นับตั้งแต่ระนาบศึกจักรพรรดิเปิดออก ถึงแม้นิกายมหาเอกะจะสูญเสียผู้อาวุโสฝ่ายในไปบ้าง แต่จำนวนผู้อาวุโสฝ่ายในที่ตกตายก็มีน้อยมาก
ในขอบเขตจอมราชันเทพ ผู้ที่ตกตายมากที่สุดก็คือตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำ
ส่วนจอมราชันเทพขั้นกลางอย่างอาวุโสฝ่ายใน ตายไปไม่กี่คน รวม ๆ แล้วยังไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ภายในเวลาแค่ไม่ถึง 1 เค่อินกายมหาเอกะของพวกมันได้สูญเสียอาวุโสฝ่ายในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางติด ๆ กัน 2 คน
ผู้ใดสามารถบอกพวกมันได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
“ผู้อาวุโสฝ่ายในห้วงเหลืยงกับผู้อาวุโสฝ่ายในฟางอี้หมิงตกตายติด ๆ กันในเวลาไม่ถึง 1 เค่อเช่นนี้…ที่แท้พวกมันถูกฆ่าตายขณะอยู่ด้วยกัน หรือแต่ละคนดันถูกฆ่าในเวลาไล่เลี่ยกันโดยบังเอิญกันแน่”
“และเท่าที่ข้าทราบมา…ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่ค่อยสู้ดีมาโดยตลอด”
“กระทั่งให้เรียกว่าคับแค้นอาฆาตกันเลยก็ว่าได้…ไม่ว่าใครก็คิดจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายทั้งนั้น ในสายตาข้า หากเลือกได้ พวกมันไม่แน่ว่าจะสู้กันจนตายไปข้าง”
“เจ้าจะบอกว่า…พวกมันพบเจอกันในสนามรบจอมราชันเทพ จากนั้นก็สู้กันเองจนตายพร้อมกัน หรือสู้กันจนบาดเจ็บหนัก แล้วบังเอิญมีคนของนิกายมังกรสวรรค์ผ่านมาฆ่าพวกมันทั้งครูึ?”
“เรื่องนี้ มีความเป็นไปได้จริง ๆ”
“ไม่น่าเป็นไปได้…ในสนามรบจอมราชันเทพ การลงมือต่อคนในนิกายเดียวกันถือเป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่ หลังจากกลับมาแล้ว ไม่พ้นต้องได้รับโทษสถานหนัก!”
…
ในขณะที่การตายของห่วงเหลืยงและฟางอี้หมิง ผู้อาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ของนิกายมหาเอกะแพร่ออกไป้เมืองมหาเอกะก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยากจะกล่าว
และไม่นาน ข่าวเรื่องราวกแพร่ออกไปถึงนิกายมหาเอกะ
ไม่ว่าข้อเท็จจริงของการตายทั้ง 2 จะเป็นอย่างไร แต่การสูญเสียผู้อาวุโสฝ่ายในไป 2 คนติด ๆ กันเช่นนี้ ก็นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของนิกายมหาเอกะ…และรวมกับของเดิม ในปัจจุบันนิกายมหาเอกะก็เสียอาวุโสฝ่ายในไป 9 คนแล้ว
ตราบใดที่มีอาวุโสฝ่ายในตกตายเพิ่มอีกคน ตัวเลขก็จะกลายเป็น 2 หลักทันที่
“อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะเราตกตายไป 9 คน นอกจากนั้นก็มีอาวุโสปฐพีอีกคนหนึ่ง…ส่วนนิกายมังกรสวรรค์นั้น แม้จะเสียอาวุโสมังกรขาวไป 2 คน แต่อาวุโสฝ่ายในของพวกมันยังพึ่งตกตายไป 5 คนเท่านั้น”
“เดิมทีนิกายมหาเอกะของพวกเราดูเหมือนจะได้เปรียบ…แต่บัดนี้ข้อได้เปรียบดังกล่าวเหมือนจะถูกินกายมังกรสวรรค์ทวงคืนไปหมดสิ้น”
“บัดซบ! ไปเมืองสันติตอนนี้ ข้าไม่อาจล้อเลียนพวกินกายมังกรสวรรค์ได้แล้ว”
…
ศึกจักพรรดิระหว่างนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะในปัจจุบัน สถานการณ์ของสนามรบราชาเทพนับว่าทรงตัวแล้ว แม้ว่าบางครั้งจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสูญเสียมากกว่า แต่ก็แค่ชั่วคราวก่อนตัวเลขผู้สูญเสียจะกลับมาพอ ๆ กัน
ทำให้ในปัจจุบันผู้คนหันไปสนใจกับสนามรบจอมราชันเทพมากกว่า
ส่วนสนามรบกึ่งจักรพรรดินั้น แม้จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครถูกฆ่าตาย มีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
อันที่จริงการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดมักจะเกิดขึ้นในสนามรบกึ่งจักรพรรดิ ไม่ใช้สนามรบจอมราชันเทพกับสนามรบราชาเทพ แต่ความสูญเสียนั้นเรียกว่ากลับกันเลยก็ว่าได้ เพราะในสนามรบกึ่งจักรพรรรดิไม่มีผู้ใดตกตาย ส่วนสนามรบจอมราชันเทพแม้จะมีคนตายบาง แต่ก็ถือว่าน้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วหากสู้ศัตรูไม่ได้ ก็ยังพอจะหนีเอาตัวรอดได้อยู่
อาวุโสฝ่ายใน 2 คนตกตายในเวลาไม่ถึง 1 เค่อย่อมเป็นข่าวร้ายสำหรับนิกายมหาเอกะ
แต่สำหรับนิกายมังกรสวรรค์มันเป็นข่าวดี
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…!! สะใจ สะใจมารดามัน! ไม่ทราบอาวุโสท่านใดในนิกายมังกรสวรรค์เรา ที่เข่นฆ่าอาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ของนิกายมหาเอกะนั่น!”
“ฆ่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ 2 คนติดต่อกันได้…หากผู้ลงมือเป็นอาวุโสฝ่ายใน ข้าเกรงว่าต้องมีมากกว่า 1 คนกระมัง ?”
“ผู้ลงมืออาจเป็นผู้อาวุโสมังกรขาวก็เป็นได้!”
“จะว่าไปข้าได้ยินมาแว่ว ๆ ว่าอาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ของนิกายมหาเอกะที่ตายตก เหมือนพวกมันจะเขม่นกันมาตลอด ไม่แน่พวกัมนอาจจะตีกันเองจนตายในสนามรบจอมราชันเทพ…กระทั่งมีคนของ
นิกายมหาเอกะพูดกันด้วยซ้ำ ว่าพวกัมนอาจตีกันจนเจ็บตัวทั้งคู่ และสุดท้ายโดนคนของนิกายมังกรสวรรค์เราที่บังเอิญผ่านมาฆ่าเอา”
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ ข้าสนแค่พวกที่ตายคือินกายมหาเอกะ!”
…
ภายในเมืองมังกรสวรรค์เรียกว่าเฮฮากันปานจัดงานเลี้ยงฉลอง
ส่วนเมืองสันตินั้น เหล่าผู้คนจากินกายมหาเอกะแต่เดิมที่เคยหยิ่งผยอง บัดนี้กลับไม่กล้าพองขน เพราะสถานการณ์ในปัจจุบัน นิกายมหาเอกะไม่ได้มีเปรียบในสนามรบจอมราชันเทพอีกต่อไป
“เอ๋! นั่นมันต้วนหลิงเทียนนี่!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงอุทานหนึ่งพลันดังขึ้น ทาลายความเงียบสงบในมุมหนึ่งของเมืองสันติทันที่
มองไปพบเห็นร่างในชุดสีม่วง กำลังย่าเท้าก้าวมาจากประตูเมืองมังกรสวรรค์อย่างไม่รีบไม่ร้อน พอมาถึงเมืองสันติแล้ว คนก็มุ่งหน้าไปยังตาหนักแต้มรบ ที่มีไว้แลกเปลื่ยนป้ายประจำตัวฝ่ายศัตรูกับแต้มรบทันที่
“เจ้านั่นมันจะไปแลกเปลื่ยนแต้มรบรึ?”
“มันจะเอาอะไรไปแลกได้กัน ไม่ใช้ว่ามันถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าสนามรบราชาเทพแล้วรึไร ?”
“ไม่ ๆ ข้าได้ยินมาว่ามันพึ่งจะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพไปไม่กี่เดือนก่อน…แต่มันไม่ใช้ว่าพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพรึไร ? หรือหลังเข้าไปในสนามรบจอมราชันเทพได้ไม่กี่เดือน มันก็ได้อะไรติดไม่ติดมือออกมาแล้ว ?”
…
ท่ามกลางการตั้งคำถามของคนจากินกายมหาเอกะ ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งกลับออกมาจากสนามรบจอมราชันเทพ ก็ได้กลับมาเยือนตาหนักแต้มรบอีกครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่เขามา เขาได้นาป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะขอบเขตราชาเทพ 100 คนมาแลก และเขาก็ได้รับแต้มรบกลับมาไม่ถึง 1,000 แต้ม
‘ตอนั้นนข้าเสียเวลาในสนามรบราชาเทพไปมากว่าจะฆ่าคนได้ครบร้อย แต่สุดท้ายก็ได้แต้มรบกลับมาไม่ถึงพันแต้มด้วยซ้ำ…ครั้งนี้นอกจากเหินบินไปกว่า 2 เดือน เพียงฆ่าไป 2 คน ข้ากลับได้รับแต้มรบ 4,000 แต้มแล้ว’
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนสายตาสงสัยโดยรอบที่มองมา รวมถึงกลุ่มคนนิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะที่เดินตามเขามาเพราะความอยากรู้ เพียงคิดคำนวณแต้มรบอยู่ในใจ
หลังจากฆ่าฟางอี้หมิงได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางย้อนกลับมายังทางออกทันที่และไม่ได้พบเจอผู้ใดเลยตลอดทาง
เขาตั้งใจจะออกจากสนามรบจอมราชันเทพสักพัก
เพราะ 4,000 แต้มรบก็มากพอให้เขาแลกบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับการบ่มเพาะพลังสักพัก
หลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว เขาคิดจะปิดด่านฝึกฝนต่อสักระยะ รอให้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าเพิ่มพูนขึ้น เขาค่อยเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพอีกรอบ
เป็นธรรมดาว่าขณะเดินทางกลับ ต้วนหลิงเทียนก็หวังว่าจะได้เจอจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะบ้าง แต่ภาพฝันช่างสวยหรูดูความจริงช่างโหดร้าย ตลอดทางขากลับ…เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของคนนิกายมหาเอกะเลย
กลับกัน เขาได้พบเจอจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ 2 คน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วจริง ๆ หรือ ?!”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาในตาหนักแต้มรบ ไม่ว่าจะคนด้านใน หรือด้านนอกกก ก็มองเขาด้วยความสงสัยกันทั้งนั้น
“หากมันยังไม่ทะลวงผ่าน มันจะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพได้อย่างไรเล่า เพราะวันั้นนมีคนนิกายมังกรสวรรค์เยอะแยะที่เห็นมากเข้าสนามรบจอมราชันเทพกับตา”
“แล้วมันกลับมาที่นี่ทำไมกัน…เพราะในอดีตมันยังไม่ได้แลกของหรือว่ามันเข้าไปสนามรบจอมราชันเทพแล้วได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมา ?”
“ไม่รู้มัน แต่ที่ข้ารู้เหมือน 2 เดือนที่ผ่านมาจะไม่มีจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมหาเอกะเราตกตาย”
“บางทีมันเผลอเก็บป้ายประจำตัวศิษย์ราชาเทพไว้ไม่กี่ป้าย แล้วจะเอามาแลกรึเปล่า”
…
ทามกลางสายตาที่มองมาด้วยความใครรู้ของผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาหยุดลงเบื้องหน้าโต๊ะบริการเพื่อแลกเปลื่ยนป้ายประจำตัวกับแต้มรบของขอบเขตจอมราชันเทพ
ต่างจากโต๊ะบริการแลกเปลื่ยนของขอบเขตราชาเทพที่มีผู้คนเข้าแถวรอคิวหลายคน โต๊ะบริการของจอมราชันเทพกลับไม่มีใครเข้าแถวรอคิวแม้แต่คนเดียว ต้วนหลิงเทียนจึงสามารถใช้บริการได้ทันทีที่มาถึง
“นี่เจ้าคิดมาแลกป้ายประจำตัวศิษย์ราชาเทพที่ลืมแลกเมื่อครั้งก่อน หรืออย่างไรหากเป็นเช่นั้นนเจ้าก็มาผิดโต๊ะแล้ว”
ชายชราด้านหลังโต๊ะบริการอันเป็นคนของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง หยีตามองถามต้วนหลิงเทียน
“เปล่า”
ขณะส่ายหัวตอบคา ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเรียกป้ายประจำตัว 2 ป้ายออกมาวางบนโต๊ะพลางกล่าว “ข้าเอาป้ายประจำตัวอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะมาแลก 2 ป้าย”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคนี้ออกมา ลูกตาชายชราก็หดเล็กลงทันที่
และผู้คนภายในห้องโถงตาหนักแต้มรบแต่เดิมที่ซุบซิบคุยกัน บัดนี้เสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไปหมดสิ้น ราวกับทุกคนถูกเชือกรัดคออย่างไรอย่างนั้น
ทั้ง ๆ ที่ภายในห้องโถงมีผู้คนมากมาย แต่กลับเงียบงันไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ เงียบถึงขั้นให้เข็มร่วงหล่นพื้นสักเล่มยังได้ยิน
หลังจากนั้นไม่นานั้นก็กมีใครบางคนที่กลับมารู้สึกตัว และเอ่ยถามขึ้นลอย ๆ “ข้าฟังผิดไปหรือไม่…ที่ต้วนหลิงเทียนพูดเมื่อครูมันบอกว่าป้ายประจำตัวทั้ง 2 นั่นี้เป็นของอาวุโสฝ่ายในนิกายมหาเอกะเช่นั้นน หรือ ?”
“ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา…นิกายมหาเอกะเราไม่ใช้ว่ามีอาวุโสฝ่ายในที่ตกตาย 2 คนพอดีหรือ ?”
“เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรคนี้เป็นไปไม่ได้เลย!! อาวุโสหวังเหลืยงกับอาวุโสฟางอี้หมิงนั่น ล้วนี้เป็นอาวุโสฝ่ายในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางทั้งคู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาตกตายภายใต้เงื้อมมือต้วนหลิงเทียนคนนี้!”
“เป็นไปไม่ได้! ต้วนหลิงเทียนต้องคิดเล่นตลกอะไรสักอย่าง!!”
…
ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่ เหล่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ล้วนพากันยืนอึ้ง ส่วนผู้คนของนิกายมหาเอกะไม่มีใครเชื่อสักคน
จนกระทั่งชายชราด้านหลังโต๊ะบริการรับป้ายประจำตัวทั้ง 2 ไปตรวจดูจากนั้นกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ พวกมันจึงกลับมารู้สึกตัว จากนั้นพอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาก็ทาราวกับเห็นผีกลางวันแสก ๆ
“เป็นป้ายประจำตัวของห่วงเลี่ยงและฟางอี้หมิง อาวุโสฝ่ายใน 2 คนของนิกายมหาเอกะจริง ๆ…ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ 2 ที่พึ่งตกตายไปเมื่อไม่นานมานี้ ที่แท้จะตกตายลงด้วยน้ามือของเจ้า”
และนี่คือคำพูดของชายชรา
“อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะทั้ง 2 ล้วนี้เป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง…เช่นั้นนต้วนหลิงเทียนเจ้า สามารถแลกเปลื่ยนี้เป็นแต้มรบได้ 4,000 แต้ม”
ขณะกล่าว ชายชราก็รับป้ายของต้วนหลิงเทียนมาบรรจุแต้มรบให้
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณขณะรับป้ายของตัวเองกลับมา
“ต้วนหลิงเทียน”
หลังจากต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณและกำลังจะจากไป เสียงผ่านพลังของชายชราก็ดังขึ้นในหู“ต้วนหลิงเทียน เจ้าลองพิจารณาเรื่องเข้าร่วมตระกูลข้าดูอีกครั้งหรือไม่…ตระกูลของพวกเราเป็น 1 ตระกูลจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง และหากเจ้าตกลงเข้าร่วม พวกเราจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนทายาทสายตรง”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ชายชราส่งเสียงผ่านพลังมาถึงเขา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังจากโต๊ะบริการอื่น ๆ ไม่หยุด
เพราะคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงชันแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิง อดกล่าวผ่านพลังยื่นกิ่งมะกอกให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้จริง ๆ ราวกับลืมเลื่อนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเคยปฏิเสธพวกมันในอดีตไปหมดสิ้น
“ต้วนหลิงเทียน อย่าได้รีบร้อนปฏิเสธ…ข้ารู้ว่าเจ้าอยากรอให้จบศึกจักรพรรดิก่อน ค่อยพิจารณาเข้าร่วมกับขุมกำลังใด ข้าเพียงอยากบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่านิกายเราเปิดประตูต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ”
“ต้วนหลิงเทียน ตระกูลของเราไม่รีบ รอให้เจ้าหาประสบการณ์ในศึกจักรพรรดิจนพอใจแล้ว ค่อยมานั่งจิบชาสนทนากันดีหรือไม่ ?”
…
เมื่อเผชิญกับคาชวนจากคนของขุมกำลังทั้งหลาย ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หันไปกล่าวปฏิเสธทีละคนอย่างสุภาพ จนในที่สุดก็ทำให้ทุกคนยอมรับอย่างอ่อนใจ จากนั้นเขาเดินออกจากโถงตาหนักแต้มรบ
หลังจากนั้นภายในโถงตาหนักแต้มรบ ก็เรียกว่าฮือฮากันปานตลาดสด
“อะไร! อาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ของนิกายมหาเอกะตกตายด้วยน้ามือต้วนหลิงเทียนเรอะ!?”
“สวรรค์ ! ต้วนหลิงเทียนไปทาอีท่าไหนักน!? ไม่ใช้ว่ามันพึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพรึไร!?”
“อย่าถามข้า! ไป! รีบไปถามมันเร็ว! มันไปนู่นแล้ว!”
…
จากนั้นหลาย ๆ คนก็พากันจ้าพรวด ๆ เดินออกจากตาหนักตามต้วนหลิงเทียน และคนที่ไม่ได้ตามไปก็เร่งส่งข้อความแจ้งข่าวไปยังนิกายต้นสังกัดทันที่
ครูต่อมา เมืองมหาเอกะรวมถึงเมืองมังกรสวรรค์ก็แตกตื่นกันใหญ่
อาวุโสฝ่ายใน 2 คนของนิกายมหาเอกะที่ทุกคนพากันสงสัยว่าตกตายเพราะตีกันเองหรือที่แท้โดนคนของนิกายมังกรสวรรค์ฆ่าเมื่อไม่นานมานี้ ที่แท้ตกตายด้วยน้ามือต้วนหลิงเทียน ?
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง หลังออกจากตาหนักแต้มรบแล้ว เขาก็เดินไปยังตาหนักอื่นเพื่อใช้แต้มรบในเมือแลกเปลื่ยนของที่ต้องการ
ส่วนใหญ่ก็เป็นสมุนไพรหากที่ใช้สำหรับหลอมโอสถเทพระดับจอมราชัน
ในระหว่างแลกเปลื่ยนของ ก็มีคนเข้ามาถามเขาว่า “ต้วนหลิงเทียน เจ้าพึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพไม่ใช้หรือแล้วเจ้าฆ่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ 2 คนั่นนได้อย่างไร ในเมือพวกมันล้วนี้เป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง ?”