หลังจากที่คนของนิกายมหาเอกะที่อยู่ใกล้ๆทางเข้าสนามรบราชาเทพในเมืองมหาเอกะแจ้งข่าวออกไป ภายในเมืองมหาเอกะที่ได้รับทราบเรื่องราว ก็ตกใจไม่ต่าง
จากนั้นเรื่องราวก็ถูกแจ้งกลับไปยังนิกายมหาเอกะ
และไม่นานนัก ทางด้านนิกายมังกรสวรรค์ก็ได้รับทราบเรื่องราวจากสายลับ
“กลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะที่มีราชาเทพขั้นกลางกับราชาเทพขั้นสูงรวมแล้ว 20 คน กลับถูกฆ่าล้างในเวลาสั้นๆ?”
“กลุ่มศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์เราเป็นผู้ลงมือเช่นนั้นรึ?”
…
ต่างจากนิกายมหาเอกะที่หลังได้รับทราบเรื่องราวก็ตกใจและเศร้าสลด ด้านนิกายมังกรสวรรค์เพียงตะลึงกับข่าวพักหนึ่ง ก็เฮกันเสียงดังลั่น
“แล้วทางนิกายมังกรสวรรค์เราเล่า มีใครถูกฆ่าตายบ้างหรือไม่?”
ไม่นานก็มีคนสนใจเรื่องนี้
ถึงขั้นมีหลายคนที่สงสัยเรื่องนี้ ได้รีบเดินทางไปยังบริเวณหน้าทางเข้าสนามรบราชาเทพในเมืองมังกรสวรรค์ เพื่อดูว่ามีลูกแก้ววิญญาณของราชาเทพในนิกายที่เข้าไปแล้วแตกบ้างหรือไม่ สุดท้ายก็พบว่าลูกแก้ววิญญาณทั้งหมดยังอยู่ดี ไม่มีลูกไหนแตกสลาย
“ไม่มีราชาเทพคนใดในนิกายมังกรสวรรค์เราที่เข้าไปสนามรบราชาเทพแล้วตกตายสักคน!”
“ช้าก่อน…ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าไปแล้วด้วยหรือ ไหนลูกแก้ววิญญาณมันเล่า?”
“ดูเหมือนมันไม่คิดว่าการทิ้งลูกแก้ววิญญาณไว้จะมีความจำเป็นอะไร กล่าวไปเหล่าราชาเทพขั้นสูงชนระดับแนวหน้าหลายคน ก็ไม่ได้ทิ้งลูกแก้ววิญญาณเอาไว้ เห็นชัดว่าพวกมันมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง”
“ในนิกายเราสมควรมีคนที่มีลูกแก้ววิญญาณต้วนหลิงเทียนอยู่กระมัง ลองถามดูว่าลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดีหรือไม่?”
…
ไม่นานก็มีคนยืนยันว่าลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนยังเป็นปกติ ผู้ที่ยืนยันเรื่องนี้ก็คือตงฟางเหยียนเหนียน อาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์ซึ่งสนิทกับต้วนหลิงเทียน
และไม่นานนักนิกายมังกรสวรรค์ก็ยืนยันได้ชัดเจน
ไม่มีศิษย์หรือผู้ดูแลขอบเขตราชาเทพคนไหนของนิกายมังกรสวรรค์ที่เข้าสู่สนามรบราชาเทพแล้วตกตายสักคน ทุกคนปลอดภัยดี!
ในขณะที่ด้านนิกายมังกรสวรรค์กำลังเต็มไปด้วยความคึกคักฮึกเหิม ข่าวเรื่องที่นิกายมังกรสวรรค์ไม่มีราชาเทพตกตายสักคนก็แพร่ไปถึงหูคนนิกายมหาเอกะเช่นกัน
ศิษย์ขอบเขตราชาเทพของนิกายมหาเอกะพวกมันตกตายไป 20 คน แต่ฝ่ายศัตรูไม่มีใครตาย…
สิ่งนี้เป็นดั่งระเบิดลงครั้งใหญ่สำหรับนิกายมหาเอกะ
โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพที่ยังไม่ได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพ ขวัญกำลังใจของพวกมันเสียหายไม่น้อย มีหลายคนที่กำลังจะเข้า ก็เกิดความลังเลไม่กล้าเข้าขึ้นมา
“หากเข้าไปแล้ว…พวกเราจะเจริญรอยตามกลุ่มของหยวนคุนหรือไม่?”
“ข้าไม่อยากตายเช่นนั้นนะ…พวกเรารับคนเพิ่มกันดีหรือไม่ ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าภารกิจพื้นฐานอาจจะเสร็จช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ผิด! ข้าเห็นด้วย พวกเราไปหาคนเพิ่มเถอะ…ข้าเห็นกลุ่มทางนู้นก็กำลังหาแนวร่วมเพิ่มเช่นกัน กลุ่มพวกเราไปรวมกับกลุ่มของพวกมันเลยดีหรือไม่?”
…
เนื่องจากมีหลายๆคนเริ่มกังวลกับความปลอดภัยของตัวเอง เช่นนั้นบริเวณหน้าทางเข้าสนามรบราชาเทพของเมืองมหาเอกะ ก็มักเห็นเหล่าศิษย์รวมตัวกันกลุ่มใหญ่มากขึ้น ในปัจจุบันแทบไม่มีกลุ่มไหนที่มีคนน้อยกว่า 30 คนเข้าสู่สนามรบราชาเทพเลย
นานๆครั้งถึงจะเห็นกลุ่มคนที่มีเพียงสิบกว่าคน หรือเต็มที่ก็ 20 คนเข้าไป…อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ล้วนเป็นราชาเทพขั้นสูงทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นนิกายมหาเอกะก็ดี หรือนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี ปกติแล้วศิษย์ขอบเขตราชาเทพขั้นสูงนั้น ไม่ค่อยปรากฏตัวให้ผู้คนเห็นกันบ่อยสักเท่าไหร่ แต่ละคนมักปิดด่านฝึกฝนเพื่อทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพ กระทั่งบางคนศิษย์รุ่นใหม่ๆยังไม่เคยพบเจอด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เอง ศึกจักรพรรดิครั้งนี้ ไม่ว่าจะคนของนิกายมังกรสวรรค์หรือนิกายมหาเอกะ ก็ได้พบเห็นใบหน้าแปลกตามากมาย แถมแต่ละคนยังแผ่กลิ่นอายพลังไม่ธรรมดาออกมา
คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นราชาเทพขั้นสูง
แน่นอนว่าในบรรดาพวกมันก็มี จอมราชันเทพขั้นต่ำ กับจอมราชันเทพขั้นกลางด้วย
เหล่าผู้ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเห็น มีหลายคนที่หวาดกลัวหายนะสวรรค์ทุกรอบพันปี เช่นนั้นจึกมักเก็บตัวฝึกฝน เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าตลอด…พอนิกายทำศึกจักรพรรดิ ซึ่งเป็นโอกาสแสวงหาความก้าวหน้าที่ดี พวกมันย่อมไม่คิดพลาด
เช่นนั้นแล้ว นอกจากบางคนที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฝึกฝน แทบทั้งหมดได้ปรากฏตัวออกมาเพื่อเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ
จอมราชันเทพขั้นต่ำ กับจอมราชันเทพขั้นกลาง ก็เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ
ราชาเทพขั้นสูงก็เข้าสนามรบราชาเทพ
…
ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย ว่าการฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะ 20 คนติดๆกันในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ จะทำให้ด้านนอกบังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย
ตอนนี้เขายังคงเตร็ดเตร่ไปทั่วสนามรบราชาเทพ เพื่อตามหาเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะ
‘ให้ตายเถอะ ฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะ 100 คน…เรื่องนี้หากข้าทำไม่ได้ ไม่พ้นพวกนิกายมหาเอกะได้หัวเราะข้าตายแน่!’
ไม่ทันไร วันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีก 2-3 วันแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนยังไม่พบเจอกลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะเป็นกลุ่มที่ 2 เลย แถมอย่าว่าแต่ศิษย์นิกายมหาเอกะเป็นกลุ่ม กระทั่งศิษย์ของนิกายเอกะสักคนเขายังไม่เห็นแม้แต่เงา
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้ดีแก่ใจ ว่าในเวลานี้โอกาสพบเจอศิษย์นิกายมหาเอกะเป็นกลุ่มเกรงว่าจะมากกว่าพบเจอศิษย์นิกายมหาเอกะคนเดียวเสียอีก
เพราะตั้งแต่ที่เขาลั่นวาจาว่าจะฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะ 100 คน ไม่น่าจะมีราชาเทพคนไหนในนิกายมหาเอกะ กล้าเข้าสนามรบราชาเทพเพียงลำพัง
“หืม?”
ในวันนี้ ต้วนหลิงเทียนยังคงเตร็ดเตร่ไปทั่วสนามรบราชาเทพเหมือนเคย แถมเขาพยายามทำตัวเป็นจุดเด่นโดยการเหินร่างบนฟ้า ด้วยหวังว่าหากมีคนของนิกายมหาเอกะกะสังเกตเห็น พวกมันจะได้เป็นฝ่ายวิ่งโร่มาให้เขาฆ่า
และทันใดนั้นเอง สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลง ราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหูเขาได้ยินเสียงเอะอะ ร่างเขาก็วูบหายไปทันที พริบตาเดียวก็ไปปรากฏยังเบื้องหน้าไกลตา
หลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติไม่กี่ครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากแนวเทือกเขา มาถึงสถานที่ราบลุ่มทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง
และกลางอากาศเบื้องหน้า เขาเห็นคนกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่มกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด และเห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มหนึ่งที่กำลังได้เปรียบ
“ถอยก่อน!!”
ชายวัยกลางคนที่ห้อยแขวนป้ายประจำตัวบ่งบอกฐานะว่าเป็นคนของนิกายมังกรสวรรค์ ได้คำรามออกมาเสียงดัง ยังระเบิดพลังเทพออกมาซัดทำลายพื้นที่รอบตัวอย่างเกรี้ยวกราด
จากนั้นเหล่าศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ ก็เร่งผละออกจากศัตรู แล้วล่าถอยออกไปทันที
เดิมทีศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หลายคนก็รู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี และกำลังตกเป็นรองมากขึ้นทุกขณะ พอผู้นำกลุ่มสั่งถอยจึงไม่คิดรอช้า รีบหาทางผละออกจากคู่ต่อสู้ทันที
“ฮ่าๆๆๆ…จะรีบไปไหนเล่า ในเมื่อมาแล้วก็อยู่นี่เถอะ!”
ชายหนุ่มที่แขวนป้ายศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ขณะเดียวกันหอกยาว 7 ฉื่อในมือก็เสือกทะลวงความว่างเปล่าอย่างแรง อุบัติคลื่นพลังทะลุทะลวงสายหนึ่งตัดฟ้าไปดังประกายแสง!
แสงพลังสีทองส่องสว่างออกมาเจิดจ้า เผยกลิ่นอายพลังร้ายกาจอย่างหาตัวจับยาก พริบตาก็พุ่งไปยังศิษ์นิกายมังกรสวรรค์คนหนึ่งที่ไม่ทันระวัง จนกำลังจะพลาดท่าเสียที
วูบ!
ทันใดนั้นเอง ขณะที่ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบมาปรากฏตัวปานภูตผี ก่อนจะจี้นิ้วต่างกระบี่ตวัดฟันออกไป จากนั้นแสงกระบี่อันร้ายกาจก็พุ่งไปทำลายคลื่นพลังทะลุทะลวงสีทองทันที
“ฮู่ววว…”
ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด อดระบายลมหายใจออกมาไม่ได้ ขณะมองไปยังแผ่นหลังในชุดสีม่วงเบื้องหน้า ในแววตาที่ฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่หายก็เผยความสำนึกบุญคุณ เร่งกล่าวออกมาด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณศิษย์พี่ที่ช่วยเหลือ!”
ที่นี่ คนที่จะช่วยมัน คงมีแต่ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์เท่านั้น และจากพลังฝีมืออันร้ายกาจ ไม่พ้นต้องเป็นศิษย์พี่ที่มีฐานะไม่ใช่ชั่วแน่ๆ
ในเวลาเดียวกัน ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หลายคนที่สังเกตเห็นเรื่องราง ก็โพล่งออกมาเสียงดังลั่น “นั่นมัน…ต้วนหลิงเทียน!!”
“สวรรค์ เป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ!”
…
พอศิษย์นิกายมังกรสวรรค์รู้ว่าผู้ที่ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือเป็นใคร แต่ละคนก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“ปรมาจารย์ต้วน”
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ จากป้ายที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวทั้ง 2 ไม่เพียงบอกให้รู้ว่ามันเป็นคนของนิกายมังกรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังบอกด้วยว่ามันเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอกของนิกายมังกรสวรรค์คนหนึ่ง บัดนี้มันกำลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหนือความคาดหมาย
“สินสงคราม กับป้ายประจำตัวพวกมัน…ข้าต้องการครึ่งนึง”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองชายวัยกลางคน พลางเอ่ยคำเสียงเรียบ
ถึงแม้ความแข็งแกร่งของศิษย์นิกายมหาเอกะจะเหนือกว่ากลุ่มที่เขาฆ่าล้างไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหากเขาลงมือเต็มกำลังก็มั่นใจว่าจะฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นอกจากกลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะแล้ว ยังมีคนของนิกายมังกรสวรรค์อยู่ด้วย
ต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้พลังทั้งหมด เว้นเสียแต่เขาจะฆ่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดเพื่อปิดปาก…
“ย่อมได้!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับเร็วไว ทันทีที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เพราะมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอะไร!
“ดี”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบรับ กระบี่เล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นทั่วร่างเขาก็ระเบิดพลังมิติขุมหนึ่งออกมาผนึกห้วงมิติโดยรอบ เพื่อกันไม่ให้ผู้ใช้กฏมิติของอีกฝ่ายหลบหนีไปได้
“ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
ชายวัยกลางคนที่เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือผนึกห้วงมิติ ก็ไม่รอช้า คนโพล่งตะโกนผสานพลังออกมาอย่างฮึกเหิม จากนั้นก็ปะทุพลังกล้าแข็ง โจนทะยานเข่นฆ่าเข้าใส่กลุ่มคนของนิกายมหาเอกะด้วยสภาวะดุร้ายประหนึ่งพยัคฆ์ลงภู!
จากนั้นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์แต่ละคนก็ปะทุพลังลงมืออย่างดุดันเช่นกัน
เมื่อครู่ พวกมันกำลังจะล่าถอยอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มีต้วนหลิงเทียนมาหนุนเสริม พวกมันแต่ละคนคล้ายถูกฉีดเลือดไก่ แต่ละคนเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิม ราวกับจะระบายความคับแค้นใจที่โดนกลุ่มนิกายมหาเอกะเมื่อครู่ยัดเยียดมาให้
ด้านเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะ ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกายทันที เมื่อได้รับรู้ถึงตัวตนของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียน…นั่นคือแต้มรบ 300,000 แต้ม!!
กลุ่มคนของนิกายมังกรสวรรค์เบื้องหน้าต่อให้พวกมันฆ่าอีกฝ่ายจนหมด แต่เฉลี่ยแล้วพวกมันยังได้แต้มรบกันคนละไม่ถึง 100 ด้วยซ้ำ! แต่ถ้าฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันก็แบ่งแต้มรบกันได้คนละเกือบ 10,000 แต้ม!!
อย่างไรก็ตาม พริบตาต่อมาพวกมันก็ตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายข้อหนึ่ง…ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่เพียงลำพัง! สิ่งนี้ทำให้เหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะเสมือนถูกน้ำเย็นราดรดลงหัว ปลุกพวกมันให้ตื่นจากความฝันทันที!
และพอพวกมันได้สติกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทำการผนึกห้วงมิติเรียบร้อย
“แย่แล้ว!!”
จากนั้นเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะที่ได้สติ ก็พบว่าเหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ โดยเฉพาะผู้ดูแลฝ่ายนอกที่เป็นหัวหน้านั่น ได้เปิดฉากเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่พวกมันแล้ว!
กระทั่งแต่ละคนยังลงมือราวกับจะ ‘แลกชีวิต’ กับพวกมัน
ทำให้เหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะทั้งหลายเร่งรุดต้านทานรับมือเป็นพัลวัน ขณะเดียวกันในใจพวกมันก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
เหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ เดิมทีพวกมันมั่นใจว่าจะฆ่าทิ้งได้หมด
อย่างไรก็ตาม ในแง่กำลังรบแล้ว พวกมันเพียงเหนือกว่าเล็กน้อย ไม่ได้เหนือกว่ามากมายอะไร
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมีกำลังเสริมอย่างต้วนหลิงเทียน!
“ทุกคน! รีบถอย! ต่อให้พวกมันจะมีต้วนหลิงเทียนเพิ่มมาอีกคน แต่จะหยุดพวกเราไม่ให้ถอยได้รึ!?”
ราชาเทพขั้นสูงของนิกายมหาเอกะ ออกคำสั่งล่าถอยเสียงดังลั่น
ด้านคนอื่นๆ พอได้ยินก็ทำตาลุกวาวทันที…ใช่! สู้ไม่ได้ก็ถอยสิ!!
“คนอื่นข้าไม่รู้…แต่กับเจ้า ข้ามั่นใจว่าหยุดไม่ให้หนีไปไหนได้แน่”
ในขณะที่สุรเสียงสงบดังขึ้นเข้าหูทุกคน ทั้งหมดก็เห็นว่ามีร่างในชุดสีม่วงวูบไปผุดโผล่เบื้องหน้าราชาเทพขั้นสูงของนิกายมหาเอกะที่พึ่งสั่งถอยเมื่อครู่
จากนั้นร่างในชุดสีม่วงดังกล่าวก็เพียงจี้นิ้วต่างกระบี่ไปทางมันอย่างไม่รีบไม่ร้อน ปรากฏกระบี่พลังสีเทาเล่มหนึ่งพุ่งวาบไปดั่งประกายแสง เสือกทะลวงหว่างคิ้วราชาเทพขั้นสูงคนนั้นในพริบตา ต่อมาก็เป็นพายุพลังมิติที่ไล่หลังแสงกระบี่มาติดๆ ได้ป่นปี้ร่างมัจนกลับกลายเป็นละอองโลหิตกลุ่มหนึ่ง…
หมอกโลหิตดังกล่าว ยังถูกคลื่นอากาศพัดจนซ่านกระเซ็นใส่หน้าเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะที่อยู่ใกล้เคียง
“หนี!!”
“หนีเร็ว!!”
…
ศิษย์นิกายมหาเอกะที่แต่เดิมเตรียมตัวจะล่าถอยไปด้วยกัน พอเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือเข่นฆ่า ‘หัวหน้ากลุ่ม’ ได้ในพริบตา ขวัญพวกมันก็แตกกระเจิง แต่ละคนคิดแต่จะเอาตัวรอด เร่งรุดหลบหนีตัวใครตัวมัน ดั่งเม็ดทรายที่กระจัดกระจาย…
��