ตอนที่ 3817 หลิงหูเหรินเฟิง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

หลิงหูเหรินเจี๋ยยังแปลกใจไม่หาย กับความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว
  แต่มาตอนนี้พอนางได้ยินชื่อ เซี่ยหนิงเสวี่ย และท่าทีของนางเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะดูเหมือนน้องสาวของมันจะอ่อนไหวต่อชื่อเซี่ยหนิงเสวี่ยมาก
  หรือเป็นเพราะหลานสาวของมัน หลิงหูชูยิน ก็คือเซี่ยหนิงเสวี่ยที่เป็นภรรยาของต้วนหลิงเทียนจริงๆ?
  หรือเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่?
  “ข้าได้ยินมาจากต้วนหลิงเทียน”
  กับน้องสาวตัวเอง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง และไม่ว่าหลานสาวของมันจะใช่ภรรยาของต้วนหลิงเทียนหรือไม่ การถามนางตรงๆก็น่าจะได้คำตอบชัดเจนที่สุด
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  ได้ยินคำตอบของหลิงหูเหรินเจี๋ยอารมณ์ของหลิงหูเหรินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง เพียงแต่คิ้วนางกลับขดย่นเป็นปม “ข้ารู้สึกว่าชื่อนี้มันคุ้นๆตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนข้าจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง…”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยคลี่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะพูดออกมา “เจ้าหนูนั่นเคยไปที่เมืองจวินหลิง และโดดไปขวางรถม้าของชิงเจ๋อกลางถนนมาก่อน สุดท้ายก็โดนชิงเจ๋อซัดจนปลิว”
  หลายคนรู้เรื่องนี้
  ถึงแม้มันจะไม่เคยบอกน้องสาวของมัน แต่มันเชื่อว่าน้องสาวของมันก็สมควรได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว
  “ข้าจำได้แล้ว ที่แท้เป็นเจ้านั่นเอง”
  หลิงหูเหรินเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉน…มันถึงเอ่ยชื่อเซี่ยหนิงเสวี่ยออกมาได้?”
  แม้จะสงบอารมณ์ลงแล้ว แต่ยามหลิงหูเหรินเฟิงกล่าวถึงเซี่ยหนิงเสวี่ยออกมา อารมณ์ของนางก็เริ่มแปรปรวนขึ้นมาทันที
  และนี่ยังเป็นเพราะนางพยายามระงับอารมณ์เต็มกำลัง
  “เจ้าหนุ่มนั่นมันบอกว่าเซี่ยหนิงเสวี่ยเป็นภรรยาของมัน”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยถอนหายใจ “วันนั้นมันเห็นว่าหลานชูยินหน้าตาเหมือนภรรยาของมันมาก เช่นนั้นมันก็เลยโดดไปขวางรถม้ากลางถนนเมืองจวินหลิงหมายยืนยันเรื่องราวให้แน่ชัด”
  “ต่อมาภายหลัง มันก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลิงหู และพยายามหาทางยืนยันให้ได้ว่าชูยินใช่ภรรยาของมันหรือไม่”
  “จากนั้นมันก็ได้ออกจากนิกายหมอกเร้นลับ และมาเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูของพวกเรา”
  …
  หลิงหูเหรินเจี๋ยค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้หลิงหูเหรินเฟิงฟัง รวมถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าหลิงหูชูยินอาจจะเป็นภรรยาที่พลัดพรากไปในอดีต
  “ที่แท้…เป็นมันเองหรือ”
  เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากหลิงหูเหรินเจี๋ย หลิงหูเหรินเฟิงก็อึ้งไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยที่เห็นท่าทีเลื่อนลอยของน้องสาวก็อดแปลกใจไม่ได้
  แล้วไฉนน้องสาวของมันถึงพูดออกมาแบบนั้น…ทำราวกับรู้จักต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน!
  ที่แท้เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?
  มันไม่ได้รู้เลย ว่าตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกของหลิงหูเหรินเฟิงปั่นป่วนทั้งซับซ้อนแค่ไหน
  นี่เป็นครั้งแรกที่นางเคยได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน
  อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เซี่ยหนิงเสวี่ย ลูกสาวอีกคนของนาง
  ย้อนกลับไปในตอนนั้น เซี่ยหนิงเสวี่ย ลูกสาวคนโตของนางเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากแต่งกับอวิ๋นชิงเหยียน นายน้อยตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ หัวใจของนางก็แทบแหลกลงเป็นเสี่ยง!
  และในตอนนั้นเอง นางก็ได้เลือกที่จะตัดเยื่อไยสุดท้ายที่มีให้ เซี่ยอวี่ บุรุษไร้น้ำใจผู้นำตระกูลเซี่ยผู้นั้น!
  นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันพบหน้าบุรุษสารเลวผู้นั้นอีก
  กระทั่งนางจะไม่มีวันให้อีกฝ่ายล่วงรู้ว่าตัวเองยังมีลูกสาวกับนางอีกคน และไม่มีวันให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ว่านาง หลิงหูเหรินเฟิง ยังมีชีวิตอยู่
  …
  ในตอนนั้น หลิงหูเหรินเฟิงที่ออกจากดินแดนดาราพิศวง และไปเที่ยวที่ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ เพราะอุบัติเหตุบางอย่างก็เลยได้พบเจอ เซี่ยอวี่ โดยบังเอิญ เรื่องราวช่างเข้าทำนองวีรุบุรุษช่วยหญิงงามไม่มีผิด ทำให้นางซาบซึ้งน้ำใจอีกฝ่าย แถมในตอนนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ
  นางทีหลงใหลไปกับวีรบุรุษก็เสมือนสาวน้อยไร้สติคนหนึ่ง ถึงแม้นางจะล่วงรู้ว่าเซี่ยอวี่มีภรรยากับลูกแล้ว นางก็ไม่เสียใจเลยที่จะอยู่กับอีกฝ่าย
  ต่อมาหลังแยกจากอีกฝ่าย นางก็ได้รู้ตัวว่าได้ตั้งท้องลูกของเซี่ยอวี่เสียแล้ว
  ในตอนนั้น นางคิดแค่ว่าตัวนางสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเห็นแก่ลูกในท้อง ต่อให้แต่งเข้าตระกูลเซี่ยในฐานะอนุคนหนึ่งก็ไม่เป็นอะไร นางจึงเดินทางไปหาอีกฝ่ายที่ตระกูลเซี่ย
  แต่ไม่คิดเลยว่า ภรรยาของเซี่ยอวี่กลับไม่ยอมรับนาง ยังคิดจะฆ่านางและแย่งลูกสาวทั้ง 2 ของนางไป
  สุดท้ายด้วยความโชคดีนางก็สามารถหลบหนีมาได้ ทว่านางกลับพาตัวลูกสาวกลับมาได้แค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือหลิงหูชูยิน…แต่เพราะเภทภัยครั้งนั้น ทำให้หลิงหูชูยินถูกลูกหลงจนบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นคนป่วยออดๆแอดๆอยู่นานปี แถมหลังจากร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว ทว่าวิญญาณกลับไม่ฟื้น ทำให้บ่อยครั้งที่อยู่ๆความทรงจำทั้งหมดของนางก็หายไปดื้อๆ
  ต่อมาหลิงหูเหรินเฟิงก็ดิ้นรนทำทุกอย่าง ไปหาโรงหมอลือชื่อ สำนักแพทย์ที่ผู้คนกล่าวขาน ไม่เว้นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญการรักษาจิตวิญญาณทุกที่ หมายรักษาลูกสาวของนางให้หาย
  ในเวลาเดียวกัน นางก็ไม่ลืมหาข่าวคราวของตระกูลเซี่ยในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพไปด้วย เพราะอยากรู้ว่าลูกสาวคนโตของนางเป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว
  พอได้รับทราบว่าลูกสาวของนาง ได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซี่ย และเป็นที่รักของทุกคน นางก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด ในตอนนั้นนางก็ตัดสินใจได้…ว่าขอเพียงลูกสาวของนางปลอดภัยไร้เรื่องราวและอยู่ดีมีสุข ไม่ว่านางต้องทนทุกข์แค่ไหนก็ไม่เป็นไร
  แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าหลายพันปีต่อมา นางจะได้รับทราบข่าวการฆ่าตัวตายของลูกสาวคนโตของนาง แถมสาเหตุยังเป็นเพราะเซี่ยอวี่บีบคั้นให้ลูกสาวของนางไปแต่งกับผู้อื่น!
  วินาทีนั้น นางแทบสิ้นหวัง
  สุดท้ายนางก็หอบหิ้วความคับแค้นใจ หมายไปหาความจากเซี่ยอวี่ว่าดูแลลูกสาวของนางอย่างไร…แต่ไม่ทันที่นางจะได้พบหน้าเซี่ยอวี่ นางก็ถูกภรรยาของเซี่ยอวี่พบเจอเสียก่อน และอีกฝ่ายได้ขู่ว่าจะฆ่านางกับลูกสาวอีกคนให้ตาย หากนางกล้าให้เซี่ยอวี่ล่วงรู้ว่าตัวนางรวมถึงลูกสาวคนเล็กยังมีชีวิตอยู่
  และภรรยาของเซี่ยอวี่คนนั้นยังได้บอกนางอีกว่า ลูกสาวคนโตของนาง น่าจะประสบความสำเร็จในการกลับชาติมาเกิด
  ในเวลานั้น แม้นางจะมีโมโหมากแค่ไหน นางก็ได้แต่กล้ำกลืนลงท้องไปอย่างไม่เต็มใจ ทั้งหมดเพื่อเห็นแก่ลูกสาวคนเล็กของนาง
  หลายปีต่อมา นางก็ได้ยินข่าวว่าลูกสาวคนโตที่กลับชาติมาเกิดของนางได้หวนคืนสู่ตระกูลเซี่ยแล้ว นางก็พอได้โล่งอกอีกครั้ง
  ลูกสาวคนโตของนางกลับมาแล้ว!
  อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักนางก็ได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของนางเลือกที่จะเข้าสู่ระนาบสมรภูมิ หมายต่อต้านชะตากรรมของตัวเอง
  และไม่นานนักนางก็ได้ยินว่า ลูกสาวคนโตของนางได้ขาดการติดต่อไปเลย ไม่ว่าตระกูลเซี่ยกับตระกูลอวิ๋นจะส่งคนไปตามหาแค่ไหนก็ไม่พบเจอ!
  ในตอนนั้นหลิงหูเหรินเฟิง ที่ดิ้นรนรักษาลูกสาวคนเล็กจนดีขึ้นในระดับหนึ่ง ก็คิดจะส่งตัวลูกสาวคนเล็กกลับมายังตระกูลหลิงหู ที่ตัวนางเองก็ไม่ได้กลับมานานปีดีดัก…เพื่อไปตามหาลูกสาวคนโตในระนาบสมรภูมิเพียงลำพัง
  อย่างไรก็ตามลูกสาวคนเล็กของนางกลับดื้อรั้น และไม่เต็มใจจะแยกจากนาง
  นอกจากนั้น ลูกสาวคนเล็กกับลูกสาวคนโต ในฐานะที่เกิดมาเป็นพี่น้องฝาแฝด ทำให้ทั้งคู่มีกระแสจิตเชื่อมโยงกัน ทำให้ลูกสาวคนเล็กสามารถตามหาพี่สาวฝาแฝดของนางได้ เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจพาลูกสาวคนเล็กไปยังระนาบสมรภูมิของดินแดนดาราพิศวงกับระนาบเทพคู่ขนาน เพื่อมองหาช่องโหว่ของกำแพงมิติในระนาบสมรภูมิของดินแดนดาราพิศวง จะได้ทำลายกำแพงมิติดังกล่าว เพื่อไปยังระนาบสมรภูมิแห่งอื่น
  ในตอนแรก นางก็กลับมายังดินแดนดาราพิศวงด้วยวิธีนี้
  “ไม่คิดเลย ว่าจะเป็นเพราะความรักอีกคน…แต่เพื่อหนิงเสวี่ย มันกลับฝ่าฝันจากระนาบโลกียะดั้นด้นมาถึงดินแดนดาราพิศวงได้สำเร็จ แถมยังบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้วด้วย”
  หลิงหูเหรินเฟิงกล่าวพึมพำ “ดูเหมือนมันจะพึ่งมีอายุได้แค่ 700 ปีเศษไม่ใช่หรือไร?”
  “อะไร!? อายุ 700 ปีเศษ?”
  ได้ยินเสียงพึมพำดังกล่าวของหลิงหูเหรินเฟิง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตกตะลึง “เหรินเฟิงเจ้าว่าอะไรนะ…ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะมีอายุ 700 ปีเศษเช่นนั้นรึ? เจ้าจำคนผิดรึเปล่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีอายุ 2,700 กว่าปีแล้ว”
  “อายุ 2,700 กว่าปี?”
  เมื่อหลิงหูเหรินเฟิงได้ยินคำพูดดังกล่าวนางก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยีตามองหลิงหูเหรินเจี๋ยพลางกล่าว “ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะฉลาดไม่เบา ยังรู้ว่าควรเก็บรายละเอียดต่ำ…พี่ใหญ่ ท่านไม่ทราบหรือว่าในระนาบเทพเรามีโอสถซ่อนกระดูกที่ปลอมแปลงอายุได้?”
  พอหลิงหูเหรินเฟิงกล่าวมาเช่นนี้ หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตระหนักได้ทันใด
  จากนั้น พอมันนึกย้อนถึงคำพูดที่น้องสาวกล่าวพึมพำเมื่อครู่ มันก็ฉุดคิดอะไรได้จึงเอ่ยถามออกไป “เหรินเฟิง ฟังจากที่เจ้าพูด…ดูเหมือนชูยินจะไม่ใช่เซี่ยหนิงเสวี่ยภรรยาของต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?”
  “ไม่ใช่”
  หลิงหูเหรินเฟิงส่ายหัวไปมา จากนั้นในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังอื้ออึง นางก็กล่าวคำตัดบทออกมาว่า “พี่ใหญ่ในเมื่อท่านไม่มีใดแล้ว ข้าไปก่อน”
  “ส่วนเรื่องรองประมุขเซวียข้าจะจัดการให้เอง”
  กล่าวจบคำหลิงหูเหรินเฟิงก็ไม่รอให้หลิงหูเหรินเจี๋ยทันใดพูดอะไร ร่างบางไหววูบคราหนึ่ง คนก็คล้ายกลับกลายเป็นภูตผี อันตรธานหายไปในฉับพลัน
  เหลือก็แต่หลิงหูเหรินเจี๋ยที่ยืนอึนอยู่คนเดียว ใบหน้ายังสับสนงงงวยนัก
  …
  นิกายมังกรสวรรค์ ในฐานะที่เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ค่ายกลที่ปกป้องนิกายย่อมแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆ
  ถึงแม้ตระกูลหลิงหูจะเคยปรากฏปรมาจารย์ค่ายกลอัจฉริยะและจัดตั้งค่ายกลปิดฟ้าคอยปกปักษ์คุ้มครองตระกูลเอาไว้ แต่ในแง่ความแข็งแกร่งแล้วก็ไม่อาจสู้ค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสวรรค์ได้เลย
  ค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสรรค์นั้น จักรพรรดิเทพทั่วๆไปก็ไม่อาจบุกฝ่าเข้าไปได้
  ทว่าวันนี้กลับมีร่างหนึ่งเหินมาจากขอบฟ้าไกล ก่อนจะบุกทะลวงฝ่าม่านพลังป้องกันจากค่ายกลพิทักษ์นิกายมังกรสวรรค์ เข้ามาด้วยความเร็วอัศจรรย์!
  ปงงง!!
  เปรี๊ยงงงง!!
  …
  ค่ายกลพิทักษ์ที่ถูกเจาะทะลวง มวลพลังก็เริ่มปั่นป่วน จากนั้นก็พังทลายลงปานเศษกระจก
  “หลังจากผ่านไป 3 ลมหายใจ หากยังไม่ปิดค่ายกลต่อต้านการบุกรุกที่เหลือ ข้าจักทำลายนิกายมังกรสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
  สุรเสียงเย็นชาน่าหวาดหวั่นดังสนั่นลั่นก้องไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์ ทำให้ระดับต่ำยันระดับสูงบังเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจ และในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ กลิ่นอายพลังมหาศาลก็แผ่สะท้านลงมาจากฟ้าเบื้องบน เพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพอันหนักหน่วง กดทับทุกคนให้ลมหายใจติดขัด
  ปงงงง!!
  เสียงระเบิดดังขึ้นลั่นฟ้าอีกครั้ง เป็นค่ายกลสังหารที่เปิดใช้งานเพื่อตอบโต้ผู้บุกรุก ถูกทำลายทิ้งไม่มีชิ้นดี คลื่นพลังสะท้อนยังกวาดสะท้านไปทั่วทิศ ทำลายอาคารปลูกสร้างในละแวกใกล้เคียงพินาศสิ้น
  นอกจากนั้นคลื่นพลังสะท้อนดังกล่าว ยังไม่สิ้นไร้อานุภาพ มันกวาดสะท้านไปซัดแนวเทือกเขาทั้ง 9 จนสั่นสะเทือนปานจะถล่มลงได้ทุกเวลา ทุกแห่งหนในนิกายเสมือนพบเจอกับโหมโรงวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น
  “ใต้เท้าจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ มิทราบท่านเป็นผู้ใด แล้วท่านมาเยือนด้วยเหตุอันใด!?”
  “ใต้เท้าจักรพรรดิเทพ ไม่ทราบท่านมีธุระอันใดกับนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเรา!”
  “ใต้เท้าจักรพรรดิเทพ ท่าน…”
  …
  ระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์เร่งรุดเหินร่างขึ้นฟ้ามาอย่างไม่กล้ารอช้า แต่ละคนเอ่ยคำผสานพลังไถ่ถามออกไปเสียงดัง แม้ในน้ำเสียงจะเจือไว้ด้วยโทสะ แต่ทั้งหมดก็พยายามระงับเอาไว้สุดกำลัง
  ระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์ที่เร่งรุดออกมาคลี่คลายสถานการณ์ ไม่มีข้อยกเว้นใด ล้วนเป็นจอมราชันเทพขั้นสูงหมดสิ้น
  อย่างไรก็ตาม แม้พวกมันจะปรากฏตัวออกมา แต่พวกมันกลับไม่พบเจอใคร
  ในขณะเดียวกัน ในหุบเขาแห่งหนึ่งของนิกายมังกรสรรค์ ร่างหนึ่งที่พึ่งจะเหินออกมาจากสถานที่พักบ่มเพาะ อยู่ๆก็ถูกพลังไร้สภาพที่ซัดลงมาจากฟ้าขุมหนึ่งเพ่งเล็ง
  “ผู้ใด!?”
  ร่างที่ถูกพลังไร้สภาพจากฟากฟ้าเพ่งเล็ง เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าดุดันน่าเกรงขามของมันเปลี่ยนไปในฉับพลัน มันโพล่งตะโกนถามออกมาอย่างดุดัน ทั้งเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตเพื่อต้านทานพลังไร้สภาพที่เพ่งเล็งดังกล่าว
  ปงงง!!
  อย่างไรก็ตาม แม้ชายวัยกลางคนจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อต้านทานแล้ว แต่พลังของมันยามเผชิญหน้ากับพลังไร้สภาพที่ถล่มลงจากฟากฟ้า ก็เสมือนใบไม้แห้งกรอบคิดแข็งข้อฝ่าเท้า สุดท้ายก็ถูกซัดร่วงฟ้าปานดาวตก คนจมหายไปในดินอย่างน่าเวทนา
  ฟุ่บ!
  เงาร่างบางหนึ่ง วูบลงมาปรากฏตัวเหนือหลุมที่ชายวัยกลางคนกำลังปีนขึ้นมาด้วยสภาพยักแย่ยักยัน
  จังหวะนี้สีหน้าชายวัยกลางคนที่ถูกซัดร่วงซีดปานศพ สายตาที่มันใช้มองร่างบางแสนงามตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับเห็นผีกลางวันแสกๆ “จะ…จักรพรรดิเทพ!”
  “เสียงเมื่อครู่…เป็นท่าน!?”
  ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น มันก็คือ เซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์
  เซวียหมิงจื่อ ในฐานะที่เป็นถึงรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ พลังฝีมือของมันนับว่าร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว ยังเหนือล้ำกว่าอาวุโสมังกรดำส่วนใหญ่ ให้กวาดตามองไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์ ก็ยากจะมีใครที่มีพลังเหนือกว่าถึงขั้นบดขยี้ให้มันย่อยยับได้เช่นนี้
  วินาทีนี้มันแทบจะยืนยันได้ทันที ว่าสตรีเบื้องหน้าก็คือตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพอันทรงพลัง!
  พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายบุกฝ่าม่านพลังจากค่ายกลพิทักษ์นิกายเข้ามา ใจมันก็สะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ เพราะนั่นไม่ใช่อะไรที่จักรพรรดิเทพทั่วไปจะกระทำได้เลย!
  “ฉีถงหยวนตายแล้ว”
  โฉมสะคราญไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลิงหูเหรินเฟิงที่พึ่งเดินทางออกจากตระกูลหลิงหู และบุกตะลุยเข้ามาในนิกายมังกรสวรรค์อย่างอุกอาจ นางเหลือบมองลงไปยังร่างเซวียหมิงจื่อด้วยสายตาเฉยชา เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
  ด้านเชวียหมิงจื่อพอได้ยินคำพูดเย็นชาของสตรีงดงามเบื้องหน้า ใจมันก็สั่นสะท้าน ลูกตายังหดเล็กลงเร็วไว “ตะ…ใต้เท้า มิทราบท่านเป็นผู้ใด?”