“ท่านคิดฆ่าข้าหรือ ?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังฟางอี้หมิง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะที่กำลังขวางทางด้วยสายตาสงบ
ส่วนด้านฟางอี้หมิง ก็แสยะยิ้มเย็นชาเอ่ยว่า “เจ้าคงไม่ไร้เดียงสาจนคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปจริง ๆ กระมัง ?”
“เจ้าอย่างไรก็เป็นคนของนิกายมังกรสวรรค์ ส่วนข้าเป็นคนนิกายมหาเอกะ เดิมทีพวกเราก็เป็นศัตรูที่ต้องเข่นฆ่ากันในสนามรบแห่งนี้อยู่แล้ว…เช่นั้นนวันนี้ต่อให้เจ้าจะช่วยฆ่าอริข้า แต่ข้าก็ไม่โง่ปล่อยเจ้าไปหรอก”
“แน่นอนถึงเจ้ากำลังรู้สึกไม่เป็นธรรมหรือกี่ำลังเสียใจที่ไม่ได้ช่วยหวังเหลืยงฆ่าข้าอะไรทานองนั้น…แต่เชื่อข้าเถอะ ต่อให้เจ้าเลือกจะช่วยหวังเหลืยง มันก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเช่นกัน”
“โชคชะตาของเจ้า…ตั้งแต่วินาทีแรกที่ถูกพวกเราค้ นพบ มันก็ ถูกลิขิตเรียบร้อย…”
“ถูกลิขิตให้ถึงที่ตาย!”
ขณะกล่าวฟางอี้หมิง ดวงตาของฟางอี้หมิงก็ฉายชัดถึงเจตนา ฆ่าฟัน จากัน้ นพลังเทพทั่วร่างของมันก็พุ่งพล่านขึ้นมา
“อ้อ ?”
เผชิญหน้ากับท่าทางไร้ปราณีของฟางอี้หมิง ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ย “ช่างเงป็ นเรื่องบังเอิญเสียจริง…พอดีข้าเองก็ไม่ได้วางแผน จะปล่อยท่านไปเช่นกัน”
“ที่ข้ายังไม่ลงมือกับท่านจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากรู้ว่าท่านจะลงมือกับข้ารึเปล่า”
พอต้วนหลิงเทียนพูดมาแบบนี้ ฟางอี้หมิงก็ตกใจ แต่พอรู้สึกตัว มันก็ยิ่งกล่าวเย้ยสืบต่อ “เจ้าหนูนี่เจ้ากลัวจนเสียสติไปแล้วหรือไร อาศัยจอมราชันเทพขั้นต่ำตัวกระจ้อยเช่นเจ้าคิดจะฆ่าข้า ?”
“ข้าไม่เหน็จะเคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าในนิกายมังกรสวรรค์มีอัจฉริยะคนใดสามารถต่อสู้ข้ามขั้น และเอาชนะจอมราชันเทพขั้นกลางได้ทั้ง ๆ ที่เป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำ”
ฟางอี้หมิงไม่ได้เชื่อคำพูดต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังกล่าวคาโต
จากนั้นมีันก็ไม่พูดอะไรสืบต่อลงมือออกกระบวนท่า พุ่งร่างเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที่
ด้านต้วนหลิงเทียน พอโดนฟางอี้หมิงเข่นฆ่าเข้าใส่ ก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง
“กลัวจนกลายเป็นตัวโง่งมไปแล้ว ?”
มุมปากฟางอี้หมิงฉีกยิ้มเย้ยเยาะ แสงดาบในมือยยิ่งมายิ่งสว่างเจิดจ้า
ยามตวัดาบเปล่งแสง ธารน้าแข็งเบื้องล่างก็เริ่มปรากฏรอยฟาดฟันไปทั่ว บ่งบอกให้รู้ว่าบัดนี้พลังอานุภาพมันรุนแรงขนาดไหน
“เจ้าหนูนิกายมังกรสวรรค์ ก่อนเจ้าจะตายก็จาใส่หัวเอาไว้ให้ดี…คนที่ฆ่าเจ้าคืออาวุโสฝ่ายในนิกายมหาเอกะ ฟางอี้หมิง!”
สองตาฟางอี้หมิงฉายแววเย็นชา ดาบในมือฟันฟาดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยอามหิต
เมื่อลงดาบแล้ว มันก็เริ่มคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา ราวกับเห็นฉากร่างต้วนหลิงเทียนถูกมันผ่าตายคามือ
“ท่านเองก็จดจำไว้ให้ดี ว่าคนที่ฆ่าท่านก็คือศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน”
ในขณะที่ฟางอี้หมิงคิดว่า ต้วนหลิงเทียนคงยิ่งกวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยคาออกมาเสียงเบา น้ำเสียงสงบเฉยเมยไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
ศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค๎�ี ?!
ฟางอี้หมิงชะงักไปโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค๎�ี ?
นอกจากนั้น ไฉนชื่อต้วนหลิงเทียนฟังแล้วถึงได้คุ้นหูมันนักุเลา ?
และในขณะที่ฟางอี้หมิงชะงัก แสงดาบในมือมันก็อ่อนจางลง สิ่งนี้เกิดจากอาการฟุ้งซ่านของมัน
เวิงง!
เวิงง!
…
และในขณะที่ฟางอี้หมิงฟุ้งซ่าน พื้นที่รอบ ๆ ตัวต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบเร่งเร้าพลังเทพขึ้นมาทั่วร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เริ่มบังเกิดความเปลื่ยนแปลง มันพับทบทับซ้อนทั้งแลดูปั่นป่วนไม่เสถียร ราวกับบังเกิดความเปลื่ยนแปลงตามเจตจำนงของต้วนหลิงเทียน
กระทั่งพลังที่อัดแน่นในดาบฟางอี้หมิงก็ถูกทาลายไปหลายส่วน
ทำให้ฟางอี้หมิงรู้สึกเสมือนดาบมันติดอะไรสักอย่างยากจะฟันฟาดไปต่อ
“นี่มัน…”
พริบตาต่อมา ฟางอี้หมิงที่กลับมารู้สึกตัว หลังสำนึกเทวะแผ่ขยายออกไป้พอสัมผัสได้ถึงความเปลื่ยนแปลงโดยรอบ สีหนามินก็เปลื่ยนไปทันที่“วิถีควบคุม! นี่เจ้าเชี่ยวชาญวิถีควบคุมแล้ว!?”
วิถีควบคุม เป็น 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลก
หากเป็นเพียงขั้นพื้นฐานก็ไม่ได้มีพลังอำนาจมากมายอะไร
แต่บัดนี้วิถีควบคุมที่ชายหนุ่มจากินกายมังกรสวรรค์เบื้องหน้าใช้อยู่ เห็นชัดว่าไม่ใช้ขั้นพื้นฐาน
“สายตาไม่เลวเลยนี่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มไม่แยแส จากนั้นมีือขวาเขาก็โบกไปส่ง ๆ ตามอำเภอใจ ทว่าทันใดนั้นเองพลังเทพขอบเขตจอมราชันเทพขั้น
ต่า ก็ได้ขับเคลื่อนความลึกซึ้งของกฏมิติหลายประการที่ผสานร่วมกัน และในตอนนี้เขาไม่ได้ซ่อนความเข้าใจในกฏมิติอีกต่อไป
ทำให้ในแง่ของความเข้าใจในกฏแล้ว เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าฟางอี้หมิงแม้แต่นิดเดียว
นอกจากนั้นในขณะที่โบกมือออกไปส่ง ๆ ในมือไม่ทราบปรากฏแสงพลังหลากสีสันเรื่องร้องออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แสงหลากสีดังกล่าวยังควบแน่นก่อเกิดกระบี่เล่มหนึ่ง ที่อัดแน่นได้ด้วยเจตนากระบี่อันดุร้ายไร้ค่เปรียบ จากนั้นก็พุ่งทะยานเข่นฆ่าไปทางอี้หมิงด้วยความเร็วอัศจรรย์
ฟั่ฟฟฟ!!
กระบี่หลากสีเหินทะยานออกไปฉับไว แสงหลากสีสันปานจะสาดส่องย้อมโลก กระทั่งความว่าง เปล่าที่ปั่นป่วนยังคล้ายจะหยุดนิ่งลงชั่วขณะ
“มรรคากระบี่!!”
พริบตาต่อมา ฟางอี้หมิงที่กับมารู้สึกตัวแล้วก็หน้าเปลื่ยนสีไปอีกรอบ ขณะเดียวกันในสายตาของมันก็ไม่เหลือความดูถูกอีกเลย กลับฉายแววหวาดหวั่นขึ้นมาแทน
‘บัดซบ!’
‘ไฉนี้เป็นเช่นนี้ไปได้!’
‘มันเป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำแท้ ๆ แต่ไม่เพียงเข้าใจกฏมิติไม่ได้ด้อยไปกว่ากฏที่ข้าเข้าใจ แถมยังใช้มรรคากระบี่กับวิถีควบคุมได้อีก!’
…
บัดนี้ ความคิดในหัวฟางอี้หมิงเรียกว่าพลิกจากหนามอเปืนหลังมือยังตระหนักได้ว่ามันอาจไม่ใช้คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงจอมราชันเทพขั้นต่ำก็ตาม
ความสามารถทั้งหลายของอีกฝ่าย ได้กลบความต่างของขั้นพลังไปหมดสิ้น
กระทั่งรบเร้าพัวพันไปเผลอ ๆ จะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายเอา!
อย่างไรก็ตาม หากมันคิดหลบหนียังพอมโอกาส
พอคิดได้ถึงจุดนี้ ฟางอี้หมิงก็เริ่มสงบใจลงได้
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นฟางอี้หมิงก็ปะทุพลังทั้งหมด ไม่เว้นพลังสายเลือด และในหัวก็ไม่เหลือความคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนสืบต่อเพราะมันไม่คิดว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้สำเร็จ
จากนั้นมีันก็อาศัยแรงต้านจากห้วงมิติเบื้องหน้า รีบถอยออกมา จากนั้นก็หันหลังกลับหมายหลบหนีทันที่
“เจ้าหนี้ไม่พ้นหรอก”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวค่าเสียงห้วน จากนั้นกระบี่ 3 ฉื่อหลากสีสันที่พุ่งออกมาก็เปล่งแสงรู้งสว่างจ้า ความเร็วของกระบี่เพิ่มพูนขึ้นในฉับพลัน!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
กระบี่พุ่งแหวกอากาศไปปานลาแสง และความเร็วของกระบี่บินก็เป็นอะไรที่รวดเร็วเหนือความคาดหมายของฟางอี้หมิงโดยสิ้นเชิง
“อะ…อะไรกัน!?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงลางหายนะที่กระชั้นเข้ามาจากด้านหลังมากขึ้นทุกขณะ ฟางอี้หมิงก็เผลอหันหัวกลับไปดูโดยไม่รู้ตัว และเมื่อมันมองกลับมากกระบี่หลากสีสันที่เปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันน่ากลัว!
“ฆ่า!!!”
เจตนาฆ่าฟันดังกล่าวทำไม่เพียงทำให้มันใจสะท้านสั่นไหว แต่ทำให้มันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสตรีอันเย็นชาอีกด้วย
ทันใดนั้นสีหนามินก็เปลื่ยนไปใหญ่หลวง “จะ…จิตวิญญาณศาสตรา!”
“นะ…นี่มันกระบี่เทพขั้นสูงที่กาเนดิจิตวิญญาณแล้ว!?”
“ไม่! ไม่!!”
พริบตาต่อมา ฟางอี้หมิง ที่รู้สึกตัวก็พยายามเร่งเร้าพลังต้านทานสุดชีวิต
ปงงงง!!
อินจจาแม้ฟางอี้หมิงจะใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดที่มี ก็ทำได้แค่หยุดกระบี่เท่านั้น หากแต่พลังในกระบี่กลับไม่อาจหยุดยั้งได้หมด และพลังส่วนใหญ่ที่ยังหลงเหลือก็ซัดกระแทกเข้าร่างมันอย่างจัง
มันรู้สึกเสมือนร่างถูกบดบี้ ชีพจรพลังขาดสะบั้น!
ซัว!
ทันใดนั้นเอง ร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติมาปรากฏตัวเบื้องหน้าฟางอี้หมิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
วินาทีนี้ใบหน้าฟางอี้หมิงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังจับใจ “ดะ…ได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร! ศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์เช่นเจ้า จักมีอุปกรณ์เทพระดับนี้ได้อย่างไร แล้วเจ้าจักเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกได้อย่างไร!”
“เป็นไปไม่ได้!”
หลังจากโพล่งคาด้วยน้ำเสียงหวาดผวา ฟางอี้หมิงก็เริ่มสงบลง จากนั้นก็มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “เจ้า ที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่ ?”
“ความช่วยเหลือภายนอก ที่นิกายมังกรสวรรค์เชิญมาเช่นั้นน หรือ ?”
“แต่ถึงจะเป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำที่เก่งกาจที่สุดของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังท้าทายสวรรค์เช่นเจ้า!!”
อินจจา เมื่อเผชิญกับคำถามสงสัยไม่เข้าใจของฟางอี้หมิง ต้วนหลิงเทียนเพียงหงายมือรับกระบี่สีรุ้งเบื้องหน้ากลับมาสู่มือก่อนจะตัวัดฟนออกไปอย่างไร้เรื่องราว
ฟั่ฟฟ!!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงเปิดเผยมรรคากระบี่มิติกับวิถีควบคุมที่เขาเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังนากระบี่หลิงหลง 7 เปลื่ยนออกมา เพื่อฆ่าฟางอี้หมิงอีกด้วย
เขาไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ด้วยกลัวจะมีบุคคลที่ 3 บังเอิญผ่านมา
หากฟางอี้หมิงตกตาย ไม่วว่าเขาจะเปิดเผยสิ่งใด ความลับทั้งหมดก็จะลงหลุมไปพร้อมกับมัน
บางทีผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สร้างระนาบศึกจักรพรรดิอาจล่วงรู้
แต่ตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดจะสนใจเรื่องนี้หรือไม่ ?
ัฉวะ!!
กระบี่ที่ตัวัดฟนออกไป้ได้ผ่าร่างฟางอี้หมิงจนแยกเป็น 2 เสี่ยง ก่อนที่พลังมิติอันน่าพรั่นพรึงจะป่นร่างมันจนสลายไปไม่เหลือซากและก่อนที่ร่างมันจะหายไป วินาทีสุดท้าย…แววตาที่มองมาของมัน เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความไม่ย่นย่อม
จวบจนตาย มันยังไม่เข้าใจ ว่าไฉนตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ถึงปรากฏตัวในนิกายมังกรสวรรค์ได้
แลจวบจนตาย มันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ชื่อของอีกฝ่ายช่างคุ้นหูเหลือเกิน
“สุดท้ายก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี”
“เริ่มดีเช่นนี้ ต่อไปต้องฉลุยแน่!”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเก็บป้ายประจำตัวของฟางอี้หมิงกับแหวนกลับมา ใบหน้าเขาก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา ขณะเดียวกันก็นาแหวนพื้นที่ของห่วงเหลืยง อาวุฝ่ายในของนิกายมหาเอกะที่ตกตายไปก่อนหน้านี้ออกมาดู
พอผูกพันธะครองแหวนทั้ง 2 วงเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็ส่องภายในเพื่อชมดูและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของต้วนหลิงเทียน ก็เปลื่ยนี้เป็นหดหู่เพราะความผิดหวังทันที่
“ผีอนาถาทั้ง 2!”
“โดยเฉพาะฟางอี้หมิง…ในแหวนมันมีหินเทพกับผลึกเทพไม่ได้พอยาไส้สักนิด! ทรัพยากรอันใดก็ไม่มี นี่มันกินลมบ่มเพาะหรือไร!?”
ในตอนนี้ต้วนหลิงเทียนลืมเลื่อนไปหมดสิ้น
ถึงแม้เขาจะพึ่งบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำ แต่ทรัพยากรที่เขาใช้บ่มเพาะนับแค่ส่วนที่หาได้จากินกายมังกรสวรรค์นั้น เกรงว่าแม้แต่ผู้อาวุโสมังกรดาก็ไม่อาจมีได้
ไม่ต้องกล่าวถึงส่งอื่นใดให้มากความเอาแค่คะแนนอุทิศที่ได้จากประมุขนิกายอย่างเดียว ต่อให้เป็นตัวตนระดับอาวุโสมังกรดา ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ล่าซาเท่าเขา
ด้วยเหตุนี้วิสัยทัศน์ของต้วนหลิงเทียนจะสูงก็ไม่แปลก
แค่ทรัพย์สมบัติจากผู้อาวุโสฝ่ายใน 2 คนของนิกายมหาเอกะมันจะอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไร
บางที่ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะได้ แต่เมื่อชมดูสิ่งของภายในแหวน ก็ไม่พ้นต้องบ่นออกมาว่า ผียากจน…
…
เมืองมหาเอกะ
ทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ
เปรี๊ยะ!!
เมื่อเสียงแตกดังขึ้นครั้งแรก สีหน้าอาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 ของนิกายมหาเอกะก็เปลื่ยนไปทันที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมองไปยังลูกแก้ววิญญาณที่แหลกเป็นเสี่ยง สีหน้าก็เปลื่ยนี้เป็นอัปลักษณ์นัก “อาวุโสหวังเหลืยง…อาวุโสหวังเหลืยงตายแล้ว!”
“จอมราชันเทพขั้นกลางตกตายอีกคน…บัดนี้ข้อได้เปรียบของพวกเราเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ”
“อาวุโสหวังเหลืยงตกตายได้อย่างไรกัน…ใช้ฝีมือของอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์หรือไม่ ?”
“ต่อให้จะไม่ได้เป็นอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์มากกว่า 2 คนที่ร่วมมือกัน…สุดท้ายหากเป็นอาวุโสฝ่ายในทั่ว ๆ ไปของนิกายมังกรสวรรค์ ต่อให้อาวุโสหวังเหลืยงจะไม่ใช้คู่ต่อสู้ ก็ยังหนี้ได้อยู่”
…
ในขณะทีสีหน้าของทั้ง 3 เปลื่ยนี้เป็นปั้นยาก พวกมันก็ไม่ลืมแจ้งเรื่องราวไปให้ผู้อาวุโสในเมืองมหาเอกะ เพื่อให้รายงานเรื่องราวออกไป้
เปรี๊ยะ!
เสียงแตกพลันดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สีหน้าของทั้ง 3 ชะงักค้างแข็งไปทันที่
ครูต่อมาทั้ง 3 ก็หันมามองหน้าสบตากัน ก่อนจะแลเห็นความเหลือเชื่อในสายตากันและกัน “ในเวลาสั้น ๆ เพียงเท่านี้…ยังมีใครตายเพิ่มอีกคน ?”
ตั้งแต่ที่ศึกจักรพรรดิกับนิกายมังกรสวรรค์เริ่มขึ้น ไม่ใช้ว่านิกายมหาเอกะจะไม่เคยสูญเสียตัวตนระดับจอมราชันเทพ
อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ตัวตนระดับจอมราชันเทพตกตายติด ๆ กัน 2 คนแบบนี้มาก่อน
2 คนที่ตกตายใกล้เคียงกันที่สุดก่อนหน้านี้ คนที่ 2 ก็ตายหลังจากคนแรกเกือบ 10 วัน
และเมื่อสายตาของทั้ง 3 หันไปมองยังลูกแก้ววิญญาณที่พึ่งแหลกเป็นเสี่ยง สีหน้าพวกมันก็เปลื่ยนไปอีกรอบ “อาวุโสฟางอี้หมิง! อาวุโสฝ่ายในตกตายอีกคนแล้ว!!”
“อาวุโสฝ่ายใน 2 คนกลับตกตายในเวลาไล่เลี่ยกัน…พวกมันไปเจออะไรกันแน่!?”