ตอนที่ 3845 แต้มรบทั้งนั้น

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตั้งแต่เริ่มที่คนของนิกายมหาเอกะปิดล้อมต้วนหลิงเทียน จวบจนถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งทั้งหมด เวลาที่ใช้ยังไม่ทันถึง 10 ลมหายใจด้วยซ้ำ
  ในบรรดาศิษย์ของนิกายมหาเอกะทั้ง 20 คน นอกจากผู้ที่ตกตายโดยไม่ทันรู้ตัวแล้ว ส่วนที่ถูกต้วนหลิงเทียนไล่ฆ่าภายหลัง สำหรับพวกมันแล้วเป็นเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจที่ชวนให้สิ้นหวังจับใจ พวกมันเสมือนร่วงตกจากสวรรค์มายังนรกอเวจีในพริบตา
  เดิมทีตอนที่พวกมันพบต้วนหลิงเทียน พวกมันคิดว่ากำลังจะมีโชคครั้งใหญ่แล้ว
  พวกมันเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของพวกมันทั้ง 20 คน ขอเพียงปิดกั้นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันก็จะสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนและได้รับแต้มรบ 200,000 แต้มจากประมุขนิกายมาแบ่งกัน
  เป็นธรรมดาที่พวกมันยังไม่รู้ว่าค่าหัวที่ประมุขนิกายของพวกมันตั้งไว้สำหรับต้วนหลิงเทียน ได้เพิ่มขึ้นจากแต้มรบ 200,000 แต้มเป็น แต้มรบ 300,000 แต้มเรียบร้อยแล้ว
  ทั้งหมดเป็นเพราะการเปิดเผยระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน
  และศิษย์นิกายมหาเอกะทั้ง 20 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าไป ก็ได้เข้ามายังสนามรบราชาเทพก่อนหน้านั้น
  เดิมทีพวกมันยินดีมีสุข ด้วยคิดว่าแต้มรบ 200,000 แต้มอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ
  แต่พริบตาที่พวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนระเบิดพลังสังหาร เข่นฆ่าผู้คนไปหลายคนในชั่วพริบตา พวกมันก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกมันไร้เดียงสาแค่ไหน…ต้วนหลิงเทียนน่ากลัวมาก น่ากลัวยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก!
  กระทั่งต้วนหลิงเทียนตัวจริง เมื่อเทียบกับในข่าวลือแล้ว…เสมือนปีศาจเลยก็ว่าได้!
  อย่างน้อยๆพวกมันก็คิดเช่นนี้
  พวกมันย่อมไม่คิดจะต่อกรกับปีศาจที่พวกมันไม่อาจสู้ได้ ในหัวจึงเหลือเพียงหนึ่งความคิดนั่นก็คือหลบหนี ไปให้พ้นเงื้อมมือของปีศาจร้ายตนนี้
  อนิจจาพวกมันไม่อาจหนีพ้น จำต้องหยุดอยู่ที่นี่ไปชั่วกาล
  ‘ผลการเก็บเกี่ยวไม่ได้แย่เลย…ถึงแม้จะไม่มีอะไรที่ข้าต้องการเป็นพิเศษ แต่ลำพังหินเทพกับผลึกเทพก็น่าพอใจแล้ว’
  ต้วนหลิงเทียนที่ริบ ‘สินสงคราม’ จากศิษย์นิกายมหาเอกะทั้ง 20 คน ก็ฉีกยิ้มพึงพอใจออกมาหลังตรวจสอบสิ่งของในแหวนพื้นที่ทั้ง 20 วง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์เทพที่แต่ละคนใช้อีก
  มีอุปกรณ์เทพขั้นสูง 20 กว่าชิ้น!
  ‘แต่แน่ล่ะว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ก็คือป้ายประจำตัวของพวกมัน…ทั้งหมดคือแต้มรบทั้งนั้น!’
  หลังเก็บอุปกรณ์เทพกับแหวนพื้นที่แล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็โบกมือส่งๆ จากนั้นก็ปรากฏพลังไร้สภาพเก็บป้ายประจำตั้วทั้ง 20 ป้ายที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ
  แต้มรบ ในศึกจักรพรรดิ จำต้องใช้ป้ายเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยน
  และเป็นธรรมดาว่าหลังจากไปเดินดูของในเมืองสันติมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเขาต้องการแต้มรบมากขนาดไหน เช่นนั้นย่อมพึงพอใจที่ศิษย์นิกายมหาเอกะกลุ่มนี้มาให้เขาเชือดนิ่มถึงที่เป็นธรรมดา
  ‘ไปต่อดีกว่า…หวังว่าศิษย์นิกายมหาเอกะจะสร้างแรงกดดันให้ข้าได้บ้าง หาไม่แล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรกับการขัดเกลาตัวเอง’
  ‘ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกมันร้ายกาจมากจริงๆ จนไม่แน่ใจว่าจะจัดการพวกมันได้ทั้งหมด ข้าก็ไม่อาจเผยไพ่ตายทั้งหมดออกมาได้’
  คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ
  เหตุผลที่ไฉนการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ถึงได้ราบรื่นนัก ทั้งหมดเพราะคนกลุ่มนี้มันอ่อนแอเกินไป จนเขามั่นใจว่าจะฆ่าทิ้งได้หมดจนไม่เหลือใครนำเรื่องเขาไปพูด
  เช่นนั้นเขาก็เลยไม่ออมรั้งยั้งมือ
  สุดท้ายแล้วในสนามรบราชาเทพแห่งนี้ ก็นับว่ามี ‘ความเป็นส่วนตัว’ สูงพอสมควร ตราบใดที่ไม่มีใครซ่อนตัวอย่างแยบคายชมดูเรื่องราวทั้งหมดโดยที่เขาไม่รู้ตัวหรือใช้ลูกแก้วเงาลอยบันทึกเอาไว้ ก็จะไม่มีบุคคลที่ 3 ล่วงรู้พลังที่แท้จริงของเขาอีก
  แต่เป็นธรรมดาว่า หากผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้สร้างระนาบศึกจักรพรรดิอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็สามารถทำได้ง่ายดาย
  ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดเห็นแล้วจะอย่างไร?
  หรือตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดจะลดตัวลงมาฆ่าเขา เพียงเพราะพรสวรรค์และความเข้าใจของเขาดี?
ตอนที่ 3,845 : แต้มรบทั้งนั้น
  ตั้งแต่เริ่มที่คนของนิกายมหาเอกะปิดล้อมต้วนหลิงเทียน จวบจนถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งทั้งหมด เวลาที่ใช้ยังไม่ทันถึง 10 ลมหายใจด้วยซ้ำ
  ในบรรดาศิษย์ของนิกายมหาเอกะทั้ง 20 คน นอกจากผู้ที่ตกตายโดยไม่ทันรู้ตัวแล้ว ส่วนที่ถูกต้วนหลิงเทียนไล่ฆ่าภายหลัง สำหรับพวกมันแล้วเป็นเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจที่ชวนให้สิ้นหวังจับใจ พวกมันเสมือนร่วงตกจากสวรรค์มายังนรกอเวจีในพริบตา
  เดิมทีตอนที่พวกมันพบต้วนหลิงเทียน พวกมันคิดว่ากำลังจะมีโชคครั้งใหญ่แล้ว
  พวกมันเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของพวกมันทั้ง 20 คน ขอเพียงปิดกั้นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันก็จะสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนและได้รับแต้มรบ 200,000 แต้มจากประมุขนิกายมาแบ่งกัน
  เป็นธรรมดาที่พวกมันยังไม่รู้ว่าค่าหัวที่ประมุขนิกายของพวกมันตั้งไว้สำหรับต้วนหลิงเทียน ได้เพิ่มขึ้นจากแต้มรบ 200,000 แต้มเป็น แต้มรบ 300,000 แต้มเรียบร้อยแล้ว
  ทั้งหมดเป็นเพราะการเปิดเผยระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน
  และศิษย์นิกายมหาเอกะทั้ง 20 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าไป ก็ได้เข้ามายังสนามรบราชาเทพก่อนหน้านั้น
  เดิมทีพวกมันยินดีมีสุข ด้วยคิดว่าแต้มรบ 200,000 แต้มอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ
  แต่พริบตาที่พวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนระเบิดพลังสังหาร เข่นฆ่าผู้คนไปหลายคนในชั่วพริบตา พวกมันก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกมันไร้เดียงสาแค่ไหน…ต้วนหลิงเทียนน่ากลัวมาก น่ากลัวยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก!
  กระทั่งต้วนหลิงเทียนตัวจริง เมื่อเทียบกับในข่าวลือแล้ว…เสมือนปีศาจเลยก็ว่าได้!
  อย่างน้อยๆพวกมันก็คิดเช่นนี้
  พวกมันย่อมไม่คิดจะต่อกรกับปีศาจที่พวกมันไม่อาจสู้ได้ ในหัวจึงเหลือเพียงหนึ่งความคิดนั่นก็คือหลบหนี ไปให้พ้นเงื้อมมือของปีศาจร้ายตนนี้
  อนิจจาพวกมันไม่อาจหนีพ้น จำต้องหยุดอยู่ที่นี่ไปชั่วกาล
  ‘ผลการเก็บเกี่ยวไม่ได้แย่เลย…ถึงแม้จะไม่มีอะไรที่ข้าต้องการเป็นพิเศษ แต่ลำพังหินเทพกับผลึกเทพก็น่าพอใจแล้ว’
  ต้วนหลิงเทียนที่ริบ ‘สินสงคราม’ จากศิษย์นิกายมหาเอกะทั้ง 20 คน ก็ฉีกยิ้มพึงพอใจออกมาหลังตรวจสอบสิ่งของในแหวนพื้นที่ทั้ง 20 วง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์เทพที่แต่ละคนใช้อีก
  มีอุปกรณ์เทพขั้นสูง 20 กว่าชิ้น!
  ‘แต่แน่ล่ะว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ก็คือป้ายประจำตัวของพวกมัน…ทั้งหมดคือแต้มรบทั้งนั้น!’
  หลังเก็บอุปกรณ์เทพกับแหวนพื้นที่แล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็โบกมือส่งๆ จากนั้นก็ปรากฏพลังไร้สภาพเก็บป้ายประจำตั้วทั้ง 20 ป้ายที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ
  แต้มรบ ในศึกจักรพรรดิ จำต้องใช้ป้ายเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยน
  และเป็นธรรมดาว่าหลังจากไปเดินดูของในเมืองสันติมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเขาต้องการแต้มรบมากขนาดไหน เช่นนั้นย่อมพึงพอใจที่ศิษย์นิกายมหาเอกะกลุ่มนี้มาให้เขาเชือดนิ่มถึงที่เป็นธรรมดา
  ‘ไปต่อดีกว่า…หวังว่าศิษย์นิกายมหาเอกะจะสร้างแรงกดดันให้ข้าได้บ้าง หาไม่แล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรกับการขัดเกลาตัวเอง’
  ‘ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกมันร้ายกาจมากจริงๆ จนไม่แน่ใจว่าจะจัดการพวกมันได้ทั้งหมด ข้าก็ไม่อาจเผยไพ่ตายทั้งหมดออกมาได้’
  คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ
  เหตุผลที่ไฉนการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ถึงได้ราบรื่นนัก ทั้งหมดเพราะคนกลุ่มนี้มันอ่อนแอเกินไป จนเขามั่นใจว่าจะฆ่าทิ้งได้หมดจนไม่เหลือใครนำเรื่องเขาไปพูด
  เช่นนั้นเขาก็เลยไม่ออมรั้งยั้งมือ
  สุดท้ายแล้วในสนามรบราชาเทพแห่งนี้ ก็นับว่ามี ‘ความเป็นส่วนตัว’ สูงพอสมควร ตราบใดที่ไม่มีใครซ่อนตัวอย่างแยบคายชมดูเรื่องราวทั้งหมดโดยที่เขาไม่รู้ตัวหรือใช้ลูกแก้วเงาลอยบันทึกเอาไว้ ก็จะไม่มีบุคคลที่ 3 ล่วงรู้พลังที่แท้จริงของเขาอีก
  แต่เป็นธรรมดาว่า หากผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้สร้างระนาบศึกจักรพรรดิอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็สามารถทำได้ง่ายดาย
  ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดเห็นแล้วจะอย่างไร?
  หรือตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดจะลดตัวลงมาฆ่าเขา เพียงเพราะพรสวรรค์และความเข้าใจของเขาดี?
  คิดมากเกินไปแล้ว!
  ในสายของผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังไม่บรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด เขาก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อยร่อยตัวหนึ่ง ที่อ่อนแอถึงขั้นไม่อาจรับได้แม้แต่นิ้วเดียว ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงแม้แต่น้อย
  ‘อย่างไรก็ตาม…ดูเหมือนศิษย์นิกายมหาเอกะกลุ่มนี้จะเข้ามาในสนามรบราชาเทพก่อนที่ระดับพลังฝึกปรือราชาเทพขั้นสูงของข้าจะแพร่กระจายออกไป หาไม่แล้วพวกมันคงไม่รวมกลุ่มกันแค่ 20 คนแบบนี้’
  พอย้อนนึกถึงกำลังรบของกลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะเมื่อครู่ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้
  ‘ต่อไป คงได้พบเจอกลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะที่แข็งแกร่งกว่านี้’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เตร็ดเตร่ไปในสนามรบราชาเทพต่อ
  สนามรบราชาเทพ มันต่างจากเทพซ่อนที่ยอดฝีมืออันร้ายกาจสร้างทิ้งเอาไว้ เพราะที่นี่คือระนาบที่เปิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนมาสู้รบเข่นฆ่า ไม่มีสมบัติใดๆทั้งสิ้น
  กล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือลานฆ่าสัตว์ดีๆนี่เอง เป็นสถานที่ๆขุมกำลังทั้ง 2 จะมาเข่นฆ่ากันเพื่อความก้าวหน้าและทรัพยากร
  ที่นี่ มีแค่ท่านฆ่าผู้อื่น หรือถูกผู้อื่นฆ่า
  ที่นี่ ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ไม่มีใครผิดใครถูก ไม่มีคนชั่วคนดี หลายคนมาที่นี่เพราะถูกขุมกำลังเบื้องหลัง ‘ผลักดัน’ จนต้องมาสู้ตามหน้าที่ บ้างก็เข้ามาด้วยความสมัครใจเพื่อแสวงหาความก้าวหน้า
  ศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะ ในเวลาปกติแล้ว ไม่ว่าพวกมันไปที่ไหนก็มีแต่คนยำเกรงไม่กล้าตอแยผิดใจ เว้นเสียจะมีใครมั่นใจว่าสามารถลงมือได้หมดจด ไม่มีใครโง่พอจะหาเรื่องคนของนิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะ
  ส่วนเหล่าคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิงนั้น ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กับศิษย์นิกายมหาเอกะก็ไม่กล้าตอแย เหมือนคนธรรมดาที่ไม่โง่ไปหาเรื่องกับผู้มีอำนาจ
  นอกจากนั้นการได้เป็นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หรือนิกายมหาเอกะ ก็เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์จากการสร้างศัตรูส่งเดช
  จุดนี้ทำให้ศิษย์หลายๆคนเลือกจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อเสพย์สุข แม้หลายๆคนจะไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตพลังขั้นสูงๆได้เพราะพรสวรรค์กับความเข้าใจมีขีดจำกัด แต่การหย่อนหยานเพราะไม่มีจิตสู้รบก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไร้ความก้าวหน้า
  ผู้แข้มแข็งนั้น มีแต่จะขวนขวายการต่อสู้เพื่อขัดเกลาตัวเอง และยกระดับไปเรื่อยๆ…
  กล่าวได้ว่าสาเหตุหลักที่นิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะ ไม่ปรากฏตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพมานานปี ไม่ใช่แค่ไร้พรสวรรค์แน่นอน แต่ทั้งหมดเพราะพวกมันติดสบายกันเกินไป
  ด้วยเหตุนี้สำหรับขุมกำลังที่มีหัวก้าวหน้าแล้ว ไม่ว่าจะขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้า ขุมกำลังระดับอริยะเทพถดถอย รวมถึงขุมกำลังระดับอริยะเทพชั้นแนวหน้า ก็มักท้าขุมกำลังในระดับไล่เลี่ยกันเพื่อรบทั้งนั้น และบางคราวก็ไม่ใช่เพื่อตัวตนระดับสูงในขุมกำลัง แต่เพื่อเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์
  เพราะการทำศึกสงครามเช่นนี้ เป็นการขัดเกลาตัวเองอย่างดี ดิ้นรนก้าวข้ามขีดจำกัดผ่านห้วงเวลาเป็นตาย รีดเค้นศักยภาพในกายออกมา! สำหรับคนหนุ่มที่มีพื้นที่ให้ก้าวหน้าอีกมาก ย่อมได้ประโยชน์สูงสุด
  สำหรับศิษย์ขอบเขตเทพของนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะนั้น แม้จะสามารถหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมศึกจักรพรรดิได้ แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ตลอด…
  เพราะปกติแล้วศึกจักรพรรดินั้น ไม่ใช่ว่าจะจบลงในไม่กี่สิบปี บางครั้งก็ยาวนานหลายร้อยปี ถึงพันปีก็มีมาแล้ว!
  หากถึงเวลาที่นิกายกำหนดไว้แล้ว แต่ไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้ล่ะก็ ศิษย์ขอบเขตเทพทั้งหลายก็จะถูกขับไล่ออกจากนิกายทันที และถ้าทะลวงถึงราชาเทพก็ต้องเข้าสู่ลานฆ่าสัตว์ที่เรียกว่าศึกจักรพรรดิ
  …
  เมืองมหาเอกะ ใกล้ๆกับทางเข้าสนามรบราชาเทพ
  ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีเหล่าศิษย์และผู้ดูแลของนิกายมหาเอกะมารวมตัวกันเท่านั้น แต่ยังมีผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะที่รับหน้าที่ดูแลความสงบที่นี่อีกด้วย นั่นรวมไปถึงคอยช่วยเหลือเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะที่ถูกคนของนิกายมังกรสวรรค์ตามฆ่าไม่เลิก!
  การต่อสู้ในสนามรบราชาเทพ บางครั้งก็ลุกลามมาถึงด้านนอก
  บางคนไล่ล่าสังหารถึงขั้น ต่อให้ศัตรูจะหนีออกจากสนามรบ ก็ไม่คิดเลิกรา ตามมาฆ่าผู้อื่นถึงในเมือง…
  ทำให้มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์เข้าสู่เมืองมหาเอกะจากทางเข้าออกสนามรบราชาเทพของเมืองมหาเอกะ หลังฆ่าคนเสร็จแล้วก็หลบหนีเข้าสนามรบราชาเทพต่อ
  แถมในประวัติศาสตร์ของระนาบเทพ มีกรณีที่ศิษย์ของขุมกำลังหนึ่งหลบหนีเข้าเมืองมาแล้ว แต่ถูกศัตรูตามมาเข่นฆ่าถึงในเมืองและเร่งรุดกลับเข้าสนามรบอย่างสบายใจเฉิบบ่อยครั้ง!
  แน่นอนว่าผู้ที่ไล่ฆ่าผู้อื่นมาถึงเมืองอีกฝ่าย ก็ไม่กล้าไล่ตามไปลึกนัก
  อย่างมากหากฆ่าไม่ได้ หลังออกจากสนามรบราชาเทพไม่กี่ลมหายใจ ก็จะล่าถอยกลับเข้าสนามรบราชาเทพทันที
  เช่นนั้นขุมกำลังแต่ละขุมจึงเลือกจะวางตัวตนที่แข็งแกร่งไว้เพื่อเฝ้าระวังทางเข้าออกสนามรบในเมือง
  นานวันไป ผู้ที่หาญกล้าตามมาเข่นฆ่าผู้อื่นคาเมืองจึงน้อยลงเรื่อยๆ…เพราะมีหลายคนที่กลายเป็นฝ่ายถูกยอดฝีมือของขุมกำลังฝ่ายตรงข้ามที่เฝ้าระวังใกล้ทางเข้าออกสนามรบฆ่าทิ้งแทน
  แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!
  …
  เสียงบางสิ่งแตกหักดังชัดถนัดถนี่ ยังผลให้สีหน้าของผู้อาวุโสของนิกายมหาเอกะหลายคนที่เฝ้าทางเข้าออกสนามรบราชาเทพเปลี่ยนไปทันที
  เพราะศิษย์ที่จะเข้าสู่สนามรบราชาเทพทุกคนของพวกมัน ไม่เพียงแต่ลงทะเบียนรับป้ายประจำตัวเท่านั้น แต่ละคนยังทิ้งลูกแก้ววิญญาณเอาไว้อีกด้วย
  ลูกแก้ววิญญาณของกลุ่มคนแต่ละกลุม่จะถูกวางไว้ด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีชื่อบอกเจ้าของลูกแก้วเขียนแปะไว้ใกล้ๆ
  แต่บัดนี้ บนชั้นวางลูกแก้วกองหนึ่ง อยู่ดีๆลูกแก้ววิญญาณ 20 ลูก ก็แตกเป็นเศษในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ!
  “คุนเอ๋อ…!!”
  อาวุโสฝ่ายในนิกายมหาเอกะคนหนึ่งหน้าเปลียนสีไปอย่างแรง สองตาของมันแทบจะถลนออกเบ้า ร่างพุ่งไปฉับปานภูตคพรายก่อนจะหยุดลงหน้าชั้นวางลูกแก้ววิญญาณ สองตาจับจ้องไปยังเศษลูกแก้วกองหนึ่งที่มีป้ายชื่อ ‘หยวนคุน’ แปะไว้ ร่างมันยังสั่นระริกเพราะอารมณ์ไม่คงที่
  จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงก็เริ่มแผ่ออกมาทั่วร่าง พาลให้เหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงรู้สึกกดดัน จนหายใจแทบไม่ออก
  “กลุ่มนั้น…ตายพร้อมๆกันเลยหรือ?”
  “หยวนคุนก็ตายแล้วเช่นกัน…ไม่คิดเลยว่าหยวนคุนที่เป็นศิษย์รักของอาวุโสจางฮุ่ยจะตกตายในเวลาไม่กี่วัน”
  “ข้าที่มาทำหน้าที่เฝ้าระวังที่นี่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ กลัวว่าวันหนึ่งข้าจะเห็นลูกแก้ววิญญาณของศิษย์ข้าแตกเหมือน หยวนคุน ศิษย์คนโปรดของอาวุโสจางฮุ่ย ถึงตอนนั้นข้าคงรับไม่ได้เช่นกัน”
  “แต่ที่สำคัญก็คือ กลุ่มคน 20 คนที่ประกอบไปด้วยราชาเทพขั้นกลางกับขั้นสูง…กลับถูกฆ่าตายจนหมดในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ!”
  “คงไม่ใช่ฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรอกนะ…เพราะข้าจำได้ว่าพวกหยวนคุนทั้ง 20 คนได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพ ก่อนที่เรื่องพลังฝึกปรือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนจะแพร่กระจายออกมา?”
  “ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นราชาเทพขั้นสูงแล้ว แต่กำลังรบของกลุ่มหยวนคุนทั้ง 20 คนก็ไม่ใช่ต้อยต่ำ ถึงจะเจอต้วนหลิงเทียนเข้าจริง แม้สู้ไม่ได้แต่ก็ไม่น่าจะตายยกกลุ่มในเวลาสั้นๆเช่นนี้กระมัง?”
  “หรือว่า…ต้วนหลิงเทียนก็มีกลุ่มด้วย?”
  “เป็นไปไม่ได้! พวกเราได้ข่าวจากสายที่อยู่ในนิกายมังกรสวรรค์มาแล้ว ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเข้าสู่สนามรบราชาเทพเพียงลำพังไม่ผิดแน่! แต่เราก็ไม่อาจตัดเรื่องที่มันบังเอิญพบเจอกลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กำลังปะทะกับกลุ่มของหยวนคุนออกไปได้…”
  …
  เหล่าศิษย์ระดับราชาเทพเริ่มซุบซิบคุยกันดังระงม
  ตอนนี้เองอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะที่รับหน้าที่เฝ้าระวังทางเข้าออกสนารมรบราชาเทพเช่นกัน ก็ได้เดินไปหาจางฮุ่ย ก่อนจะพากันกล่าวปลอบออกมาว่า “อาวุโสจาง โปรดระงับความเสียใจด้วย”
  “อาวุโสจาง ศิษย์ราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์ฆ่าศิษย์รักท่าน เช่นนั้นท่านก็เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพเพื่อไปเข่นฆ่าจอมราชันเทพของพวกมันเพื่อล้างแค้นเถอะ!”
  “อาวุโสจาง”
  ด้วยมีอาวุโสมากมายกล่าวปลอบ จางฮุ่ยก็ค่อยๆได้สติ จากนั้นมันก็เอ่ยคำออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณอาวุโสทุกท่านข้าไม่เป็นไร…”
  “ระนาบศึกจักรพรรดิไม่ต่างใดจากลานฆ่าสัตว์…ศิษย์ไม่เอาไหนของข้าตกตายไป ก็ได้แต่โทษที่มันอ่อนแอเท่านั้น”
  ถึงแม้ปากมันจะพูดไปแบบนั้น แต่ลึกลงไปในแววตาของมันกลับปรากฏความเคียดแค้นชิงชังที่ลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ!