ไม่เห็นด้วย!
พอต้วนหลิงเทียนเปิดปากกล่าวประโยคนี้ออกมา ผู้ชมโดยรอบก็พากันเงียบกริบทันที
เหล่าศิษย์หลักไม่เว้นอาวุโสฝ่ายในที่ชมดูเรื่องราวอยู่ รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกัน พวกมันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไฉนประมุขนิกายถึงไม่มอบโทษตายให้ต้วนหลิงเทียน
กล่าวไปที่ประมุขนิกายไม่ตัดสินโทษตายให้ต้วนหลิงเทียน พวกมันก็พอจะเข้าใจได้ว่าอาจเป็นเพราะพรสวรรค์ แต่ไฉนอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยถึงไม่ลงมือ?
ผู้ใดบอกพวกมันได้บ้าง ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ต้วนหลิงเทียน!”
สีหน้าถังชุนเปลี่ยนไปอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่เห็นด้วยกับ ‘บทลงโทษเล็กๆ’ ที่เฉียนหยิ่นประมุขนิกายตัดสิน แถมบอกปัดออกมาตรงๆ กระทั่งยังขู่ว่าจะถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับอีก นี่ไม่ใช่การประกาศถอนตัวอย่างโจ่งแจ้งหรือไร?
ในขณะที่อู่เฟิงหยินอาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับ กับคนอื่นๆที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คิดว่าเฉียนหยิ่นต้องมีโมโหเพราะคำตอบของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็เห็นว่าเฉียนหยิ่นเพียงมองต้วนหลิงเทียนอย่างสงบ เอ่ยออกเสียงเรียบว่า “ต้วนหลิงเทียน เรื่องที่เจ้าจะอยู่หรือไม่อยู่ในนิกายหมอกเร้นลับเรา เป็นสิทธิ์ที่เจ้าจะเลือกได้อย่างเสรี…”
“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วันนี้เจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับของเราแล้ว แต่เจ้าที่ฆ่าศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับเราก็ยังมีความผิด!”
“การขังเจ้าไว้ นับเป็นบทลงโทษสถานเบาที่สุดสำหรับเจ้าแล้ว…”
“อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ หรือหลังจากเจ้าเข้าไปอยู่ในโลกใบเล็กของอาวุโสฟงแล้ว พวกเราจะอนุโลมให้เจ้าสามารถติดต่อกับโลกภายนอก เจ้าสามารถเรียกอาวุโสของเจ้าให้มาไกล่เกลี่ยได้ทุกเมื่อ และหากตกลงเรื่องค่าชดใช้จนพวกเราพอใจแล้ว เรื่องปล่อยเจ้าไปพวกเราก็ไม่ขัดข้อง”
ในตอนนี้ เฉียนหยิ่นคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจไม่เข้าใจเจตนาของมัน ก็เลยพูดออกมาตรงๆ
ที่มันตัดสินใจทำแบบนี้ อย่างแรกเลยมันไม่อยากล่วงเกินขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน อย่างที่สองเพราะมันต้องคำนึงถึงหน้าตาและศักดิ์ศรีของนิกายหมอกเร้นลับ
เรื่องที่จะให้ปล่อยต้วนหลิงเทียนไปเฉยๆ นั่นเป็นไปไม่ได้!
ยิ่งไปกว่านั้นอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยย่อมไม่เต็มใจเช่นกัน
ตอนนี้อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยได้ยอมลงมากแล้ว และเหตุผลที่พวกมันยอมลงก็เพราะกริ่งเกรงขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน
หากขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน ทรงพลังมากจริงๆ พวกมันยอมไม่มีความคิดเรียกร้องค่าเสียยหายอะไรทั้งสิ้น และจะปล่อยต้วนหลิงเทียนไปแต่โดยดี
แต่ถ้าขุมกำลังเบื้องหลังต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยิ่งใหญ่มากพอจะสะกดข่มนิกายหมอกเร้นลับของพวกมันได้ แต่พอจะทำให้พวกมันหวั่นเกรงที่จะตอแยด้วย เช่นนั้นพวกมันก็จะเรียกร้องค่าเสียหายแทน
และสุดท้าย ถ้าขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน ไม่ได้ทรงพลังมากพอให้พวกมันต้องหวั่นเกรงล่ะก็…
พวกมันจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งทันที!
และพอ เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับพูดออกมาแบบนี้ ผู้คนในที่เกิดเหตุก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที “ต้วนหลิงเทียนคนนี้ ท่าทางความเป็นมาจะไม่ใช่เล่นๆเสียแล้ว!”
“ข้าก็ว่าแล้วเชียว เพราะต่อให้ประมุขไม่คิดมอบโทษตายให้ต้วนหลิงเทียน แต่อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยไหนเลยจะยอมเลิกรา? ข้าคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออกว่าไฉนโทษต้วนหลิงเทียนถึงได้เบานัก พอประมุขพูดมาในที่สุดข้าก็เข้าใจ ที่แท้ก็กริ่งเกรงเบื้องหลังต้วนหลิงเทียนนี่เอง…”
“ว่าแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนจากระนาบเทวโลกหรือไร? ยังจะมีเบื้องหลังอะไรในดินแดนดาราพิศวงเราได้?”
“เจ้าอย่าได้ลืมไป ว่าไม่เพียงแต่ดินแดนดาราพิศวงของพวกเรา กระทั่งระนาบเทพอื่นๆก็ไม่ขาดรากฐานที่วางไว้ในระนาบเทวโลก กระทั่งขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพกับอริยะเทพยังมีรากฐานในระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ”
“ถึงขั้นทำให้ท่านประมุขหวั่นเกรง แถมอาวุโสฟงและอาวุโสเหล่ยไม่กล้าลงมือล้างแค้นให้ศิษย์ได้โดยตรง เกรงว่าขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียนจะไม่ธรรมดาจริงๆ”
…
ในที่สุดเหล่าศิษย์หลักและอาวุโสฝ่ายในที่จุดเกิดเหตุก็ตระหนักได้ ว่าไฉนอาวุโสฟงกับเหล่ย ไม่เว้นประมุขนิกายถึงไม่ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้ง
ด้านอาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับ อู่เฟิงหยิน ตอนนี้สีหน้าของมันเปลี่ยนไปไม่หยุด
มันเองก็ตระหนักเรื่องราวได้แล้วเช่นกัน
เพราะสาเหตุนี้เอง ทำให้มันรู้สึกหนาวใจขึ้นมา
ต้วนหลิงเทียนนั่น…มีเบื้องหลังถึงขั้นทำให้ประมุขไม่เว้นอาวุโสฟงกับเหล่ยหวั่นเกรงเชียวหรือ?
ต้องทราบด้วยว่าทั้ง 3 ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นตัวแทนของนิกายหมอกเร้นลับได้ทั้งนั้น การตัดสินใจเช่นนี้ ไยไม่ใช่เป็นการบอกกลายๆว่าหวาดกลัวเบื้องหลังของต้วนหลิงเทียน?
และศิษย์ของมัน ถูเฟิง ดันทำให้มันเป็นศัตรูชั่วชีวิตกับตัวตนเช่นนี้?
อู่เฟิงหยินอกสั่นขวัญแขวนแล้วจริงๆ
ทำอย่างไร?
มันจะทำอย่างไรดี?!
หากต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับได้ วันหน้าเกิดมีความคิดอยากฆ่ามันเพื่อตัดรากถอนโคน มันไม่ใช่ต้องตายคาที่หรือไร?
หรือมันต้องถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับด้วย และหนีไปให้ไกลจากเขตคฤหาสน์ตงหลิง เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซซ่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่?
พอคิดถึงจุดนี้ อู่เฟิงหยินก็ตัดสินใจได้แล้ว
มันไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป มีแต่ต้องหลบซ่อนให้พ้นหูตาต้วนหลิงเทียนเท่านั้น หาไม่แล้วก็ต้องหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะย้อนกลับมาฆ่ามันในภายหลัง
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้ความคิดในหัวของอู่เฟิงหยินเป็นธรรมดา
กระทั่งตอนนี้เขายังลืมเลือนไปหมดสิ้น ว่าอู่ฟงหยินเป็นอาจารย์ของศิษย์สายในคนหนึ่งที่เขาเคยฆ่าทิ้งไปในอดีต
“ไม่จำเป็น”
ต้วนหลิงเทียนมองตอบเฉียนหยิ่นด้วยสายตาเฉยเมย ถ้อยคำน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปเป็นไร้แยแส “เรื่องนี้อะไรเป็นอะไร เฉียนหยิ่นเจ้าสมควรรู้ดีแก่ใจ…”
“วันนี้หากข้าถูกพวกมันฆ่าตาย เมื่อข้าไม่มีภูมิหลังสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น?”
กล่าวจบคำ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มขึ้นมา ยังเป็นรอยยิ้มล้อเลียนแฝงรังเกียจ
“ข้าเกรงว่า หากข้ามีภูมิหลังที่ทำให้นิกายหมอกเร้นลับหวาดกลัว กระทั่งทำให้เฒ่าแซ่ฟงกับแซ่เหล่ยหวาดกลัว นิกายหมอกเร้นลับก็คงยินดีปล่อยข้าไปโดยไม่ติดใจเอาความกระมัง?”
“แต่ถ้าข้าเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งของนิกาย แม้พวกมันจะฆ่าข้าทิ้งโดยไม่สนกฏนิกาย เกรงว่านิกายหมอกเร้นลับก็คงไม่คิดประหารพวกมันหรือไม่ใช่?”
ยิ่งมารอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากต้วนหลิงเทียนยิ่งยกสูง
และท่าทีไม่แยแสกับความมั่นใจนั่น ก็ชวนให้ผู้คนตกใจนัก
เป็นธรรมดาว่าคำพูดเสียดสีของต้วนหลิงเทียน ย่อมทำให้ศิษย์หลักกับอาวุโสฝ่ายในๆสถานที่เกิดเหตุอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเจื่อนๆออกมา เพราะพวกมันรู้ดีว่าทุกสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูดเป็นเรื่องจริง
พวกมันส่วนใหญ่ในที่นี้ ต่อให้โดนหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงฆ่า แต่ทางนิกายก็ไม่มีทางตัดสินโทษประหารทั้งคู่เพราะการตายของพวกมันแน่…
สุดท้ายแล้วสองคนนั่นก็มีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
“การขังเจ้าไว้ เป็นโทษสถานเบาที่สุดเท่าที่นิกายหมอกเร้นลับเราจะยอมได้แล้ว”
สองตาเฉียนหยิ่นเผยประกายเย็นชาเรืองขึ้นวาบหนึ่ง เสียงกล่าวยังเคร่งขรึมนัก
นี่คือสิ่งที่มันกับอาวุโสเหล่ยและอาวุโสฟงเห็นพ้องต้องกัน ว่าจะไม่ปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจากไปดื้อๆ
เพราะจนถึงตอนนี้ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดานั่น พวกมันก็แค่ได้ยินมาอีกทีเท่านั้น ไม่ได้ไปตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงให้แน่ชัด
หากสุดท้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีความเป็นมายิ่งใหญ่อะไรจริงๆ แต่พวกมันปล่อยต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆพวกมันไม่เสียหายครั้งใหญ่หรือไร?
พวกมันก็เลยเห็นพ้องต้องกันว่า กักขังต้วนหลิงเทียนเอาไว้ก่อน หากต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดาจริง ก็ปล่อยให้หาคนมาช่วยไป
หากไม่มีภูมิหลังใดๆ ค่อยประหารทิ้งทีหลังก็ยังไม่สาย
“ประมุข ท่านจะกล่าวเหลวไหลกับมันอะไรให้มากมาย”
อาวุโสเหล่ยกล่าวขึ้น น้ำเสียงฟังดูจวนเจียนจะสิ้นความอดทนเต็มที “ให้อาวุโสฟงจับมันขังไว้ในโลกใบเล็กก่อนเถอะ!”
“หากมันต่อต้านแข็งขืนไม่ยอมเข้าไปในโลกใบเล็กของอาวุโสฟงแต่โดยดี เช่นนั้นก็ให้อาวุโสฟงผนึกพลังมัน ทั้งจับไปขังไว้ที่บ้านพักอาวุโสฟงเสีย”
“ให้อาวุโสเบื้องหลังมันมาไถ่ตัวไปเอง”
พออาวุโสเหล่ยกล่าวจบคำ ชุดคลุมทั่วร่างอาวุโสฟงก็โบกสะบัดรุนแรง กลิ่นอายเยียบเย็นยังแผ่ซ่านออกมาจากร่าง คนโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานสายลม
อาวุโสฟงที่เคลื่อนไหวลงมือ พลันยกมือขึ้นหมายใช้พลังไร้สภาพสะกดร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้
ด้านต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับการลงมือของอาวุโสฟง แต่ต้นจนจบก็เพียงยืนนิ่งไม่ไหวติง
ฉากดังกล่าว พอตกอยู่ในสายตาคนอื่นๆ เสมือนต้วนหลิงเทียนหวาดกลัวจนตัวแข็งอย่างไรอยย่างนั้น
‘เฮ่อ…จบลงเช่นนี้นับว่าดีที่สุดสำหรับอู๋เยียนแล้ว’
เห็นฉากดังกล่าว ถังชุนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะมันเชื่อว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนติดต่อคนที่อยู่เบื้องหลัง สุดท้ายก็น่าจะได้อิสระกลับคืนอย่างไร้เรื่องราว
ในช่วงที่ต้วนหลิงเทียนถูกขังไว้ ประมุขนิกายรวมถึงอาวุโสฟงและอาวุโสเหล่ยก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรโง่ๆแน่
ปงงง!!
อย่างไรก็ตาม พลันมีพลังขุมหนึ่งพุ่งลงจากฟ้าปานวายุกรรโชก ลบเลือนพลังไร้สภาพของอาวุโสฟงที่คิดสะกดกักร่างต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย ไม่ทันได้แตะถูกชายเสื้อต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ
“ผู้ใด!?”
สีหน้าของอาวุโสฟงเปลี่ยนไปทันที อาวุโสเหล่ยโพล่งถามออกมาเสียงดัง ส่วนประมุขนิกายหมอกเร้นลับเริ่มหันรีหันขวางไปทั่วด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ฮ่าๆๆๆ….นิกายหมอกเร้นลับเดี๋ยวนี้ตกต่ำถึงขั้น ชนชั้นอาวุโสสูงสุด 2 คนกับประมุขนิกายรวมหัวกันรังแกศิษย์ตัวเล็กๆแล้วหรือ?”
ในขณะที่เสียงหัวเราะหนึ่งโพล่งดังขึ้น ร่างอ้วนท้วมจนคนแลดูตัวกลมคล้ายลูกบอลหนึ่ง ก็วูบลงจากฟ้ามาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนในพริบตา
“หลิงหูเหิง!?”
พอเห็นชายชราร่างอ้วนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า สีหน้าอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน จากนั้นพวกมันทั้งคู่ก็พากันแหงนมองขึ้นฟ้าโดยไม่รู้ตัว
เพราะเท่าที่มันรู้เกี่ยวกับชายชราร่างอ้วนคนนี้มา อีกฝ่ายไม่มีทางปรากฏตัวเพียงลำพังแน่
ด้าน เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับเอง พอเห็นอาวุโสสูงสุดทั้ง 2 แหงนมองขึ้นฟ้า มันก็เงยหน้าขึ้นไปมองตามทันที จากนั้นก็ได้แลเห็นร่างหนึ่งที่ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าพอดี
เทียบกับชายชราร่างอ้วนที่ปรากฏตัวขึ้นก่อนแล้ว ชายชราคนใหม่ที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นช่างผ่ายผอมปานไม้เสียบผี แถมการดำรงอยู่ยังจืดจาง ไร้ซึ่งกลิ่นอายใดๆแผ่ซ่านให้สัมผัส หากไม่ใช่เพราะเห็นอีกฝ่ายค่อยๆปรากฏตัวออกมากับตา พวกมันคงไม่รู้เลยว่าที่ตรงนั้นมีชายชราร่างผอมผู้นี้ซ่อนตัวอยู่
ฟุ่บ!
พริบตาต่อมา ชายชราร่างผอมก็วูบลงจากฟ้ามาหยุดข้างๆชายชราร่างอ้วน
“หลิงหูฮวน!”
สายตาอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยเต็มไปด้วยความระแวดระวังทันที “พวกเจ้าทั้งคู่มาที่นี่ทำอะไร? แล้วที่พวกเจ้าทั้งคู่ลอบบุกรุกเข้ามาในนิกายหมอกเร้นลับเรา ใช่เจตนาของตระกูลหลิงหูหรือไม่?”
“หลิงหูเหิง?”
“เมื่อครู่อาวุโสเหล่ยเหมือนจะเรียกชายชราร่างผอมว่าหลิงหูฮวนด้วย…เหิง ฮวน นี่มิใช่นามของเฒ่าแฝดตระกูลหลิงหูหรือไร?”
“เฒ่าแฝดตระกูลหลิงหู? ที่ร่ำลือกันว่าเป็นคู่แฝดที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิงหู เพราะความที่เป็นฝาแฝดเช่นนั้นยามร่วมมือกัน ก็ทำให้แข็งแกร่งถึงขั้นต่อให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ฟงเหล่ยอวิ๋นหวู่ ของนิกายหมอกเร้นลับเรายากจะโค่นล้มน่ะหรือ?”
“ไฉนแฝดคู่นี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้เล่า? แถมยังปรากฏตัวได้ประจวบเหมาะนัก คงไม่ใช่ว่ามาเพราะต้วนหลิงเทียนหรอกนะ?”
“เป็นไปได้หรือไม่ ที่ขุมกำลังเบื้องหลังต้วนหลิงเทียนก็คือตระกูลหลิงหู?”
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร? หากขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียนคือตระกูลหลิงหู แล้วผู้คนจะมาเข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราทำอะไร สิ่งนี้ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำอุดมไหลไปนาคนนอกหรือไร?”
(ไม่ปล่อยน้ำอุดมให้ไหลไปนาคนนอก,ไม่วิดน้ำปุ๋ยใส่นาคนอื่น = ไม่ปล่อยผลประโยชน์ของตัวเองให้ตกไปอยู่ในมือคนอื่น)
…
หลังรับทราบตัวตนของชายชราอ้วนผอมที่ปรากฏตัวขึ้น เหล่าศิษย์และอาวุโสฝ่ายในก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบคุยกันเสียงดังระงม
หลิงหูเหิง หลิงหูฮวน นามของทั้ง 2 นั้นเรียกว่าในโลกภายนอกเป็นอะไรที่โด่งดังยิ่งกว่า 4 อาวุโสสูงสุด ฟง เหล่ย อวิ๋น หวู่ ของนิกายหมอกเร้นลับเสียอีก
“เพ่ย!”
ชายชราร่างอ้วนของตระกูลหลิงหู หันไปมองอาวุโสเหล่ยด้วยแววตาดูแคลนก่อนจะสบถพลางถมน้ำลายอย่างรังเกียจ “หากพวกเราไม่มาที่นี่วันนี้ เกรงว่าอาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหูพวกเรา คงโดนนิกายหมอกเร้นลับของพวกเจาจับขังแล้ว!”
��