หวงอวิ๋น อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะคนนี้ มันได้กักตัวฝึกตนอย่างสันโดษมานับสิบปี จนกระทั่ง 2 เดือนก่อน มันที่ได้ยินเสียงประกาศจากประมุขนิกายก็เลยตื่นขึ้น…
จากนั้น พอได้รับทราบว่าศึกจักรพรรดิกำลังจะเริ่มต้นขึ้น มันก็ตกใจไม่น้อย หลังจากสงบสติได้ มันก็เริ่มวิ่งวุ่นเตรียมการหลายๆอย่าง ทำตัวให้พร้อมสู้ศึกจักรพรรดิ
เช่นนั้นมันก็เลยไม่มีเวลารับรู้ข่าวสารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเลย
ทำให้มันไม่รู้ถึงการคงอยู่ของต้วนหลิงเทียน นับประสาอะไรกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพอายุไม่ถึง 3,000 ปี แต่หลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดได้ง่ายๆราวกินข้าวดื่มน้ำ
‘อะไร! อายุไม่ถึง 3,000 ปี แต่เป็นศิษย์ฝ่ายในที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของนิกายมังกรสวรรค์?’
‘ที่สำคัญ ด้วยอายุไม่ถึง 3,000 ปีนั่น แต่มันกลับหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ง่ายดาย? เรื่องพรรค์นี้มันจักเป็นไปได้อย่างไร!?’
หากเรื่องราวเหล่านี้เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนของนิกายมังกรสวรรค์มันก็เชื่อได้ทันทีว่า ‘ขี้โม้’ แต่ทว่าผู้ที่พูดเรื่องราวเหล่านี้ออกมากลับเป็นศิษย์ของนิกายมหาเอกะ! ทำให้มันไม่อาจไม่เชื่อ!!
ด้วยเหตุนี้ พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หน้ามันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีด สุดท้ายคล้ายรวบรวมกำลังใจ จึงกล่าวออกมาเสียงเย็นว่า “นับว่าเจ้า เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากคนหนึ่ง…”
“อย่างไรก็ตาม เจ้าก็อย่าพึ่งสำคัญตัวให้มันมากนัก ในสนามรบไม่มีผู้ใดแยแสว่าเจ้าจักเป็นอัจฉริยะหรือไม่ เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีใครเมตตาละเว้นเจ้า!!”
“กระทั่ง…ศิษย์นิกายมหาเอกะของข้า หากฆ่าเจ้าได้นั่นก็จักเป็นความภาคภูมิใจครั้งใหญ่! กล่าวได้ว่าผู้ใดสามารถฆ่าเจ้าได้ มันก็มีเรื่องให้คุยโวโอ้อวดไปชั่วชีวิต!!”
อาการของหวงอวิ๋นตอนนี้ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ทำเป็นเข้มแก้เขิน!
เพราะวาจาที่มันลั่นไว้เพื่อเย้ยเยาะต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ได้ย้อนกลับมาตบหน้ามันดังฉาด แถมยังต่อหน้าต่อตาศิษย์นิกายมหาเอกะเยอะแยะด้วย เรียกว่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
“เจ้า อาวุโสหวงอวิ๋นกระมัง?”
ต่อหน้าหวงอวิ๋นที่แสร้งทำเป็นเข้มแก้เขิน ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยคำเสียงเบาว่า “ด้วยคำพูดนั่นของเจ้าเมื่อครู่ เช่นนั้นข้าต้วนหลิงเทียนขอประกาศไว้ตรงนี้เลย การเข้าสู่สนามรบราชาเทพของข้า หากข้าไม่ฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะครบร้อยคน ข้าจะไม่มีวันออกจากสนามรบราชาเทพเด็ดขาด!”
“แน่นอนว่า เจ้าจะไปประกาศให้ศิษย์นิกายมหาเอกะของเจ้าประพฤติตัวเป็นเต่าหัวหดและไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามาในสนามรบราชาเทพก็ได้…ทำแบบนั้นบางทีศิษย์นิกายมหาเอกะของเจ้าอาจจะหบหนีความตายได้พ้น”
พอต้วนหลิงเทียนลั่นวาจาดังกล่าวออกมา ตำหนักโอสถเทพก็เงียบกริบถึงขั้นเข็มสักเล่มร่วงตกพื้นยังได้ยิน
แม้แต่คนของนิกายมังกรสวรรค์เองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความทึ่ง แต่ละคนทำตาโตปากอ้าค้างอย่างตะลึง ด้วยคิดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะลั่นวาจาดุดันเช่นนี้ออกมา
ถึงแม้พวกมันเองก็รู้ดีว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจมาก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าในบรรดาตัวตนขอบเขตราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์ คนที่สู้กับต้วนหลิงเทียนได้นั้น สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งมาก แต่ถ้อยคำอหังการเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรจากผลักตัวเองไปอยู่ปากเหวเลย เพราะนั่นคือการท้าทายศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพทั้งหมด!
ไม่ใช่แค่ท้าทายเท่านั้น เสมือนไม่เห็นหัวศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพเลยต่างหาก!
ด้านคนของนิกายมังกรสวรรค์พากันตกตะลึง ส่วนด้านคนของนิกายมหาเอกะหลังจากดึงสติกลับมาได้แล้ว ไม่ว่าใครก็มีโมโหทั้งนั้น “หยิ่ง! หยิ่งผยองเกิน!!”
“มารดามันเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันคิดว่าพวกเราไม่มีมือหรือไร หรือมันคิดว่าตัวมันเองอยู่ยงคงกระพันในขอบเขตราชาเทพจริงๆ? ถึงขั้นกล้ากล่าววาจาไม่เห็นหัวนิกายมหาเอกะเราถึงเพียงนี้! รนหาที่ตายชัดๆ!!”
“บัดซบ! มันกล้าดีอย่างไรถึงได้มาดูถูกศิษย์นิกายมหาเอกะ รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะไปบอกศิษย์พี่ขอบเขตราชาเทพขั้นสูงที่เก่งกาจให้รู้ก่อน ศิษย์พี่ทั้งหลายจะได้เข้าไปรอสั่งสอนมันในสนามรบราชาเทพ ให้เจ้าหนูที่โง่เขลาเบาปัญญานี่รู้สำนึกก่อนตาย!!”
…
เหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะตอนนี้เรียกว่ามีโมโหจนหัวขึ้นควัน
ด้านหวงอวิ๋นอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ หลังรู้สึกตัวมันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวคำด้วยรอยยิ้มแดกดัน “โฮ่ เช่นนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะมีปัญญาฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะของข้าให้ครบ 100…หวังว่าเจ้าจักไม่กลับคำแล้วหนีกลับออกมาจากสนามรบราชาเทพอย่างหัวซุกหัวซุนเล่า!!”
เผชิญกับคำแดกดัน สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนยังคงความสงบไม่รู้ร้อนรู้หนาว “อาศัยเจ้า ไร้คุณสมบัติให้ข้าต้วนหลิงเทียนกลับคำพูด”
“เจ้า!!”
หวงอวิ๋นถึงกับเดือด พลังเทพของมันพุ่งพล่านขึ้นมาทั่วร่าง จนบรรยากาศรอบตัวเริ่มปั่นป่วน แต่หลังจากนั้นไม่ทันไร พลังทั่วร่างมันก็สงบลงดื้อๆ จากนั้นหน้าผากมันก็ปรากฏเหงื่อเย็นเม็ดเขื่องผุดซึม
เพราะในขณะที่มันกำลังจะลงมือด้วยบันดาลโทสะนั้นเอง มันกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงที่เพ่งเล็งมาที่มัน!
กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงที่มันเองก็ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนนั่น ทำให้มันสัมผัสได้ถึงความตายที่มาจดจ่อรดคอหอย ราวกับขอเพียงมันกล้าลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียน เจ้าของกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงนั่นจะฆ่ามันทิ้งทันที!
‘เมื่อครู่…เป็นกลิ่นอายพลังของจักรพรรดิเทพเช่นนั้นหรือ?!’
ใจหวงอวิ๋นสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ พริบตาเดียวร่างมันก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ
ครู่ต่อมา พอสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงนั้นได้ถอนรั้งกลับไปแล้ว หวงอวิ๋นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่มีโมโหมากกว่าเดิม
ด้านต้วนหลิงเทียนสีหน้าท่าทางยังคงความสงบไม่แปรเปลี่ยน “อาวุโสหวงอวิ๋น เจ้าอย่ามัวเสียเวลาพล่ามให้เปลืองน้ำลายอีกเลย ไฉนไม่กลับไปเตือนเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะของเจ้าเล่า ว่าอย่าได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพอยย่างเลินเล่อ เพราะถ้าไม่เตรียมใจให้พร้อม น่ากลัวจะเป็นเหยื่อของข้า ต้วนหลิงเทียน!”
กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกสนใจหวงอวิ๋นที่โกรธจัด ยังไม่แยแสสายตาเอาเรื่องของคนนิกายมหาเอกะ เพียงก้าวอาดๆไปยังทางออกตำหนักโอสถเทพ “ศิษย์พี่ฟางอวี่ พวกเราไปดูของในตำหนักอื่นกันเถอะ”
“เอาสิ”
ฟางอวี่ก็ดึงสติกลับมาเร็วไว จากนั้นก็รีบจ้ำเท้าเดินตามต้วนหลิงเทียนไปติดๆ ขณะเดียวกันสายตาที่ใช้มองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววซับซ้อนนัก
มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนที่แลดูสุภาพถ่อมตัว จะมีด้านนี้ด้วย
แม้แต่ตัวมันเอง ยังรู้สึกว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนหยิ่งผยองและเอาแต่ใจเกินไป
จริงอยู่ที่ศิษย์นิกายมหาเอกะในขอบเขตราชาเทพยุคนี้ เฉลี่ยแล้วพลังฝีมือจะด้อยกว่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ แต่ยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพของพวกมันก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าศิษย์ยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์เลย
ทว่าตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนกลับขู่ว่าจะใช้พลังฝีมือส่วนตัว ต่อกรกับขอบเขตราชาเทพทั้งหมดของนิกายมหาเอกะ!
ด้านต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้ความคิดในหัวของฟางอวีเป็นธรรมดา ตอนนี้ทั้งใจของเขาจดจ่ออยู่กับตำหนักสมุนไพร หรือก็คือสมุนไพรที่นิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะควักออกมาเป็นของแลกเปลี่ยน
และกล่าวให้ชัดไปกว่านั้น ก็คือสมุนไพรที่นิกายมหาเอกะนำออกมา
สำหรับสมุนไพรจากคลังของนิกายมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนได้รับมาเป็นจำนวนมากแล้ว
‘หวังว่านิกายมหาเอกะจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…’
ขณะก้าวเดินไปยังตำหนักสมุนไพร ต้วนหลิงเทียนก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูชมสมุนไพรที่นิกายมหาเอกะนนำออกมานัก อยากรู้ว่ามันจะมีสมุนไพรที่นิกายมังกรสวรรค์ไม่มี และเขาเองก็ไม่อาจหาได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่หรือไม่ สมุนไพรเหล่านั้นเป็นอะไรที่เขาต้องการมาก
…
หลังจากต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆออกจากตำหนักโอสถเทพแล้ว เหล่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่ในตำหนัก ก็หันหน้ามามองตากันสลอน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
สักพักก็เริ่มมีคนพูดออกมา และถ้อยคำก็ไม่พ้น รู้สึกว่าครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนทำเกินไป
นอกจากนั้นหลายๆคนยังคิดว่า ต้วนหลิงเทียนประมาทเกินไปแล้ว
ด้านคนของนิกายมหาเอกะ หลังจากต้วนหลิงเทียนไปแล้ว พวกมันก็คล้ายจะเอาน้ำโหไปลงกับคนของนิกายมังกรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น สายตาที่ใช้มองคนของนิกายมังกรสวรรค์ดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ
อย่างไรก็ตาม คนของนิกายมังกรสวรรค์ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ถึงแม้ว่าในบรรดาคนของนิกายมหาเอกะจะมีอาวุโสฝ่ายในที่แข็งแกร่งเกินกว่าพวกมันจะต้านไหว ก็ไม่มีใครแยแสหรือหวาดกลัว
เพราะทุกคนรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีความกล้าลงมือแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน คนของนิกายมหาเอกะที่ได้สติ ก็เร่งส่งข้อความไปบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สหายที่เข้ามาในระนาบศึกจักรพรรดิแล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ในตำหนักโอสถเทพฟัง
ไม่นานนัก เหล่าคนของนิกายมหาเอกะส่วนใหญ่ที่เข้ามาในระนาบศึกจักรพรรดิก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักโอสถเทพ
กล่าวให้ชัดคือ ล่วงรู้คำพูดที่ต้วนหลิงเทียนลั่นไว้
“หลังเข้าสู่สนามรบราชาเทพ หากไม่ฆ่าคนนิกายมหาเอกะเราครบร้อยจะไม่ออกมา? ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!!”
“ต้วนหลิงเทียนของนิกายมังกรสวรรค์ผู้นั้นช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริง…ข้าล่ะอยากจะเห็นนักว่ามันจะฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะของพวกเราอย่างไรให้ครบ 100 คน!”
“ศิษย์ขอบเขตราชาเทพที่ขั้นพลังไม่สูงนักควรรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และอย่างน้อยๆแต่ละกลุ่มต้องมีราชาเทพขั้นสูง 2-3 คนเป็นหัวหน้า…ส่วนผู้ที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงแล้ว ก็สามารถรวมกลุ่มกันเพื่อออกล่าต้วนหลิงเทียนในสนามรบราชาเทพ!”
“ในความเห็นข้า ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันหยิ่งผยองลำพองเกินไป ทางนิกายควรออกรางวัลใหญ่ หากใครสามารถฆ่ามันได้ก็จักได้รับแต้มรบจากนิกายจำนวนมาก!”
…
คนของนิกายมหาเอกะทุกคนที่รู้เรื่องราว ต่างโกรธจัด
ไม่นานนัก ก็มีคนของนิกายมหาเอกะบางคนกลับออกจากระนาบศึกจักรพรรดิ และไปแจ้งเรื่องราวที่นิกาย นำคำพูดของต้วนหลิงเทียนไปกระจายให้ทั่ว และไม่มีการแต่งเสริมเติมแต่งแม้ครึ่งคำ
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งนิกายมหาเอกะก็เสมือนถูกเขย่า!
ไม่นานนัก ค่าหัวต้วนหลิงเทียนก็ถูกตั้งขึ้น!
“ผู้ใดก็ตามที่สามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ จักได้รับแต้มรบ 200,000 แต้มเป็นค่าหัว! และหากเป็นกลุ่ม ก็ให้ส่งตัวแทนมารับแต้มรบ 200,000 แต้มไปแบ่งกันภายหลัง!!”
ค่าหัวต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ ประมุขนิกายมหาเอกะเป็นผู้จ่ายด้วยตัวเอง!
เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายมหาเอกะพอเห็นค่าหัวของต้วนหลิงเทียน แต่ละคนก็ถึงกับหายใจแรง เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่าง คึกคักราวกับพบเจ้าสาวแสนงามในผ้าน้อยชิ้นนอนรออยู่บนเตียงในห้องหออย่างไรอย่างนั้น
เหล่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆก่อนหน้านี้แล้ว ก็เริ่มหารือกับกลุ่มอื่นเพื่อรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เตรียมพร้อมออกล่าต้วนหลิงเทียนในสนามรบราชาเทพ
เหล่าศิษย์ที่โดดเด่นในขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะ จากเดิมที่ไม่ได้รีบร้อนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ ก็เข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิทันที
กล่าวได้ว่าไม่ทันไร จำนวนผู้คนในเมืองมหาเอกะก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
และภายในเมืองมหาเอกะ เหล่าศิษย์ที่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่เดิมที่คิดจะเข้าไปในสนามรบราชาเทพเพียงลำพัง ก็เริ่มเปลี่ยนใจ กลับมาหาแนวร่วมอีกสัก 2-3 คน ก่อนจะเข้าไปลุยในสนามรบราชาเทพ
ด้วยวิธีนี้ พวกมันถึงจะมีพลังมากพอเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนของนิกายมังกรสวรรค์
…
ในขณะที่นิกายมหาเอกะเคลื่อนไหวใหญ่โต ไม่นานนักเรื่องที่นิกายมหาเอกะตั้งค่าหัวต้วนหลิงเทียนถึง 200,00 แต้มรบก็ล่วงรู้มาถึงนิกายมังกรสวรรค์ และผู้ที่ส่งข่าวก็คือเหล่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ที่แฝงตัวเป็นสายอยู่ในนิกายมหาเอกะ
“งามไส้แล้ว! ปรมาจารย์โอสถต้วนผู้นั้น…สร้างปัญหาใหญ่จริงๆ!”
เหล่าอาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์ที่ได้รับทราบข่าวแล้ว ก็ได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆ ขณะเดียวกันพวกมันก็เร่งนำความไปแจ้งให้ประมุขนิกายที่อยู่นอกระนาบศึกจักรพรรดิทันที
หลังจาก หลงฉิงชง ได้รับทราบข่าว มันก็เงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นมันก็ออกคำสั่งว่า “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป เหล่าศิษย์ในขอบเขตราชาเทพตราบใดที่ระดับพลังยังต่ำกว่าราชาเทพขั้นสูง หากไม่รวมกลุ่มกันอย่างน้อย 10 คน อย่าได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพเด็ดขาด”
จากนั้นมันก็อธิบายว่าไฉนถึงออกคำสั่งแบบนั้น “ตอนนี้ทางคนของนิกายมหาเอกะไม่พ้นต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อให้มั่นใจว่าจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้วเป็นแน่…”
“หากกลุ่มที่ตั้งขึ้น ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับต้วนหลิงเทียนได้ เช่นนั้นเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เข้าสู่สนามรบราชาเทพโดยง่าย ให้รอจนกว่าจะรับคนได้มากพอค่อยเข้าไปสู้”
พอคำสั่งและคำอธิบายของหลงฉิงชงถูกถ่ายทอดออกไป จนถึงหูของเหล่าศิษย์และผู้ดูแลขอบเขตราชาเทพในนิกายมังกรสวรรค์ ทุกคนก็พากันตกตะลึงกันไปพักใหญ่
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักโอสถเทพด้านในระนาบศึกจักรพรรดิ ก็แพร่ออกมา ทำให้คนของนิกายมังกรสวรรค์ที่ยังไม่ได้เข้าไประนาบศึกจักรพรรดิรับทราบต้นสายปลายเหตุ
“ต้วนหลิงเทียน ขู่คนของนิกายมหาเอกะเอาไว้ ว่าจะไม่กลับออกมาจากสนามรบราชาเทพ หากยังฆ่าคนของนิกายมหาเอกะไม่ครบ 100 คนเช่นนั้นรึ?”
“ตอนนี้เหล่าคนของนิกายมหาเอกะที่อยู่ในขอบเขตราชาเทพ ล้วนจัดกลุ่มใหญ่โต เพื่อออกไล่ล่าต้วนหลิงเทียนในสนามรบราชาเทพโดยเฉพาะ?”
“แถมนิกายมหาเอกะยังตั้งค่าหัวต้วนหลิงเทียนไว้ถึง 200,000 แต้มรบเชียวรึ!?”
…
เมื่อเรื่องราวทั้งหมดแพร่ออกมา ทั่วทั้งนิกายมังกรสวรรค์ก็สั่นสะเทือน!