ในความคิดของต้วนหลิงเทียน โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งนั้นมันเป็นแค่โอสถระดับเทพเท่านั้น แถมสูตรโอสถทั้ง 3 เม็ดไม่เว้นเคล็ดลับในการหลอมก็ถูกบันทึกไว้ในตำราหลอมโอสถของตระกูลหลิงหูอย่างละเอียดยิบ กล่าวได้ว่าเขียนขั้นตอนการรับมือจุดที่อาจจะส่งผลให้การหลอมโอสถล้มเหลวแทบทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับล้มเหลวเสียอย่างนั้น
“ลองอีกที”
“ยังดีที่มีสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดมากพอ”
“แต่ถ้าครั้งนี้ยังล้มเหลวอีกล่ะก็ คงต้องพักเรื่องการหลอมโอสถเทพเอาไว้ก่อน…เพราะบางทีข้าอาจไม่เหมาะจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพจริงๆ”
หลังพึมพำด้วยความไม่สบอารมณ์พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็เอาจริงเอาจังกว่าครั้งแรกมาก
เขาทบทวนขั้นตอนการหลอมทั้งหมดในใจอีกรอบ เพื่อความแน่ใจ
จนเมื่อไตร่ตรองว่าไม่ขาดตกพร่องอะไรแล้ว…
ไม่นานเขาก็เริ่มหลอมโอสถอีกครั้ง!
และเพราะความล้มเหลวครั้งแรกเป็นบทเรียน รอบนี้ต้วนหลิงเทียนจึงพิถีพิถันมาก
จากนั้นกระบวนการหลอมโอสถก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถึงขั้นตอนการขึ้นรูปเม็ดยา
โดยปกติแล้วโอสถระดับเทพนั้นหากขึ้นรูปเม็ดยาได้สำเร็จ แม้จะไม่ขัดเกลามันด้วยพลังชีวิตแต่ก็ใช้การได้แล้ว เนื่องเพราะปรมาจารย์หลอมโอสถระดับเทพ ปกติแล้วก็ยังไร้สามารถในการชักนำพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในมาขัดเกลาเม็ดยา
ยิ่งไปกว่านั้นถึงจะไม่ได้ทำให้มันบริสุทธิ์ แต่โอสถระดับเทพก็มีโอกาสหลอมสำเร็จสูงพอสมควร ต่างจากโอสถเทพที่อยู่ในระดับจอมราชันเทพขึ้นไป หากไม่ชักนำพลังชีวิตมาขัดเกลาเสริมสร้างเกรงว่าไม่อาจหลอมให้แล้วเสร็จได้
‘ทำให้บริสุทธิ์ดีไหมนะ?’
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ เขาคิดจะชักนำพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลกมาขัดเกลาเสริมสร้างโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ‘ในบันทึกกล่าวไว้ว่า ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถชักนำพลังชีวิตได้ไม่ผิดพลาด การหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งให้สำเร็จเรียกได้ว่า มีสิบส่วนเต็ม’
‘แต่ถ้าการขัดเกลาล้มเหลว โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ก็อาจเสียเปล่า’
‘ถ้าไม่คิดจะขัดเกลามันด้วยพลังชีวิตเลย โอกาสที่โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งจะหลอมสำเร็จก็ถือว่ามีราวๆ 6 ส่วนเท่านั้น…’
‘ตอนนี้ถ้าข้าจบกระบวนการขึ้นรูปเม็ดยาตอนนี้เลย ไม่ว่ามันจะกลายเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ใช้การได้หรือไม่ เหมือนจะขึ้นอยู่กับฟ้าอย่างเดียว…’
‘ลองดูแล้วกัน…’
ไม่งายเลยที่ต้วนหลิงเทียนจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้โดยไร้ข้อผิดพลาดใดๆ เขาก็เลยไม่อยากให้โอกาสหลอมสำเร็จมันขึ้นอยู่กับฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เหมือนคนอื่น…เขาไม่จำเป็นต้องสกัดพลังชีวิตที่ปะปนไปกับพลังวิญญาณฟ้าดินแต่อย่างไร
เขาแค่ใช้พลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพเท่านั้น
กล่าวให้ชัดก็คือ ชักนำพลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กภายในกายของเขาออกมาใช้โดยตรง
และโลกใบเล็กภายในกายของเขานั้น เขาสามารถควบคุมทุกสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เพียงห้วงคิดเดียวพลังชีวิตมหาศาลที่ควบแน่นเป็นกลุ่มก้อนก็ถูกเขาชักนำออกมา จากนั้นเขาก็ถ่ายมันลงสู่เตาหลอมโอสถเทพเบื้องหน้าทันที
ทว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งจะจ่ายพลังชีวิตลงไปครู่หนึ่งก็จำต้องหยุดลง เพราะมันมากเกินพอแล้ว
กระทั่งเขายังพบว่าพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่งของที่ชักนำออกมา ก็มากจนโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งของเขาไม่อาจรับได้ไหวสืบไป
หากมีปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันหรือสูงกว่านั้น มาเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับสกัดพลังชีวิตได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ พวกมันต้องตกตะลึงตาตั้งแน่
และถ้าพวกมันมาเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับอัดพลังชีวิตมากมายขนาดนี้ลงไปในเตาเพื่อหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง พวกมันต้องโร่มาทุบตีต้วนหลิงเทียนทั้งก่นด่าว่า ‘สิ้นเปลืองมารดามันเกินไปแล้ว’ แน่นอน
ต้องทราบด้วยว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันที่เก่งกาจที่สุด แต่พลังชีวิตที่สกัดออกมาจากพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น งไม่อาจเทียบได้กับ 1 ใน 10 ที่ต้วนหลิงเทียนชักนำออกมาตอนนี้ด้วยซ้ำ
สิ้นเปลือง!
ฟุ่มเฟือยเกินไป!!
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันย่อมไม่ทราบ
เขารู้แค่ว่าตอนนี้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งของเขากำลังจะควบแน่นก่อตัว และมันต้องกลายเป็นเม็ดยาได้แน่นอน วินาทีนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องมันจะล้มเหลวอีกต่อไป
“เสร็จเสียที!”
หลังแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็ตบลงบนเตาหลอมโอสถเทพเบาๆ จากนั้นช่องจ่ายยาก็เปิดออก ก่อนที่เม็ดยาทั้ง 3 จะพุ่งทะยานออกมาฉับไวราวสายฟ้า
ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมแต่แรก ก็สะบัดมือใช้พลังไร้สภาพดักจับเม็ดยาทั้ง 3 ไว้ทันที
แสงสว่างที่สาดส่องออกมาเรืองๆทั่วเม็ดยาทั้ง 3 มันเหมือนกับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมาไม่มีผิด เพียงแค่กลิ่นโอสถทั้ง 3 เม็ดที่เขาหลอมได้ตอนนี้ มันหอมจรุงกว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาประมูลได้มาที่เมืองวายุสวรรค์มากมายนัก
นอกจากนั้นเพียงมองก็เห้นได้ชัดว่าเม็ดยาแต่ละเม็ดกลับมีรังสีพลังที่แลดูศักดิ์สิทธิ์ห้อมล้อมอู่
“หืม? มีตัวอักษรอะไรด้วย?
ไม่นานต้วนหลิงเทียนที่สายตาแหลมคม ก็เห็นได้ชัดเจนว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาหลอมเสร็จ มันมีอักขระโบราณปรากฏขึ้นอ่างอัศจรรย์
และต้วนหลิงเทียนถึงแม้จะขึ้นมายังระนาบเทพได้ไม่นาน ก็พอจะจดจำอักขระดังกล่าวได้
“เจี๋ย อี๋ ปิ่ง”
อักขระบนเม็ดยานั้น มันเป็นตัวอักษรโบราณที่บอกชื่อโอสถ!
“ลายโอสถ!?”
“ไม่ใช่ว่า…ลายโอสถมันจะปรากฏขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อหลอมโอสถสำเร็จถึงขั้นสุดยอดหรือไร?”
“ข้าหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งสำเร็จครั้งแรก กลับปรากฏลายโอสถเลยหรือ มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า?”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ ทันใดนั้นอยู่ๆก็ปรากฏเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหนือจวนตระกูลหลิงหู
“ท่านพ่อบ้าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ในเวลาเดียวกัน บริเวณลานด้านหน้าของบ้านต้วนหลิงเทียน สาวใช้หลายคนที่จับกลุ่มคุยกัน เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนฟ้า พวกนางก็อดหันไปถามหวางฟู่ที่ถือจอกชาค้างไว้ ด้วยสายตาเหรอหรา
หวางฟู่ที่เหม่อมองเมฆดำบนฟ้าอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงเช่นกัน “นี่มัน…ไฉนเหมือนหายนะสวรรค์เลยเล่า?”
“แต่…พวกเราที่นี่ก็ไม่มีผู้ใด ที่ต้องเผชิญกับหายนะสวรรค์นี่นา”
“พวกเจ้าไม่ใช้แม้แต่ราชาเทพด้วยซ้ำ…แถมตัวข้าเองก็พึ่งจะผ่านหายนะสวรรค์มาเมื่อ 300 ปีก่อน”
“หายนะสวรรค์ของนายน้อยเองก็สมควรผ่านไปได้สักพักแล้ว”
ในขณะที่หวางฟู่กำลังอื้ออึงไม่เข้าใจเรื่องราว ก็ปรากฏเสียงหวีดหวิว 3 สำเนียง ก่อนเห็นวัตถุ 3 ชิ้นแหวกสายลมออกมาจากภายในบ้านปานภูตผี
“ลุงฟู่ ท่านดูนั่นเร็ว นั่นมันอะไรกัน?”
“ดูเหมือนมันจะบินออกมาจากห้องของนายน้อยเรานะ?”
…
สาวใช้ทั้งหลายพากันเอ่ยกับหวางฟู่เสียงแจ้ว
และก่อนที่หวางฟู่จะทันได้ตอบคำ ก็บังเกิดเสียงดังปัง ก่อนจะปรากฏร่างหนึ่งพุ่งออกจากประตูและเหินร่างขึ้นฟ้าตามไปเช่นกัน
“นายน้อย?”
เมื่อเห็นร่างที่เหาะขึ้นฟ้าไป หวางฟู่ก็เร่งรุดเหาะตามขึ้นไปทักทายทันที และสัญชาตญาณของมันบอกว่า ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นไม่อาจแยกจากชายหนุ่มผู้นี้ได้
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้กับปรากฏร่างกลุ่มคนแห่กันมาจากทุกทั่วสารทิศ
และคนเหล่านี้ไม่ว่าผู้ใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลหลิงหูทั้งหมด
“สถานการณ์เป็นเช่นไร?”
“เรือนหลังนั้น เหมือนจะเป็นบ้านพักของต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูเราใช่หรือไม่?”
“ว่าแต่อาคันตุกะแซ่ต้วนผู้นั้น มิใช่ว่าเป็นราชาเทพขั้นต่ำได้สักพักแล้วหรือไร หายนะครั้งแรกก็สมควรผ่านไปแล้ว…หรือจะเป็นผู้ใดในบ้านทะลวงถึงราชาเทพ? ใช่พ่อบ้านหรือไม่?”
“ไม่น่าใช่ ข้ารู้จักพ่อบ้านของอาคันตุกะต้วน มันพึ่งผ่านหายนะไปเมื่อ 300 ปีก่อน”
“แปลกยิ่ง…”
…
ไม่นานนักร่างที่แห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศก็มารวมตัวกันบริเวณน่านฟ้าใกล้ๆบ้านต้วนหลิงเทียน
เพราะหากพวกมันไม่ได้รับอนุญาตจากต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่กล้าล่วงล้ำน่านฟ้าบ้านต้วนหลิงเทียนโดยพลการ
จึงมาหยุดมองกันอยู่ห่างๆ
“ท่านผู้นำ!”
“ท่านผู้นำ!”
“ผู้นำตระกูล!”
…
ในขณะที่ผู้คนทยอยกันมาหยุดมุงชมเรื่องราว ก็ปรากฏร่างหนึ่งเหินลัดฟ้ามาฉับไว ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือหลิงหูเหรินเจี๋ยผู้นำตระกูลหลิงหู
และด้านหลังหลิงหูเหรินเจี๋ยก็มีชายชราผมสีดอกเลาติดตามมาด้วย และตอนนี้สองตาอีกฝ่ายมันเปล่งประกายเจิดจ้า แถมจ้องไปยังเมฆทะมึนที่กำลังก่อตัวเหนือบ้านพักต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
เมฆทะมึนที่กำลังก่อตัวอยู่นั้น อัสนีที่แล่นวาบแปลบปลาบออกมา ไม่ใช่สีม่วงแต่อย่างใด…แต่มันกลับเป็นสีน้ำตาลแดงวึ่งแลดูแปลกตาไม่น้อย
“ท่านผู้เฒ่าหลิน เมฆหายนะนี่…ดูเหมือนจักผิดแปลกไป ไม่คล้ายเมฆหายนะของราชาเทพเลย”
หลิงหูเหรินเจี๋ยมองเมฆดำบนฟ้าครู่หนึ่ง ค่อยหันมากล่าวถามชายชราด้านหลัง
“ท่านผู้นำ นี่มิใช่หายนะของผู้คน แต่เป็นหายนะของโอสถ!”
ชายชราที่อยู่เบื้องหลังหลิงหูเหรินเจี๋ย พอได้ยินคำถามของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็กล่าวแก้คำออกมาก่อน จากนั้นก็กล่าวออกเสียงขรึมว่า “นี่คือหายนะโอสถที่เกิดจากโอสถเทพขั้นสุดยอด!”
โอสถเทพขั้นสุดยอด!
พอชายชรากล่าวออกมาเช่นนี้ ลมหายใจของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ขาดห้วงทันที “โอสถเทพขั้นสุดยอด!”
ถึงแม้มันจะไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ แต่มันก็รู้ดีว่า ‘โอสถเทพขั้นสุดยอด’ คืออะไร นี่หมายถึงโอสถเทพที่บรรลุถึงขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะระดับอะไรก็แล้วแต่
โอสถเทพนั้น แม้จะเป็นโอสถชนิดเดียวกัน แต่ปรมาจารย์โอสถเทพแต่ละคนก็ใช่ว่าจะหลอมออกมาได้เหมือนกัน งมีแบ่งแยกสูงต่ำได้อีก
และโอสถเทพไม่ว่าระดับใดก็ตาม มันมีขั้นสุดยอดดำรงอยู่
เมื่อบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว หมายความว่ามันไม่อาจดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
และโอสถเทพเช่นนั้น ก็ถูกเรียกหาว่าโอสถเทพขั้นสุดยอด
ครืนนน!!
เปรี๊ยงงง!!
…
และในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังตกตะลึงนั้นเอง ฟ้าก็ร้องสนั่นเสียงดังลั่น จากนั้นก็ปรากฏเส้นสายอัสนีฟาดผ่าลงมาอย่างน่ากลัว สายฟ้าขนาดเท่าแขนเด็กทารก 3 สายได้ฟาดผ่าลงไปยังจุด 3 จุดที่ลอยอยยู่กลางอากาศ
ครู่ต่อมาก็อุบัติแสงสว่างวาบขึ้นเหนือจุดเล็กๆทั้ง 3 จุดที่ว่า จากนั้นสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาก็เหมือนจะถูกจุดทั้ง 3 ดูดกลืนไปจนหมด
จากนั้นไม่ทันไรเส้นสายอัสนีชุดที่ 2 ก็ฟาดผ่าลงมา และยังหนากว่าชุดแรกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จุดเล็กๆทั้ง 3 ยังคงดูดกลืนสายฟ้าอยู่
ขณะเดียวกัน เมฆหายนะเบื้องบนก็เริ่มสลายตัวช้าๆ และไม่นานนักฟ้าที่เคยวิปริตก็หวนคืนสู่ความสงบ
“เป็นหายนะโอสถ!!”
“สวรรค์! นี่น่ะหรือหายนะโอสถในตำนาน ที่จะเกิดขึ้นกับโอสถขั้นสุดยอด!!”
“หายนะโอสถครั้งนี้ปรากฏอัสนีฟาดลง 2 ครั้ง…มันเป็นหายนะของโอสถเทพระดับเทพขั้นสุดยอด!”
“จุด 3 จุดเล็กๆนั่น ดูเหมือนจะเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดใช่หรือไม่?”
…
ท่ามกลางกลุ่มคนของตระกูลหลิงหูที่มาชมดูเรื่องราวก็มีผู้ที่รอบรู้มากมาย และพอพวกมันได้สติกลับมา ก็เห็นว่าโอสถเทพทั้ง 3 ได้ลอยไปตกลงบนมือชายหนุ่มชุดม่วงไกลๆ
โอสถเทพขั้นสุดยอด!
ในอดีตพวกมันก็เคยแต่ได้ยินเท่านั้น ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเก็บโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งกลับมา พอได้ยินเสียงคุ้นๆดังขึ้นในหู เขาก็หันไปมองตามต้นเสียงทันที และเพียงมองปราดเดียวก็พบเห็นหลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังย่ำฟ้าเข้ามาหาเขาพร้อมชายชราคนหนึ่ง
“ผู้นำตระกูล”
หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวทักทายหลิงหูเหรินเจี๋ย เขาก็เหลือบไปเห็นว่าตอนนี้รอบๆน่านฟ้าบ้านเขากลับมีผู้คนมาลอร่างกันเต็มไปหมด จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
เขาพึ่งจะตระหนักได้ว่ามีคนอยู่กันมากมาย
ก่อนหน้าเขาเอาแต่สนใจโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ที่ชักนำหายนะโอสถลงมาอย่างเหนือคาดคิด และกลัวว่าโอสถเทพทั้ง 3 ที่เขาพึ่งจะหลอมกลั่นได่สำเร็จจะสลายไป
โอสถเทพขั้นสุดยอดนั้น หากมันไม่อาจรอดจากหายนะโอสถได้ มันก็จะเสียหายเพราะหายนะโอสถทันที กล่าวได้ว่าเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่ไม่สมบูรณ์
มีเพียงแต่โอสถเทพขั้นสุดยอดที่รอดพ้นหายนะโอสถมาได้เท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่แท้จริง!
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงจะเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดที่ไม่สมบูรณ์เพราะถูกหายนะโอสถทำให้เสียหาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้
“ต้วนหลิงเทียน เป็นผู้อาวุโสท่านใดที่พึ่งกลันโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เจ้าพึ่งเก็บไป?”
นี่คือประโยคแรกที่หิงหูเหรินเจี๋ยเอ่ยถามหลังเข้ามาใกล้ เพราะมันอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ ขณะเดียวกันก็เริ่มหันรีหันขวางหมายหาตัวปรมาจารย์โอสถปริศนา
กับตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนั้น มันย่อมไม่กล้าคาดหวังให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ในตระกูลหลิงหู เพียงแค่ได้ทำความรู้จักก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว กล่าวได้ว่าหากสานไมตรีกับตัวตนระดับนี้ได้ก็เสมือนเป็นพรที่สั่งสมมา 8 ชาติ!