WSSTH ตอนที่ 3,864 : สือคงเยี่ย
ภายในลานอันเต็มไปด้วยบุปผานานาพรรณแห่งนี้ ช่างเต็มไปด้วยความงดงามทั้งสุขสงบราวกับภาพวาด
ในภาพวาดนี้ยังปรากฏร่างชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วนในชุดคลุมสีน้ำตาลนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ใบหน้าแลดูหล่อเหลาเรือนผมสีเทาอ่อนสลวยทอดยาวลงมาปานม่านน้าตก ให้ความรู้สึกธรรมดา แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ปลายจมูกคล้ายจะงอยนกอินทรีย์นั่น ยังแลโดดเด่นี้เป็นพิเศษ
“นายท่าน”
“ท่านลุงสือคง”

ชายชรากับติงเหยียนกล่าวคาทักทายออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน
หลังจากทั้งสองทักทายแล้ว เชวียไห่ชวน รวมถึงเชวียไห่ชานที่ติดตามมาก็ประสานมือคารวะชายวัยกลางคน “ผู้น้อยขอคารวะอาวุโสสักการะสือคง”
“ต้วนหลิงเทียน ยินดีที่ได้พบอาวุโสสือคง”
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กลับมารู้สึกตัว ก่อนประสานมือคารวะทักทายด้วยสายตาประหลาดใจ
สือคงเยว่นั้น เขาได้พบเห็นนางมาแล้ว
ทว่าสือคงเยว่นั้น ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายอาวุโสสักการะสือคงเลย อย่างน้อย ๆ มองแวบแรก็กไม่มีอะไรเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม หลังต้วนหลิงเทียนพินิจให้ดี ๆ ในที่สุดเขาก็พบความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้ง 2 อย่างแรกเลยก็คือริมฝีปากจากนั้นก็ใบหู
หากทว่า 2 จุดนี้มองแว่บแรกยังไม่อาจแลเห็นความละม้ายคล้ายกันได้ จาต้องมองสังเกตให้ดี ๆ
ชายวัยกลางคน หรือกี่คือสือคงเยี่ย อาวุโสสักการะแห่งนิกายมังกรสวรรค์ พลันลืมตาขึ้นมาหลังเสียงคารวะทักทายของต้วนหลิงเทียนดังจบคา
และดวงตาของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็แตกต่างจากคนทั่วไป มันมีสีเทาอมีน้ำตาล หากไปปรากฏบนโลกเก่าของต้วนหลิงเทียน หรือระนาบเหยียนหวงนั้น ไม่พ้นต้องเกิดจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์เสริมความงามเป็นแน่
“อาวุโสมังกรขาว เชวียไห่ชวน ข้าได้ยินคาร่าลือมานานแล้ว”

สองตาสือคงเยี่ยจับจ้องไปยังเชวียไห่ชวน จากนั้นมีุมปาก็กปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้าหนูหลงฉิงชงนั่น ตอนอยู่กับข้ามันมักพูดถึงเจ้าบ่อยครั้ง และบอกว่าเจ้ายังร้ายกาจยิย่งกว่าอาวุโสมังกรขาวที่อายุน้อยที่สุดอีก 2 คนที่เหลือเสียอีก ยังมีโอกาสที่จะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพมากกว่าใคร…”
พอสือคงเยี่ยเปิดปากกล่าวคาออกมาก็ไม่ขาดการสรรเสริญเย่นย่อเชวียไห่ชวนแม้แต่น้อย
ด้านเชวียไห่ชวันที่อึ้งไปเพราะถูกชมอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็เร่งกล่าวด้วยรอยยิ้มแหย ๆ “อาวุโสสักการะสือคงกล่าวชมผู้น้อยเกินไปแล้ว เชวียไห่ชวนมิมีความกล้ารับคาชมสูงส่งของท่าน…ขอบเขตจักรพรรดิเทพไหนเลยบรรลุถึงได้โดยง่าย”
“เทียบกับข้าแล้วเจ้านับว่ายังเยาว์นัก เช่นั้นนคนหนุ่มสาวเช่นเจ้าสมควรต้องฮึกเหิมมีพลังมากกว่านี้อย่าได้เอาอย่างข้าผู้เฒ่าที่ล้าหลังเลย”

สือคงเยี่ยส่ายหัวไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะโรยตัวลงมาจากกลางอากาศ
หลังจากลงมาหยุดยืนบนพื้นแล้ว มันก็มองกล่าวกับเชวียไห่ชวนว่า “ศึกจักรพรรดิปะทุขึ้นครานี้ ไม่เพียงแต่เป็นดั่งสถานที่ขัดเกลาลับคมราชาเทพเท่านั้น สำหรับเจ้าเองก็เช่นกัน”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาแล้ว แต่ข้าคิดว่าเจ้าไม่ต้เน่เนื่องจากดหนทางตัวเอง เพียงเพราะพี่ชายของเจ้าเลย”
“อย่างน้อย ๆ ข้าก็เชื่อว่าพี่ชายของเจ้าเองก็ไม่ต้องการเช่นั้นนเหมือนกัน”
กล่าวถึงจุดนี้สือคงเยี่ยก็หันไปมองเชวียไห่ชาน “วันหน้า หากเชวียไห่ชวนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ หากเจ้าไม่รังเกียจบ้านโกโรโกโสของข้าผู้เฒ่า ก็มาพักที่นี่เถะ”

“บ้านลาน 6 หลังที่อยู่รอบ ๆ ยังวางอยู่ถึง 3 หลัง เช่นั้นนต้วนหลิงเทียนก็เอาไปหลังหนึ่ง เจ้าเองก็เลือกไปสักหลังเถอะ”
สือคงเยี่ยกล่าว
“ขอบคุณอาวุโสสักการะสือคงที่เมตตา!”
เชวียไห่ชานเร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณทันที่
“ติงเหยียน เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวคำขอบคุณติงเหยียนผ่านพลัง ทำให้ติงเหยียนถึงกับอึ้งไปตาปริบ ๆ ย้อนถามผ่านพลังว่า “เจ้ามาขอบคุณข้าทำไม่ละ”
“อ่าว เจ้าไม่ได้ขอให้อาวุโสสือคงทาเช่นนี้หรือ ?”

ต้วนหลิงเทียนถามผ่านพลังด้วยความสับสน
“เปล่า”
ติงเหยียนส่ายหัวไปมา ค่อยพูดว่า “ถึงแม้ข้าจะเกริ่น ๆ เรื่องพี่ใหญ่เชวียไห่ชานแล้ว แต่ท่านลุงสือคงไม่ได้ตอบัรบอะไร ข้ายังหลงคิดว่าท่านลุงไม่ต้องการให้พี่ใหญ่เชวียไห่ชานมาอยู่ด้วยเสียอีก”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฟังจากที่ท่านลุงสือคงพูดมาเมื่อครูดูๆ แล้วเหมือนจะเป็นเพราะอาวุโสเชวียไห่ชวนมากกว่า”
พอติงเหยียนเอ่ยมาเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนที่ลองนึกทบทวนดูก็พบว่าเหมือนจะเป็นเช่นั้นนจริง ๆ
“ขอบคุณอาวุโสสักการะสือคงที่เมตตาช่วยเหลือ!”

ด้านเชวียไห่ชวนก็เร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไปเถอะ”
สือคงเยี่ยมองไปยังเชวียไห่ชวน โบกมือพลางกล่าว “ข้าหวังว่าเจ้าจะพบความก้าวหน้าในสนามรบจอมราชันเทพ การฝึกฝนบ่มเพาะจาต้องใช้เวลาสะสม อย่างไรก็ตามความลึกซึ้งของกฏ และกลวิธีต่าง ๆ สงครามนับเป็นตัวช่วยให้เจ้าเข้าใจมันอย่างดี…”
“ส่วนเชวียไห่ชาน ข้าแนะนำให้เจ้าอยู่ฝึกฝนกับข้าสักพัก หลังจากเจ้าควบรวมปรับด่านพลังแล้วเสร็จ เจ้าก็สามารถเข้าสู่สนามรบราชาเทพ เพื่อหาประสบการณ์ได้เช่นกัน”
พอสือคงเยี่ยกล่าวจบคา เชวียไห่ชานก็เร่งตอบกลับเร็วไว “รบกวนอาวุโสสักการะสือคงแล้ว”
“ไห่ชวน เจ้าไปเถอะ”

“ข้าอยู่กับอาวุโสสักการะสือคงที่นี่ เจ้าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
เชวียไห่ชานหันไปกล่าวคากับเชวียไห่ชวน
เชวียไห่ชวนก็พยักหน้า จากนั้นก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนกับติงเหยียน จากนั้นก็ประสานมือโค้งคารวะสือคงเยี่ย ก่อนจะหันหลังจากไป เตรียมเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ
หลังเชวียไห่ชวนจากไปแล้ว สือคงเยว่ก็หันไปมองชายชราที่อยู่ข้าง ๆ “ผู้เฒ่าเหวิน รบกวนจัดแจงที่พักให้เชวียไห่ชวนด้วย”
“ทราบแล้วนายท่าน”
ชายชรารับคาด้วยความเคารพ จากนั้นก็พาเชวียไห่ชานจากไป ด้านเชวียไห่ชานก่อนไปก็ไม่ลืมบอกลาต้วนหลิงเทียน กับติงเหยียนก่อนจากไป

ครูต่อมาในลานบ้าน นอกจากสือคงเยี่ยแล้วก็หลงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับติงเหยียนเท่านั้น
“ต้วนหลิงเทียน นี่คือท่านลุงสือคงของข้า อาวุโสสักการะทั้งยังควบตำแหน่งผู้อาวุโสมังกรดาแห่งนิกายมังกรสวรรค์ สือคงเยี่ย”
ติงเหยียนกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม
ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้อ้าปากพูดอะไร สือคงเยี่ยก็ได้ละสายตาออกจากติงเหยียน ก่อนหันไปยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ต้วนหลิงเทียน นามเลิศล้าของเจ้าข้าชื่นชมมานานแล้ว”
“ในอดีต ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ปีนั้น ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลหลานชายข้า”

ได้ยินคำพูดดังกล่าวของสือคงเยี่ย ต้วนหลิงเทียนก็รีบส่ายหัวไปมาเร็วไว “อาวุโสสักการะสือคงเกรงใจไปแล้ว ติงเหยียนกับข้าเป็นสหายกัน เช่นั้นนมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันี้เป็นธรรมดา”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…สหายอันประเสริฐ”
สือคงเยี่ยหัวเราะชอบใจ จากนั้นในแววตามนก็ฉายความหวนคำนึง “วัยรุ่นเช่นพวกเจ้าช่างดียิ่ง…เห็นพวกเจ้าแล้ว อดทำให้ข้านึกถึงครั้งแรกที่ข้าพบกับบิดาของติงเหยียนขึ้นมาไม่ได้”
“พริบตาเดียว วันเวลาก็ล่วงเลยไปหลาปีแล้ว…”
“น่าเสียดายที่เจ้าเฒ่านั่นมิอยู่แล้วยังทิ้งลูกชายไว้ให้ข้าผู้เฒ่าแค่คนเดียว…”
กล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของสือคงเยี่ยก็ฉายชัดถึงความเศร้า ถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน

ต้วนหลิงเทียนพลันเอ่ยออกเสียงขรึม “อาวุโสสักการะสือคง ท่านดูแลบุตรชายของสหายเก่าประหนึ่งบัตรชายของตัวเองเช่นนี้หลังสหายเก่าจากไป ข้าเชื่อว่าหากสหายเก่าล่วงรู้นำใจนี้ของท่าน คงไม่เสียใจที่มีอาวุโสสักการะสือคงท่านี้เป็นสหายแล้ว”
คำพูดของต้วนหลิงเทียน ทำให้สือคงเยี่ยหัวเราะออกมาเบา ๆ “เจ้าหนูเจ้าช่างพูดเสียจริง”
“ให้เทียบกับติงเหยียนแล้ว เจ้านับว่าดีกว่ามาก”
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนลุกสาวข้าถึงสนใจเจ้านัก กระทั่งให้ข้าไปหาเจ้าหนูหลงฉิงชงเพื่อแต่งตั้งเจ้าให้เป็นอาจารย์สอนเต๋าแห่งการหลอมโอสถเทพของนางโดยเฉพาะ”
สือคงเยี่ยกล่าวจบก็คลี่ยิ้ม
และคำพูดดังกล่าวของสือคงเยี่ยก็ทำให้ติงเหยียนอึ้งไปทันที่จากนั้นลึกลงไปในแววตาก็เผยความหดหู่อันยากจะมองเห็น

ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็หน้าเหวอไปไม่ต่าง จากนั้นก็เร่งกล่าวคาด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “อาวุโสสักการะสือคง เรื่องนี้ทานอาจยังไม่ทราบ แต่ในแง่ของเต๋าแห่งการหลอมโอสถเทพแล้ว ข้าก็รู้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น…ถึงแม้ข้าจะสามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ก็จริง แต่ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไวต่อพลังชีวิตที่ปนเปอยู่ท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินี้เป็นพิเศษ”
“หากวัดกันในแง่ความรู้และเต๋าแห่งการหลอมโอสถเทพที่แท้จริง อย่าว่าแต่ท่านอดีตประมุขผู้เฒ่าเลย ให้สุ่มเลือกปรมาจารย์หลอมโอสถเทพในนิกายคนไหนออกมาสักคน ข้าแทบไม่อาจนับเป็นคู่แข่งได้ด้วยซ้ำ…”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็แลดูจนปัญญาอยู่บ้าง
“เฮ่อ…ดูเหมือนจักเป็น บุปผาโปรยร่วงด้วยมีใจ สายนที่ไหลผ่านไร้ไมตรี”

สือคงเยี่ยมองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน พลางกล่าว “ถึงกระนั้น ข้าก็หวังว่าวันหน้าเมื่อลูกสาวของข้าเข้าหาเจ้า ต้วนหลิงเทียนเจ้าก็ช่วยอธิบายให้นำงฟังอย่างกระจ่างชัดเถอะ นางจักได้ไม่ต้องคิดไปเอง…”
“ยาโถ้วนอยนางนั้น จิตใจสูงเทียมฟ้า มิเคยมองบุรุษในรุ่นเดียวกันมาก่อนเลย”
“กล่าวได้ว่าตลอดเวลาไม่กี่พันปีที่ผ่านมา เจ้านับเป็นบุรุษคนแรกที่นางต้องตาพึงใจ”
“ข้าเคยได้ยินติงเหยียนกล่าวมาแล้ว ว่าเจ้าเองก็มีเหล่าภรรยาทั้งอนุมากมาย กระทั่งยังมีลูก 2 คน เช่นั้นนเจ้าคงมิใช่หนุ่มน้อยไร้เดียงสา…เช่นั้นนข้าเชื่อว่าเจ้าที่มีประสบการณ์พอตัว ต้องมีวิธีปฏิเสธโดยไม่ทำให้นำงต้องเจ็บช้านำใจมากนัก”
พอสือคงเยี่ยพูดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดหันไปมองติงเหยียนไม่ได้

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาบอกเจ้าบ้านี่ว่าเขามีเหล่าภรรยาทั้งอนุมากมาย ?
ข้ามีภรรยาแค่ 2 คน!
นอกจากนั้นก็มีสตรีที่ยืนยันความสัมพันธ์แล้ว แต่ยังไม่ได้ตบแต่งอีกแค่ 3 คนเท่านั้น
จะเรียกว่าเหล่าภรรยาทั้งอนุมากมายได้อย่างไร ?
ขณะเดียวกันสือคงเยี่ยก็กล่าวสืบต่อว่า “ถึงตอนั้นน ข้านับว่าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”
“กล่าวได้ว่าเจ้ามาหลบภัยบ้านข้า ถือว่าเจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้าเลย…เพราะการให้เจ้ามาอยู่ด้วย หนึ่งเลยเป็นเพราะเห็นแก่หน้าติงเหยียน ส่วนอีกเรื่องกอย่างที่เจ้าเข้าใจ…”

พอสือคงเยี่ยกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของมันก็เปลื่ยนี้เป็นจริงจัง
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเจื่อื่น ๆ พลางกล่าว “ผู้อาวุโสสักการะสือคง ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก”
“สำหรับข้าแล้ว เป็นเรื่องง่ายดายเพียงเอ่ยปากเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “เช่นั้นนอาวุโสสักการะสือคงไม่นับว่าติดค้างอะไรข้า’
“ข้าบอกว่าเรื่องนี้ก็เรื่องนี้ เรื่องนั้นก็เรื่องนั้น ไม่ต้องพูดแล้ว”
สือคงเยี่ยกล่าวค่าเสียงขรึม
พอกล่าวจบคามันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนทันได้พูดอะไร หันไปมองกล่าวกับติงเหยียน เพื่อให้ติงเหยียนจัดที่พักให้ต้วนหลิงเทียน

กล่าวกับติงเหยียนจบ คนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยปานสายลม
“ต้วนหลิงเทียน ไปกันเถอะ”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนยั่งยืนอึน ติงเหยียนก็กล่าวดึงสติต้วนหลิงเทียน “ท่านลุงสือคงลองได้ตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไม่มีทางเปลื่ยนแปลงหรอก เจ้าก็ยอม ๆ ทำตามใจท่านลุงไปเถอะ”
“ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าไม่ยอมให้ท่านลุงสือคงติดค้าง ข้าเกรงว่าวันหน้าคงยากที่เจ้าจะได้พบท่านลุงสือคงอีก”
“แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะมาหาท่านลุงสือคงก่อน”
“ท่านลุงสือคงสามารถจัดการู้อะไรได้หลาย ๆ อย่างนัก”

พอติงเหยียนกล่าวถึงจุดนี้ ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแฝงความนัย กล่าวออกเสียงขรึม “ถึงเจ้าจะขอให้ท่านลุงสือคงฆ่ารองประมุขนิกายมังกรสวรรค์อย่างเซวียหมิงจื่อท่านลุงก็จัดการให้เจ้าได้แน่นอน”
“กระทั่งเจ้าขอท่านลุงตอนนี้ เซวียหมิงจื่อก็ไม่มีโอกาสได้เห็นตะวันยามรุ่งอีกแน่!”
“ถึงแม้ว่าเซวียหมิงจื่อนั่นจะอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ก็ตาม”
ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงว่าติงเหยียนจะพูดอะไร แบบนี้ออกมา
กลับกัน เขาก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอาวุโสสักการะสือคงแห่งนิกายมังกรสวรรค์ ที่ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสมังกรดาอย่างที่ทุก ๆ คนรู้กัน กลับมีพลังสามารถถึงขั้นั้นน
เซวียหมิงจื่อจะอย่างไรก็เป็นชนชั้นรองประมุขของนิกายมังกรสวรรค์ นับว่ายังเหนือกว่าตำแหน่งผู้อาวุโสมังกรดาเสียอีก

สถานะในนิกายมังกรสวรรค์นับว่าสูงมาก เป็นรองก็แต่ประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสมังกรทองเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เพราะคำพูดของติงเหยียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดคิดไปไม่ได้ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างอัาวุโสสือคงกับประมุขนิกายดีถึงขั้นไหนักน กระทั่งกำหนดความเป็นตายชนชั้นรองประมุขได้ตามอำเภอใจ’
‘หรือ…ที่แท้พลังฝีมือส่วนตัวจะไม่ธรรมดาจริง ๆ ?’

ด้วยเหตุนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้พักอาศัยอยู่ในสถานที่พกับ่มเพาะส่วนตัวของสือคงเยี่ย อาวุโสสักการะซึ่งดำรงตำแหน่งอาวุโสมังกรดาแห่งนิกายมังกรสวรรค์

สำหรับสมุนไพรที่นิกายมังกรสวรรค์รวบรวมให้ต้วนหลิงเทียนั้นน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ออกไปรับมันด้วยตัวเองเป็นติงเหยียนที่ได้รับแจ้งจากผู้เฒ่าเหวินออกไปรับแทนเขา สิ่งนี้เพื่อไม่ให้คนที่คิดจะเล่นงานเขามโอกาสใด ๆ
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะไม่ได้รู้เรื่องราวเหล่านี้เลย
เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าที่เชวียไห่ชวนได้รับคำสั่งให้เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพของระนาบศึกจักรพรรดินั้น แม้ตัวผู้ออกคำสั่งจะไม่ใช้คนของร้องประมุขนิกายอย่างเซวียหมิงจื่อและไม่ได้มาจากสายนิกายหมื่นปีศาจ แต่ก็ยังมีเงาของเซวียหมิงจื่ออยู่เบื้องหลัง