ฉีถงหยวน อาวุโสมังกรดำแห่งนิกายมังกรสวรรค์ เป็นจอมราชันเทพขั้นสูงที่มีความสามารถในด้านค่ายกล และมันยังได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์ค่ายกล 3 อันดับแรกของนิกายมังกรสวรรค์อีกด้วย
ขณะนี้ มันได้จู่โจมเข้าใส่หลิงหูเหรินเจี๋ย เดิมทีการลงมือของมันใช้ออกด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการ อย่างไรก็ตามคมมีดน้ำที่พึ่งจะพุ่งออกไปไม่ทันไร ก็ได้รับพลังหนุนเสริมจากความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำอีกประการ
เช่นนั้นแล้ว คมมีดสายน้ำสีฟ้าที่เข่นฆ่าเข้าใส่หลิงหูเหรินเจี๋ยบัดนี้ ก็คือการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำถึง 4 ประการ
ควบคู่ไปกับพลังเทพขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงที่จ่ายออก การฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำสักคนย่อมง่ายดายประหนึ่งตัดหญ้าฆ่าไก่!
หากทว่า เรื่องที่มันไม่คิดไม่ฝันพลันอุบัติขึ้น การจู่โจมของมันกลับถูกใครบางคนหยุดเอาไว้ได้จริงๆ!!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะลงมือเคลื่อนไหวอันใด อาศัยแค่พลังไร้สภาพที่แผ่ออกมาจากร่างอย่างเป็นธรรมชาติ ก็สามารถสลายการโจมตีของมันให้หายไปได้ง่ายดายราวหมอกควันต้องลม
และกลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย ก็ทำให้หน้าของมันเปลี่ยนสีไปทันที “ยะ…ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพ!!”
จับจ้องไปยังร่างบางสะคราญโฉมเบื้องหน้า สองตาฉีถงหยวนแทบถลนออกจากเบ้า
มารดามัน! สตรีนางนี้เป็นถึงตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพ!
ต้องทราบด้วยว่าในปัจจุบันนิกายมังกรสวรรค์ของมันยังไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้นิกายมังกรสวรรค์ของมันจะเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ หากทว่าระดับดังกล่าวถูกจัดขึ้นตั้งแต่ในอดีตครั้งที่นิกายมังกรสวรรค์ยังรุ่งโรจน์และมีตัวตนจักรพรรดิเทพคุมบังเหียน
ยกเว้นคนไม่กี่คนที่ขาดการติดต่อไปสมัยที่นิกายยังมีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพของนิกายมังกรสวรรค์ที่ทุกคนรู้จักก็ได้ร่วงหล่นไปเพราะหายนะสวรรค์ทุกรอบพันปีหมดสิ้นแล้ว
และแม้แต่ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพในนิกายที่ขาดการติดต่อไป พวกมันยังได้ยินข่าวลือมาด้วยว่าคนเหล่านั้นก็ได้ทยอยกันเสียชีวิตเพราะไม่อาจข้ามผ่านหายนะสวรรค์ได้สำเร็จ และเพราะความที่ตัวตนเหล่านั้นไม่เคยส่งข่าวกลับมาเลย พวกมันก็ได้แต่ยึดถือข่าวลือว่าเป็นความจริง นิกายมังกรสวรรค์ก็เลิกหวังว่าจะมีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพของนิกายดำรงอยู่
“ผู้น้อย ฉีถงหยวน อาวุโสมังกรดำแห่งนิกายมังกรสวรรค์ ขอคารวะใต้เท้า!”
ฉีคงหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความหวาดกลัวและตื่นตระหนกอันยากควบคุม ก่อนจะป้องมือประสานโค้งคารวะสตรีลึกลับเบื้องหน้า อย่างไรก็ตามด้วยร่างกายที่สั่นระริกผู้ใดเห็นก็บอกได้ว่ามันกำลังหวาดกลัวทั้งว้าวุ่นใจนัก
เป็นไปได้อย่างไร!?
ไฉนถึงเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้!?
ตัวตนอันทรงพลังระดับจักรพรรดิเทพ ไยมาปรากฏตัวที่นี่ได้!?
ตระกูลหลิงหูแห่งนี้ มิใช่เป็นแค่ตระกูลระดับจอมราชันเทพหรือไร!?
โดยปกติแล้ว ตระกูลระดับจอมราชันเทพที่ไม่มีแม้แต่ตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นกลางดำรงอยู่ อาศัยมันคนเดียวก็ฆ่าล้างตระกูลได้ง่ายๆ นับประสาอะไรกับฆ่าผู้นำตระกูลสักคนที่มีด่านพลังขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำ!
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องบัดซบอะไรขึ้นกันแน่!?
มันได้พบเป้าหมายที่มันต้องฆ่าครั้งนี้ กระทั่งยังลงมือเพื่อปิดงานออกไปแล้ว แต่ในห้วงเวลาสุดท้ายกลับปรากฏร่างจักรพรรดิเทพอันทรงพลังออกมาขวางมันเอาไว้!!
ตระกูลระดับจอมราชันเทพ แต่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่?
ตลกหรือ!
มันกำลังฝันอยู่รึเปล่า?
ถึงแม้ฉีถงหยวนจะมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี ประสบพบเจอเรื่องราวใดมาก็มากจนใจของมันนิ่งสงบเหมือนน้ำบ่อ แต่จังหวะนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับจักรพรรดิเทพอันทรงพลังที่สามารถบดขยี้มันให้แหลกได้ในฝ่ามือเดียว มันยังจะสงบอยู่ได้อย่างไร…
วินาทีเรื่องเดียวในหัวของมันก็คือหาทางรอดให้ตัวเองเท่านั้น
ก่อนจะเข้าสู่เมืองหลิงหูมันเก็บป้ายประจำตัวอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ไปแล้ว
เพราะเดิมทีมันไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ตัวตนของมัน ผู้อาวุโสมังกรดำคนหนึ่งของนิกายมังกรสวรรค์อยู่ๆก็บุกเข้ามาสังหาร หลิงหูเหรินเจี๋ย อดีตผู้นำตระกูลหลิงหูคาบ้าน…
เรื่องนี้แม้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ท้ายที่สุดแล้วตระกูลหลิงหู ก็เป็นขุมกำลังที่อยู่ใต้อาณัติของนิกายมังกรสวรรค์
ทว่าในปัจจุบันมันไม่หลงเหลือความคิดใดอื่น เพียงหวังว่าฐานะอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ อาจช่วยชีวิตของมันได้ เพราะไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเคยมีไมตรีกับยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพของนิกายมังกรสวรรค์ในอดีต เช่นนั้นมันที่เป็นถึงอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ ก็มีทางรอดแล้ว
“อาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ ตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นสูงอันยิ่งใหญ่ในละแวกนี้ กลับเดินทางมาตระกูลหลิงหูเล็กๆด้วยตัวเองเพื่อฆ่าคน…ข้าอยากรู้จริงๆว่าพี่ใหญ่ของข้าไปล่วงเกินเจ้าตรงที่ใด ไฉนเจ้าเพียงพบหน้าก็ลงมือฆ่าคนเช่นนี้”
สตรีร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดคลุมยาวสีเหลืองห่าน ลักษณะท่วงท่าแลดูงามสง่า แม้รูปลักษณ์ของนางจะแลแล้วมีวัย 30 กว่าปี ทว่าความงดงามเฉิดฉันท์กลับไม่ได้ด้อยไปกว่าสตรีแรกรุ่นแม้แต่นิดเดียว กอปรกับบุคลิกอันโดดเด่น ทำให้นางเสมือนจักรพรรดินีที่กุมชีวิตคนทั้งแผ่นดิน
สิ้นเสียงใสของสตรีร่างบาง ร่างฉีถงหยวนก็สั่นสะท้านไปอย่างแรง สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นซีดปานไก่ต้ม
พี่ใหญ่!?
มารดามันเถอะ หลิงหูเหรินเจี๋ยเป็นพี่ใหญ่ของยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพผู้นี้หรือ!?
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ไม่ใช่!
ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่!
ฉีถงหยวนสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ มันมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังโฉมงาม ก่อนจะกล่าว “คุณชาย เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นข้าจำคนผิดไป…ที่แท้ท่านมิใช่เป้าหมายที่ข้ากำลังมองหา”
ฉีถงหยวนตอนนี้ตกใจ ถึงขั้นกล่าวแถข้างๆคูๆจนสีข้างถลอกแล้ว
“อาวุโสฉี ท่านแน่ใจหรือว่าจำคนผิด…”
ขณะเดียวกัน หลิงหูเหรินเจี๋ยที่ฟังคำแถของอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน น้ำเสียงยังประชดประชันนัก “ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเจออาวุโสฉี แต่หลิงหูเหรินเจี๋ยคนนี้ก็ได้ยินคำร่ำรือของอาวุโสมังกรดำแห่งนิกายมังกรสวรรค์ ฉีถงหยวน มานานแล้ว…อีกทั้งท่านยังเป็น ปรมาจารย์ค่ายกลที่เก่งกาจติด 3 อันดับแรกของนิกายมังกรสรรค์อีก”
“ที่ท่านมาฆ่าข้าคราวนี้…คงเพราะได้รับคำสั่งจากรองประมุขแซ่เซวียกระมัง?”
พูดถึงท้ายประโยค แววตาน้ำเสียงของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ทวีความเย้ยเยาะมากขึ้น
แต่เป็นธรรมดาว่าลึกลงไปในใจของมัน ยังหวาดกลัวไม่หาย
ใฟ้ตายเถอะ! อีกฝ่ายเป็นถึงผู้อาวุโสมังกรดำ!!
มันไม่คิดเลยว่าตัวตนระดับผู้อาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ จะถ่อมาถึงที่นี่เพื่อฆ่ามันด้วยตัวเอง!!
โชคดีนัก!
โชคดีที่มันใช้ป้ายหยกเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากน้องสาวแต่แรก หาไม่แล้วมันคงต้องตายแน่!
“มิผิด รองประมุขเซวียเป็นผู้ขอให้ข้าลงมือ”
เมื่อชายวัยกลางคนเบื้องหน้า หรือก็คือหลิงหูเหรินเจี๋ยเป้าหมายของมันวันนี้กล่าวเปิดโปงมันออกมา ใจฉีถงหยวนก็สั่นไหว ขณะเดียวกันมันก็ไม่สนเรื่องทรยศหักหลังผู้บงการอีกต่อไป วินาทีนี้มันต้องการให้ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพไว้ชีวิตมันก็พอ
เพราะไม่ง่ายเลยที่มันจะฝึกปรือมาถึงจุดนี้ได้
และด้วยความแข็งแกร่งของมัน เรื่องจะเอาชีวิตรอดจากหายนะสวรรค์และอยู่ไปอีก 8,000 – 10,000 ปีก็ไม่น่าจะมีปัญหา
กล่าวอีกอย่างได้ว่า มันสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างน้อยๆ 10,000 ปี
ถึงแม้ว่ามันจะรู้ตัวดีว่ามันอาจต้องตายเพราะหายนะในอีก 10,000 ปีหลังจากนี้ แต่มันก็ยังหวงแหนชีวิตของมัน
“ผู้นำหลิงหู ตัวข้าไร้เรื่องราวบาดหมางอันใดกับท่าน ทั้งหมดที่ข้าทำเป็นเพราะต้องการชดใช้หนี้บุญคุณที่ข้าติดค้างรองประมุขเซวียเอาไว้เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะจนทำให้ท่านต้องตกใจ”
“เช่นนั้นขอผู้นำหลิงหู ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ”
“ตราบใดที่ผู้นำหลิงหู เต็มใจปล่อยวางเรื่องราวที่ผ่านมา วันหน้ามิว่าผู้นำหลิงหูมีสิ่งใด ข้า ฉีถงหยวน จักพยายามทำให้ดีที่สุด!”
กล่าวจบ ฉีถงหยวนก็โค้งหัวให้ หลิงหูเหรินเจี๋ย จอมราชันเทพขั้นต่ำที่มันไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาอย่างนอบน้อม แต่ตอนนี้มันรู้ดีว่าชีวิตมันตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายแล้ว
ในปัจจุบันนอกจากความเสียใจแล้ว ฉีถงหยวนก็มีแต่ความเสียใจอย่างหนักเท่านั้น
หากมันรู้แต่แรกว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ มันไม่มีวันรับปากรองประมุขเซวียเพื่อทำหน้าที่มือปืนให้อีกฝ่ายแน่นอน
“ฮึ!”
ทว่าทันใดนั้นเอง ไม่ทันที่หลิงหูเหรินเจี๋ยจะได้พูดอะไรสักคำ สตรีงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นนางก็โบกมือออกไปส่งๆด้วยท่าทางขยะแขยง
พริบตานั้นเอง ปรากฏพลังไร้สภาพอันกล้าแข็งขุมหนึ่งพุ่งผ่านความว่างเปล่าจนสะท้านสะเทือน ราวกับความว่างจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ สุดท้ายก็ตกลงบนร่างฉีถงหยวน
ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พลังไร้สภาพดังกล่าวจะซัดเข้าร่าง ฉีถงหยวนที่หน้าเปลี่ยนสีก็พยายามเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตออกมาเพื่อต้านทาน
อนิจจาพลังชั่วชีวิตของมัน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังไร้สภาพขุมดังกล่าว เสมือนลำห้วยน้อยๆคิดประชันขันแข่งกับมหาสมุทร ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงแม้แต่นิดเดียว
ปงงง!!
พลังไร้สภาพเมื่อตกกระทบร่างฉีถงหยวน ก็ระเบิดพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึง ป่นปี้ร่างฉีถงหยวนจนสลายหายไปหมดสิ้น แม้แต่ละอองเลือดก็ไม่เหลือ พื้นที่มันยืนอยู่แลดูสะอาดเอี่ยมไร้ร่องรอยใดๆ
ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยพอเห็นฉากดังกล่าว ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองไปยังสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาซับซ้อน “เหรินเฟิง…ถึงแม้ข้าจะเคยสงสัยมาก่อนว่าเจ้าอาจบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพแล้ว แต่เพราะช่องว่างของพลังระหว่างพวกเรามันต่างกันเกินไป ข้าจึงไม่อาจยืนยันได้…”
“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าคงพบเจอเรื่องร้ายในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพมาไม่น้อยกระมัง”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวถาม ขณะถามสีหน้าแววตามันยังเต็มไปด้วยความห่วงใย ทั้งทุกข์ใจ
โฉมงามเบื้องหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหลิงหูเหรินเฟิงน้องสาวของมันเอง
ครั้งยังเยาว์ หลิงหูเหรินเฟิงก็ได้ออกจากดินแดนดาราพิศวงไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ จากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอยู่นานปี…จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้นางถึงได้กลับมา
หากไม่ใช่เพราะว่าลูกแก้ววิญญาณของนางยังอยู่ดี หลิงหูเหรินเจี๋ยคงคิดว่าน้องสาวตัวเองประสบเคราะห์ไปแล้ว
“พี่ใหญ่ บางเรื่องข้าไม่อยากเอ่ยถึง”
หลิงหูเหรินเฟิงส่ายหน้าไปมาเบาๆ ทว่าสองตาดั่งสารทฤดูของนางที่หลิงหูเหรินเจี๋ยไม่อาจแลเห็นได้ บัดนี้กลับฉ่ายชัดถึงความเกรี้ยวกราดดุร้าย ราวกับกำลังนึกถึงเรื่องราวที่ไม่อยากนึกถึงบางอย่าง
“เอาล่ะ”
หลิงหูเหรินเจี๋ยถอนหายใจ “ยาโถวน้อย บัดนี้เจ้าโตแล้ว แถมเจ้ายังเก่งกาจเหนือล้ำพี่ใหญ่เช่นข้าไม่เห็นฝุ่น หากเจ้าไม่อยากพูดพี่ใหญ่ก็ไม่มีปัญญาบังคับเจ้าหรอก”
“แต่ข้าคิดบอกเจ้าสักคำ…หากข้างนอกมันเหนื่อยนัก เจ้าก็กลับมาพักที่บ้านเราเถอะ”
“พี่ใหญ่ไม่เคยหวังให้เจ้ามาแบกรับภาระเป็นผู้นำตระกูลหรือยกระดับตระกูลให้เป็นระดับจักรพรรดิเทพอันใด พี่ใหญ่เพียงหวังให้เจ้ามีความสุขและไร้กังวลเหมือนในอดีต กลับมาเป็นยาโถวน้อยซุกซนคนเดิมของพี่ใหญ่ ก่อนที่จะไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพปีนั้น…”
“ตอนนั้นแต่ละวันเจ้าสดใสร่าเริงเพียงใด มีความสุขแค่ไหน…แต่ดูเจ้าตอน…”
หลิงหูเหรินเจี๋ยยังกล่าวไม่ทันจบคำดี ก็โดนหลิงหูเหรินเฟิงกล่าวขัดเสียก่อน “พี่ใหญ่ อยู่ดีๆไฉนอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ถึงมาเล่นงานท่านได้? แถมมันยังบอกว่ารองประมุขเซวียของนิกายมังกรสวรรค์เป็นคนขอให้มันมาฆ่าท่านอีก?”
“ท่านไปล่วงเกินพวกมันตรงที่ใด”
หลิงหูเหรินเฟิงหันมากล่าวถามหลิงหูเหรินเจี๋ย ความเกรี้ยวกราดดุร้ายในแววตาก่อนหน้าหายไปหมดสิ้น เหลือก็แต่ความเย็นชา
ในโลกนี้ มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่สำคัญกับนาง
พี่ใหญ่ของนาง
และลูกสาวทั้ง 2 ของนาง
ถึงแม้นางจะสามารถตัดปัญหาได้ง่ายๆ เพียงแค่ไปเยือนนิกายมังกรสวรรค์แล้วฆ่ารองประมุขเซวียทิ้งเสีย แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไฉนพี่ใหญ่ของนางถึงไปล่วงเกินอีกฝ่ายได้
ฐานะมันแตกต่างกันเกินไป
ได้ยินคำถามของหลิงหูเหรินเฟิง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ไม่คิดปิดบังอะไร เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวปิดท้ายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “….จากนั้นรองประมุขเซวียที่ว่า เห็นได้ชัดว่ามันกลัวต้วนหลิงเทียนจะเติบโตขึ้น มันก็เลยไม่ต้องการเห็นต้วนหลิงเทียนติด 10 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรสวรรค์”
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าอาศัยชายหนุ่มอายุไม่ถึง 3,000 ปีคนหนึ่ง ถึงกับทำให้มันเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้”
“และที่ข้าคิดไม่ถึงยิ่งกว่า ก็คือมันถึงกับออกหน้าให้กวงเทียนเจิ้งมากมายเพียงนี้”
เล่าเรื่องราวจบ สองตาของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ฉายแววเยียบเย็นเช่นกัน
“ที่แท้เป็นเพราะผู้อื่น?”
หลังได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดหลิงหูเหรินเฟิงก็ถึงกับอึ้ง นางก็ว่าอยู่แล้วเชียว เพราะปกติพี่ใหญ่ของนางเป็นคนสุขุมรอบคอบทั้งความคิดอ่านก็ไม่ใช่ชั่ว ไหนเลยจะไปล่วงเกินชนชั้นผู้นำระดับสูงๆของนิกายมังกรสวรรค์ได้
“ไม่ผิด!”
ทันใดนั้นเอง คล้ายหลิงหูเหรินเจี๋ยฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามหลิงหูเหรินเฟิงออกมาว่า “เหรินเฟิง…ชูยินนาง…ใช่มีชื่ออื่นหรือไม่ อย่างเซี่ยหนิงเสวี่ย?”
สิ่งที่หลิงหูเหรินเจี๋ยคิดไม่ถึงก็คือ พอมันกล่าวถามประโยคนี้ออกไปจบคำ สองตาของหลิงหูเหรินเฟิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ขณะเดียวกันพลังเทพยังปะทุขึ้นมาพลุ่งพล่านไปทั่วร่างของนางปานเพลิงไฟ
กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงที่อยู่ๆก็ระเบิดออกมาในฉับพลัน ทำให้ร่างหลิงหูเหรินเจี๋ยสั่นสะท้าน ก่อนจะล้มลงไปเพราะยืนไม่ไหวทันที
ไม่นานนัก รัศมีพลังที่ปั่นป่วนทั่วร่างของหลิงหูเหรินเฟิงก็ค่อยๆหวนคืนสู่ความสงบ
เพียงแต่สภาพแวดล้อมในลานของหลิงหูเหรินเจี๋ยตอนนี้ มันย่อยยับปานโดนพายุถล่ม
“เหรินเฟิง เจ้าเป็นอะไรไป”
หลิงหูเหรินเจี๋ยค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ขามันยังสั่นไม่หาย หากแต่ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความอึดอัดกับเต็มไปด้วยความสงสัย
“พี่ใหญ่…ท่านไปรู้ชื่อเซี่ยหนิงเสวี่ยมาจากที่ใด?”
หลิงหูเหรินเฟิงมองถามหลิงหูเหรินเจี๋ย สองตายังแดงฉานไม่แปรเปลี่ยน
เซี่ยหนิงเสวี่ยเป็นลูกสาวอีกคนของนาง!