ตอนที่ 38 กองตรวจการณ์เมืองหยิน (1)
ฝนตกโหมกระหน่ำ
หลิวเยี่ยนแทงมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมไปถึงปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยที่ล้มคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วย เพราะเกรงว่าพวกเขาจะยังไม่ตายสนิท
นี่คือประสบการณ์
คนที่ไม่ยอมซ้ำศัตรูให้ตายสนิทแล้วสุดท้ายโดนอีกฝ่ายเอาคืนมักเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ จากการปรากฏตัวของผู้มีเหนือพลังธรรมชาติ บางครั้งพลังเหนือธรรมชาติพิเศษขนาดที่ว่าสั่งให้หัวใจหยุดเต้น บางครั้งที่ต่อสู้กับพวกเขา หญิงสาวแทบอยากจะเผาพวกเขาให้สูญสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
แล้วการแทงซ้ำก็จบลง
หลิวเยี่ยนไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่เมื่อครู่จู่โจมไวเกินไปจนเหนื่อยล้า บางจุดบนร่างกายถลอกปอกเปิก แต่ก็ไม่ถือว่าอาการบาดเจ็บอะไรนัก
หล่อนมองหลี่ฮ่าวเหมือนเพิ่งรู้จักอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
ตอนที่รับมือกับโจวเฮ่อก่อนนี้ หลี่ฮ่าวเองก็เพิ่งจะแสดงให้เห็นถึงความเลือดเย็นและอำมหิตเกินมนุษย์ของเขา แต่ควรรู้ว่าในครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือตกเป็นเบี้ยล่าง
ในสถานการณ์แบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่ที่เพิ่งจะบรรลุขั้นสิบสังหารจะคิดโต้กลับศัตรูได้
หนำซ้ำ…เขายังทำได้สำเร็จด้วย!
ถ้าปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยผู้นี้ไม่ประมาท ต่อให้พวกเขาทั้งสามคนที่อยู่ที่นั่นร่วมมือกันก็ยังมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าน่าจะเป็นพวกเขาต่างหากที่โดนถล่มจนเละ
ตอนนี้เฉินเจียนเองก็กำลังมึนงง เขาได้รับบาดเจ็บด้วย
เมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ด้านหลัง ปรมาจารย์นักรบพวกนี้เองก็มีอาวุธปืน เขาโดนยิงใส่บริเวณหลังและสะโพกแต่เขาหนังหนาไปหน่อย ตอนนี้เขาล้วงเอากระสุนออกเหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใดพลางมองหลี่ฮ่าวไปด้วย
ครั้งนี้พวกเขาสองคนยอมแพ้แล้วจริงๆ!
ส่วนหลี่ฮ่าวนั้นตกอยู่ในภวังค์ขณะมองซากศพที่เห็นตรงหน้า
เขาครุ่นคิดแล้วก็หันไปมองสองคนนั้น “ยังมีระเบิดอีกไหม?”
ในส่วนที่เขาเอามานั้น เขาใช้หมดไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“จะฝังเหรอ?”
หลิวเยี่ยนส่ายหน้า “ขอแค่มีประสบการณ์มากพอย่อมไม่มีทางจะผลีผลามค้นหาศพหรอก พวกเขาเป็นปรมาจารย์นักรบและมีประสบการณ์กันถ้วนหน้า ครั้งนี้พวกเขาแค่ประเมินนายต่ำไปหน่อย…”
หลี่ฮ่าวยิ้มน้อยๆ เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าไม่แน่อาจดักจับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้สักหน่อย
แต่พอคิดไปคิดมา…ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอาจจะระแวดระวังมากกว่านี้ อีกทั้งยิ่งมีความสามารถมาก ระเบิดมือก็ยิ่งทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แถมยังสิ้นเปลืองโอกาสไปเปล่าๆ
“งั้นจะต้องฝังหรือเปล่า?”
พอจะปกปิดได้ชั่วครู่ชั่วคราวก็ทำไปก่อน เพราะปรมาจารย์นักรบตายกันทั้งทีมแล้ว ทันทีที่มีคนเจอศพ ความสำคัญของพวกหลี่ฮ่าวก็จะเพิ่มขึ้นมาก
เรื่องนี้คงไม่ต้องให้หลี่ฮ่าวพูดอะไรมาก
เมื่อหลิวเยี่ยนกระหน่ำมีดซ้ำเรียบร้อยแล้วก็เริ่มโยนศพลงไปในหลุมที่เกิดขึ้นจากระเบิดเมื่อครู่
เฉินเจียนก็ร่วมด้วยช่วยกัน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
หลี่ฮ่าวกุลีกุจอเดินไปช่วย พวกเขาสามคนโยนศพเข้าไปในหลุมอย่างรวดเร็ว หลี่ฮ่าวลูบเจอมีดสั้นเล่มหนึ่งที่ปรมาจารย์รับรบขั้นทะลวงร้อยกอดเอาไว้ จากนั้นเขาก็พบว่าบางครั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่าอาจทำให้เสียเปรียบเล็กน้อย
ถ้ามีมีดเล็กอยู่ในมือ ดูหลิวเยี่ยนเป็นตัวอย่างก็รู้แล้วว่าต่อให้เป็นหลอดลมของปรมาจารย์นักรบ แต่ก็เป็นเนื้อกายของมนุษย์ แค่มีดเล่มเดียวก็สามารถบั่นคอขาดได้เช่นกัน!
ส่วนสิ่งของอย่างอื่นพวกเขาไม่ได้หยิบฉกฉวยเอาอะไรมา
ชนะแล้วค่อยกลับมาหาก็ยังได้
หากเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา…ก็เปล่าประโยชน์
ในจำนวนปรมาจารย์นักรบสิบคน ถึงแม้จะมีทะลวงร้อยแค่คนเดียว แต่คนผู้นี้จะต้องมีของดีอยู่ไม่น้อยแน่ๆ ทว่าในวินาทีนั้นพวกเขาไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องนี้นัก
สายฝนที่ตกหนักถือว่ามีประโยชน์กับพวกเขามากทีเดียว
เลือดถูกชะล้างอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำรอยเท้าที่ทิ้งเอาไว้ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
กระทั่งพวกเขาโยนศพทิ้งลงหลุมหมดแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งน้ำก็เอ่อล้นเต็มหลุม ถ้าไม่ทันสังเกตก็อาจจะเห็นว่าหลุมนั้นเป็นแค่บ่อน้ำธรรมดาเท่านั้น ในเมื่อที่นี่ใกล้จะถึงเขตนอกเมืองแล้ว หากจะมีบ่อน้ำบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
หลิวเยี่ยนและเฉินเจียนที่กำลังสาละวนทำนั่นนี่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขาเห็นเพื่อนร่วมทีมท่ามกลางความมืดได้ไม่ค่อยชัด เพราะอาศัยเพียงแสงจันทร์เท่านั้น
ฝนตกห่าใหญ่ขนาดนี้ยังไม่สามารถบดบังแสงจันทร์บนฟากฟ้าได้
รู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วใจ!
เมื่อเก็บกวาดเสร็จแล้ว หลิวเยี่ยนก็ลุกขึ้นโบกมือเล็กน้อย เฉินเจียนรีบตามไปทันที หลี่ฮ่าวเองก็ตามไปติดๆ จากนั้นทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปบนถนนที่เต็มไปด้วยขี้โคลนต่อไป
หลิวเยี่ยนเดินไปพลางบ่น “มุ่งหน้าไปที่โกดังตรงตีนเขา ที่นั้นเป็นจุดหมายปลายทางที่นัดกันเอาไว้ ”
“พวกเขารู้ว่าเราฝังระเบิด…”
หลี่ฮ่าวกล่าวเตือน พวกเขาต้องรู้แน่ๆ
ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ!
มิฉะนั้นแล้วพวกเขาไม่มีทางขวางตนไม่ให้ออกจากเมืองหรอก
“ไม่เป็นไร!”
ในตอนนี้เหมือนหลิวเยี่ยนจะยอมเปิดเผยบางอย่างกับหลี่ฮ่าว ภายใต้สายฝนที่โปรยปราย แววตาเย็นชาคู่นั้นของหล่อนพลันก็ฉายแววขบขันพาดผ่านในดวงตา “ลูกพี่ไม่ถูกอ่านความคิดง่ายขนาดนั้นหรอก! แต่ฉันบอกให้นายรู้ได้บ้างนิดหน่อย นายจำเอาไว้เพียงเรื่องเดียวก็พอ หากไปถึงที่นั่นพวกเราจะมีพลังมากพอขัดขวางพวกเหนือธรรมชาติแล้ว!”
ขัดขวางพวกเหนือธรรมชาติ?
หลี่ฮ่าวไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะฟังออกว่าหลิวหลงมีแผนการในใจ
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการของเมืองหยินเหมือนจะเก่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า…แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังไม่เห็นศพของเขา ดังนั้นทุกคนจึงไม่เชื่อว่าเขาตายแล้ว
“เร็วหน่อย! ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังไม่รู้ตัวรีบไปถึงที่นั่นโดยด่วน! พวกเขาน่าจะคิดว่าปรมาจารย์นักรบพวกนี้จัดการพวกเราได้สบายๆ!”
“ก็ดี!”
พวกเขาสามคนเร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วภายใต้ความมืดมิด
เจียงเฉินเชื่องช้าที่สุด ถึงขนาดช้ากว่าหลี่ฮ่าวเล็กน้อย
หนำซ้ำเพราะเขาถูกยิง เลือดไหลซึมบาดแผล วิ่งไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสียงต่ำ “พวกนายไปเถอะ ฉันจะรั้งท้ายเอง! จะดักซุ่มอยู่ที่นี่ เผื่อมีคนตามมา ฉันจะฆ่าพวกเขาเอง!”
เขาเชื่องช้าเกินไปถึงขนาดที่ช้ากว่าหลี่ฮ่าว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาจะกลายเป็นตัวถ่วงของอีกทั้งสองคน
สู้อยู่สู้ตายที่นี่ดีกว่า!
ส่วนเรื่องที่จะไปจากที่นี่…เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ภารกิจของกลุ่มล่าปีศาจยังไม่ลุล่วง ถ้าหนีไปก็เท่ากับเขาหนีทัพ
เวลานี้หลี่ฮ่าวตบหน้าผากตนเองไปทีก่อนยื่นมือมาคว้าเขาไว้แล้วพลังอบอุ่นก็พุ่งทะลักไปในร่างของเฉินเจียน อีกฝ่ายชะงักน้อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พลังภายในพิเศษที่อาจารย์ถ่ายทอดให้!”
เฉินเจียนสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาเองก็รู้สึกได้ถึงประโยชน์ของพลังนี้ เพียงครู่เดียวเขาก็ไม่เจ็บแผลแล้ว แถมพลังภายในจำนวนมหาศาลที่ใช้ไปก่อนนี้ก็กำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วด้วย
หลี่ฮ่าวมีความลับบางอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้นักและไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจด้วย สีหน้าตอนนี้ของเขาแดงระเรื่อด้วยความดีใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็จะสามารถตามไปได้แล้วสิ!
พลังภายในเริ่มฟื้นตัวกลับมา บาดแผลที่เคยมีเลือดไหลอาบก็หยุดแล้ว เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าตนเองมีกำลังวังชาขึ้นมาก
หลิวเยี่ยนที่อยู่ด้านหน้าก็ไม่พูดอะไร หญิงสาวยื่นมือคว้าตัวหลี่ฮ่าวมาแล้วลากมือเขาวิ่งไปข้างหน้า “เอามาหน่อย จะได้ไม่เปลืองพลังมากเกินไป!”
การวิ่งด้วยความเร็วระดับนี้ ถ้าไม่มีการเพิ่มพลังหญิงสาวคงมีพลังไม่เพียงพอ
ส่วนเรื่องหารถนั้น…ดึกดื่นค่อนคืนป่านนี้แล้ว แถมยังเป็นพื้นที่นอกเมือง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาไม่เจอหรอก เพราะถ้าเห็นเข้าคงสะดุดตาเกินไป
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งจับหลิวเยี่ยนไว้ ส่วนอีกข้างจับเจ้าอ้วนเฉินเจียน
ทั้งสามคนวิ่งในแนวแถวหน้ากระดานโดยมีหลี่ฮ่าวอยู่ตรงกลาง แถมเกือบโดนทั้งสองคนดึงจนตนเองแขนแทบขาด ขณะนี้เขามีหน้าที่มอบพลังแสงดาราให้พวกเขา
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องพวกนี้
ถ้าหากครั้งนี้ล้มเหลวขึ้นมาจริงๆ ทุกคนก็ต้องตายกันหมด
ถ้าหากชนะขึ้นมา อย่างไรเสียก็เป็นสหายร่วมรบที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา แค่พลังแสงดาราเท่านั้นเอง หลี่ฮ่าวหาข้ออ้างก็สิ้นเรื่องแล้ว ส่วนพวกเขาจะเชื่อหรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่
ในเวลานี้หลี่ฮ่าวยังมีแก่ใจคิดเรื่องอื่น จู่ๆ เขาก็โพล่งถามขึ้นว่า “ลูกพี่ไม่สามารถเลื่อนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้หรือว่าเขาแค่ไม่อยากเลื่อนขั้นเองกันแน่?”
“เขาเลื่อนระดับขั้นพลังไม่ได้!”
หลิวเยี่ยนที่วิ่งนำอยู่เอ่ยตอบเขา “ใครจะโง่ไม่เลื่อนขั้นพลังบ้าง? อย่าคิดมากสิ! แต่เขาก็มีโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้น เขาไม่ใช่หยวนซั่ว ความจริงผู้พิทักษ์รัตติกาลเองก็ให้โอกาสเขาหลายครั้งแล้ว แต่มีเงื่อนไขเดียวก็คือหลังจากที่ขั้นพลังของเขาเพิ่มขึ้นแล้วจะต้องคอยอยู่ดูแลเมืองไป๋เยวี่ย! เมื่อพลังของลูกพี่เพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะกลายเป็นผู้กล้าในขั้นสุริยะพราย อีกทั้งเขาใช้พลังมากจนเกินไป ผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องการความช่วยเหลือจากเขา…แต่ลูกพี่ไม่ยินดี ดังนั้นเขาถึงได้ออกจากหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาล…แล้วกลับมาที่นี่”
“มณฑลหวังว่าจะได้ลดอาณาเขตในการคุ้มกันลง ซึ่งรวมไปถึงเมืองหยินด้วย มีหลายเมืองที่จะโดนปิดเมือง โดนทอดทิ้ง ส่วนเจตนาของพิทักษ์รัตติกาลก็คือสามารถยกเมืองและประชากรบางส่วนให้กับองค์กรพลังเหนือธรรมชาติ รวมถึงยอมรับการปกครองของพวกเขาจะเป็นการดีที่สุด!”
หลี่ฮ่าวชะงักไป
ยอมรับเหรอ?
หมายความว่าไงกันแน่?
…………………………………………………………………….