โอสถเทพขั้นสุดยอด แม้จะเป็นแค่โอสถเทพระดับเทพ แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่ไม่สามารถสกัดพลังชีวิตจากพลังวิญญาณฟ้าดินจะหลอมขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถสกัดพลังชีวิตได้อย่างชำนาญ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดออกมาได้ ถึงแม้จะเป็นแค่โอสถเทพระดับเทพก็ตามที
กล่าวได้ว่ามีเพียงปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถสกัดพลังชีวิตมาขัดเกลาโอสถได้มากถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดออกมาได้
สำหรับโอสถเทพขั้นสุดยอดที่มีระดับสูงกว่านั้น ก็ต้องใช้พลังชีวิตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดระดับเทพ แต่โดยปกติแล้วผู้ที่จะหลอมมันขึ้นมาได้ ก็ต้องเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชัน ยังต้องเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันระดับต้นๆอีกด้วย
ตัวตนดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่ตระกูลหลิงหูหรือขุมกำลังระดับจอมราชันเทพไหนๆจะรั้งไว้ได้ เพราะต่อให้เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิ ตัวตนเช่นนี้ก็ถือเป็นอาคันตุกะทรงเกียรติ
“อาวุโสไหน?”
ได้ยินคำถามของหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็งงไปสักพัก
“ก็โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 ที่เจ้าพึ่งเก็บไป…อาวุโสท่านใดเป็นผู้หลอมมันหรือ?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยก็อึ้งไปไม่น้อย เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนทำท่าราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่มันถาม ก็เลยกล่าวถามออกมาอย่างละเอียด
“ท่านหมายถึงโอสถเทพ 3 เม็ดนี่น่ะหรือ?”
พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำถามชัดๆ เขาก็นำโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่พึ่งเก็บไปออกมาจากแหวนพื้นที่ และหลังจากมันผ่านหายนะโอสถมาแล้ว เม็ดยาทั้ง 3 ก็เหมือนจะมี อัสนีสีน้ำตาลแดงเส้นใหญ่แล่นวาบแปลบปลาบไปทั่ว
ยิ่งไปกว่านั้นลวดลายบนตัวเม็ดยาเอง ก็ราวกับจะมีอัสนีสีน้ำตาลแดงอัดแน่นไหลเวียนอยู่ ไม่เหมือนกับเม็ดยาทั่วไป
“มิผิด”
หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้า ก่อนจะกล่าวสืบต่อว่า “โดยปกติแล้วโอสถเทพขั้นสุดยอด เมื่อหลอมออกมาได้มันจะชักนำหายนะโอสถทันที”
“ก่อนหน้านี้มิใช่เจ้าบอกว่าอยากเรียนรู้การหลอมโอสถเทพ ก็เลยเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏเพื่อทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิตกับกฏแห่งไม้หรือไร?”
“หลังจากเจ้าออกมาวันนี้ ไม่พ้นไปหาผู้อาวุโสที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเพื่อสอนเจ้ากระมัง?”
“เช่นนั้นผู้อาวุโสท่านนั้นอยู่ที่ใดแล้วเล่า?”
กล่าวถามถึงประโยคท้าย น้ำเสียงของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ฟังดูรีบร้อนไม่น้อย
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้ออกจากห้องลับแห่งกฏมาวันนี้ มันก็ได้รับแจ้งจากอาวุโส 4 แต่แรก
“ไม่มีผู้อาวุโสที่ไหนหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นก็เหลือบมองไปยังเม็ดยาทั้ง 3 ในมือ “โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดนี่ ข้าหลอมมันขึ้นมาเอง”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคนี้ออกมา หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ถึงกับตะลึงไปทันที ด้านชายชราที่แลดูกระตือรือร้นก็อึ้งไปไม่ต่าง
กระทั่งตัวหวางฟู่เอง หลังได้เห็นหายนะโอสถของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 จิตใต้สำนึกของมันก็บอกว่ามีผู้อาวุโสบางท่านเป็นผู้หลอม
แต่ทว่าตอนนี้หลังจากฟังนายน้อยมันพูดแล้ว มันก็จดจำได้ว่าหลังจากพานายน้อยกลับมาจากห้องลับแห่งกฏ อีกฝ่ายก็อยู่ในบ้านตลอด และถ้ามีใครเข้าออกมันจะไม่รู้ได้อย่างไร…
และก็ไม่มีผู้ใดเข้าออกจริงๆ!
“นายน้อย เขา…เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่สามารถหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดได้จริงๆหรือ!?”
หวางฟู่ตกใจนัก มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งในแววตาก็เต็มไปด้วยความยำเกรง
ขณะเดียวกัน ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยก็กลับมาครองสติได้อีกครั้ง ยังมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าอื้ออึง “ต้วนหลิงเทียนเจ้า…เจ้าล้อข้าเล่นรึเปล่า?”
“เปล่า”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวจริงจัง “ที่ข้าพูดเป็นความจริง”
“แต่…”
พอหลิงหูเหรินเจี๋ยพูดออกมาอีกครั้ง สีหน้าท่าทีของมันก็เต็มไปด้วยความลังเล เนื่องเพราะสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนบอกมามันน่ากลัวเกินไป “แต่มิใช่ว่าเจ้าพึ่งจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตกับกฏแห่งไม้ และพึ่งเรียนรู้การหลอมโอสถเทพหรือไร?”
“นั่นก็ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าลองหลอมโอสถเทพดู”
“อย่างไรก็ตาม ข้าหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดทั้งสิ้น 2 เตา…แต่เตาแรกข้าล้มเหลวเพราะไม่ได้ทำตามขั้นตอนให้ละเอียดพอ”
“ตอนนั้นข้ายังสงสัยตัวเองเช่นกัน ว่าใช่ข้าไร้พรสวรรค์ในศาสตร์การหลอมโอสถแล้วหรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วขั้นตอนการหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งก็ถูกระบุไว้ในสูตรชัดเจน กระทั่งบอกวิธีแก้ปัญหาทุกแง่มุม เช่นนั้นพอล้มเหลวจึงทำให้ข้าอดสงสัยตัวเองขึ้นมาไม่ได้…”
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเหรินเจี๋ยก็มองจ้องเขาเขม็ง และพอยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ตีหน้าเซ่อ มุมปากของมันก็อดกระตุกไปอย่างแรงไม่ได้
การหลอมโอสถเทพครั้งแรก…ถ้ามันจะล้มเหลวแล้วอย่างไร? ไม่ใช่ว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือไร?
เท่าที่มันทราบมา ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่มาจากระนาบเทวโลกนั้น ไม่ว่าภายหลังจะกลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่เก่งกาจในระนาบเทพแค่ไหน แต่การหลอมโอสถเทพขั้นแรกในระนาบเทพก็ต้องประสบกับความล้มเหลวเป็นธรรมดา และนั่นคือโอสถระดับเทพทั่วๆไป ไม่ใช่โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่ถือเป็นโอสถระดับเทพที่มีมูลค่าสูงเช่นนี้
แต่ต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่า การทดลองหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิงครั้งแรกล้มเหลว คือไร้พรสวรรค์?
ตอนนี้ไม่ใช่แค่หลิงหูเหรินเจี๋ยเท่านั้น กระทั่งชายชราที่ที่อยู่ด้านหลัง มุมปากของมันก็กระตุกขึ้นมาตงิดๆ
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สังเกตเห็นมุมปากที่กระตุกขึ้นมาตงิดๆของทั้งคู่แต่อย่างใด ยังคงกล่าวสืบต่อออกมาว่า “ยังดีที่ข้ามีสมุนไพรพอให้หลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งอยู่…เช่นนั้นข้าก็เลยลองหลอมมันเป็นครั้งที่ 2 อย่างตั้งใจ”
“ก่อนเริ่มหลอมข้ายังคิดอยู่เลย ว่าหากตั้งใจหลอมมันเต็มที่แล้วแต่ยังล้มเหลวอีก ข้าจะไม่เสียเวลาแตะต้องการหลอมโอสถเทพอีกเลย”
“แต่ในที่สุดการตั้งใจหลอมครั้งที่ 2 อย่างระมัดระวัง ข้าก็หลอมมันได้สำเร็จ”
“และข้าไม่คิดเลยว่าหลังจากดำเนินการขัดเกลาด้วยพลังชีวิตในขั้นตอนสุดท้าย…พอหลอมมันสำเร็จแล้ว มันกลับชักนำหายนะโอสถเฉยเลย…ยังดีที่เม็ดยาที่ข้าหลอมสามารถข้ามผ่านหายนะโอสถมาได้ หาไม่แล้วข้าก็คงไม่พ้นต้องแคลงใจอยู่ดี ว่าที่แท้ข้าไม่เหมาะกับการหลอมโอสถเทพจริงๆหรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วหากไม่ผ่านหายนะโอสถ…มันก็เสมือนกับล้มเหลวกลายๆ”
ขณะกล่าวถึงประโยคท้าย สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ยังคงความจริงจังไม่เปลี่ยน แต่เขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่าหลิงหูเหรินเจี๋ยแลดูฮึดฮัดคล้ายอยากทุบตีเขาอย่างไรไม่ทราบ
ขณะเดียวกัน ด้านผู้ที่มามุงชมเรื่องราวโดยรอบพอได้ยินคำพูดต้วนหลิงเทียนแต่ต้นจนจบ เพราะมันก็รู้สึกบังเกิดอาการคันไม้คันมืออยากพุ่งไปทุบตีผู้คนขึ้นมาตงิดๆ
“เจ้าว่า…อาคันตุกะต้วนพูดจริงหรือตั้งใจกล่าวอวดให้ผู้คนขัดใจ?”
“ข้ารู้สึกเหมือนอาคันตุกะต้วนตั้งใจกวนประสาทพวกเราอย่างไรชอบกล…ข้าอยากพุ่งไปบวกนัก! ถึงตอนนี้ข้าจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับราชาและไม่มีปัญหากับการหลอมโอสถระดับเทพ แต่ตอนที่ข้าหัดหลอมข้ายังทำเสียไป 20 กว่าเตา กว่าจะหลอมโอสถระดับเทพโง่ๆออกมาได้สักเม็ด แต่ผู้อื่นกลับบอกว่าหากล้มเหลว 2 เตา ถือว่าไร้พรสวรรค์ในศาสตร์หลอมโอสถ?”
“ชัดเจน ข้าว่าตั้งใจกวนประสาทผู้คนแน่ๆ! ยังดีที่ข้าไม่มีหลักฐาน หาไม่แล้ว…”
“ข้าฟังอย่างไรก็รู้สึกว่าอาคันตุกะต้วนตั้งใจตีหน้ามึนเพื่ออวยตัวเอง…รู้สึกอยากตีหน้าหล่อๆนั่นสักผัวะจริงๆ!”
“นั่นสิ ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น”
“ข้าก็เช่นกัน…จัดเลยไหมเล่า?”
“เจ้าเปิดเลย ประเดี๋ยวข้าตาม!”
…
เหล่าอาวุโสของตระกูลหลิงหูตอนนี้ แต่ละคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุดัน ราวกับอยากทุบตีผู้คน
และต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินบทสนทนาโดยรอบ เขาก็ตระหนักว่าการหลอมโอสถเทพสำเร็จในการลองครั้งที่ 2 นั้นนับว่าดีมากแล้ว
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
โชคดีจริงๆ
โชคดีที่ไม่เลิกล้มหลังจากการลองหลอมโอสถเทพครั้งแรกล้มเหลว และโชคดีที่เขาลองหลอมเตาที่ 2 หาไม่แล้วโลกของปรมาจารย์หลอมโอสถเทพในระนาบเทพ ต้องสูญเสียอัจฉริยะเช่นเขาไปแน่ๆ
และตัวเขาเองก็จะพลาดการกลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพผู้ยิ่งใหญ่
โชคดีจริงๆ!
“อาคันตุกะต้วน…”
ทันใดนั้นเอง ชายชราที่ติดตามหลิงหูเหรินเจี๋ยมาก็เอ่ยขึ้น มันมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่า “ท่าน…นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านหลอมโอสถเทพจริงๆหรือ?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองถามหลิงหูเหรินเจี๋ย “ผู้นำตระกูล ท่านผู้เฒ่าเป็นใครหรือ?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยรู้สึกตัวโดยพลัน จากนั้นก็กล่าวแนะนำคนให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก “ต้วนหลิงเทียน ท่านนี้คือหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของตระกูลหลิงหูเรา อาคันตุกะทรงเกียรติ หลินย่าหลิน”
“อาคันตุกะหลินยังเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกับข้า ครั้งที่ข้าออกไปเผชิญโลกกว้างสมัยรุ่นๆ…เรียกว่าเป็นเพื่อนตายข้าเลย และเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพที่เก่งกาจอย่างยิ่ง”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้พบ อาจารย์หลิน”
พอได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เร่งประสานมือคารวะชายชราเร็วไว
ด้านหลินย่าหลินหลังได้ยินคำแนะนำตัวเองของหลิงหูเหรินเจี๋ย ใบหูของมันก็เป็นสีแดงขึ้นมาด้วยความละอาย และหลังจากรับคำทักทายจากต้วนหลิงเทียนอย่างสุภาพแล้ว มันก็หันไปถลึงตามองกล่าวกับหลิงหูเหรินเจี๋ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ผู้นำตระกูลหลิงหูผู้ยิ่งใหญ่อยย่าได้กล่าวชมข้าอีกเลย…ที่กล่าวชมข้าเช่นนี้ ใช่คิดเย้ยเยาะข้าอยู่รึเปล่า”
“ต่อหน้าอาจารย์ต้วน ที่สามารถหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดได้…ข้ายังนับเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถที่เก่งกาจผายลมอันใดได้!”
กล่าวถึงประโยคท้าย น้ำเสียงของหลินย่าหลินก็ฟังดูข่มขื่น ทั้งยังด้อยค่าตัวเองอยู่บ้าง
หลิงหูเหรินเจี๋ยคลี่ยิ้มแสยะ กล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “เฒ่าหลินเจ้าได้ยินชัดหรือไม่ วันนี้อาคันตุกะต้วนพึ่งลองหลอมโอสถเทพครั้งแรกแน่ะ”
“จริงสิ”
ต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกอะไรได้ออก จากนั้นก็หันไปมองหลินย่าหลิน เอ่ยถามด้วยสองตาเป็นประกายว่า “อาจารย์หลิน วันนี้ข้าลองหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งตามตำราที่เขียนไว้ในหอตำราของตระกูลหลิงหู…และดูเหมือนสูตรหลอมโอสถที่ข้าใช้ จะเป็นของท่านใช่หรือไม่?”
“อาจารย์หลิน ข้าพึ่งเรียนรู้การหลอมโอสถเทพ และยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกหลายๆอย่าง ข้าหวังว่าต่อไปท่านจะชี้แนะข้าบ้าง”
ความกระตือรือร้นใฝ่เรียนของต้วนหลิงเทียนนั้นมาจากใจไร้เสแสร้ง ซึ่งทำให้หลินย่าหลินยิ่งรู้สึกขื่นขมไปอีก
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
พึ่งจะลองหลอมโอสถเทพวันแรก กลับสามารถหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดออกมาได้ในเตาที่ 2…ยังจะกล่าวให้มันชี้แนะอีกหรือ?
หลินย่าหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว “อาจารย์ต้วน เรื่องชี้แนะท่านข้าไม่กล้าหรอก…เอาเป็นว่าพวกเรามาเรียนรู้จากกันและกันเถอะ”
ล้อเล่นหรือไร?
ชายหนุ่มเบื้องหน้าถึงขั้นหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดออกมาได้ ถึงแม้โอสถเทพที่ว่าจะเป็นแค่โอสถระดับเทพ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวมันหลินย่าหลินจะมีปัญญาหลอมออกมาได้
“อาจารย์หลินอย่าได้ถ่อมตัวไปเลย ท่านเป็นถึงหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของตระกูลหลิงหู ข้าจะไปเทียบกับท่านได้อย่างไร…”
ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวซ้ำ
ตอนนี้หากไม่ใช่เพราะน้ำเสียงจริงใจและแววตาใสซื่อของต้วนหลิงเทียน บางทีหลินย่าหลินอาจทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้ออกหมัดซัดผู้คนกันบ้างแล้ว
ช่างน่าตียิ่ง!
ใช่ตั้งใจกวนประสาทกันอยู่รึเปล่า?
หลินย่าหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “อาจารย์ต้วน ถึงแม้จะเป็นแค่โอสถระดับเทพ แต่การที่ท่านหลอมมันถึงขั้นสุดยอดได้ เช่นนั้นหมายความว่าท่านต้องสกัดพลังชีวิตมาหลอมเกลามันได้ถึงกำหนด จนมันมีความบริสุทธิ์เช่นนี้…”
“แต่ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันแรกที่ท่านทดลองหลอมโอสถเทพ ท่านกลับสามารถสกัดพลังชีวิตออกมาได้ถึงขั้นแล้วหรือ?”
หลินย่าหลินกล่าวถามเปลี่ยนเรื่องออกมา เพราะมันกลัวว่าถ้าโดนต้วนหลิงเทียนพูดทำนองถ่อมตัวอีกครั้ง มันจะทนไม่ไหวแล้วทุบตีต้วนหลิงเทียนด้วยความขัดใจเสียก่อน
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ใช่ ขั้นตอนนี้มันยากหรือ?”
“ข้าเองก็ได้ทำตามขั้นตอนที่บันทึกไว้ในสูตรทั้งหมด และข้าก็สัมผัสถึงพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินได้ไม่ยาก จากนั้นก็สกัดมันออกมาหลอมเกลาโอสถให้บริสุทธิ์ตามขั้นตอน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง “และข้าจำได้ว่าสูตรหลอมโอสถนั่นสมควรเป็นผลงานของอาจารย์หลิน กระทั่งสมควรเป็นป้ายหยกเก็บความทรงจำที่ท่านตั้งใจสร้างไว้ให้คนรุ่นหลังใช่หรือไม่?”
“อาจารย์หลินช่างร้ายกาจยิ่งนัก เพราะกลวิธีในการสกัดพลังชีวิตของท่าน ทำให้ข้าสามารถสกัดพลังชีวิตจากพลังวิญญาณฟ้าดินได้ในเวลาแค่วันเดียว”