มีก็แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่สร้างได้?
ได้ยินคำตอบของหลิงหูหัวอาวุโส 4 ตระกูลหลิงหู ต้วนหลิงเทียนก็นึกขึ้นได้ว่าห้องลับแห่งกฏเลาที่เขาเคยเข้าใช้นั้นมันอยู่ในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก และยังเป็นมรดกสถานของผู้แข็งแกร่งที่สุดที่อาจารย์เขา ฟงชิงหยาง พบเจออีกด้วย
เช่นนั้นผู้ที่สร้างมันย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน
“แบบนี้นี่เอง”
ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจได้โดยไว โชคดีที่เขานึกอยากจะทำความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งเวลาในห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหู จึงได้ทราบเรื่องราวพื้นฐานแบบนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ไปโป๊ะแตกภายหลังในขุมกำลังใหญ่ๆ
และสำหรับกฏต่างที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจจนถึงตอนนี้ นอกจากฏมิติแล้ว กฏที่ต้วนหลิงเทียนให้ความสำคัญรองลงมือก็คือกฏแห่งเวลา
เพราะกฏมิตินั้น ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากฏใดๆเลย ยกเว้นกฏแห่งเวลา
กฏแห่งเวลาหรือที่รู้จักกันดีในฐานะกฏอันดับหนึ่งของ 4 กฏสูงสุดนั้น เป็นกฏที่ถือว่าร้ายกาจที่สุดในบรรดา 4 กฏสูงสุด ไม่ใช่อะไรที่กฏอื่นๆจะเทียบได้เลย
“เจ้าถามเรื่องนี้ หรือคิดทำความเข้าใจกฏแห่งเวลาในห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหูเรา?”
หลิงหูหัวส่ายหน้าไปมา “หากห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหูเรา มีห้องลับแห่งกฏเวลาที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจกฏแห่งเวลาได้ล่ะก็ อย่าว่าแต่รุ่นเยาว์เช่นเจ้าเลย กระทั่งเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่เช่นข้า ไม่เว้นผู้นำตระกูลไปจนถึงอาวุโสสูงสุดเองก็คงต้องมาเข้าแถวรอเข้าใช้มันเช่นกัน”
“แต่น่าเสียดายนัก ที่ห้องลับแห่งกฏเวลานั้นมีก็แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่สร้างได้”
“ในระนาบเทพเรา จะมีก็แต่ขุมกำลังระดับอริยะเทพที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่พอจะมีห้องลับแห่งกฏเวลา”
“นอกจากนั้นก็ต้องเป็นเคหะสถานของผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว”
“และเป็นธรรมดาว่าอาจมีห้องลับแห่งกฏเวลาในมรดกสถานของผู้แข็งแกร่งที่สุดด้วย”
หลิงหูหัวกล่าว
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนก็อดยิ้มแห้งๆไม่ได้
ขณะกล่าวถึงจุดนี้ หลิงหูหัวก็กล่าวต่อว่า “กฏแห่งเวลานั้น ท่ามกลางกฏสูงสุดทั้ง 4 ไม่เพียงแต่จะลี้ลับที่สุด ยังยากเข้าใจเป็นที่สุด”
“อย่างตระกูลหลิงหูของพวกเรา…ในประวัติศาสตร์นั้น ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏเวลาถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่สักประการด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งเวลา”
“และมิใช่ว่าไม่มีผู้ใดอยากทำความเข้าใจกฏเวลา…เพียงแค่หากไม่ใช่ผู้ที่ไร้โอกาสทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพชั่วชีวิต เช่นนั้นก็คงไม่มีใครอยากเสียเวลาไปกับการทำความเข้าใจกฏแห่งเวลา”
“ในระนาบเทพเรา เว้นก็แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สามารถเข้าใจกฏแห่งเวลาได้รวดเร็วโดยกำเนิด หรือผู้ที่โชคดีพอจะได้รับผลไม้เทพที่ส่งเสริมการเข้าใจกฏแห่งเวลา หรือแม้แต่ผู้ที่มีแผ่นศิลาแห่งกฏเวลา เช่นนั้นก็ยากนักที่จะมีใครยึดติดกับการทำความเข้าใจกฏแห่งเวลาเป็นกฏหลัก”
“มีหลายคนที่เข้าใจกฏเวลาไปได้ประมาณหนึ่ง ได้ค้นพบว่า…หากนำเวลาที่ใช้ทุ่มเทไปกับการทำความเข้าใจกฏแห่งเวลาไปใช้กับกฏอื่นนั้น มันเสมือนลงแรงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าด้วยซ้ำ…”
หลิงหูหัวกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ
ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่มีโอกาสเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏเวลาที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเหลือทิ้งไว้ ซึ่งนั่นนับเป็นโอกาสที่ผู้คนส่วนใหญ่ในระนาบเทพไม่มีโอกาสพบเจอชั่วชีวิตด้วยซ้ำ
และเรื่องที่หลิงหูหัวกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้
สุดท้ายแล้วในระนาบเทพนั้น เว้นเสียแต่จะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ หาไม่แล้วไม่ว่าใครก็เสมือนแข่งขันกับเวลาทั้งนั้น
เพราะหากเสียเวลามากเกินไปจนความแข็งแกร่งไร้ก้าวหน้า ไม่พ้นคงต้องตายเพราะหายนะสวรรค์ทุกรอบพันปีเข้าสักวัน!
แต่ถ้าไม่ได้ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ด่านพลังรั้งอยู่ในขอบเขตเทพ เช่นนั้นก็จะมีเวลาไม่จำกัดในการทำความเข้าใจกฏแห่งเวลา เพียงแต่ก็มีน้อยคนที่จะเลือกเสียเวลาทำความเข้าใจกฏแห่งเวลาอยู่ดี
เพราะขอบเขตเทพนั้นกล่าวได้ว่าเป็นกำลังรบขั้นต่ำในระนาบเทพก็เป็นได้ และหากเพิ่มพูนพลังฝีมือจริงๆมิสู้เลือกทำความเข้าใจกฏอื่นที่จะยกระดับพลังฝีมือได้อย่างเห็นได้ชัดจะดีกว่า
“นายน้อย”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางลงบันได ต้วนหลิงเทียนก็นึกได้ว่าหลังออกจากห้องลับแห่งกฏมา ก็ได้เรียกหวางฟู่มารับ
ป้ายผ่านเข้าออกห้องลับแห่งกฏนั้นอยู่ในมือหวางฟู่ เช่นนั้นเขาก็เลยต้องอาศัยหวางฟู่ในการผ่านเข้าออก
“ผู้อาวุโส 4 ขอบคุณท่านมากที่ช่วยไขข้อสงสัยทั้งให้ความรู้แก่ข้า ตอนนี้จุดประสงค์การมาของข้าลุล่วงแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน”
พอหวางฟู่มาถึง ต้วนหลิงเทียนก็อำลาหลิงหูหัวทันที
“เอาล่ะ”
หลิงหูหัวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองส่งต้วนหลิงเทียน ไม่นานนักมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ
“เรื่องที่ท่านผู้นำตระกูลสามารถชักชวนชายหนุ่มผู้นี้มาเข้าร่วมตระกูลหลิงหูได้นับว่าประเสริฐยิ่ง ยังเสมือนตระกูลหลิงหูเราได้พบสมบัติเข้าให้แล้วจริงๆ”
หลิงหูหัวย่อมรู้ดีเป็นธรรมดา ว่านับจากเวลาที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏนั้น ไม่มากพอจะช่วยให้เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้และกฏแห่งชีวิต
มันจึงบอกได้ทันที ว่าหลังจากต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้กับกฏแห่งชีวิตถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการแล้ว ก็เลือกจะออกมาทันทีไม่ได้ทำความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดเอาเปรียบตระกูลหลิงหูมากเกินไป
คนประเภทนี้ ย่อมไม่เนรคุณแน่
กอปรกับพรสวรรค์และความเข้าใจอันโดดเด่น เช่นนั้นการที่อีกฝ่ายเข้าร่วมตระกูลหลิงหูก็มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษอะไร
…
หลังต้วนหลิงเทียนติดตามหวางฟู่กลับมาถึงบ้าน เมื่อเข้ามาในห้องหับแล้ว เขาก็เริ่มนำเตาหลอมโอสถออกมาจากแหวนพื้นที่ทันที
ในอดีตครั้งยังอยู่ในระนาบเทวโลกนั้น ตอนที่เขามีโอกาสเข้าไปในซากปรักหักพังของระนาบเทพ ท่ามกลางอุปกรณ์เทพมากมายที่ได้รับมาเพราะความช่วยเหลืออันยอดเยี่ยมของหวงเอ้อ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับอาวุธเทพมามากมาย ยังมีเตาหลอมโอสถระดับเทพอีก 2 เตา
และเตาหลอมโอสถในระนาบเทพ มันก็ไม่ได้มีระดับอะไร
เช่นนั้นถึงท่านจะเป็นยอดฝีมือระดับสูง ยามหลอมโอสถเทพก็จำต้องลดระดับพลังเทพให้พอเหมาะ หาไม่แล้วหากใช้พลังเทพผสานธาตุไฟรุนแรงเกินไป ไม่เพียงแต่จะทำให้สูญเสียสมุนไพรไปเปล่าๆ กระทั่งยังจะทายเตาหลอมโอสถอีกด้วย
ในระนาบเทพนั้น การหลอมโอสถเทพ ต้องอาศัยประสบการณ์สูงมาก กระทั่งยังต้องพึ่งการสัมผัสและเหนี่ยวนำพลังชีวิตที่ปะปนอยู่กับพลังวิญญาณฟ้าดิน
ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพหลายคนที่มีทักษะการหลอมโอสถสูงล้ำทั้งมากล้นไปด้วยประสบการณ์ แต่ถ้าหากไร้สามารถในการสัมผัสถึงพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดิน และไม่อาจสกัดพลังชีวิตออกมาเพื่อใช้ในการหลอมโอสถ เช่นนั้นถึงจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพแต่ก็ไม่ได้มีระดับสูงอะไร และโอสถเทพที่หลอมออกมาได้คุณภาพของมันก็ไม่ค่อยจะดีนัก
กระทั่งโอสถเทพบางชนิด ที่ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องความแตกต่างของคุณภาพมากเท่าไหร่อย่าง โอสถทะลวงราชัน ที่นิกายมังกรสวรรค์นำออกมามอบให้เป็นของรางวัลในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งก่อน หากไม่ได้รับการกลั่นให้บริสุทธิ์ด้วยพลังชีวิต ก็ยากที่จะหลอมออกมาได้
อีกทั้งต่อให้ชักนำพลังชีวิตมากลั่นเกลาได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะหลอมได้สำเร็จเสมอไป เพราะต้องดูด้วยว่าสามารถชักนำพลังชีวิตมาได้พอเพียงหรือไม่ และชักนำมาได้ทันช่วงเวลาสำคัญหรือไม่
ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของนิกายมังกรสวรรค์ ที่สามารถหลอมโอสถทะวงราชันได้มากกว่า 10 เม็ดในรอบร้อยปีนั้น ในแง่ระดับของมันแล้ว ให้กวาดตามองไปทั่วระนาบเทพก็ถือว่าอยู่ในระดับ 2
กล่าวได้ว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพยังต้องการ และแข่งขันกันทาบทามอย่างกระตือรือร้น
ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับนี้ถึงอาจจะมีอัตราหลอมโอสถระดับจักรพรรดิไม่สูง แต่อย่างน้อยๆก็สามารถหลอมออกมาได้
สำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่ไม่อาจหลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิได้ เช่นนั้นก็ไม่มีขุมกำลังไหนต้องการมากนัก เพราะจะสิ้นเปลืองสมุนไพรเกินไป แถมไม่มีโอกาสหลอมโอสถระดับจักรพรรดิได้สำเร็จอีก
‘มาลองหลอมโอสถเทพ เจี๋ย อี๋ ปิ่ง 3 เม็ดนั่นก่อนแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนนึกถึงโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาประมูลได้มาในงานประมูลตระกูลโจวแห่งเมืองวายุสวรรค์ และนับเป็นโอสถเทพ 3 เม็ดแรกที่ส่งเสริมเรื่องการบ่มเพาะหลังจากเขาเดินทางมาถึงดินแดนดาราพิศวง ทำให้ด่านพลังเขาก้าวหน้าขึ้นในเวลาสั้นๆ
ในตอนนั้น โอสถเทพ 3 เม็ดดังกล่าว ยังเป็นเขา ‘แย่ง’ ประมูลมาจากจ้งซื่อ นาย 4 แห่งตระกูลจ้งของเมืองวายุสวรรค์อีกด้วย
ที่สำคัญวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งนั้น ในแหวนเขาก็มีอยู่หลายชุด และมันอยู่ในแหวนพื้นที่ๆเขาได้จากฉู่หาน นอกจากนั้นยังมีสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเทพขนานอื่นอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
‘เจ้าฉู่หานผู้นั้น…หรือว่ามันจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนคาดเดา
อันที่จริงแล้ว ฉู่หานก็เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพจริงๆ
แม้แต่เหตุผลที่กวงเทียนเจิ้ง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ให้ความสนใจฉู่หานจนรับมาเป็นศิษย์ ก็ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ในการบ่มเพาะอย่างเดียว แต่เป็นเพราะฉู่หานมีพรสวรรค์ด้านการหลอมโอสถเทพอีกด้วย
ชูฮัน แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ก้าวข้ามไปสู่อาณาจักรของราชาแห่งทวยเทพ แต่โดยพื้นฐานแล้ว เขาสามารถปรับแต่งยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์ระดับจิตวิญญาณได้ และเขายังสามารถกลั่นยาศักดิ์สิทธิ์ระดับราชาธรรมดาได้สำเร็จอีกด้วย
โอสถเทพในระดับเดียว ยังแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น โอสถทะลวงราชัน ที่ทำให้ราชาเทพขั้นสูงสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้เสมือนไร้จุดรอคอย มันก็เป็นโอสถเทพระดับจักรพรรดิ และไม่ใช่โอสถเทพระดับจักรพรรดิธรรมดาๆ
เพราะสาเหตุนี้เอง ในบรรดาโอสถเทพที่ตัวตนระดับราชาเทพใช้ได้ โอสถทะลวงราชันจึงมีระดับสูงมาก
กล่าวได้ว่ามันเป็นยาวิเศษที่ราชาเทพขั้นสูงทุกคนล้วนต้องการ
‘อดีตประมุขนิกายมังกรสวรรค์ ที่สามารถหลอมโอสถทะลวงราชันได้ มันเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิแล้ว…แน่นอนว่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิก็ยังมีสูงมีต่ำ สำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิที่มือไม่ถึง แทบไม่อาจหลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิได้ด้วยซ้ำ อัตราหลอมสำเร็จเรียกว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินสิ้นเปลืองสมุนไพรปานเผาเล่น แต่หากเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิมือดี อัตราการหลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิค่อนข้างจะคงที่ หากเป็นโอสถเทพระดับจอมราชันก็หลอมได้ไม่ยากเย็น ยังมีอัตราความสำเร็จสูงอีกด้วย’
‘และหากจำไม่ผิด…ดูเหมือนอดีตประมุขนิกายมังกรสวรรค์ จะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิที่ค่อนข้างเก่งกาจ’
หลังมีประสบการณ์หลอมโอสถจากระนาบโลกียะมาถึงระนาบเทวโลก ก็ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของนิกายมังกรสวรรค์ผู้นั้นที่สามารถหลอมโอสถทะลวงราชันได้มากกว่า 10 เม็ดในรอบร้อยปี ถือว่าเก่งกาจพอสมควร
ในระนาบเทพ ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเองก็เป็นที่เคารพนับถือ และมีระดับตั้งแต่ ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอริยะ ระดับจักรพรรดิ ระดับจอมราชัน ระดับราชา และระดับเทพ
อย่างฉู่หานที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย ก็ถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับราชา เพราะมันสามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาได้
“ลองมือก่อนแล้วกัน…”
ในระนาบเทพสูตรโอสถเทพทั้งหลายไม่ได้เป็นความลับ ทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาต่อสาธารณะชน เพราะถึงสูตรโอสถเทพจะแพร่กระจายออกไป ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถในการหลอมปรุงมัน
โดยเฉพาะสูตรโอสถเทพบางอย่าง แม้จะมีรายชื่อสมุนไพรกระทั่งขั้นตอนการหลอม แต่หากไม่ได้ลงรายละเอียดจุดสำคัญที่ต้องระวังเอาไว้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ก็ไม่อาจหลอมออกมาได้สำเร็จ
และยิ่งระดับของโอสถเทพสูงมากเท่าไหร่ ก็มีขั้นตอนเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเท่านั้น
แต่เป็นธรรมดาว่า…
โอสถเทพระดับเทพอย่างโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งนั้น ได้ถูกพัฒนาปรับปรุงมามากมายหลายครั้งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของระนาบเทพ กระทั่งเทคนิคเฉพาะบางอย่างก็ลงรายละเอียดเอาไว้อย่างดี และผ่านการขัดเกลาปรับปรุงมาหลายครั้ง
เช่นนั้นแล้วขอเพียงเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับเทพทั่วไป ขอแค่ฝีมือไม่ต่ำต้อยเกินไปก็สามารถหลอมออกมาได้ทั้งนั้น
แต่เป็นธรรมดาว่า ถึงจะมีสูตรสำเร็จและเคล็ดลับบอกไว้โดยละเอียด มันก็เป็นดั่งทฤษฎีเท่านั้น การนำไปปฏิบัติจริงก็ถือว่าเป็นอีกเรื่อง…
เหมือนตอนนี้…
ความพยายามในการหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งครั้งแรกของต้วนหลิงเทียน กลับประสบความล้มเหลว
เพราะในกระบวนการหลอมขึ้นรูปโดยใช้กฏแห่งไม้นั้น ต้วนหลิงเทียนควบคุมพลังไม่ดีพอ ทำให้โอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ที่เริ่มก่อตัวแล้วถูกบีบอัดจนแหลก กลายเป็นเศษตะกอนสมุนไพรใช้การไม่ได้…
“ล้มเหลวหรือเนี่ย…”
มองดูเศษซากสมุนไพรที่บัดนี้ไหม้เกรียมเป็นขี้ตะกรันไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกผิดหวังนัก “ข้าสิ้นไร้พรสวรรค์ในด้านการหลอมโอสถแล้วหรือ…พอขึ้นมาระนาบเทพข้าก็ไม่เหมาะจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพแล้ว?”
หากปรมาจารย์หลอมโอสถเทพคนอื่นมาได้ยินเสียงบ่นโอดครวญของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ พวกมันคงต้องอยากแทงต้วนหลิงเทียนสักแผลแน่…
หลอมโอสถเทพครั้งแรก กลับเลือกโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโอสถเทพที่ดีที่สุดสำหรับขอบเขตเทพเช่นนี้ ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถหลอมมันได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ก็หาได้ยากยิ่ง!