อาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหู!
สิ้นคำกล่าวของหลิงหูเหิง สายตาของทุกคนก็หันไปจับจ้องยังร่างชายหนุ่มชุดม่วงด้านหลังหลิงหูเหิงกับหลิงหูฮวนทันที
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้…เป็นคนของตระกูลหลิงหูจริงๆหรือ?”
“นี่ใช่ล้อกันเล่นหรือไม่? อาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหู มาทำอะไรในนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราล่ะ?”
“นั่นสิ…ต่อให้ตระกูลหลิงหูจะส่งใครมาแฝงตัวเป็นสายในนิกายหมอกเร้นลับของพวกเรา อย่างดีก็ต้องส่งคนของตระกูลตัวเองมาไม่ใช่หรือ? ไฉนส่งอาคันตุกะทรงเกียรติที่เป็นอัจฉริยะเฉกเช่นต้วนหลิงเทียนมาได้เล่า? นี่ยังต่างอะไรจากส่งเนื้อลูกแกะหวานฉ่ำเข้าปากเสืออีก?”
…
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะกับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน ทุกคนรู้กันชัดเจนดี
อันที่จริงทุกคนในนิกายหมอกเร้นลับ ไม่เพียงแต่รู้ว่าพรสวรรค์กับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนเทียบเท่าเชวียไห่ชวนเมื่อหมื่นปีก่อนเท่านั้น แต่ยังเหนือกว่าเชวียไห่ชวนอีกด้วย!
ด้านอาวุโสสองของนิกายหมอกเร้นลับ อู่ฟงหยิน ที่แต่เดิมแววตาเต็มไปด้วยความท้อแท้ บัดนี้ได้หวนกลับมาฉายแสงแรงกล้าอีกครั้ง!
เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่คนของตระกูลหลิงหูจริง มันก็ไม่จำเป็นต้องออกจากนิกายหมอกเร้นลับเพื่อไปซ่อนตัวที่ไหนเลย
ตระกูลหลิงหูนั้นอย่างดีก็มีศักดิ์ศรีเท่ากับนิกายหมอกเร้นลับเท่านั้น กล่าวได้ว่าล้วนเป็นขุมกำลังระดับจอมราชันทั้งคู่ ไม่ได้มีพลังอำนาจมากพอจะขู่ขวัญมันถึงขั้นต้องละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้…มาจากตระกูลหลิงหูของพวกเจ้า?”
สีหน้าท่าทีของอาวุโสฟงกับเหล่ยก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน จากนั้นก็เป็นอาวุโสเหล่ยที่เอ่ยถามออกมาเสียงหนัก ยังดังสนั่นปานฟ้าร้องชวนให้ผู้คนเจ็บแก้วหูอยู่บ้าง
และฟังแค่เสียง ทุกคนก็บอกอารมณ์ในปัจจุบันของมันได้ทันที
“อาฮะ”
หลิงหูเหิงกล่าวตอบกวน “เช่นนั้น พวกเราพาคนไปก่อนแล้วกัน”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่มีความเห็นใดอื่นกระมัง?”
แทบจะพร้อมๆกันกับที่หลิงหูเหิงกล่าวจบคำ ทั่วร่างอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยก็ปรากฏสายยลมกรรโชกทั้งเส้นสายอัสนีแล่นวาบแปลบปลาบขึ้นมาตามลำดับ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ได้เร่งเร้าพลังเทพผสานเข้ากับพลังของกฏแห่งลมกับกฏสายฟ้าขึ้นมาเต็มกำลัง พร้อมลงมือจู่โจมได้ทุกเมื่อ!
“พวกเจ้าก็ไม่ใช่ตัวโง่งมที่ไหน…”
พอเห็นอาวุโสฟงกับเหล่ยเร่งเร้าพลังเตรียมลงมือ สีหน้าของหลิงหูเหิงไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เพียงแค่น้ำเสียงเริ่มเย็นลงเล็กน้อย “เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งคู่สมควรรู้ตัวดี ว่าต่อให้ตอนนี้จะมีผู้แซ่อวิ๋นกับผู้แซ่หวู่อยู่ด้วย แต่พวกเจ้าก็ไม่อาจหยุดพวกเราได้อยู่ดี…”
“อีกทั้ง…พวกเจ้าเชื่อหรือไม่เล่า? ว่าต่อให้อวิ๋นกับหวู่จะมา ต่อให้พวกเราต้องคอยปกป้องต้วนหลิงเทียน แต่พวกเราก็สามารถพาคนจากไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วน กระทั่งฆ่าคนนิกายหมอกเร้นลับแถวนี้ได้สบายๆ…”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค หลิงหูเหิงก็หันไปปรายตามองเหล่าศิษย์หลักรวมถึงอาวุโสฝ่ายใน ไม่เว้นตัวประมุขนิกายหมอกเร้นลับอย่างเฉียนหยิ่นผ่านๆ และนั่นทำให้ศิษย์หลักหลายๆคนเริ่มล่าถอยออกห่างทันที
สีหน้าอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยเองก็เริ่มเปลี่ยนไปโดยพลัน
“หลิงหูเหิง!”
เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับโพล่งคำออกมาด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก “พวกเจ้าตระกูลหลิงหูคิดเปิดศึกกับนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราจริงๆ?”
มันย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าชายชราร่างอ้วนกลมเบื้องหน้าไม่ได้พูดเล่น เพราะหากคู่แฝดเหิงฮวนร่วมมือกัน ก็มีพลังกล้าแข็งมากพอจะไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย!
นอกจากนั้น หากทั้งคู่บังเกิดจิตอำมหิตขึ้นมา เกรงว่ายังอาจเข่นฆ่าผู้คนที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุได้หมด! กระทั่งตัวมันเองต่อให้ไม่ตายก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง…!!
และไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ในปัจจุบัน มีตัวตนระดับแนวหน้าของนิกายหมอกเร้นลับอยู่แค่ 3 คนด้วยซ้ำ ต่อให้อาวุโสอวิ๋นกับหวู่อยู่ด้วย แต่พวกมันก็ทำได้แค่ปกป้องตัวเองกับศิษย์และอาวุโสได้ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะลำพังตัวเองยังไม่แน่ว่าจะรอด จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลคนอื่น…
“เปิดศึก?”
หลิงหูฮวนคลี่ยิ้มจนตาหยีแทบปิด “จัดเลยไหมเล่า? ข้าเองก็อยากร่วมมือกับนิกายหมื่นปีศาจเพื่อถล่มมารดานิกายหมอกเร้นลับเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…และข้าเชื่อว่านิกายหมื่นปีศาจเองก็อยากถล่มมารดาพวกเจ้ามากว่าข้าเสียอีก!”
พอหลิงหูเหิงกล่าวประโยคนี้ออกมา สีหน้าเฉียนหยิ่นก็เปลี่ยนไปอย่างแรง กระทั่งไม่กล้าพูดอะไรส่งเดชอีก
“เจ้าหนุ่ม ไปกันเถอะ!”
ต่อหน้าต่อตาคนของนิกายหมอกเร้นลับในที่เกิดเหตุ หลิงหูเหิงก็ได้สะบัดมือเรียกเรือเหาะระดับจอมราชันเทพที่ใช้เดินทางออกมาอีกครั้ง จากนั้นมันก็ใช้พลังหอบหิ้วต้วนหลิงเทียนหายเข้าไปในเรือเหาะพร้อมๆหลิงหูฮวนที่แต่ต้นจนจบไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ก่อนจะแล่นเรือเหาะพุ่งฉิวหายไปต่อหน้าต่อตาคนของนิกายหมอกเร้นลับในพริบตา…
เรียกว่าแต่ต้นจนจบ เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับ รวมถึงอาวุโสฟงและอาวุโสเหล่ยไม่มีใครกล้าวู่วามลงมือขัดขวางแม้แต่คนเดียว
เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ หลิงหูเหิงแห่งตระกูลหลิงหูผู้นั้น แม้จะแลดูเหมือนเถ้าแก่อ้วนอารมณ์ดีไม่มีพิษมีภัยต่อสิ่งมีชีวิต แต่ที่แท้อีกฝ่ายเป็นพยัคฆ์หน้ายิ้มกินคนไม่คายกระดูกตัวจริง! สามารถลงมือฆ่าศิษย์และอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับในที่เกิดเหตุได้ตาไม่กระพริบ!!
และในบรรดาศิษย์หลักที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีใครไม่ใช่อัจฉริยะของนิกายบ้าง? วันนี้พวกมันสูญเสียศิษย์หลักอัจฉริยะไปแล้วสองคน พวกมันย่อมไม่อยากสูญเสียใครเพิ่ม
เช่นนั้นพวกมันก็ทำได้แค่มองผู้อื่นจากไปเท่านั้น…
“ประมุข ค่ายกลของนิกายพวกเรา สามารถหยุดพวกมันได้หรือไม่?”
อาวุโสเหล่ยหันไปมองถามเฉียนหยิ่นเสียงหนัก
ฟังจากน้ำเสียงของมัน ไม่ยากเลยที่ใครจะบอกได้ว่าตอนนี้มันกำลังระงับโทสะมากแค่ไหน
“ไม่อาจ”
เฉียนหยิ่นส่ายหัวไปมา “ค่ายกลพิทักษ์ 99 ชั้นของนิกายหมอกเร้นลับเรา แม้จะแลดูทรงพลังแต่พลังอำนาจในแง่การป้องกันกับตรวจจับ แต่ก็กระจายตัวเกินไป…เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดเรือเหาะของพวกมัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เรือเหาะระดับจอมราชันเทพของพวกมัน ก็ได้ออกนอกเขตนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราไปแล้ว…”
เสียงของเฉียนหยิ่นเต็มไปด้วยความอับจนหนทางนัก
“บัดซบ!”
สีหน้าอาวุโสเหล่ยตอนนี้แลดูบิดเบี้ยวจนน่ากลัวนัก “ไอ้อ้วนน่าตายนั่นช่างลำพองตัวนัก!”
“อาวุโสฟง อาวุโสเหล่ย พวกเราไปหารือกันที่อื่นเถอะ”
เฉียนหยิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันที่เป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับตอนนี้ย่อมรู้สึกอัปยศอดสูถึงขีดสุด กระทั่งในใจยังเต็มไปด้วยโทสะอันเดือดดาล!
แต่ไม่ว่าจะมีโมโหแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์
เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา
“ข้าได้ติดต่อไปเรียกอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่มาแล้ว ไปรอทั้งคู่ที่บ้านข้าเถอะ”
ก่อนหน้านี้ หลังจากเห็นหลิงหูเหิงกับหลิงหูฮวนปรากฏตัวออกมา เฉียนหยิ่นก็เร่งติดต่อไปหาอาวุโสสูงสุดอีก 2 คนอย่างอาวุโสอวิ๋นและอาวุโสหวู่แต่แรก เพื่อให้มาตรึงกำลังเตรียมพร้อมรับมือแฝดอ้วนผอมของตระกูลหลิงหู
เดิมทีมันก็ติดต่อให้ทั้งคู่มาที่นี่
แต่ตอนนี้ในเมื่อแฝดเฒ่าของตระกูลหลิงหูพาต้วนหลิงเทียนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มันก็ติดต่อไปหาอีกฝ่ายเพื่อเปลี่ยนสถานที่นัดพบ และไปรวมตัวกันที่บ้านพักของมันแทน
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่อาวุโสฟงกับเหล่ยเหินร่างจากไป ด้านเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับกลับไม่ได้ไปไหน มันกวาดตามองทุกคนในที่เกิดเหตุด้วยสายตาจริงจัง กล่าวออกเสียงหนักว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ อะไรควรพูดไม่ควรพูดพวกเจ้าสมควรรู้ดีแก่ใจ…”
“หากให้ข้ารู้ว่าผู้ใดปากสว่าง ก็อย่าได้โทษข้าประมุขว่าอำมหิต!”
ถึงแม้เหล่าศิษย์หลักกับอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับจะป้องมือประสานกล่าวรับคำว่า ‘ทราบ’ กันถ้วนหน้า แต่เฉียนหยิ่นก็รู้ดีว่าอาศัยคำพูดของมัน คงไม่มากพอจะห้ามปากทุกคน
เรียกว่ามันกล่าวเตือนออกมา ก็แค่ทำไปพอเป็นพิธีเท่านั้น
…
อาวุโสอวิ๋น 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับที่แข็งแกร่งที่สุด มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน แลดูเจ้าเนื้อ มาในชุดผ้าไหมหรูหราพร้อมสร้อยไข่มุกเตะตา มองไปคล้ายเศรษฐีเจ้าสำราญอยู่บ้าง
ส่วนอาวุโสหวู่นั้น ให้ความรู้สึกราวกับเทพเซียนที่ออกมาจากถ้ำลี้ลับ เป็นชายหนุ่มหล่อเหลา ใบหน้าแลดูเปล่งปลั่งอ่อนวัย เส้นผมขนคิ้วทั้งหนวดเครายาวกลายเป็นสีดอกเลา
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่ ผู้อื่นหายหัวไปหมดสิ้นแล้ว…”
พอเห็นทั้งคู่มาถึง อาวุโสเหล่ยที่กำลังหัวเสีย ก็กล่าวถามเสียดสีออกมาเสียงเฉย
“พวกเราอยู่ด้วยแล้วอย่างไร สามารถหยุดเฒ่าแฝดแซ่หลิงหูได้หรือ?”
อาวุโสอวิ๋นส่ายหัวไปมา “หากเฒ่าแฝดตระกูลหลิงหูคิดพาต้วนหลิงเทียนไป พวกเราไม่เพียงไม่อาจขวาง หากคิดขวางยังพาลให้ศิษย์กับอาวุโสคนอื่นพลอยประสบเคราะห์ไปด้วยเปล่าๆ…”
ระหว่างเดินทางมาที่นี่ มันก็ได้รับทราบรายละเอียดเรื่องราวจากข้อความของเฉียนหยิ่นแล้ว
“ต้วนหลิงเทียนนั่น…มันมาจากตระกูลหลิงหูจริงๆหรือ?”
อาวุโสอวิ๋นยังสงสัยไม่หาย
มันเองก็ได้ยินเรื่องราวของศิษย์ที่มีนามว่าต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว กระทั่งหลังจากได้ยินเรื่องที่อีกฝ่ายกลายเป็นศิษย์หลักมันยังคิดจะส่งศิษย์ของตัวเองไปชักชวนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพบว่าอีกฝ่ายปฏิเสธอาวุโสเหล่ย มันก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าวทันที
วันนี้พอมันได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนถึงขั้นฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวทิ้งที่ละคน โดยอาศัยคนละกระบี่มันก็ตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งบรรลุถึงด่านพลังราชาเทพขั้นต่ำจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
กระทั่งเชวียไห่ชวน สุดยอดอัจฉริยะที่ปรากฏขึ้นในนิกายหมอกเร้นลับเมื่อหมื่นปีก่อน ยังไม่มีปัญญาทำอะไรแบบนี้ได้หลังบรรลุถึงราชาเทพขั้นต่ำ
และตอนนี้มันขบคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
หากตัวตนเช่นนี้มาจากตระกูลหลิงหูจริง แล้วอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นิกายหมอกเร้นลับ?
แฝงตัวเป็นสาย?
ตระกูลหลิงหู หาญกล้าส่งอัจฉริยะระดับนี้มาเป็นสายด้วยหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนทำตัวเหมือนสายลับที่ไหน เพราะหากเป็นสายลับจริง ไม่ใช่แสแสร้งคารวะอาวุโสเหล่ยเป็นอาจารย์ ถึงตอนนั้นก็จะได้อำนวยความสะดวกใดๆให้ตระกูลหลิงหูได้ดียิ่งขึ้นหรือไร?
“ไม่น่าใช่”
อาวุโสหวู่ส่ายหัว “ฟังจากที่ประมุขเล่า ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นสมควรสนิทสนมกับเด็กสาวนางหนึ่ง…และจอมราชันอมตะที่ทรงพลังอันเป็นผู้ติดตามข้างกายเด็กสาวผู้นั้น ฟังจากที่มู่หรงสุยเฟิงพูดแล้ว เห็นได้ว่าไม่อ่อนด้อยไปกว่าพวกเรา 4 คนเลย ในตระกูลหลิงหู นอกจากนายหญิงรองที่ลึกลับในอดีต เกรงว่าคงไม่อาจหาสตรีคนใดที่มีพลังฝีมือเทียบเท่าพวกเราทั้ง 4 ได้อีก…”
“นอกจากนั้น ในตระกูลหลิงหู ไม่มีเด็กสาวที่ฐานะสูงส่งเช่นนั้น…”
การตัดสินของอาวุโสหวู่ อาวุโสอวิ๋นก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เด็กสาวปริศนาในโรงประมูล มิน่าจะใช่คนของตระกูลหลิงหู…ส่วนต้วนหลิงเทียนนั่น ในปัจจุบันพวกเราก็ไม่อาจสรุปได้ว่ามันมีความเป็นมายิ่งใหญ่จริงหรือไม่ พวกเราเพียงทราบว่าเด็กสาวปริศนาคนนั้นแค่แลดูสนิทสนมกับมันเท่านั้น”
เฉียนหยิ่น ประมุขนิกายหมอกเร้นลับเอ่ยคำเสียงหนัก “เรื่องนี้ข้าจะให้ศิษย์น้องมู่หรงที่อยู่ในเมืองวายุสวรรค์พยายามสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด…อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูแล้ว ถึงพวกเราจะขุดคุ้ยความเป็นมาของมันได้แล้ว แต่ก็ยากจะลงมือทำอะไรมันได้อีก”
“เหอะ! มันฆ่าศิษย์ของข้าทั้งคน หากไม่มีความเป็นมายิ่งใหญ่จนข้าสะดุ้ง…หาไม่แล้วต่อให้เป็นตระกูลหลิงหู ก็ไม่อาจรักษาชีวิตมันได้!”
สองตาอาวุโสเหล่ยเผยประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ลั่นคำออกมาเสียงหนัก
ด้านอาวุโสฟงเองสองตาก็เผยประกายเย็นชาวูบวาบไม่ต่าง “ข้าเองก็จะหาโอกาสจับตัวต้วนหลิงเทียนนั่นมาขังให้ได้…หากมันมีความเป็นมายิ่งใหญ่อะไรจริงก็แค่ปล่อยไป”
“แต่ถ้ามันไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใดล่ะก็ ข้าจะฆ่ามันเพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณฉงเฟิง!”
ไม่ว่าจะอาวุโสฟงหรืออาวุโสเหล่ย ก็ไม่อาจนิ่งสงบใจเย็นอยู่ได้เหมือนอาวุโสอวิ๋นกับอาวุโสหวู่
สุดท้าย ที่ตกตายไปคราวนี้ก็คือศิษย์ของพวกมันทั้งคู่
“พี่เหล่ย”
อาวุโสฟงหันไปกล่าวคำกับอาวุโสเหล่ย “หากท่านคิดจะล้างแค้นให้หลงเซียวศิษย์ท่าน…เช่นนั้นท่านกับข้า พวกเราผลัดกันไปจับตาดูที่เมืองหลิงหูเป็นพักๆดีหรือไม่?”
พอได้ฟังสองตาอาวุโสเหล่ยก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “เจ้าจะบอกว่า….ให้พวกเราจะไปซุ่มที่เมืองหลิงหู เพื่อหาโอกาสจับตัวต้วนหลิงเทียนกลับมารึ?”
“มิผิด”
อาวุโสฟงพยักหน้า “ข้าไม่เชื่อ…ว่าชั่วชีวิตมันจะเอาแต่ขลุกอยู่ในตระกูลหลิงหู!’
“และข้าไม่เชื่อ…ว่าตระกูลหลิงหูจะส่งพวกแฝดเฒ่านั่นมาคุ้มกะลาหัวมันได้ตลอด!”