ตอนที่ 3749 หายนะโอสถ โอสถเทพขั้นสุดยอด!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในความคิดของต้วนหลิงเทียน โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งนั้นมันเป็นแค่โอสถระดับเทพเท่านั้น แถมสูตรโอสถทั้ง 3 เม็ดไม่เว้นเคล็ดลับในการหลอมก็ถูกบันทึกไว้ในตำราหลอมโอสถของตระกูลหลิงหูอย่างละเอียดยิบ กล่าวได้ว่าเขียนขั้นตอนการรับมือจุดที่อาจจะส่งผลให้การหลอมโอสถล้มเหลวแทบทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับล้มเหลวเสียอย่างนั้น
  “ลองอีกที”
  “ยังดีที่มีสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดมากพอ”
  “แต่ถ้าครั้งนี้ยังล้มเหลวอีกล่ะก็ คงต้องพักเรื่องการหลอมโอสถเทพเอาไว้ก่อน…เพราะบางทีข้าอาจไม่เหมาะจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพจริงๆ”
  หลังพึมพำด้วยความไม่สบอารมณ์พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็เอาจริงเอาจังกว่าครั้งแรกมาก
  เขาทบทวนขั้นตอนการหลอมทั้งหมดในใจอีกรอบ เพื่อความแน่ใจ
  จนเมื่อไตร่ตรองว่าไม่ขาดตกพร่องอะไรแล้ว…
  ไม่นานเขาก็เริ่มหลอมโอสถอีกครั้ง!
  และเพราะความล้มเหลวครั้งแรกเป็นบทเรียน รอบนี้ต้วนหลิงเทียนจึงพิถีพิถันมาก
  จากนั้นกระบวนการหลอมโอสถก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถึงขั้นตอนการขึ้นรูปเม็ดยา
  โดยปกติแล้วโอสถระดับเทพนั้นหากขึ้นรูปเม็ดยาได้สำเร็จ แม้จะไม่ขัดเกลามันด้วยพลังชีวิตแต่ก็ใช้การได้แล้ว เนื่องเพราะปรมาจารย์หลอมโอสถระดับเทพ ปกติแล้วก็ยังไร้สามารถในการชักนำพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในมาขัดเกลาเม็ดยา
  ยิ่งไปกว่านั้นถึงจะไม่ได้ทำให้มันบริสุทธิ์ แต่โอสถระดับเทพก็มีโอกาสหลอมสำเร็จสูงพอสมควร ต่างจากโอสถเทพที่อยู่ในระดับจอมราชันเทพขึ้นไป หากไม่ชักนำพลังชีวิตมาขัดเกลาเสริมสร้างเกรงว่าไม่อาจหลอมให้แล้วเสร็จได้
  ‘ทำให้บริสุทธิ์ดีไหมนะ?’
  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ เขาคิดจะชักนำพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลกมาขัดเกลาเสริมสร้างโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ‘ในบันทึกกล่าวไว้ว่า ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถชักนำพลังชีวิตได้ไม่ผิดพลาด การหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งให้สำเร็จเรียกได้ว่า มีสิบส่วนเต็ม’
  ‘แต่ถ้าการขัดเกลาล้มเหลว โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ก็อาจเสียเปล่า’
  ‘ถ้าไม่คิดจะขัดเกลามันด้วยพลังชีวิตเลย โอกาสที่โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งจะหลอมสำเร็จก็ถือว่ามีราวๆ 6 ส่วนเท่านั้น…’
  ‘ตอนนี้ถ้าข้าจบกระบวนการขึ้นรูปเม็ดยาตอนนี้เลย ไม่ว่ามันจะกลายเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ใช้การได้หรือไม่ เหมือนจะขึ้นอยู่กับฟ้าอย่างเดียว…’
  ‘ลองดูแล้วกัน…’
  ไม่งายเลยที่ต้วนหลิงเทียนจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้โดยไร้ข้อผิดพลาดใดๆ เขาก็เลยไม่อยากให้โอกาสหลอมสำเร็จมันขึ้นอยู่กับฟ้า
  ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เหมือนคนอื่น…เขาไม่จำเป็นต้องสกัดพลังชีวิตที่ปะปนไปกับพลังวิญญาณฟ้าดินแต่อย่างไร
  เขาแค่ใช้พลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพเท่านั้น
  กล่าวให้ชัดก็คือ ชักนำพลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กภายในกายของเขาออกมาใช้โดยตรง
  และโลกใบเล็กภายในกายของเขานั้น เขาสามารถควบคุมทุกสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  เพียงห้วงคิดเดียวพลังชีวิตมหาศาลที่ควบแน่นเป็นกลุ่มก้อนก็ถูกเขาชักนำออกมา จากนั้นเขาก็ถ่ายมันลงสู่เตาหลอมโอสถเทพเบื้องหน้าทันที
  ทว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งจะจ่ายพลังชีวิตลงไปครู่หนึ่งก็จำต้องหยุดลง เพราะมันมากเกินพอแล้ว
  กระทั่งเขายังพบว่าพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่งของที่ชักนำออกมา ก็มากจนโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งของเขาไม่อาจรับได้ไหวสืบไป
  หากมีปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันหรือสูงกว่านั้น มาเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับสกัดพลังชีวิตได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ พวกมันต้องตกตะลึงตาตั้งแน่
  และถ้าพวกมันมาเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับอัดพลังชีวิตมากมายขนาดนี้ลงไปในเตาเพื่อหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง พวกมันต้องโร่มาทุบตีต้วนหลิงเทียนทั้งก่นด่าว่า ‘สิ้นเปลืองมารดามันเกินไปแล้ว’ แน่นอน
  ต้องทราบด้วยว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันที่เก่งกาจที่สุด แต่พลังชีวิตที่สกัดออกมาจากพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น งไม่อาจเทียบได้กับ 1 ใน 10 ที่ต้วนหลิงเทียนชักนำออกมาตอนนี้ด้วยซ้ำ
  สิ้นเปลือง!
  ฟุ่มเฟือยเกินไป!!
  แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันย่อมไม่ทราบ
  เขารู้แค่ว่าตอนนี้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งของเขากำลังจะควบแน่นก่อตัว และมันต้องกลายเป็นเม็ดยาได้แน่นอน วินาทีนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องมันจะล้มเหลวอีกต่อไป
  “เสร็จเสียที!”
  หลังแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็ตบลงบนเตาหลอมโอสถเทพเบาๆ จากนั้นช่องจ่ายยาก็เปิดออก ก่อนที่เม็ดยาทั้ง 3 จะพุ่งทะยานออกมาฉับไวราวสายฟ้า
  ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมแต่แรก ก็สะบัดมือใช้พลังไร้สภาพดักจับเม็ดยาทั้ง 3 ไว้ทันที
  แสงสว่างที่สาดส่องออกมาเรืองๆทั่วเม็ดยาทั้ง 3 มันเหมือนกับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมาไม่มีผิด เพียงแค่กลิ่นโอสถทั้ง 3 เม็ดที่เขาหลอมได้ตอนนี้ มันหอมจรุงกว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาประมูลได้มาที่เมืองวายุสวรรค์มากมายนัก
  นอกจากนั้นเพียงมองก็เห้นได้ชัดว่าเม็ดยาแต่ละเม็ดกลับมีรังสีพลังที่แลดูศักดิ์สิทธิ์ห้อมล้อมอู่
  “หืม? มีตัวอักษรอะไรด้วย?
  ไม่นานต้วนหลิงเทียนที่สายตาแหลมคม ก็เห็นได้ชัดเจนว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาหลอมเสร็จ มันมีอักขระโบราณปรากฏขึ้นอ่างอัศจรรย์
  และต้วนหลิงเทียนถึงแม้จะขึ้นมายังระนาบเทพได้ไม่นาน ก็พอจะจดจำอักขระดังกล่าวได้
  “เจี๋ย อี๋ ปิ่ง”
  อักขระบนเม็ดยานั้น มันเป็นตัวอักษรโบราณที่บอกชื่อโอสถ!
  “ลายโอสถ!?”
  “ไม่ใช่ว่า…ลายโอสถมันจะปรากฏขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อหลอมโอสถสำเร็จถึงขั้นสุดยอดหรือไร?”
  “ข้าหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งสำเร็จครั้งแรก กลับปรากฏลายโอสถเลยหรือ มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า?”
  ขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ ทันใดนั้นอยู่ๆก็ปรากฏเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหนือจวนตระกูลหลิงหู
  “ท่านพ่อบ้าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
  ในเวลาเดียวกัน บริเวณลานด้านหน้าของบ้านต้วนหลิงเทียน สาวใช้หลายคนที่จับกลุ่มคุยกัน เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนฟ้า พวกนางก็อดหันไปถามหวางฟู่ที่ถือจอกชาค้างไว้ ด้วยสายตาเหรอหรา
  หวางฟู่ที่เหม่อมองเมฆดำบนฟ้าอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงเช่นกัน “นี่มัน…ไฉนเหมือนหายนะสวรรค์เลยเล่า?”
  “แต่…พวกเราที่นี่ก็ไม่มีผู้ใด ที่ต้องเผชิญกับหายนะสวรรค์นี่นา”
  “พวกเจ้าไม่ใช้แม้แต่ราชาเทพด้วยซ้ำ…แถมตัวข้าเองก็พึ่งจะผ่านหายนะสวรรค์มาเมื่อ 300 ปีก่อน”
  “หายนะสวรรค์ของนายน้อยเองก็สมควรผ่านไปได้สักพักแล้ว”
  ในขณะที่หวางฟู่กำลังอื้ออึงไม่เข้าใจเรื่องราว ก็ปรากฏเสียงหวีดหวิว 3 สำเนียง ก่อนเห็นวัตถุ 3 ชิ้นแหวกสายลมออกมาจากภายในบ้านปานภูตผี
  “ลุงฟู่ ท่านดูนั่นเร็ว นั่นมันอะไรกัน?”
  “ดูเหมือนมันจะบินออกมาจากห้องของนายน้อยเรานะ?”
  …
  สาวใช้ทั้งหลายพากันเอ่ยกับหวางฟู่เสียงแจ้ว
  และก่อนที่หวางฟู่จะทันได้ตอบคำ ก็บังเกิดเสียงดังปัง ก่อนจะปรากฏร่างหนึ่งพุ่งออกจากประตูและเหินร่างขึ้นฟ้าตามไปเช่นกัน
  “นายน้อย?”
  เมื่อเห็นร่างที่เหาะขึ้นฟ้าไป หวางฟู่ก็เร่งรุดเหาะตามขึ้นไปทักทายทันที และสัญชาตญาณของมันบอกว่า ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นไม่อาจแยกจากชายหนุ่มผู้นี้ได้
  ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
  …
  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้กับปรากฏร่างกลุ่มคนแห่กันมาจากทุกทั่วสารทิศ
  และคนเหล่านี้ไม่ว่าผู้ใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลหลิงหูทั้งหมด
  “สถานการณ์เป็นเช่นไร?”
  “เรือนหลังนั้น เหมือนจะเป็นบ้านพักของต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูเราใช่หรือไม่?”
  “ว่าแต่อาคันตุกะแซ่ต้วนผู้นั้น มิใช่ว่าเป็นราชาเทพขั้นต่ำได้สักพักแล้วหรือไร หายนะครั้งแรกก็สมควรผ่านไปแล้ว…หรือจะเป็นผู้ใดในบ้านทะลวงถึงราชาเทพ? ใช่พ่อบ้านหรือไม่?”
  “ไม่น่าใช่ ข้ารู้จักพ่อบ้านของอาคันตุกะต้วน มันพึ่งผ่านหายนะไปเมื่อ 300 ปีก่อน”
  “แปลกยิ่ง…”
  …
  ไม่นานนักร่างที่แห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศก็มารวมตัวกันบริเวณน่านฟ้าใกล้ๆบ้านต้วนหลิงเทียน
  เพราะหากพวกมันไม่ได้รับอนุญาตจากต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่กล้าล่วงล้ำน่านฟ้าบ้านต้วนหลิงเทียนโดยพลการ
  จึงมาหยุดมองกันอยู่ห่างๆ
  “ท่านผู้นำ!”
  “ท่านผู้นำ!”
  “ผู้นำตระกูล!”
  …
  ในขณะที่ผู้คนทยอยกันมาหยุดมุงชมเรื่องราว ก็ปรากฏร่างหนึ่งเหินลัดฟ้ามาฉับไว ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือหลิงหูเหรินเจี๋ยผู้นำตระกูลหลิงหู
  และด้านหลังหลิงหูเหรินเจี๋ยก็มีชายชราผมสีดอกเลาติดตามมาด้วย และตอนนี้สองตาอีกฝ่ายมันเปล่งประกายเจิดจ้า แถมจ้องไปยังเมฆทะมึนที่กำลังก่อตัวเหนือบ้านพักต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
  เมฆทะมึนที่กำลังก่อตัวอยู่นั้น อัสนีที่แล่นวาบแปลบปลาบออกมา ไม่ใช่สีม่วงแต่อย่างใด…แต่มันกลับเป็นสีน้ำตาลแดงวึ่งแลดูแปลกตาไม่น้อย
  “ท่านผู้เฒ่าหลิน เมฆหายนะนี่…ดูเหมือนจักผิดแปลกไป ไม่คล้ายเมฆหายนะของราชาเทพเลย”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยมองเมฆดำบนฟ้าครู่หนึ่ง ค่อยหันมากล่าวถามชายชราด้านหลัง
  “ท่านผู้นำ นี่มิใช่หายนะของผู้คน แต่เป็นหายนะของโอสถ!”
  ชายชราที่อยู่เบื้องหลังหลิงหูเหรินเจี๋ย พอได้ยินคำถามของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็กล่าวแก้คำออกมาก่อน จากนั้นก็กล่าวออกเสียงขรึมว่า “นี่คือหายนะโอสถที่เกิดจากโอสถเทพขั้นสุดยอด!”
  โอสถเทพขั้นสุดยอด!
  พอชายชรากล่าวออกมาเช่นนี้ ลมหายใจของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ขาดห้วงทันที “โอสถเทพขั้นสุดยอด!”
  ถึงแม้มันจะไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ แต่มันก็รู้ดีว่า ‘โอสถเทพขั้นสุดยอด’ คืออะไร นี่หมายถึงโอสถเทพที่บรรลุถึงขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะระดับอะไรก็แล้วแต่
  โอสถเทพนั้น แม้จะเป็นโอสถชนิดเดียวกัน แต่ปรมาจารย์โอสถเทพแต่ละคนก็ใช่ว่าจะหลอมออกมาได้เหมือนกัน งมีแบ่งแยกสูงต่ำได้อีก
  และโอสถเทพไม่ว่าระดับใดก็ตาม มันมีขั้นสุดยอดดำรงอยู่
  เมื่อบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว หมายความว่ามันไม่อาจดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
  และโอสถเทพเช่นนั้น ก็ถูกเรียกหาว่าโอสถเทพขั้นสุดยอด
  ครืนนน!!
  เปรี๊ยงงง!!
  …
  และในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังตกตะลึงนั้นเอง ฟ้าก็ร้องสนั่นเสียงดังลั่น จากนั้นก็ปรากฏเส้นสายอัสนีฟาดผ่าลงมาอย่างน่ากลัว สายฟ้าขนาดเท่าแขนเด็กทารก 3 สายได้ฟาดผ่าลงไปยังจุด 3 จุดที่ลอยอยยู่กลางอากาศ
  ครู่ต่อมาก็อุบัติแสงสว่างวาบขึ้นเหนือจุดเล็กๆทั้ง 3 จุดที่ว่า จากนั้นสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาก็เหมือนจะถูกจุดทั้ง 3 ดูดกลืนไปจนหมด
  จากนั้นไม่ทันไรเส้นสายอัสนีชุดที่ 2 ก็ฟาดผ่าลงมา และยังหนากว่าชุดแรกอีกด้วย
  อย่างไรก็ตาม จุดเล็กๆทั้ง 3 ยังคงดูดกลืนสายฟ้าอยู่
  ขณะเดียวกัน เมฆหายนะเบื้องบนก็เริ่มสลายตัวช้าๆ และไม่นานนักฟ้าที่เคยวิปริตก็หวนคืนสู่ความสงบ
  “เป็นหายนะโอสถ!!”
  “สวรรค์! นี่น่ะหรือหายนะโอสถในตำนาน ที่จะเกิดขึ้นกับโอสถขั้นสุดยอด!!”
  “หายนะโอสถครั้งนี้ปรากฏอัสนีฟาดลง 2 ครั้ง…มันเป็นหายนะของโอสถเทพระดับเทพขั้นสุดยอด!”
  “จุด 3 จุดเล็กๆนั่น ดูเหมือนจะเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดใช่หรือไม่?”
  …
  ท่ามกลางกลุ่มคนของตระกูลหลิงหูที่มาชมดูเรื่องราวก็มีผู้ที่รอบรู้มากมาย และพอพวกมันได้สติกลับมา ก็เห็นว่าโอสถเทพทั้ง 3 ได้ลอยไปตกลงบนมือชายหนุ่มชุดม่วงไกลๆ
  โอสถเทพขั้นสุดยอด!
  ในอดีตพวกมันก็เคยแต่ได้ยินเท่านั้น ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
  “ต้วนหลิงเทียน”
  ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเก็บโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งกลับมา พอได้ยินเสียงคุ้นๆดังขึ้นในหู เขาก็หันไปมองตามต้นเสียงทันที และเพียงมองปราดเดียวก็พบเห็นหลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังย่ำฟ้าเข้ามาหาเขาพร้อมชายชราคนหนึ่ง
  “ผู้นำตระกูล”
  หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวทักทายหลิงหูเหรินเจี๋ย เขาก็เหลือบไปเห็นว่าตอนนี้รอบๆน่านฟ้าบ้านเขากลับมีผู้คนมาลอร่างกันเต็มไปหมด จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
  เขาพึ่งจะตระหนักได้ว่ามีคนอยู่กันมากมาย
  ก่อนหน้าเขาเอาแต่สนใจโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ที่ชักนำหายนะโอสถลงมาอย่างเหนือคาดคิด และกลัวว่าโอสถเทพทั้ง 3 ที่เขาพึ่งจะหลอมกลั่นได่สำเร็จจะสลายไป
  โอสถเทพขั้นสุดยอดนั้น หากมันไม่อาจรอดจากหายนะโอสถได้ มันก็จะเสียหายเพราะหายนะโอสถทันที กล่าวได้ว่าเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่ไม่สมบูรณ์
  มีเพียงแต่โอสถเทพขั้นสุดยอดที่รอดพ้นหายนะโอสถมาได้เท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่แท้จริง!
  แต่เป็นธรรมดาว่าถึงจะเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่ไม่สมบูรณ์เพราะถูกหายนะโอสถทำให้เสียหาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้
  “ต้วนหลิงเทียน เป็นผู้อาวุโสท่านใดที่พึ่งกลันโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เจ้าพึ่งเก็บไป?”
  นี่คือประโยคแรกที่หิงหูเหรินเจี๋ยเอ่ยถามหลังเข้ามาใกล้ เพราะมันอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ ขณะเดียวกันก็เริ่มหันรีหันขวางหมายหาตัวปรมาจารย์โอสถปริศนา
  กับตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนั้น มันย่อมไม่กล้าคาดหวังให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ในตระกูลหลิงหู เพียงแค่ได้ทำความรู้จักก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว กล่าวได้ว่าหากสานไมตรีกับตัวตนระดับนี้ได้ก็เสมือนเป็นพรที่สั่งสมมา 8 ชาติ!