ตอนที่ 3723 หนึ่งหมัดทลายทัณฑ์สวรรค์

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

‘ศิษย์พี่หวูได้สมบัติมาทั้งสิ้น 9 อย่าง…และหนึ่งในนั้นก็คือผลเทพโชคลาภ ที่ข้าใช้ไปแล้ว’
  ‘ส่วนตัวข้าเองได้สมบัติมา 23 อย่าง…หนึ่งในนั้นเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ ข้าได้มอบมันให้ศิษย์พี่หวูไปแล้ว…’
  กล่าวได้ว่า ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนยังเหลือสมบัติที่ได้จากมรดกสถานของจักรพรรดิเทพฉินหวู่อยู่ 30 ชิ้น
  ในอีก 2 วันถัดมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ตรวจสอบสมบัติที่เขายังไม่มีเวลาดู
  หลังจากตรวจสอบแล้ว นอกจากบางชิ้นที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีไว้ทำอะไรกันแน่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นของที่มีไว้สำหรับจอมราชันเทพขึ้นไปทั้งสิ้น
  ยังกล่าวได้ว่ามีสมบัติกว่า 9 ส่วนที่เหมาะสำหรับจอมราชันเทพขั้นสูง…
  แต่คิดดูแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไร
  สุดท้ายตอนที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่ตาย อย่างไรด่านพลังก็เป็นจักรพรรดิเทพขั้นต่ำ สิ่งของไร้ประโยชน์ใดๆไม่พ้นต้องถูกนำไปแลกเป็นหินเทพหมดแล้ว เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์
  และบางอย่างที่จอมราชันเทพใช้ได้ บางทีฉินหวู่อาจไม่มีเวลาจัดการกับมัน
  ‘ตอนนี้สิ่งที่มีประโยชน์กับการบ่มเพาะพลังของข้า เห็นทีก็มีแต่โอสถชิงเหยียนที่ช่วยให้ราชาเทพยกระดับพลังได้…ส่วนที่เหลือ แม้จะมีบางอย่างที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในกฏ แต่พวกมันก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า’
  สมบัติที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจในกฏนั้น ปกติแล้วก็จะมุ่งเน้นไปยังกฏใดกฏหนึ่ง
  และสมบัติที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจในกฏทั้ง 2 ชิ้นที่ต้วนหลิงเทียนได้มา พวกมันกลับไม่ได้ส่งเสริมความเข้าใจในกฏมิติ จึงไร้ประโยชน์สำหรับต้วนหลิงเทียน
  ‘ส่วนโอสถชิงเหยียนที่ว่า แม้จะช่วยยกระดับพลังให้ราชาเทพ ทว่าหลังจาก 3 เม็ดแรกที่เห็นผลแล้วเม็ดต่อๆไปก็ไม่ได้มีผลมากมาอะไร หลังจากเม็ดที่ 10 ไปก็จะไม่มีผลอะไรเลย’
  โอสถชิงเหยียนที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่เหลือไว้ ภายในขวดมันมีเม็ดยาทั้งสิ้น 6 เม็ด
  ‘ถึงแม้ของที่ได้มารอบนี้จะไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ด่านพลังของข้าต่ำเกินไป และสมบัติกว่า 9 ส่วน ยังไม่อาจใช้ประโยชน์ได้…’
  รอยยิ้มขื่นขมเริ่มคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน
  แต่สักพักรอยยิ้มดังกล่าวก็ค่อยๆหายไป เขาเก็บขวดโอสถชิงเหยียนลงแหวนพื้นที่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเบื้องบน “หายนะสวรรค์ราชาเทพ…อีกหนึ่งชั่วยาม”
  หนึ่งชั่วยามก็คือ 2 ชั่วโมง
  ในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างขึ้นไปกลางอากาศ เลือกจะนั่งขัดสมาธิอยู่เหนือหุบเขาเปลี่ยวร้างแห่งนี้ คนหลับตาลงราวกับจะพักผ่อน รอคอยการมาถึงของหายนะสวรรค์อย่างเงียบงัน
  สายลมพัดแรงจนใบไม้สั่นไหวบุปผาปลิดปลิววุ่นวาย ละอองเย็นฉ่ำเริ่มหล่นร่วงจากฟ้า เพียงแต่เมื่อมันอยู่ห่างร่างต้วนหลิงเทียนระยะหนึ่ง ก็อันตรธานหายไปอย่างประหลาดไม่อาจแตะต้องถูกตัวต้วนหลิงเทียนได้
  ด้วยด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน แม้จะไม่ได้จงใจเร่งเร้าพลังเทพออกมาปกคลุมไปทั่วกาย แต่อาศัยแค่กลิ่นอายพลังเทพที่เล็ดลอดผ่านรูขุมขนออกมาตามธรรมชาติ ก็มากพอจะสร้างม่านพลังป้องกันสิ่งต่างๆได้แล้ว อาศัยเม็ดฝนย่อมไม่อาจกระทบถูกตัวต้วนหลิงเทียนได้
  และไม่ต้องกล่าวถึงฝนปรอยๆด้วยซ้ำ ต่อให้ห่าฝนกระหน่ำลงมามืดฟ้ามัวดิน กระทั่งให้ลูกเก็บร่วงลงมาปานเทกระจาด แต่ต้วนหลิงเทียนที่นั่งเฉยๆไม่ต้องโคจรพลังก็ไม่มีทางเปียกฝนหรือถูกลูกเห็บทำร้ายได้แน่
  ในที่สุดเวลา 2 ชั่วโมงก็ล่วงเลยผ่านไป
  ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือหุบเขาเล็กๆ เดิมทีก็เต็มไปด้วยเมฆทะมึนมืดอยู่แล้ว บาดนี้เริ่มปรากฏแพเมฆดำจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมารวมตัว ยังปรากฏเส้นสายอัสนีปานอสรพิษสีม่วงมุดลอดเมฆดำไม่หยุด
  เปรี๊ยงงง!!
  ครืนนนน!!
  …
  ฟ้าร้องเสียงดังสนั่นลั่น ชวนให้รู้สึกเหมือนผืนดินสะเทือนอยู่บ้าง
  หุบเขาด้านล่างต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ตอนนี้สัตว์อสูรตัวเล็กๆไม่เว้นนกทั้งหลายแหล่เริ่มอพยพออกไปจากหุบเขากันจ้าละหวั่น ราวกับล่วงรู้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
  กระทั่งพื้นที่รอบหุบเขายังพลอยตื่นตระหนกไปด้วย
  ต่อมาไม่ถึงหนึ่งเค่อเมฆดำก็เริ่มควบรวมหนาแน่นขึ้น เส้นสายอัสนีสีม่วงก็เริ่มแลบลั่นไม่หยุด มองไปราวกับฝูงอสรพิษสายฟ้าที่เตรียมพร้อมออกศึก ทำให้ละแวกหุบเขาแห่งนี้จมจ่อมลงสู่ความสงบเงียบจนน่ากลัว
  ภายในพื้นที่ละแวกนี้ นอกจากต้วนหลิงเทียนกับต้นไม้ใบหญ้าแล้วเรียกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่อีกเลย
  “ในที่สุดก็มา?”
  ต้วนหลิงเทียนที่หลับตาลงพักผ่อนมาตลอด 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็มองไปยังแพเมฆทะมึนมืดด้านบนที่อุดมไปด้วยเส้นสายอัสนีแลบลั่น
  เปรี๊ยงงง—!!
  หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ อยู่ๆก็อุบัติเสียงดังสนั่นปานฟ้าระเบิด พร้อมกันนั้น สายฟ้าเส้นเขื่อง 9 สายที่ไม่ว่าสายใดก็หนาเท่าลำตัวของผู้ใหญ่ ก็ฟาดลงจากฟ้าผ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!
  อัสนีคำรน 9 สายที่ถล่มผ่าลงจากฟ้าใส่ต้วนหลิงเทียน มองไปประหนึ่งมังกรสายฟ้า 9 ตัวกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันควั่นกรงเล็บเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนไม่มีผิด
  ‘หลังจากทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว การมาถึงของหายนะสวรรค์ครั้งแรกันก็ไม่แน่นอนนัก บ้างก็ไม่กี่วัน บ้างก็เป็นสิบวันครึ่งเดือน จนไปถึงหลายเดือน…แต่กระนั้นก็ไม่เคยเกิน 1 ปี’
  ‘ส่วนหายนะสวรรค์ครั้งที่ 2 จะมาถึงในอีกพันปีหลังจากหายนะครั้งแรกจบลง’
  ‘ต่อๆไปก็เป็นแบบนี้’
  ‘ทุกครั้งที่มีหายนะสวรรค์ จะมีสายฟ้าทั้งสิ้น 10 ระลอก…สายฟ้าระลอกแรกก็มีด้วยกัน 9 สาย ส่วนระลอกที่ 2 เป็นต้นไป ไม่เพียงจะมีสายฟ้าทั้งสิ้น 10 สาย แต่ความแรงยังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว…’
  ‘พอถึงระลอกที่ 10 ก็เท่ากับว่ามีสายฟ้า 99 สายฟาดลงมา พลังทำลายก็มากกว่าสายฟ้าระลอกแรกถึง 11 เท่า’
  ก่อนที่จะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับรู้ข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้มานานแล้ว ทำให้การเผชิญหน้ากับหายนะสวรรค์ของราชาเทพครั้งแรก ไม่ได้ทำให้หน้าเขาเปลี่ยนสีแม้แต่นิดเดียว ยังสงบเฉยเมยเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงไม่อาจนับเป็นอะไรได้
  ราวกับว่าผู้ที่กำลังเผชิญกับหายนะสวรรค์เป็นคนอื่น ส่วนเขาแค่มาชมดูความบันเทิง
  ‘ว่ากันว่า…การท้าทายหายนะสวรรค์ จะทำให้พลังอำนาจทั้งหมดของหานะสวรรค์จุดชนวนระเบิดออกมาในคราวเดียว…’
  ‘ก่อนที่จะขึ้นมายังระนาบเทพ พี่สาวสุ่ยยังบอกไว้อีก ว่าการทำแบบนี้ ไม่แน่อาจจะเข้าใจกฏสายฟ้า…’
  เผชิญหน้ากับอัสนีที่ฟาดผ่าลงมาทั้ง 9 สาย ต้วนหลิงเทียนก็ลึกขึ้นยืน จากนั้นร่างก็อันตรธานหายไปในบัดดล เคลื่อนย้ายข้ามมิติ!
  ซัว!
  ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่บนฟ้าสูงแล้ว
  และหลังจากใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติอีกไม่กี่ครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดลง ณ จุดที่เมฆดำมาบรรจบกัน ก่อนจะมองฉากเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย ‘ทุบทำลายเมฆหายนะโดยตรง แม้จะต้องเผชิญกับการระเบิดพลังทั้งหมดของหายนะสวรรค์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามนั่นถือว่าเป็นการข้ามผ่านหายนะสวรรค์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด’
  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้แขนขวาต้วนหลิงเทียนได้ยกขึ้นมาง้างหมัด พลังเทพและความลึกซึ้งของกฏมิติที่เข้าใจเริ่มควบรวม จนหมัดเริ่มเปล่งแสงพลังสีเทาออกมา กลิ่อาพลังลี้ลับยังกำจายออกไปทั่วราวกับหนึ่งหมัดนี้มีพลานุภาพทลายว่างเปล่า
  เปรี๊ยงงง!!
  เปรี๊ยงงง!!
  …
  ในเวลาเดียวกันอัสนีทั้ง 9 สายที่ฟาดผ่าลงไปก่อนหน้า บัดนี้ก็ได้วกกลับมาอย่างพิศดาร ผ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่เคลื่อนมิติขึ้นมาบนฟ้าได้อย่างอัศจรรย์
  แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจมันแม้แต่นิดเดียว
  ปงงง!!
  หมัดขวาชกออกไปยังอากาศเบื้องหน้า พลังมิติพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ก่อเกิดเป็นหมัดพลังไร้สภาพมหึมาปานขุนเขาย่อมๆ พุ่งข้ามฟ้าไปฉับไวดั่งเงาเลือนรางสายหนึ่ง พริบตาก็จมหหายไปในจุดศูนย์กลางที่แพเมฆทะมึนมาบรรจบกัน
  และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หมัดพลังไร้สภาพของต้วนหลิงเทียนจมหายไปในใจกลางเมฆดำ
  เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่มาควบรวมบรรจบกัน ทันใดนั้นก็คล้ายจะระเบิดพลังอันเกรี้ยวกราดขุมหนึ่งออกมา ทำให้ตัวเมฆที่เดิมมีสีดำทมิฬกลับเรืองสว่างขึ้นมาด้วยแสงสีม่วง
  จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มระเบิดออกมา
  ตูมมมมมมมม!!
  เสียงดังระเบิดสะท้านสะเทือนแดนดินอุบัติขึ้นกลางฟ้า จากนั้นประหนึ่งมีดอกเห็ดมหึมาเบ่งบาน คลื่นกระแทกมหาประลัยกวาดกำจายออกไปเป็นวง กระทั่งอัสนีทั้ง 9 สายที่จี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ยังโดยคลื่นกระแทกดังกล่าวพัดหายไปหมดสิ้น…!
  ต้องทราบด้วยว่า นี่เป็นเพียงผลพวงจากพลังที่เมฆหายนะปะทุออกมาเท่านั้น
  และอัสนี 9 สายยังห่างไกลจากจุดระเบิดของเมฆหายนะมาก ต้วนหลิงเทียนนั้นยังอยู่ใกล้กว่าเสียอีก!
  กล่าวได้ว่า ต้วนหลิงเทียนได้เผชิญหน้ากับแรงระเบิดของเมฆหายนะจังๆ!
  ตูมมมม!!
  ครืนนน!!!
  …
  พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่กวาดสะท้านออกมา ไม่เพียงมีแต่พลังจากการระเบิดเท่านั้นยังเต็มไปด้วยกระแสพลังอัสนีจากสายฟ้าสวรรค์มากมาย และบัดนี้พวกมันกำลังโถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
  อย่างไรก็ตามนอกจากม่านพลังที่สร้างขึ้นจากกลิ่นอายพลังเทพที่เล็ดรอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ในปัจจุบันทั่วร่างต้วนหลิงเทียนยังปรากฏพลังมิติที่ก่อตัวคล้ายลูกบอลห่อหุ้มเอาไว้ ปิดกั้นคลื่นกระแทกมหาประลัยและเศษพลังอัสนีที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างสมบูรณ์
  ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใกล้ๆกับจุดศูนย์กลางแรงระเบิดภายใต้ม่านพลังป้องกันจากพลังมิติ ก็เอาแต่มองจ้องไปยังจุดศูนย์กลางแรงระเบิดเบื้องหน้าไม่วางตา ที่ตรงนั้นเป็นต้นกำเนิดเมฆเห็ดและกระแสพลังอัสนีสีม่วง และในปัจจุบันพวกมันก็ยังคงแตกตัวเปล่งพลังทำลายล้างไม่หยุด
  กล่าวได้ว่าฉากเรื่องราวมันงดงามตระการตาต้วนหลิงเทียนจริงๆ ให้พูดว่าเป็นดอกไม้ไฟที่งดงามและอลังการที่สุดเท่าที่ต้วนหลิงเทียนเห็นมาตลอด 2 ช่วงชีวิตก็ไม่เกินเลย
  อย่างไรก็ตามหลังจากที่พลังระเบิดพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้ว มันก็ค่อยๆจางหายไปในที่สุดก็ไม่เหลืออะไรเลย
  เมื่อแหล่งกำเนิดพลังอันน่ากลัวได้สลายหายไปหมด ท้องฟ้าก็กลับมาเป็นสีครามกระจ่าง ไร้เมฆหมอกใดๆ เรียกว่าช่างเป็นฟ้าหลังฝนที่แจ่มใสนัก
  ต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างค้างกลางอากาศ ชุดสีม่วงยังคงสะอาดสะอ้าน โบกสะบัดไปตามแรงลมไม่ได้มีร่องรอยเสียหายหรือแม้แต่รอยเปื้อนใดๆ ราวกับการระเบิดของเมฆหายนะเมื่อครู่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลย
  ถึงขั้นไร้รอยยับย่นด้วยซ้ำ!
  ‘พลังของอัสนีทัณฑ์สวรรค์ระลอกที่เหลือ พอปะทุออกมาทีเดียวแบบนี้มันรุนแรงไม่ใช่เล่น…ต่อให้เป็นฉู่หานของนิกายมังกรสวรรค์คนนั้น ถ้าต้องมาเผชิญหน้ากับแรงระเบิดเมื่อครู่ มันต้องตายคาที่แน่นอน’
  ในปัจจุบันแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์เทพใดๆ แต่เขาก็ได้ใช้หนึ่งในไพ่ตายของเขาออกมา และนั่นก็คือวิถีควบคุม หนึ่งในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกที่เขาเข้าใจ
  แต่เป็นธรรมดาว่า การระเบิดของพลังจากทัณฑ์สวรรค์แบบนี้ ต่อให้จะมีคนมาอยู่ใกล้ๆเขาก็คงยากจะพบว่าเขาใช้วิถีควบคุม
  ‘นี่คือธาตุสายฟ้ารึ?’
  หลังจากต้วนหลิงเทียนถอนรั้งพลังมิติกลับไปแล้ว พลังเทพที่พุ่งออกมาจากมือเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปในบัดดล มองไปคล้ายมีอสรพิษตัวจิ๋วสีม่วงดำผุดดำว่ายในมือ
  เมื่อครู่ หลังจากได้ชมการดู ‘ดอกไม้ไฟ’ จากทัณฑ์สวรรค์ในระยะประชิด ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความเข้าใจบางอย่างในกฏสายฟ้า และในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงธาตุสายฟ้า อันเป็นความหมายเบื้องต้น ของกฏสายฟ้า…
  กฏสายฟ้า เป็นกฏที่เขาไม่เคยแตะต้องมันมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจความลึกซึ้งประการแรกของมันแล้ว
  ‘พี่สาวสุ่ยไม่ได้ล้อข้าเล่นจริงๆ…ทำแบบนี้สามารถเข้าใจกฏสายฟ้าได้จริงๆ’
  ก่อนหน้าตอนที่ยังอยู่ในระนาบเทวโลก แม้พี่สาวสุ่ยหรือวารีเทพชำระโลกาจะกล่าวบอกเรื่องนี้กับเขาเอาไว้แล้ว แต่เขาไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่
  เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา การเข้าใจความหมายเบื้องต้นใดๆ ไม่ใช่ว่าต้องใช้เวลาหรือตระเตรียมการอะไรหรือไง?
  อยู่ๆจะเข้าใจมันทันที เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ?
  แต่ตอนนี้ อยู่ๆเขาก็เข้าใจกฏสายฟ้าขึ้นมาแล้วจริงๆ ทั้งๆที่ในอดีตเขาไม่เคยสนใจมันมาก่อน และไม่คิดจะสนใจในวันหลัง
  กล่าวได้ว่าเป็นกฏที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย แต่อยู่ๆกลับเข้าใจได้ในพริบตา