นิกายมังกรสวรรค์นั้น ถึงแม้ในปัจจุบันจะไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ หากทว่าด้วยความที่ในอดีตเคยมีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพมากมาย เช่นนั้นจึงมีรากฐานและมรดกอันลึ้กซึ้ง สุดที่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพใดๆจะเทียบเคียงได้
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทรัพยากรในการบ่มเพาะของนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ใช่อะไรที่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพจะเทียบได้เลย
เพียงแต่ในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้ หากท่านอยากได้รับทรัพยากรบ่มเพาะใดๆ นอกจากส่วนที่นิกายมังกรสวรรค์จะเป็นฝ่ายแจกให้แล้ว ท่านจำต้องพึ่งกำลังของตัวเองเพื่อให้ได้มันมา
และในนิกายมังกรสวรรค์นั้น ขอเพียงท่านมีคะแนนอุทิศมากพอ ท่านก็สามารถใช้มันแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรที่ท่านต้องการได้
ดุจเดียวกับโอสถเทพทะลวงราชัน ซึ่งเป็นของรางวัลยืนพื้นสำหรับผู้ที่ติด 10 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ แม้มันจะไม่มีให้แลกเปลี่ยนในตำหนักกิจการฝ่ายนอก หากทว่าในตำหนักกิจการฝ่ายในกลับมีให้แลกเปลี่ยน เพียงแค่คะแนนอุทิศที่ต้องใช้แลกมันสูงไม่ใช่เล่น
ให้พูดกันตามตรง การได้รับโอสถเทพทะลวงราชันในการแข่งขันมังกรซ่อนนั้นเรียกว่าเป็นกำไรครั้งยิ่งใหญ่ มากพอจะทำให้ศิษย์ฝ่ายในขอบเขตราชาเทพขั้นสูงมากมายอิจฉาจนตาลุกวาว
“พวกเจ้าแยกย้ายกันไปได้แล้ว”
พอตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวปิดท้าย เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย ส่วนตงฟางเหยียนเหนียนก็เลือกจะเหินร่างตามต้วนหลิงเทียนที่เลือกบ้านลานที่ว่างแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พัก ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะหินในลานด้านหน้า
ฉากดังกล่าวก็มีหลายคนที่สังเกตเห็น
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ดูเหมือนจะสนิทกับอาวุโสตงฟางไม่น้อยทีเดียว…”
“อาวุโสตงฟางเหยียนเหนียนจะอย่างไรก็เป็นถึงอาวุโสมังกรขาว ต้วนหลิงเทียนกลับสนิทกับตัวตนระดับนี้ ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เหมือนพวกเรา แต่คงมีน้อยคนในนิกายมังกรสวรรค์ที่กล้าไปตอแยกับมัน”
“บ้าจริง สนิทกับอาวุโสมังกรขาวแบบนี้ ทำให้ผู้อื่นอิจฉาแทบตายแล้ว!”
…
ศิษย์ฝ่ายในหลายๆคนที่เห็นต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่ตรงข้ามตงฟางเหยียนเหนียนที่โต๊ะในลาน ได้แต่กล่าวออกมาด้วยความอิจฉาริษยา
“เสี่ยวเทียน”
หลังตงฟางเหยียนเหนียนนั่งลง สีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นหลายส่วน “หากไม่มีเรื่องด่วน เจ้าอย่าได้ออกจากนิกายมังกรสรรค์ง่ายๆ”
“ในนิกายมังกรสวรรค์ ความปลอดภัยของเจ้าจักได้รับการรับประกัน”
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าออกนอกเขตนิกายมังกรสวรรค์ มันจักเปลี่ยนเป็นอีกเรื่องทันที”
“เช่นนั้นหากว่าเจ้ามีธุระที่ต้องออกไปจัดการนอกนิกายจริงๆ เจ้าไปหาสหายเจ้า ติงเหยียน ผู้นั้นเถอะ…เพราะตราบใดที่อาวุโสสือคงยินดีช่วยเจ้าเพราะเห็นแก่ติงเหยียน อาศัยหนึ่งถ้อยคำก็สามารถส่งอาวุโสมังกรดำไปติดตามคุ้มครอง เพื่อรับประกันความปลอดภัยให้เจ้าได้แล้ว”
“ด้วยมีตัวตนระดับอาวุโสมังกรดำติดตามคุ้มครอง ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าฆ่าเจ้า เว้นเสียแต่รองประมุขเซวียจะลงมือด้วยตัวเอง”
“แต่รองประมุขเซวียผู้นั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาลงมือกับเจ้าด้วยตัวเอง…เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่แน่ใจว่ามันจะฆ่าอาวุโสมังกรดำที่ติดตามคุ้มครองเจ้าได้ก่อน ที่อีกฝ่ายจะติดต่อไปแจ้งอาวุโสสือคง”
“ในฐานะที่เป็นจอมราชันเทพขั้นสูงดุจเดียวกัน แม้ความเข้าใจในกฏของมันจะสูง แต่ก็ไม่ได้สูงกว่าอาวุโสมังกรดำมากนัก”
หลังได้ยินคำเตือนของตงฟางเหยียนเหนียน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในนิกายมังกรสวรรค์ก็คือ รองประมุขเซวีย
ถึงแม้รองประมุขเซวียที่ว่าจะไม่ได้มีเรื่องมีราวกับเขาโดยตรง
อย่างไรก็ตามลูกสาวคนเดียวของรองประมุขเซวียที่ว่าได้แต่งงานกับ ศิษย์คนรองของอาวุโสฝ่ายในอย่างกงเทียนเจิ้ง! และกวงเทียนเจิ้งคนนั้นก็อาฆาตพยาบาทเขาอยู่ ยังคิดจะฆ่าเขาให้ตายเมื่อสบโอกาส
ไม่ต้องสืบก็รู้
อย่างน้อยๆกวงเทียนเจิ้งก็ต้องการฆ่าเขาแน่นอน
นอกจากนั้น ฉู่หาน ที่เขาฆ่าทิ้งไปในเทพซ่อน ก็ถือได้ว่าเป็นศิษย์พี่ของลูกเขยรองประมุขเซวีย
รองประมุขเซวียคนนั้นรักลูกสาวดั่งแก้วตาดวงใจ หากลูกสาวของมันร้องขอให้ฆ่าต้วนหลิงเทียนขึ้นมา ขอเพียงสบโอกาสเหมาะ และมั่นใจว่าจะฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย ไม่แน่รองประมุขเซวียอาจจะลงมือด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
“ขอบคุณพี่เหยียนเหนียนที่กล่าวเตือน”
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงพยักหน้ารับคำอย่างเคร่งขรึม อันที่จริงเรื่องที่ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวเตือน เชวียไห่ชวนก็เคยบอกเขามาก่อน เช่นนั้นเขาย่อมไม่คิดจะออกนอกเขตนิกายมังกรสวรรค์ง่ายๆ
ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือเร่งยกระดับพลังบ่มเพาะให้มาก
ในโลกที่ผู้เข้มแข็งเป็นจ้าว การจะกำหนดชะตากรรมของตัวเองก็มีแต่ต้องมีหมัดที่ใหญ่พอเท่านั้น แรงกดดันดังกล่าวย่อมทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึดอัดเสมือนหายใจไม่ออก
“เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี หากขาดเหลืออะไรก็อย่าลังเลที่จะบอกข้า”
ตงฟางเหยียนเหนียนยิ้มบางๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเหินร่างจากไป
ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าไปในบ้าน เมื่อเข้าไปในห้องหับแล้ว เขาก็เริ่มควบแน่นพลังสร้างร่างอวตารกฏอื่นๆทันที เรื่องบ่มเพาะพลังแม้จะรีบร้อนแต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาต้องรอรับของรางวัลที่ได้จากการแข่งขันมังกรซ่อนก่อน
ไม่กี่วันต่อมา ตงฟางเหยียนเหนียนก็มาหาเขาอีกครั้ง อีกฝ่ายได้นำของรางวัลมามอบให้เขาด้วยตัวเอง
โอสถเทพทะลวงราชัน!
นอกจากนั้นยังมีป้ายผ่าน ที่มีไว้ให้เขาได้เข้าใช้ห้องลับแห่งกฏของนิกายมังกรสรรค์เป็นเวลาหนึ่งปี
นอกจากนั้นยังมีโอสถเทพรวมถึงผลไม้เทพจำนวนมาก ที่สามารถช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะพลังของตัวตนขอบเขตราชาเทพ ถึงแม้ว่ามูลค่าของมันจะสู้โอสถเทพทะลวงราชันไม่ได้ แต่ก็มีมากพอที่จะช่วยให้ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะพลังจนถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูง
‘โอสถเทพระดับราชาพวกนี้ค่อนข้างหาได้ยาก ตระกูลหลิงหูก็หามาให้ข้าไม่ได้ แถมข้าเองก็ไม่เคยหลอมมันมาใช้เช่นกันเพราะไร้สมุนไพร เช่นนั้นย่อมไม่มีอาการดื้อยา’
รอยยิ้มสดใสพลันคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน
จะอย่างไรก็แล้วแต่ ในบรรดาโอสถเทพที่เขาได้รับมา เขาเลือกจะตบโอสถเทพทะลวงราชันเข้าปากก่อนใดอื่น
โอสถเทพทะลวงราชันนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ระดับพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้วค่อยใช้ สามารถรับประทานได้ทันที และประสิทธิผลของยาจะซุกซ่อนอยู่ในร่างกาย เมื่อระดับพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงและพบจุดรอคอยแล้ว สามารถกระตุ้นพลังของโอสถ เพื่อทะลวงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงไปยังขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ทันที
“พลังของโอสถเทพทะลวงราชันช่างน่าประทับใจจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจกล่าวอย่างอดไม่ได้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังอ่อนหยุ่นขุมหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างเขา แถมพลังของมันไม่มีทีท่าว่าจะสลายตัวไปตามเวลาแต่อย่างใด
ต้องทราบด้วยว่าโอสถเทพระดับราชาที่เขาเคยใช้มา ไม่ว่าขนานไหนรวมถึงโอสถรักษาก็ตาม แม้เขาจะพยายามกักเก็บพลังของมันเอาไว้เพื่อใช้ภายหลัง แต่ก็ไม่อาจเก็บสะสมพลังของเม็ดยาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่กระจายตัวก็ค่อยๆสูญหายไปตามเวลา
ทว่าโอสถเทพทะลวงราชันนี้ พลังของเม็ดยากลับไม่ส่อแววสลายตัวแม้แต่น้อย
…
ด้านนอกเมืองหลิงหู
พลันมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศว่างเปล่าราวภูตผี
เป็นชายชราร่างกายผ่ายผอม สีหน้าเย็นชา ดวงตาสีโคลนไร้อารมณ์ของมัน กำลังมองจ้องไปยังเมืองหลิงหูที่อยู่ไม่ไกล
หลังมองอยู่ไม่นาน ริมฝีปากแห้งๆของมันก็ขยับ พึมพำกล่าวออกมาสำเนียงแหบ “หลิงหูเหรินเจี๋ย ตระกูลหลิงหู…”
“ได้ยินมานานแล้วว่าค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูที่เรียกว่าค่ายกลปิดฟ้า มันน่าประทับใจ…”
“วันนี้ข้าคงได้เห็นกับตาเสียที…”
พอเสียงแหบแห้งดังจบคำ ร่างชราก็เริ่มเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันมันก็ปลดป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวมาถือไว้ในมือก่อนตัวป้ายดังกล่าวจะหายไปดื้อๆ เห็นชัดว่ามันเก็บลงแหวนพื้นที่ไปแล้ว
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ ย่อมบอกได้ทันทีว่าป้ายที่ชายชราพึ่งเก็บไป มันมีลักษณะเหมือนกันกับป้ายที่ หลันอวี่ซาน อาวุโสมังกรดำที่ทำหน้าที่ประธานในการแข่งขันมังกรซ่อนไม่กี่วันก่อนห้อยแขวนไว้บริเวณเอวไม่มีผิด
เป็นป้ายประจำตัวของผู้อาวุโสมังกรดำนิกายมังกรสวรรค์
“เป็นข้าติดค้างหนี้ชีวิตรองประมุขเซวียเอาไว้…”
“คราวนี้ หากเจ้าจักโทษก็ต้องโทษที่เจ้าโชคไม่ดีเถอะ…”
ขณะกล่าวออกมาอีกครั้ง ชายชราก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆ จากนั้นคนก็วูบหายเข้าไปในเมืองปานภูตผี
หลังบรรลุถึงน่านฟ้าเหนือเมืองหลิงหูแล้ว ชายชราก็มองสำรวจไปทั่วเมือง จากนั้นร่างชราก็ค่อยๆย่ำฟ้าก้าวเดินไปในอากาศอย่างไม่รีบไม่ร้อน ปานกำลังเดินชมสวนอย่างไรอย่างนั้น
“อืม ทั้งหมดแลดูใหม่จริงๆ…เห็นว่าอาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่งได้ระเบิดโลกใบเล็กภายในกายที่นี่ ดูท่าจักมิใช่แค่โคมลอย”
ขณะชายชรากล่าวพึมพำร่างมันก็เริ่มไหววูบ จากนั้นแม้เท้ามันจะย่ำออกไปเพียงก้าวเดียว หากทว่าคนกลับบรรลุถึงน่านฟ้าฝั่งตะวันออกนอกเขตตระกูลหลิงหูเสียแล้ว
พอลุถึงมันก็หยุดลง
สายตาเริ่มมองกวาดไปยังตระกูลหลิงหูด้านล่าง
พร้อมกันนั้นเอง สำนึกเทวะของมันก็กำจายออกจากร่าง แผ่คลุมไปยังตระกูลหลิงหูเบื้องล่าง
ไม่นานนัก หว่างคิ้วชราของมันก็เริ่มหดย่น “ค่ายกลพิทักษ์ ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง”
“ได้ยินมาว่าในอดีต ตระกูลหลิงหูเคยปรากฏปรมาจารย์ค่ายกลที่ร้ายกาจขึ้นมาผู้หนึ่ง…ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงขั้นนี้”
“ความสำเร็จในศาสตร์ค่ายกลของคนผู้นั้น ให้เทียบกับข้าแล้วนับยังห่างอีกไม่ไกล”
“กระนั้น ค่ายกลนี่ก็มีจุดบกพร่องไม่น้อย”
กล่าวจบคำ สีหน้าแววตาของชายชราก็เผยความภูมิใจออกมา
“อย่างไรเสีย หากจะทำลายค่ายกลนี่ทิ้งก็มีปัญหาไม่น้อย…ทว่าเรื่องจะให้ค่ายกลนี่หยุดการทำงานชั่วคราว เพื่อหาตัวหลิงหูเหรินเจี๋ยกลับมิใช่เรื่องยากเย็นอันใด”
ขณะพึมพำชายชราก็เริ่มยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์ซับซ้อน จากนั้นมันก็เริ่มวาดเขียนบางอย่างในความว่างเปล่า เมื่อวาดจบ เพียงมันถ่ายพลังเทพลงไปในอักขระเบื้องหน้าและผลักไปทาบยังม่านพลังของค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูเบาๆ ม่านพลังของค่ายกลเพียงขมุกขมัวครู่หนึ่ง ก็หวนคืนสู่ความสงบ เงียบงันไร้เรื่องราว
ในกระบวนการดังกล่าว ด้านอาวุโสของตระกูลหลิงหูก็ไม่พบความผิดพลาดใดๆ เห็นชัดว่าไม่อาจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้
ราวๆ 1 เค่อต่อมา ชายชราก็ถอนมือออกจากม่านพลังเบื้องหน้า “เรียบร้อย”
วู้ม!
พริบตาต่อมา ร่างชราก็พร่าเลือนหาไปดั่งภูตผี คนวูบหายเข้าไปในเขตตระกูลหลิงหูอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ไปปรากกฏตัวเบื้องหน้าอาวุโสของตระกูลหลิงหูผู้หนึ่งที่นั่งจิบชาในศาลาชมบุปผาหลังเรือน
“เจ้า…”
ไม่ทันที่ผู้อาวุโสของตระกูลหลิงหูจะได้ตอบสนองเรื่องราว ชายชราก็ได้วางมือเอาไว้บนไหล่มัน จากนั้นพลังเทพอันน่าพรั่นพรึงก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างปานน้ำหลาก สะกดพลังเทพในร่างอาวุโสตระกูลหลิงหูผู้นั้นเอาไว้ชะงัด
“จะ…จอมราชันเทพขั้นกลาง!?”
อาวุโสของตระกูลหลิงหูคนนี้เป็นเพียงราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น ใจมันถึงกับสะท้านไปทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่หลั่งไหลไปทั่วร่าง เพราะพลังดังกล่าวนับว่ากล้าแข็ง สุดที่ผู้อาวุโสคนไหนๆของตระกูลหลิงหูจะเทียบได้!
จอมราชันเทพขั้นกลางผู้นี้เป็นใครกันแน่!?
อีกฝ่ายบุกเข้ามาในตระกูลหลิงหูได้อย่างไร!?
ต้องทราบด้วยว่าตระกูลหลิงหูมีค่ายกลพิทักษ์จัดตั้งเอาไว้ ต่อให้เป็นจอมราชันเทพขั้นสูงก็ไม่อาจบุกเข้ามาโดยง่าย
ด้วยความห่างชั้นของพลัง มันจึงไม่ทราบเลยว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจอมราชันเทพขั้นสูง เพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังมากเท่านั้น
“พาข้าไปหาหลิงหูเหรินเจี๋ยเสีย”
“หากเจ้าคิดเล่นตุกติกอันใด ไม่เพียงแต่เจ้า ข้าจักฆ่าล้างทุกชีวิตในตระกูลหลิงหู!”
ในขณะที่ใจของอาวุโสตระกูลหลิงหูสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว เสียงแหบแห้งไร้แยแสของชายชราก็ดังขึ้น น้ำเสียงเฉยเมยดังกล่าวทำให้มันไม่สงสัยเลย่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือไม่
สุดท้ายอาวุโสตระกูลหลิงหูที่หวาดกลัวความตาย มันก็เลยพาชายชราไปยังสถานที่ๆหลิงหูเหรินเจี๋ย อดีตผู้นำตระกูลหลิงหูพักอยู่ทันที
ซัว!
พามาถึง หลังชายชราแผ่สำนึกเทวะออกไป มันก็พบว่ากลิ่นอายพลังของจอมราชันเทพขั้นต่ำคนหนึ่งที่อยู่ในจวน จึงทราบได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นหลิงหูเหรินเจี๋ย เช่นนั้นจึงลงมือป่นร่างอาวุโสตระกูลหลิงหูที่จับตัวมาจนหายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก ราวกับธุลีต้องลม สาบสูญไปอย่างเงียบงัน
ฟุ่บ!
จากนั้นชายชราก็วูบหายเข้าไปในจวนของหลิงหูเหรินเจี๋ย
ในลานด้านใน หลิงหูเหรินเจี๋ยที่สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวผิดปกติบางอย่างด้านนอก สีหน้าของมันพึ่งจะเปลี่ยนไปไม่ทันไร มันก็พบว่ามีร่างชราหนึ่งวูบมาปรากฏเบื้องหน้าปานภูตผี ด้วยความเร็วอันสุดจะหาที่เปรียบดังกล่าวทำให้มันดึงสติกลับมาทันที
“เจ้าเป็นใคร!?”
ลูกตาหลิงหูเหรินเจี๋ยหดเล็กลง สีหน้ายังเปลี่ยนไปในพริบตา
คนผู้นี้เมินเฉยค่ายกลพิทักษ์ของตระกูลหลิงหู สามารถบุกเข้ามาในตระกูลหลิงหูได้อย่างเงียบงัน?
“หลิงหูเหรินเจี๋ย?”
ชายชราไม่ตอบคำถามของหลิงหูเหรินเจี๋ย เพียงย้อนถามออกมาเสียงแหบ
“เจ้า…คนจากนิกายมังกรสวรรค์เช่นนั้นรึ?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเสียงเครียด
“ดูเหมือนจักไม่ผิดคน”
ชายชรากล่าวพึมพำเสียงเบา จากนั้นพลังเทพก็เริ่มกำจายออกมาทั่วร่างปานบุปผาเบ่งบาน ต่อมามันก็ยกมือขึ้นก่อนจะตบฟาดออกไปส่งๆ พลังเทพรวมรั้งในฝ่ามือฉับไว กลับกลายเป็นมวลพลังสีฟ้า พุ่งออกไปด้วยสภาวะพลังน่าครั่นคร้าม ฉีกแหวกห้วงอากาศจนเสียงดังปานคำราม
ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยยังตัวนิ่งทึมทื่อ ราวกับไม่อาจตอบสนองเรื่องราวได้ทัน
แต่มันก็เป็นธรรมดา เพราะระดับพลังมันต่างกันเกินไป
ฟุ่บ!
ทว่าทันใดนั้นเอง กลับปรากฏเงาเลือนรางสายหนึ่งข้างกายหลิงหูเหรินเจี๋ยอย่างเงียบงัน
จากนั้นการโจมตีของชายชราขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูง ที่สามารถฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ง่ายดายปานบี้มด ก็ถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งป่นปี้ทำลายจนสลายหายไปอย่างเงียบงันราวหมอกควันต้องลม…