ตอนที่ 3818 เซวียหมิงจื่อ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในตอนนี้ความสิ้นหวังแทบจะกัดกินหัวใจเซวียหมิงจื่อหมดสิ้น
  ถึงแม้สตรีเบื้องหน้าจะยังไม่ได้เปิดเผยความเป็นมา แต่ในเมื่อเอ่ยคำว่า ฉีถงหยวน ตายแล้วออกมา เช่นนั้นมันก็ตระหนักได้ทันทีว่าความตายของฉีถงหยวนต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันบอกให้อีกฝ่ายไปทำแน่นอน
  เพียงแค่ มันขบคิดอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้
  ไม่ใช่ว่ามันแค่ขอให้เซวียหมิงจื่อไปเข่นฆ่าผู้นำตระกูลระดับจอมราชันเทพ ที่ไม่มีแม้แต่จอมราชันเทพขั้นกลางหรือไร?
  แล้วไฉนจึงเป็นการยั่วยุตัวตนระดับจักรพรรดิเทพที่ทำให้ใจมันสั่นกลัวได้?
  ในเวลาเดียวกัน เซวียหมิงจื่อยังพบอีกด้วยว่า สำนึกเทวะของมันที่พยายามแผ่ออกไปด้านนอก เพื่อขอความช่วยเหลือกลับถูกสำนึกเทวะของอีกฝ่ายที่ทรงพลังเหนือกว่าปิดกั้นโดยสมบูรณ์ …กระทั่งคิดจะส่งข้อความก็ไม่อาจทำได้ ยากจะติดต่อกับผู้ใด
  จุดนี้ก็สังเกตได้ง่ายๆจากการที่ไม่มีใครมาช่วยมันอยู่นาน
  ข้อความที่มันลอบส่งไปสมควรถูกอีกฝ่ายหยุดยั้งเอาไว้แล้ว
  “หลิงหูเหรินเจี๋ยเป็นพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันกับข้า”
  ได้ยินคำถามไม่เต็มใจของเซวียหมิงจื่อ โฉมงามนามหลิงหูเหรินเฟิงก็เอ่ยออกเสียงเบา
  ด้านเซวียหมิงจื่อแม้จะเตรียมใจไว้แต่แรก ว่า 9 ใน 10 จักรพรรดิเทพเบื้องหน้าสมควรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิงหูไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…แต่พอมาได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเข้าจริงๆ ใจมันก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
  ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพผู้นี้เป็นน้องสาวของหลิงหูเหรินเจี๋ย?
  ตระกูลระดับจอมราชันเทพอันกระจ้อยร่อย กลับมีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพอันทรงพลังดำรงอยู่?
  เรื่องพรรค์นี้ไฉนมันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน!
  ในขณะที่ใจของเซวียหมิงจื่อรู้สึกยากจะเชื่อเรื่องราวได้ มันก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
  มันถึงกับบอกให้ใครบางคนไปเข่นฆ่าพี่ชายของจักรพรรดิเทพ
  “หากข้าได้ตกตายด้วยน้ำมือของใต้เท้าจักรพรรดิเทพท่าน ชีวิตข้าเซวียหมิงจื่อก็ไม่ถือว่าสูญเปล่าแล้ว”
  เซวียหมิงจื่อที่สิ้นหวัง กล่าวคำด้วยสีหน้าขื่นขม
  ตาย!
  คราวนี้มันตายแน่!!
  มันส่งคนไปฆ่าพี่ชายของจักรพรรดิเทพอันทรงพลัง หากเป็นมัน ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้บงการเช่นนี้รอดเงื้อมมือไปได้แน่นอน!
  เหตุผลที่ไฉนอีกฝ่ายถึงบุกมาหามันถึงนิกายมังกรสวรรค์ได้ ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าต้องเป็นฉีถงหยวนขายมันแน่
  เป็นธรรมดาว่ามันเองก็ไม่คิดจะโทษฉีถงหยวน เพราะมันรู้ดีว่าหากเป็นมัน เพียงเพื่อเอาชีวิตรอดก็ไม่พ้นต้องขายคนที่บงการเหมือนฉีถงหยวนแน่นอน
  อย่างไรก็ตาม ฟังจากคำพูดอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าแม้ฉีถงหยวนจะขายมันแล้ว แต่ก็หนีไม่พ้นความตาย
  ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ตัวมันจะเอาอะไรไปรอด?
  ‘หากนังหนูไม่ได้แต่งงานกับศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง และถ้าข้าไม่ใจอ่อนเพราะนังหนูมาร้องขอ ไหนเลยข้าจะสอดมือมายุ่งเรื่องนี้…เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้’
  จังหวะนี้ในใจของเซวียหมิงจื่อเต็มไปด้วยความเสียใจ
  แต่มันก็รู้ ว่าใต้หล้าไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ
  แถมใจมันยังไม่เหลือความคิดร้องขอชีวิตด้วยซ้ำ
  หากกระทั่งฉีตงหยวนยังตายคามืออีกฝ่าย เช่นนั้นอีกฝ่ายจะปล่อยผู้บงการเช่นมันไปได้อย่างไร
  ในขณะที่ความคิดของเซวียหมิงจื่อเต็มไปด้วยความอับจนสิ้นหนทาง หลิงหูเหรินเฟิงก็เอ่ยคำออกมาเสียงเรียบ “ผู้ใดบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้า”
  ได้ยินคำพูดของหลิงหูเหรินเฟิง เซวียหมิงจื่อก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้ามันก็เริ่มเต็มไปด้วยความยินดี “ใต้เท้าท่าน…ท่านไม่ได้จะฆ่าข้าหรือ?”
  “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีความแค้นอะไรกับต้วนหลิงเทียน”
  ตอนนี้เองหลิงหูเหรินเฟิงก็มองเซวียหมิงจื่อด้วยสายตาไม่แยแส เอ่ยสืบต่อว่า “และข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเล่นงานต้วนหลิงเทียนอย่างไร เพราะสุดท้ายมันก็แค่อาคันตุกะของตระกูลหลิงหู และบัดนี้มันก็ได้ออกจากตระกูลหลิงหูแล้ว เช่นนั้นมันจะอยู่หรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของข้า”
  “อย่างไรก็ตาม ต่อไปหากเจ้ากล้าแตะต้องคนของตระกูลหลิงหูข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
  “เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”
  กล่าวถึงท้ายประโยคหลิงหูเหรินเฟิงก็มองจ้องตาเซวียหมิงจื่อเขม็ง
  ด้านเซวียหมิงจื่อที่กำลังยินดีมีสุขที่สามารถเก็บกู้ชีวิตมาได้ ก็เร่งเอ่ยคำตอบหลิงหูเหรินเฟิงเร็วไว “เข้าใจ ข้าเข้าใจแล้ว ขอใต้เท้ามั่นใจได้ ว่าหลังจากนี้ข้าจะไม่มีวันแตะต้องคนของตระกูลหลิงหู กระทั่งหากพบเจอคนของตระกูลหลิงหูข้ายังจะไว้หน้าอีกฝ่าย 3 ส่วน! รับรองว่าไม่กล้าคิดร้ายต่อคนตระกูลหลิงหูท่านแน่!!”
  “ข้าหวังว่าเจ้าจะทำได้อย่างปากพูด หาไม่แล้วมิว่าเจ้าจักไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดให้ลึกแค่ไหน ข้าก็จักขุดเจ้าออกมาฆ่าให้ตาย!”
  หลิงหูเหรินเฟิงกล่าวจบคำ ร่างของนางก็อันตรธานหายไปทันที
  ด้านเซวียหมิงจื่อที่รอดชีวิตมาได้อย่างเหนือความคาดหมาย พอสัมผัสได้ว่าสามารถควบคุมพลังเทพของตัวเองได้แล้ว มันก็เร่งเดินพลังเทพไปทั่วร่างทันที เพราะเมื่อครู่พลังในร่างของมันถูกอีกฝ่ายสะกดไว้จนไม่อาจใช้ออกได้ด้วยซ้ำ
  จากนั้นร่างมันก็ไหววูคราหนึ่ง พริบตาคนก็ออกมาจากหลุม และสิ่งแรกที่เซวียหมิงจื่อกระทำก็คือการถมหลุมที่มีรูปร่างเป็นตัวคนให้เต็ม
  ถูกอัดจมดินเช่นนี้ เป็นเรื่องน่าอายยิ่งนัก มันย่อมไม่อยากให้ผู้ใดพบเห็น
  หลังจากถมหลุมที่มันถูกซัดจมดินแล้วเสร็จ เซวียหมิงจื่อก็ยืนอึอยู่พักหนึ่ง ใจมันยังสั่นด้วยความหวาดกลัวไม่หาย จากนั้นมันก็เริ่มหันมองไปรอบๆ ยังรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ไฉนก่อนหน้ามันถึงไม่เคยสังเกตเห็นกัน?
  “โชคดี…ช่างโชคดีนัก!”
  “ฟังจากคำกล่าวของนาง หมายความว่าตราบใดที่ข้าไม่แตะต้องคนของตระกูลหลิงหู ก็ไม่มีเรื่องราวใด ส่วนเรื่องเล่นงานต้วนหลิงเทียนนั่นมิได้ห้าม…”
  หลังจากที่เซวียหมิงจื่อรู้สึกโล่งใจ ประกายเยียบเย็นก็เรืองขึ้นในแววตาวูบหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีวันเลิกรากับต้วนหลิงเทียนนั่น!”
  “ในอดีตข้าไม่เคยมีความแค้นความบาดหมางกับมันเป็นการส่วนตัว…แต่วันนี้เพราะมันคนเดียว ข้าถึงเกือบตายคามือจักรพรรดิเทพอันทรงพลัง!”
  “ในเมื่อข้าไม่อาจล้างแค้นจักรพรรดิเทพผู้นั้นได้ และไม่กล้าหาเรื่องอะไรกับคนของตระกูลหลิงหู…แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำให้มันต้องทุกข์ทรมานไม่ได้!”
  “ในเมื่อจักรพรรดิเทพอันทรงพลังไม่คิดปกป้องมัน ข้ายังต้องกลัวอันใดอีก!”
  ยิ่งมาสองตาเซวียหมิงจื่อก็ยิ่งฉายชัดถึงจิตฆ่าฟัน
  ตั้งแต่ที่มันฝึกฝนบ่มเพาะมา นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของมันเลยจริงๆ ที่โดนคนซัดจนร่างจมดินให้อับอายขายหน้าแบบนี้ เพียงแค่เพราะพลังฝีมือมันอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่าย มันก็ได้แต่กล้ำกลืนความอัปยศแต่โดยดี ไม่มีความคิดล้างแค้นอีกฝ่ายหลงเหลืออยู่ในหัว
  อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้มันต้องกล้ำกลืนความอัปยศอดสูวันนี้ และจดจำได้ว่าจักรพรรดิเทพอันทรงพลังไม่คิดปกป้องต้วนหลิงเทียน ใจมันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนขึ้นมา
  “ยิ่งไปกว่านั้น ถึงข้าจะไม่ฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่น…มันไม่พ้นต้องรับทราบเรื่องราวครั้งนี้จากปากหลิงหูเหรินเจี๋ยแน่นอน”
  “มันต้องทราบว่าเป็นข้าที่อยากฆ่ามัน”
  “เด็กน้อยอัจฉริยะที่มีศักยภาพเด่นล้ำเช่นมัน หากไม่รีบฆ่าตายปล่อยให้เติบโตก้าวหน้าต่อไป วันหน้าเกรงว่าคนที่ต้องตายคงเป็นตัวข้าเอง!”
  “ต้องรีบบีบคอมันให้ตายตั้งแต่นอนเปล!”
  …
  คิดถึงจุดนี้ สองตาเซวียหมิงจื่อก็ยิ่งฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน
  ขณะเดียวกัน หลังมันกลับไปยังสถานที่พักบ่มเพาะแล้ว มันก็เรียกลูกเขยที่เป็นศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้งมาเข้าพบทันที “เจ้ากับอาจารย์ของเจ้ามาหาข้าเสีย ข้ามีอะไรจะพูดกับพวกเจ้าศิษย์อาจารย์”
  เซวียหมิงจื่อไม่คิดจะบอกใครเรื่องที่จักรพรรดิเทพตั้งใจมาหามัน
  สุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันก็น่าอาย ทั้งยั้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนัก
  อย่างไรก็ตาม มันคิดจะเตือนศิษย์อาจารย์กวงเทียนเจิ้ง ว่าเรื่องฆ่าต้วนหลิงเทียนนั้นไม่อาจไม่ทำ แต่ห้ามแตะต้องคนของตระกูลหลิงหูเด็ดขาด!
  มันไม่ต้องการให้จักรพรรดิเทพต้องมีโมโหมัน เพราะศิษย์อาจารย์กวงเทียนเจิ้งทำเรื่องโง่ๆอย่างแตะต้องคนของตระกูลหลิงหูลงไป
  มันไม่คิดว่าครั้งหน้ามันจะยังโชคดีแบบนี้อยู่อีก
  …
  ในนิกายมังกรสวรรค์ตอนนี้ ด้วยความเคลื่อนไหวใหญ่โตจนฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือน นอกจากผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะแล้ว ไม่มีใครไม่แตกตื่น
  กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ตื่นตัวไม่น้อย
  หลังก้าวออกมาที่ลานด้านหน้า ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายในได้ทยอยกันออกมาจากบ้านและลอยล่องบนฟ้ากันหนาตา พากันกระซิบกระซาบคุยกันเสียงดังระงม
  “ผู้ที่บุกมาสร้างความวุ่นวาย ใช่ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพหรือไม่!?”
  “ดูเหมือนว่าจักเป็นเช่นนั้น…แถมต้องเป็นจักรพรรดิเทพที่ทรงพลังมากอีกด้วย ถึงสามารถบุกฝ่าค่ายกลป้องกันของนิกายมังกรสวรรค์พวกเราเข้ามาได้ง่ายๆ และประกาศออกมาว่าจะทำลายนิกายเราให้ราบเป็นหน้ากลองเช่นนั้นหากว่านิกายเราไม่ปิดค่ายกลต่อต้านผู้บุกรุก”
  “สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้น่านฟ้าของพวกเราไม่มีพลังอาคมใดๆเหลืออยู่เลย”
  “จักรพรรดิเทพที่บุกมาน่ากลัวว่าจะไม่ใช่แค่จักรพรรดิเทพขั้นต่ำธรรมดาๆ เพราะข้าได้ยินมาว่าค่ายกลพิทักษ์ของนิกายมังกรสวรรค์เรา ต่อให้เป็นตัวตนระดับจักรพรรดิเทพ แต่ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิเทพที่ทรงพลังก็ไม่มีทางบุกเข้ามาได้”
  ……
  ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์ฝ่ายใน รวมถึงกับเสียงประกาศดังสนั่นเมื่อครู่ สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนรู้ก็คือ ผู้ที่บุกมาสมควรเป็นสตรีแน่นอน
  เพียงแค่นางเป็นสตรีที่ทรงพลัง ทั้งเก่งกาจเหนือล้ำบุรุษ!
  และดูจากที่นิกายมังกรสวรรค์ปิดการใช้งานค่ายกลทั้งหมด บอกให้รู้ชัดว่าหวั่นเกรงอีกฝ่ายมากจริงๆ
  แถมตอนนี้เขายังสังเกตเห็นระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์ลอยค้างกลางหาวอย่างทำอะไรไม่ถูก ส่วนสตรีร้ายกาจที่บุกมาก็ไม่ทราบหายไปที่ใดแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่ได้สนใจระดับสูงเหล่านั้นของนิกายมังกรสวรรค์เลย
  ซัว!
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปผุดโผล่ข้างๆร่างคนสองคน เป็นติงเหยียนกับโหวชิ่งหนิง
  “ต้วนหลิงเทียน ผู้ที่บุกมาเป็นจักรพรรดิเทพอันทรงพลังนัก! ท่านลุงสือคงบอกข้ามาว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นต่ำ!!”
  “ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าพึ่งเข้านิกายมังกรสวรรค์ได้ไม่ทันไร จะพบเจอเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้แล้ว”
  ติงเหยียนกับโหวชิ่งหนิงเร่งกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นคึกคัก คล้ายพวกมันไม่รู้เลยว่าเรื่องราวครั้งนี้มันร้ายแรงขนาดไหน
  “ฟังจากที่คนพูดๆกัน ข้าเองก็พอจะเดาได้แต่แรก”
  ต้วนหลิงเทียนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ไฉนพวกเจ้าถึงได้คึกคักกันนักล่ะ เกิดจักรพรรดิเทพผู้นั้นมาร้าย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะพลอยซวยไปด้วยก็ได้…”
  พอได้ยิน โหวชิ่งหนิงที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน ก็เร่งกล่าวออกมาพลางยิ้มแหยๆ “จริงของเจ้า ข้าดันตื่นเต้นไปหน่อย…ช่วยไม่ได้ เพราะสำหรับข้าแล้วจักรพรรดิเทพเป็นตัวคนที่ดำรงอยู่แค่ในตำนานเชียวนะ”
  “ฟังจากเสียงเมื่อครู่แม้ฟังแล้วเหมือนยังสาว แต่ไม่พ้นต้องชรามากแล้วแน่ๆ ถ้าหากว่านางเต็มใจรับข้าเป็นหลานบุญธรรมล่ะก็ ข้ายินดีคุกเข่าโขกหัวให้นางเรียกหาว่าท่านยายทุกค่ำเช้าเลยเอ้า เพราะถ้าข้ามียายเช่นนาง ต่อไปในนิกายมังกรสวรรค์ยังมีใครกล้าหือข้าอีก?”
  โหวชิ่งหนิงยิ่งกล่าวยิ่งฟังดูเหลวไหลใหญ่แล้ว
  ติงเหยียนถึงกับเหินร่างถอยห่างออกไป ราวกับไม่อยากให้ใครรู้ว่ามันรู้จักกับอีกฝ่าย
  ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอา
  ไฉนเขาถึงไม่รู้มาก่อน ว่าโหวชิ่งหนิงมันไร้ยางอายขนาดนี้
  วูบ!
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนมีประกายแสงหนึ่งพุ่งวาบผ่านตา และประกายแสงดังกล่าวก็คล้ายจะพุ่งเข้าใส่โหวชิ่งหนิง และไม่ทันที่เขาจะได้รู้สึกตัวเสียงหนึ่งก็ดังสนั่นเข้าหู!
  ตูมมมม!!
  เสียงดังกล่าวไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ยังดึงดูดความสนใจของคนอื่นอีกด้วย
  ทุกคนรวมถึงต้วนหลิงเทียนจึงหันไปมองตามต้นเสียงทันที และมองไปปราดเดียวก็เห็นร่างโหวชิ่งหนิงถูกซัดจนคนฝังไปกับผนังหุบเขา เลือดกระอักออกปากเป็นสาย
  ด้านโหวชิ่งหนิงที่ถูกซัดจนกลายเป็นประติมากรรมฝาผนัง ในแววตาก็หลงเหลือเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น
  เพราะเมื่อครู่มีเสียงหนึ่งส่งตรงถึงหูมัน
  “ครั้งนี้ข้าแค่สั่งสอนบทเรียนเล็กๆน้อยๆให้เจ้าเท่านั้น วันหน้าหากได้ยินเจ้าพูดเหลวไหลเช่นนี้อีก ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
  และเสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงแปลกหูสำหรับมันเลย เพราะมันพึ่งจะได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นไม่นานนัก…เป็นเสียงของจักรพรรดิเทพที่บุกเข้ามาในนิกายมังกรสวรรค์อย่างอุกอาจ นางร้ายกาจถึงขั้นข่มขู่ให้ระดับสูงของนิกายมังกรสวรรค์จำต้องปิดค่ายกลต่อต้านผู้บุกรุก!
  วินาทีใจของโหวชิ่งหนิงเรียกว่าตื่นกลัวจนเตลิดเปิดเปิงแล้ว มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆวาจาเหลวไหลที่มันพูดออกมาขำๆ กลับทำให้จักรพรรดิเทพอันทรงพลังนั่นทุบตีมันแบบนี้
  จักรพรรดิเทพผู้นั้นดุร้ายขนาดนี้เชียวหรือ!?
  “เกิดอะไรขึ้น!?”
  “ใครซัดเจ้านั่นจมผนังผากัน!?”
  …
  ในขณะที่ศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายกำลังสงสัยว่าใครซัดโหวชิ่งหนิงจนร่างฝังอยู่ในผนังผา ด้านต้วนหลิงเทียนที่เร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบ พอพบว่าโหชิ่งหนิงไม่ได้ถูกทำร้าจนเจ็บหนักอะไร ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
  และแทบจะพร้อมๆกันกับที่เขาระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกนั้นเอง
  “หืม?”
  ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่า มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่กลางฝ่ามือเขา เช่นนั้นเขาก็เลยความมันเอาไว้โดยไม่รู้ตัว พอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นแหวนพื้นที่วงหนึ่ง
  ขณะเดียวกัน เสียงผ่านพลังของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นในหูเขา
  ‘เป็นจักรพรรดิเทพอันร้ายกาจที่บุกมาเมื่อครู่!’
  ทันทีที่ได้ยินเสียงผ่านพลัง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันที