หลิงหูเหรินเจี๋ยยังแปลกใจไม่หาย กับความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว
แต่มาตอนนี้พอนางได้ยินชื่อ เซี่ยหนิงเสวี่ย และท่าทีของนางเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะดูเหมือนน้องสาวของมันจะอ่อนไหวต่อชื่อเซี่ยหนิงเสวี่ยมาก
หรือเป็นเพราะหลานสาวของมัน หลิงหูชูยิน ก็คือเซี่ยหนิงเสวี่ยที่เป็นภรรยาของต้วนหลิงเทียนจริงๆ?
หรือเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่?
“ข้าได้ยินมาจากต้วนหลิงเทียน”
กับน้องสาวตัวเอง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง และไม่ว่าหลานสาวของมันจะใช่ภรรยาของต้วนหลิงเทียนหรือไม่ การถามนางตรงๆก็น่าจะได้คำตอบชัดเจนที่สุด
“ต้วนหลิงเทียน?”
ได้ยินคำตอบของหลิงหูเหรินเจี๋ยอารมณ์ของหลิงหูเหรินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง เพียงแต่คิ้วนางกลับขดย่นเป็นปม “ข้ารู้สึกว่าชื่อนี้มันคุ้นๆตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนข้าจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง…”
หลิงหูเหรินเจี๋ยคลี่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะพูดออกมา “เจ้าหนูนั่นเคยไปที่เมืองจวินหลิง และโดดไปขวางรถม้าของชิงเจ๋อกลางถนนมาก่อน สุดท้ายก็โดนชิงเจ๋อซัดจนปลิว”
หลายคนรู้เรื่องนี้
ถึงแม้มันจะไม่เคยบอกน้องสาวของมัน แต่มันเชื่อว่าน้องสาวของมันก็สมควรได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว
“ข้าจำได้แล้ว ที่แท้เป็นเจ้านั่นเอง”
หลิงหูเหรินเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉน…มันถึงเอ่ยชื่อเซี่ยหนิงเสวี่ยออกมาได้?”
แม้จะสงบอารมณ์ลงแล้ว แต่ยามหลิงหูเหรินเฟิงกล่าวถึงเซี่ยหนิงเสวี่ยออกมา อารมณ์ของนางก็เริ่มแปรปรวนขึ้นมาทันที
และนี่ยังเป็นเพราะนางพยายามระงับอารมณ์เต็มกำลัง
“เจ้าหนุ่มนั่นมันบอกว่าเซี่ยหนิงเสวี่ยเป็นภรรยาของมัน”
หลิงหูเหรินเจี๋ยถอนหายใจ “วันนั้นมันเห็นว่าหลานชูยินหน้าตาเหมือนภรรยาของมันมาก เช่นนั้นมันก็เลยโดดไปขวางรถม้ากลางถนนเมืองจวินหลิงหมายยืนยันเรื่องราวให้แน่ชัด”
“ต่อมาภายหลัง มันก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลิงหู และพยายามหาทางยืนยันให้ได้ว่าชูยินใช่ภรรยาของมันหรือไม่”
“จากนั้นมันก็ได้ออกจากนิกายหมอกเร้นลับ และมาเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูของพวกเรา”
…
หลิงหูเหรินเจี๋ยค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้หลิงหูเหรินเฟิงฟัง รวมถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าหลิงหูชูยินอาจจะเป็นภรรยาที่พลัดพรากไปในอดีต
“ที่แท้…เป็นมันเองหรือ”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากหลิงหูเหรินเจี๋ย หลิงหูเหรินเฟิงก็อึ้งไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยที่เห็นท่าทีเลื่อนลอยของน้องสาวก็อดแปลกใจไม่ได้
แล้วไฉนน้องสาวของมันถึงพูดออกมาแบบนั้น…ทำราวกับรู้จักต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน!
ที่แท้เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?
มันไม่ได้รู้เลย ว่าตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกของหลิงหูเหรินเฟิงปั่นป่วนทั้งซับซ้อนแค่ไหน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเคยได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เซี่ยหนิงเสวี่ย ลูกสาวอีกคนของนาง
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เซี่ยหนิงเสวี่ย ลูกสาวคนโตของนางเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากแต่งกับอวิ๋นชิงเหยียน นายน้อยตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ หัวใจของนางก็แทบแหลกลงเป็นเสี่ยง!
และในตอนนั้นเอง นางก็ได้เลือกที่จะตัดเยื่อไยสุดท้ายที่มีให้ เซี่ยอวี่ บุรุษไร้น้ำใจผู้นำตระกูลเซี่ยผู้นั้น!
นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันพบหน้าบุรุษสารเลวผู้นั้นอีก
กระทั่งนางจะไม่มีวันให้อีกฝ่ายล่วงรู้ว่าตัวเองยังมีลูกสาวกับนางอีกคน และไม่มีวันให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ว่านาง หลิงหูเหรินเฟิง ยังมีชีวิตอยู่
…
ในตอนนั้น หลิงหูเหรินเฟิงที่ออกจากดินแดนดาราพิศวง และไปเที่ยวที่ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ เพราะอุบัติเหตุบางอย่างก็เลยได้พบเจอ เซี่ยอวี่ โดยบังเอิญ เรื่องราวช่างเข้าทำนองวีรุบุรุษช่วยหญิงงามไม่มีผิด ทำให้นางซาบซึ้งน้ำใจอีกฝ่าย แถมในตอนนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ
นางทีหลงใหลไปกับวีรบุรุษก็เสมือนสาวน้อยไร้สติคนหนึ่ง ถึงแม้นางจะล่วงรู้ว่าเซี่ยอวี่มีภรรยากับลูกแล้ว นางก็ไม่เสียใจเลยที่จะอยู่กับอีกฝ่าย
ต่อมาหลังแยกจากอีกฝ่าย นางก็ได้รู้ตัวว่าได้ตั้งท้องลูกของเซี่ยอวี่เสียแล้ว
ในตอนนั้น นางคิดแค่ว่าตัวนางสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเห็นแก่ลูกในท้อง ต่อให้แต่งเข้าตระกูลเซี่ยในฐานะอนุคนหนึ่งก็ไม่เป็นอะไร นางจึงเดินทางไปหาอีกฝ่ายที่ตระกูลเซี่ย
แต่ไม่คิดเลยว่า ภรรยาของเซี่ยอวี่กลับไม่ยอมรับนาง ยังคิดจะฆ่านางและแย่งลูกสาวทั้ง 2 ของนางไป
สุดท้ายด้วยความโชคดีนางก็สามารถหลบหนีมาได้ ทว่านางกลับพาตัวลูกสาวกลับมาได้แค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือหลิงหูชูยิน…แต่เพราะเภทภัยครั้งนั้น ทำให้หลิงหูชูยินถูกลูกหลงจนบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นคนป่วยออดๆแอดๆอยู่นานปี แถมหลังจากร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว ทว่าวิญญาณกลับไม่ฟื้น ทำให้บ่อยครั้งที่อยู่ๆความทรงจำทั้งหมดของนางก็หายไปดื้อๆ
ต่อมาหลิงหูเหรินเฟิงก็ดิ้นรนทำทุกอย่าง ไปหาโรงหมอลือชื่อ สำนักแพทย์ที่ผู้คนกล่าวขาน ไม่เว้นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญการรักษาจิตวิญญาณทุกที่ หมายรักษาลูกสาวของนางให้หาย
ในเวลาเดียวกัน นางก็ไม่ลืมหาข่าวคราวของตระกูลเซี่ยในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพไปด้วย เพราะอยากรู้ว่าลูกสาวคนโตของนางเป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว
พอได้รับทราบว่าลูกสาวของนาง ได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซี่ย และเป็นที่รักของทุกคน นางก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด ในตอนนั้นนางก็ตัดสินใจได้…ว่าขอเพียงลูกสาวของนางปลอดภัยไร้เรื่องราวและอยู่ดีมีสุข ไม่ว่านางต้องทนทุกข์แค่ไหนก็ไม่เป็นไร
แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าหลายพันปีต่อมา นางจะได้รับทราบข่าวการฆ่าตัวตายของลูกสาวคนโตของนาง แถมสาเหตุยังเป็นเพราะเซี่ยอวี่บีบคั้นให้ลูกสาวของนางไปแต่งกับผู้อื่น!
วินาทีนั้น นางแทบสิ้นหวัง
สุดท้ายนางก็หอบหิ้วความคับแค้นใจ หมายไปหาความจากเซี่ยอวี่ว่าดูแลลูกสาวของนางอย่างไร…แต่ไม่ทันที่นางจะได้พบหน้าเซี่ยอวี่ นางก็ถูกภรรยาของเซี่ยอวี่พบเจอเสียก่อน และอีกฝ่ายได้ขู่ว่าจะฆ่านางกับลูกสาวอีกคนให้ตาย หากนางกล้าให้เซี่ยอวี่ล่วงรู้ว่าตัวนางรวมถึงลูกสาวคนเล็กยังมีชีวิตอยู่
และภรรยาของเซี่ยอวี่คนนั้นยังได้บอกนางอีกว่า ลูกสาวคนโตของนาง น่าจะประสบความสำเร็จในการกลับชาติมาเกิด
ในเวลานั้น แม้นางจะมีโมโหมากแค่ไหน นางก็ได้แต่กล้ำกลืนลงท้องไปอย่างไม่เต็มใจ ทั้งหมดเพื่อเห็นแก่ลูกสาวคนเล็กของนาง
หลายปีต่อมา นางก็ได้ยินข่าวว่าลูกสาวคนโตที่กลับชาติมาเกิดของนางได้หวนคืนสู่ตระกูลเซี่ยแล้ว นางก็พอได้โล่งอกอีกครั้ง
ลูกสาวคนโตของนางกลับมาแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักนางก็ได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของนางเลือกที่จะเข้าสู่ระนาบสมรภูมิ หมายต่อต้านชะตากรรมของตัวเอง
และไม่นานนักนางก็ได้ยินว่า ลูกสาวคนโตของนางได้ขาดการติดต่อไปเลย ไม่ว่าตระกูลเซี่ยกับตระกูลอวิ๋นจะส่งคนไปตามหาแค่ไหนก็ไม่พบเจอ!
ในตอนนั้นหลิงหูเหรินเฟิง ที่ดิ้นรนรักษาลูกสาวคนเล็กจนดีขึ้นในระดับหนึ่ง ก็คิดจะส่งตัวลูกสาวคนเล็กกลับมายังตระกูลหลิงหู ที่ตัวนางเองก็ไม่ได้กลับมานานปีดีดัก…เพื่อไปตามหาลูกสาวคนโตในระนาบสมรภูมิเพียงลำพัง
อย่างไรก็ตามลูกสาวคนเล็กของนางกลับดื้อรั้น และไม่เต็มใจจะแยกจากนาง
นอกจากนั้น ลูกสาวคนเล็กกับลูกสาวคนโต ในฐานะที่เกิดมาเป็นพี่น้องฝาแฝด ทำให้ทั้งคู่มีกระแสจิตเชื่อมโยงกัน ทำให้ลูกสาวคนเล็กสามารถตามหาพี่สาวฝาแฝดของนางได้ เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจพาลูกสาวคนเล็กไปยังระนาบสมรภูมิของดินแดนดาราพิศวงกับระนาบเทพคู่ขนาน เพื่อมองหาช่องโหว่ของกำแพงมิติในระนาบสมรภูมิของดินแดนดาราพิศวง จะได้ทำลายกำแพงมิติดังกล่าว เพื่อไปยังระนาบสมรภูมิแห่งอื่น
ในตอนแรก นางก็กลับมายังดินแดนดาราพิศวงด้วยวิธีนี้
“ไม่คิดเลย ว่าจะเป็นเพราะความรักอีกคน…แต่เพื่อหนิงเสวี่ย มันกลับฝ่าฝันจากระนาบโลกียะดั้นด้นมาถึงดินแดนดาราพิศวงได้สำเร็จ แถมยังบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้วด้วย”
หลิงหูเหรินเฟิงกล่าวพึมพำ “ดูเหมือนมันจะพึ่งมีอายุได้แค่ 700 ปีเศษไม่ใช่หรือไร?”
“อะไร!? อายุ 700 ปีเศษ?”
ได้ยินเสียงพึมพำดังกล่าวของหลิงหูเหรินเฟิง หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตกตะลึง “เหรินเฟิงเจ้าว่าอะไรนะ…ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะมีอายุ 700 ปีเศษเช่นนั้นรึ? เจ้าจำคนผิดรึเปล่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีอายุ 2,700 กว่าปีแล้ว”
“อายุ 2,700 กว่าปี?”
เมื่อหลิงหูเหรินเฟิงได้ยินคำพูดดังกล่าวนางก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยีตามองหลิงหูเหรินเจี๋ยพลางกล่าว “ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะฉลาดไม่เบา ยังรู้ว่าควรเก็บรายละเอียดต่ำ…พี่ใหญ่ ท่านไม่ทราบหรือว่าในระนาบเทพเรามีโอสถซ่อนกระดูกที่ปลอมแปลงอายุได้?”
พอหลิงหูเหรินเฟิงกล่าวมาเช่นนี้ หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ตระหนักได้ทันใด
จากนั้น พอมันนึกย้อนถึงคำพูดที่น้องสาวกล่าวพึมพำเมื่อครู่ มันก็ฉุดคิดอะไรได้จึงเอ่ยถามออกไป “เหรินเฟิง ฟังจากที่เจ้าพูด…ดูเหมือนชูยินจะไม่ใช่เซี่ยหนิงเสวี่ยภรรยาของต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่”
หลิงหูเหรินเฟิงส่ายหัวไปมา จากนั้นในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังอื้ออึง นางก็กล่าวคำตัดบทออกมาว่า “พี่ใหญ่ในเมื่อท่านไม่มีใดแล้ว ข้าไปก่อน”
“ส่วนเรื่องรองประมุขเซวียข้าจะจัดการให้เอง”
กล่าวจบคำหลิงหูเหรินเฟิงก็ไม่รอให้หลิงหูเหรินเจี๋ยทันใดพูดอะไร ร่างบางไหววูบคราหนึ่ง คนก็คล้ายกลับกลายเป็นภูตผี อันตรธานหายไปในฉับพลัน
เหลือก็แต่หลิงหูเหรินเจี๋ยที่ยืนอึนอยู่คนเดียว ใบหน้ายังสับสนงงงวยนัก
…
นิกายมังกรสวรรค์ ในฐานะที่เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ค่ายกลที่ปกป้องนิกายย่อมแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆ
ถึงแม้ตระกูลหลิงหูจะเคยปรากฏปรมาจารย์ค่ายกลอัจฉริยะและจัดตั้งค่ายกลปิดฟ้าคอยปกปักษ์คุ้มครองตระกูลเอาไว้ แต่ในแง่ความแข็งแกร่งแล้วก็ไม่อาจสู้ค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสวรรค์ได้เลย
ค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสรรค์นั้น จักรพรรดิเทพทั่วๆไปก็ไม่อาจบุกฝ่าเข้าไปได้
ทว่าวันนี้กลับมีร่างหนึ่งเหินมาจากขอบฟ้าไกล ก่อนจะบุกทะลวงฝ่าม่านพลังป้องกันจากค่ายกลพิทักษ์นิกายมังกรสวรรค์ เข้ามาด้วยความเร็วอัศจรรย์!
ปงงง!!
เปรี๊ยงงงง!!
…
ค่ายกลพิทักษ์ที่ถูกเจาะทะลวง มวลพลังก็เริ่มปั่นป่วน จากนั้นก็พังทลายลงปานเศษกระจก
“หลังจากผ่านไป 3 ลมหายใจ หากยังไม่ปิดค่ายกลต่อต้านการบุกรุกที่เหลือ ข้าจักทำลายนิกายมังกรสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
สุรเสียงเย็นชาน่าหวาดหวั่นดังสนั่นลั่นก้องไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์ ทำให้ระดับต่ำยันระดับสูงบังเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจ และในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ กลิ่นอายพลังมหาศาลก็แผ่สะท้านลงมาจากฟ้าเบื้องบน เพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพอันหนักหน่วง กดทับทุกคนให้ลมหายใจติดขัด
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นลั่นฟ้าอีกครั้ง เป็นค่ายกลสังหารที่เปิดใช้งานเพื่อตอบโต้ผู้บุกรุก ถูกทำลายทิ้งไม่มีชิ้นดี คลื่นพลังสะท้อนยังกวาดสะท้านไปทั่วทิศ ทำลายอาคารปลูกสร้างในละแวกใกล้เคียงพินาศสิ้น
นอกจากนั้นคลื่นพลังสะท้อนดังกล่าว ยังไม่สิ้นไร้อานุภาพ มันกวาดสะท้านไปซัดแนวเทือกเขาทั้ง 9 จนสั่นสะเทือนปานจะถล่มลงได้ทุกเวลา ทุกแห่งหนในนิกายเสมือนพบเจอกับโหมโรงวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น
“ใต้เท้าจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ มิทราบท่านเป็นผู้ใด แล้วท่านมาเยือนด้วยเหตุอันใด!?”
“ใต้เท้าจักรพรรดิเทพ ไม่ทราบท่านมีธุระอันใดกับนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเรา!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิเทพ ท่าน…”
…
ระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์เร่งรุดเหินร่างขึ้นฟ้ามาอย่างไม่กล้ารอช้า แต่ละคนเอ่ยคำผสานพลังไถ่ถามออกไปเสียงดัง แม้ในน้ำเสียงจะเจือไว้ด้วยโทสะ แต่ทั้งหมดก็พยายามระงับเอาไว้สุดกำลัง
ระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์ที่เร่งรุดออกมาคลี่คลายสถานการณ์ ไม่มีข้อยกเว้นใด ล้วนเป็นจอมราชันเทพขั้นสูงหมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม แม้พวกมันจะปรากฏตัวออกมา แต่พวกมันกลับไม่พบเจอใคร
ในขณะเดียวกัน ในหุบเขาแห่งหนึ่งของนิกายมังกรสรรค์ ร่างหนึ่งที่พึ่งจะเหินออกมาจากสถานที่พักบ่มเพาะ อยู่ๆก็ถูกพลังไร้สภาพที่ซัดลงมาจากฟ้าขุมหนึ่งเพ่งเล็ง
“ผู้ใด!?”
ร่างที่ถูกพลังไร้สภาพจากฟากฟ้าเพ่งเล็ง เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าดุดันน่าเกรงขามของมันเปลี่ยนไปในฉับพลัน มันโพล่งตะโกนถามออกมาอย่างดุดัน ทั้งเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตเพื่อต้านทานพลังไร้สภาพที่เพ่งเล็งดังกล่าว
ปงงง!!
อย่างไรก็ตาม แม้ชายวัยกลางคนจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อต้านทานแล้ว แต่พลังของมันยามเผชิญหน้ากับพลังไร้สภาพที่ถล่มลงจากฟากฟ้า ก็เสมือนใบไม้แห้งกรอบคิดแข็งข้อฝ่าเท้า สุดท้ายก็ถูกซัดร่วงฟ้าปานดาวตก คนจมหายไปในดินอย่างน่าเวทนา
ฟุ่บ!
เงาร่างบางหนึ่ง วูบลงมาปรากฏตัวเหนือหลุมที่ชายวัยกลางคนกำลังปีนขึ้นมาด้วยสภาพยักแย่ยักยัน
จังหวะนี้สีหน้าชายวัยกลางคนที่ถูกซัดร่วงซีดปานศพ สายตาที่มันใช้มองร่างบางแสนงามตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับเห็นผีกลางวันแสกๆ “จะ…จักรพรรดิเทพ!”
“เสียงเมื่อครู่…เป็นท่าน!?”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น มันก็คือ เซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์
เซวียหมิงจื่อ ในฐานะที่เป็นถึงรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ พลังฝีมือของมันนับว่าร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว ยังเหนือล้ำกว่าอาวุโสมังกรดำส่วนใหญ่ ให้กวาดตามองไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์ ก็ยากจะมีใครที่มีพลังเหนือกว่าถึงขั้นบดขยี้ให้มันย่อยยับได้เช่นนี้
วินาทีนี้มันแทบจะยืนยันได้ทันที ว่าสตรีเบื้องหน้าก็คือตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพอันทรงพลัง!
พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายบุกฝ่าม่านพลังจากค่ายกลพิทักษ์นิกายเข้ามา ใจมันก็สะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ เพราะนั่นไม่ใช่อะไรที่จักรพรรดิเทพทั่วไปจะกระทำได้เลย!
“ฉีถงหยวนตายแล้ว”
โฉมสะคราญไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลิงหูเหรินเฟิงที่พึ่งเดินทางออกจากตระกูลหลิงหู และบุกตะลุยเข้ามาในนิกายมังกรสวรรค์อย่างอุกอาจ นางเหลือบมองลงไปยังร่างเซวียหมิงจื่อด้วยสายตาเฉยชา เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
ด้านเชวียหมิงจื่อพอได้ยินคำพูดเย็นชาของสตรีงดงามเบื้องหน้า ใจมันก็สั่นสะท้าน ลูกตายังหดเล็กลงเร็วไว “ตะ…ใต้เท้า มิทราบท่านเป็นผู้ใด?”