแต่เจ้าจะได้รับความรู้และความทรงจำชั่วชีวิตของข้า จิตวิญญาณของเจ้ายังจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก”
  “แน่นอนว่าร่างกายของเจ้า ก็ยังเป็นจิตวิญญาณของเจ้าที่ควบคุม”
  เสียงของจักรพรรดิเทพฉินหวู่พลันดังขึ้น
  “ข้าขอปฏิเสธ!”
  ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวปฏิเสธออกไปทันที โดยไม่ต้องคิดแม้แต่นิดเดียว!
  ล้อกันเล่นหรือไร?
  ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่เหลือทิ้งไว้ แม้เรื่องชิงร่างเขาไปจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากปล่อยให้เศษเสี้ยววิญญาณของอีกฝ่ายรวมเข้ากับจิตวิญญาณเขาจริง ไม่พ้นต้องส่งอิทธิพลต่อเขาในระดับสามัญสำนึกแน่นอน แม้เขาจะยังเป็นเจ้าของร่างเหมือนเดิม แต่ไม่วายความรู้สึกนึกคิดต้องเปลี่ยนไปแน่!
  ความทรงจำกับความรู้ชั่วชีวิตของอีกฝ่าย มันผ่านวันเวลามาเท่าไหร่? หากรวมเข้ากับเขา เกรงว่าเวลาที่เขามีชีวิตอยู่มา เผลอๆยังไม่ได้ 1 ใน 100 ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นเขาจะยังเป็นเขาหรือไม่?
  ยิ่งไปกว่านั้น มีใครอยู่ดีๆก็อยากให้ในจิตวิญญาณของตัวเองมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของใครก็ไม่รู้มาหลอมรวมอยู่ด้วยบ้าง? แค่คิดก็รู้สึกอึดอัดใจแล้ว…
  เขาก็เลยรีบปฏิเสธไปทันที
  “เจ้าอย่าพึ่งรีบปฏิเสธนักเลย”
  จักรพรรดิเทพฉินหวู่กล่าวว่า “หลังจากที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้ารวมกับจิตวิญญาณของเจ้าแล้ว มันจะเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า…ตัวอย่างเช่น ต่อไปในอนาคต ยามเข้าใจความลึกซึ้งของกฏทั่วไปอันใด เจ้าก็เสมือนลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้รับผลประโยชน์สองเท่า แม้ว่านี่จะเป็นแค่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้า แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่จิตวิญญาณสมบูรณ์ของตัวตนในขอบเขตเทพทั่วๆไปจะเทียบได้”
  “นอกจากนั้น…”
  ในขณะที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่กำลังจะกล่าวโน้มน้าวเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะปิดทะเลวิญญาณทันที และขับไล่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ออกไป
  สุดท้ายแม้จะทรงพลังแต่มันก็เป็นแค่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่เท่านั้น มันไม่ได้ทรงพลังพอจะประพฤติตัวดั่งนกกางเขนชิงรังนกพิราบ ยึดครองทะเลวิญญาณของเขา กระทั่งเพียงเขาใช้แค่ห้วงคิดเดียว ก็ขับไล่อีกฝ่ายออกไปแล้ว ไม่ได้ไว้หน้าจักรพรรดิเทพฉินหวู่แม้แต่น้อย
  สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว นี่เป็นเรื่องของหลักการ
  “เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งหรือไร?”
  จักรพรรดิเทพฉินหวู่ที่เริ่มควบสร้างร่างวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวคำออกมาเสียงหนัก
  “อาวุโส”
  ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับจักรพรรดิเทพฉินหวู่ด้วยท่าทีสงบ เสียงหนัก “ท่านได้มอบสมบัติต่างๆให้ข้ามากมาย หลังข้าผ่านการทดสอบในตำหนักมรดกแห่งนี้ ซึ่งจุดนี้ข้าขอขอบคุณท่านมาก…แต่เรื่องที่ท่านร้องขอมันเกิดบรรทัดฐานของข้า เช่นนั้นขอท่านอภัยด้วย เพราะข้าไม่อาจยอมรับเรื่องนั้นได้”
  จักรพรรดิเทพฉินหวู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการข้าก็ไม่คิดจะฝืนใจเจ้า”
  เมื่อร่างวิญญาณจักรพรรดิเทพฉินหวู่ที่แลคล้ายภูตผีกล่าวจบคำ มันก็สลายหายไปทันที จากนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็เห็นแสงสว่างกระพริบวาบ พอรู้ตัวอีกทีเขาก็กลับมาอยู่ในห้องโถงของตำหนักมรดกแล้ว
  “หืม?”
  ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นหวูเฟิงด้วย “ศิษย์พี่หวูเฟิง?”
  อย่างไรก็ตาม หวูเฟิงในตอนนี้กำลังยืนอื้ออึ้งเลื่อนลอย ราวกับวิญญาณออกจากร่าง แน่นิ่งไม่ไหวติง
  ‘จักรพรรดิเทพฉินหวู่ คงไม่ได้เปลี่ยนไปหาศิษย์พี่หวูเฟิงแทนหรอกนะ?’
  พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้าขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วกล่าวถามในใจ
  หลังจากนั้นไม่นานนัก หวูเฟิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง เพียงแต่ในแววตาของอีกฝ่ายกลับเผยประกายแปลกๆ ซึ่งแลดูต่างจากเดิมพอสมควร
  ทั้งหมดถูกต้วนหลิงเทียนมองเห็นได้ชัดเจน
  ‘ศิษย์พี่หวูเฟิง…คงไม่ได้ปล่อยให้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่รวมผสานเข้ากับจิตวิญญาณของตัวเองไปแล้วหรอกนะ?’
  จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ทันที ว่าหวูเฟิงเปลี่ยนไป
  คนนั้นยังเป็นคนๆเดิม ความรู้สึกคุ้นเคยยังมีอยู่ แต่กับให้ความรู้สึกแตกต่างจากเดิมพิกล
  “ศิษย์น้องต้วน”
  ส่วนอีกด้าน หวูเฟิงที่พึ่งดึงสติกลับมา ก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มบางๆ “เจ้าออกมาแล้ว ข้ารอเจ้าอยู่นานทีเดียว…ผลการเก็บเกี่ยวของเจ้าเป็นเช่นไรบ้างเล่า?”
  “โชคดีที่ไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
  ขณะที่กล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้ม ต้วนหลิงเทียนก็โบกมือเรียกอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้วอย่าง ‘ใบดาบหักครึ่ง’ ออกมา
  ด้านหวูเฟิงก็ไม่ได้รีบร้อนรับมา แต่มันเรียกสมบัติทุกชิ้นที่มันได้จากการทดสอบออกมาทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส “ศิษย์น้องต้วน ไม่ทราบว่าคราวนี้เป็นข้าโชคดีหรือเจ้าที่โชคดีกันแน่…เพราะในบรรดาของทั้ง 9 อย่างที่ข้าได้มา บังเอิญมีอยู่อย่างนึงที่เจ้าต้องการอย่างยิ่ง!”
  “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่โอสถเสริมโชค แต่ผลลัพธ์ของมันก็เหมือนกับโอสถเสริมโชค…แถมผลเทพโชคลาภผลนี้ ยังให้ผลเหมือนกับโอสถเสริมโชคทั้ง 9 เม็ดด้วยซ้ำ!”
  ขณะกล่าว หวูเฟิงก็มองจ้องไปยัง 1 ใน 9 ของสิ่งที่มันนำออกมาจากแหวนพื้นที่ๆกำลังลอยอยู่กลางอากาศ เป็นผลไม้เทพที่มีแสงพลังสีทองเรืองรองออกมา
  ผลไม้เทพดังกล่าวแลดูเหมือนลูกพีชในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนมาก เพียงแค่มันมีสีเหลือง กับแสงพลังเรืองรองห่อหุ้มเอาไว้
  แน่นอนว่านี่เป็นการมองประเมินด้วยสายตาเท่านั้น
  ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ที่พลังอำนาจของผลไม้เทพผลนี้ ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรที่ผลไม้ธรรมดาๆจะเทียบเทียมได้เลย
  “ผลเทพโชคลาภ?”
  และทันทีที่หวูเฟิงกล่าวคำว่า ผลเทพโชคลาภออกมา สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวทันที ลมหายใจเขายังหยุดลงไปชั่วขณะ!
  ผลเทพโชคลาภแม้จะให้พลังอำนาจคล้ายโอสถเสริมโชค แต่ประสิทธิภาพของมันไม่ใช่อะไรที่โอสถเสริมโชคจะเทียบได้เลย!
  ตราบใดที่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน ถึงแม้จะพึ่งบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่พลังอำนาจของผลเทพโชคลาภแค่ผลเดียว ก็มาพอจะทำให้บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพใน 1 วัน!
  ประสิทธิผลของมัน ยังเหนือกว่าโอสถเสริมโชค 9 เม็ดรวมกันเสียอีก!
  “ขอบคุณศิษย์พี่หวูเฟิงมาก!”
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ได้ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใส เพราะในสายตาเขามูลค่าของผลเทพโชคลาภผลเดียว ก็เหนือกว่าอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณเสียอีก!
  เพราะนี่คือสิ่งที่เขากำลังต้องการอย่างยิ่งยวด
  “ศิษย์น้องต้วน เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า…คราวนี้เสมือนข้าฉวยโอกาสจากเจ้าแล้วจริงๆ”
  หลังจากได้ครอบครองดาบเทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณ และผูกพันธะถือครองดาบแล้ว สองตาหวูเฟิงก็ลุกวาวจ้าขึ้นมา ยังเร่งกล่าวขอบคุณออกมาอย่างนอบน้อม
  เพราะนี่คืออุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้ว สำหรับมันคือสมบัติล้ำค่านัก
  เพราะอุปกรณ์เทพลักษณะนี้ ต่อให้ไปตั้งไว้ส่วนใดของระนาบเทพ มันก็ถือว่าเป็นสมบัติที่มีราคาสูงพอสมควร
  “หากข้ามีดาบเล่มนี้แต่แรก…ต่อให้ฉู่หานกับเจ้าหนุ่มชุดแดงนั่นมันจะร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
  ในขณะที่หวูเฟิงกำลังกล่าว เพียงห้วงคิดเดียว ‘ใบดาบหักครึ่ง’ ตรงหน้าก็กลายเป็นอนูแสงก่อนจะเหินวนไปรอบๆมัน แลดูงดงามนัก
  หวูเฟิงสามารถควบคุมดาบเทพได้ดั่งแขนขา
  “นั่นเป็นเรื่องปกติ”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางคลี่ยิ้มอ่อน “อาศัยแค่อุปกรณ์เทพขั้นสูงทั่วไป ก็มีพลังอำนาจเสริมจนทำให้พลังของศิษย์พี่หวูมากพอจะเอาชนะพวกฉู่หานอยู่แล้ว…ไม่ต้องกล่าวถึงอุปกรณ์เทพขั้นสูงธรรมดาเลย แต่เป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้วเลย”
  “ถึงแม้ว่าตอนนี้จิตวิญญาณของมันจตะเป็นแค่ตัวอ่อน ไม่อาจออกมานอกอุปกรณ์เพื่อช่วยเจ้าของสู้ได้…แต่มันก็หนุนเสริมพลังอำนาจเพิ่มพูนให้ตัวอุปกรณ์ไม่น้อย”
  เนื่องจากต้วนหลิงเทียนมีกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนรวมถึงหวงเอ้อ จิตวิญญาณของกระบี่ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องพวกนี้ดี
  “ไม่ทราบว่า…หลังจากข้าใช้อุปกรณ์เทพชิ้นนี้ ข้าจะเป็นคู่มือของศิษย์น้องต้วนได้หรือไม่?”
  หวูเฟิงที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขอบคุณ อยู่ดีๆแววตามันก็เปลี่ยนไปจนแลดูแปลกๆ ก่อนจะกล่าวถามออกมาดื้อๆ
  พอได้ยินคำถามของหวูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองลึกไปยังหวูเฟิงที่กำลังมองมาที่เขา “ศิษย์พี่หวู ข้าว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องออกไปกันแล้ว”
  พอกล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็สั่นไหวเบาๆ ก่อนจะวูบร่างเขาไปในวังวนมิติสีดำที่ผุดขึ้นยังความว่างเปล่าไม่ไกล พริบตาคนก็หายไปจากสายตา
  พอเห็นต้วนหลิงเทียนหายไป แววตาของหวูเฟิงที่กลายเป็นแปลกๆ ก็สั่นไหว ก่อนที่จะเผยความรู้สึกผิดออกมา
  เรียกว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ราวกับคนสองบุคลิกก็ไม่ปาน เพราะแววตาก่อนหน้ากับตอนนี้มันเหมือนกับของคนสองคนไม่มีผิด
  ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนที่กลับออกมาจากตำหนักมรดก และมาโผล่ยังด้านหน้าตำหนักเทพซ่อนผ่านวังวนมิติ สองตาอดไม่ได้ที่จะหรี่ลง ‘ดูเหมือนว่า 9 ใน 10 ศิษย์พี่หวูจะเลือกให้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่หลอมรวมด้วย…’
  ‘หาไม่แล้ว ด้วยนิสัยของศิษย์พี่หวูตามปกติ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอ่ยถามเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนั้นออกมา’