ตอนที่ 51 อาวุธกำเนิดศาสตราเทพ (4)
“ก็เพราะเหตุนี้สถานที่อย่างมณฑลหยินเยวี่ยถึงถ่อมตัวมาก โดยทั่วไปผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่กล้าสร้างเรื่องอย่างอุกอาจ เพราะกลัวว่าทางชายแดนจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก ส่วนพื้นที่ทางภาคกลางคงไม่สามารถให้การช่วยเหลือเราได้มาก คนพวกนั้นกำราบสามองค์กรใหญ่กับองค์กรประปรายเหล่านั้นได้บ้างก็นับว่าดีไม่หยอกแล้ว”
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวออกจะตกใจอยู่บ้าง
“คุณหมายถึงผู้พิทักษ์รัตติกาลทางภาคกลางไปแย่งของพวกนี้…แล้วก็…ถูกรุมฝ่ายเดียวเหรอ”
“อื้ม!”
ถึงจะพูดแบบนี้ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไร แต่หลี่เมิ่งก็ยังพูดติดเสียงขำไม่ได้ว่า “คุณพูดถูกเผงเลย ถูกรุมจริงๆ นั่นแหละ! ฉันได้ยินมาว่าเหมือนผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือกว่าระดับไตรสุริยาออกรบตั้งหลายครั้ง! ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่สามารถรับมือกับทุกฝ่ายได้…แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าบันดาลโทสะเต็มทีแล้ว แม้แต่ระเบิดถล่มเมืองยังถูกยิงไปตั้งหลายลูก แน่นอนว่ามีคนตายไม่น้อยเหมือนกัน เอาเป็นว่าเกิดความหวั่นเกรงกันทั้งสองฝ่าย ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นวุ่นวายมาก”
หลี่ฮ่าวพลันก็หัวเราะออกมา “น่าสนใจ แบบนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลยังถือว่าน่าเกรงขามในพื้นที่ทางภาคกลางอีกเหรอ”
กล้าฆ่าคนแย่งสมบัติกันลับหลัง!
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลไร้ความสามารถกันมาก…แค่กๆ น่าเอือมระอากันทั้งนั้นแหละ
เพราะอย่างทางมณฑลหยินเยวี่ยยังจำเป็นต้องทอดทิ้งเมืองบางเมืองเลย
ปรากฏว่าทางนั้นกลับเริ่มต่อสู้ขึ้นมาแล้ว
แถมยังเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นฝ่ายหาเรื่องอีกต่างหาก!
เกินคาดจริงๆ
หวังหมิงเห็นว่าหลี่เมิ่งเองก็บอกทุกอย่างจนหมดเปลือกรวมถึงเรื่องที่ไม่ควรบอกก็บอกไปหมดแล้วจึงทำได้แค่กล่าวว่า “ก็ยังพอไหวมั้ง! ความจริงจะว่าไปเรื่องนี้…ก็ไม่ได้น่าฟังเท่าไร ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหาเรื่องสามองค์กรใหญ่ ในเมื่อหาเรื่องพวกนั้นก็เสียหายกันทุกฝ่ายไม่น้อย ประเด็นคือเซียนปรมาจารย์สวรรค์โปรดอายุน้อยหลายคนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทั้งยังคิดว่าพลังลี้ลับไม่พอใช้เลยแอบร่วมมือกันลับๆ บุกไปฆ่าองค์กรเล็กๆ องค์กรหนึ่งแล้วแย่งสมบัติมาโดยตรง!”
“ตอนแรกไม่มีใครรู้ ภายหลังเรื่องถูกแฉ แต่พอเรื่องมาถึงจุดนี้ย่อมไม่มีใครยอมถอยเลยสู้กันขึ้นมา”
“เดิมก็เป็นถังระเบิดที่รอวันปะทุอยู่แล้ว นี่นับว่าเป็นชนวนที่พอถูกจุดนิดหน่อยก็ระเบิดไปทั้งพื้นที่ภาคกลาง”
หวังหมิงเอ่ย ทั้งส่ายหน้าพูดต่ออีกว่า “เซียนปรมาจารย์สวรรค์โปรดพวกนั้นก็ไม่ใช่คนยอมใคร! ผมได้ยินมาว่าเดิมทีทั้งสองฝ่ายอยู่ในช่วงเจรจายังไม่เริ่มลงมือ แต่พวกนั้นกลับฆ่าหลานชายของผู้นำองค์กรยมราชโดยตรง ช่วงชิงสมบัติชิ้นหนึ่งไป! ทีนี้กลับดีล่ะ เพราะไปกระตุกหนวดเสือยมราชเข้าเต็มเปา ภายหลังก็ไม่ยอมเจรจาอีกเลย…”
หลี่ฮ่าวชะงักไปครู่หนึ่ง “คนพวกนี้…โหดขนาดนี้เลยเหรอ คงไม่ได้มีเจตนาอื่นเพื่อยุยงให้เกิดสงครามหรอกนะ”
“ไม่รู้ น่าจะไม่ใช่ ถึงจะใช่…ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
หวังหมิงยิ้มเจื่อนทีหนึ่ง “ได้ยินว่าสมบัติชิ้นนั้นสำคัญมาก! หลานชายของยมราชแค่แอบขโมยมาอวดเท่านั้น แต่สุดท้ายถูกพวกเขาฆ่าทิ้งซะได้ จากนั้นก็มอบให้กับกองบัญชาการหลักของผู้พิทักษ์รัตติกาลโดยตรง ปรากฏว่าเหล่าคนใหญ่คนโตของกองบัญชาการใหญ่ได้สมบัติชั้นดีมา เดิมทีไม่เตรียมจะทำสงคราม ทีนี้ก็อดไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดทันที! ได้ยินผู้บัญชาการลาดตระเวนเมืองหวงบอกมาว่าสมบัติชิ้นนั้นสามารถผลิตพลังลี้ลับได้ปริมาณมหาศาล! แถมเป็นพลังลี้ลับพิเศษด้วย บางทีอาจจะมีส่วนช่วยในการตรวจสอบร่างกายของมนุษย์ได้!”
หลี่ฮ่าวคาดไม่ถึงอยู่ประมาณหนึ่ง ตรวจสอบร่างกายหรือ
หมายความว่าอย่างไร
หวังหมิงอธิบายต่อ “ก็คือถ้าใช้กับคุณก็สามารถตรวจสอบได้ว่าคุณเหมาะกับพลังลี้ลับประเภทไหนแล้วเลือกดึงพลังสายธาตุนั้นๆ ให้คุณโดยตรง เพื่อให้คุณมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสำเร็จถึงร้อยละเก้าสิบ! นี่ไม่ได้มีความเป็นไปได้สูงธรรมดานะ แต่ต้องรู้ว่าตอนนี้ล้วนใช้การสุ่มเป็นหลัก ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับการสุ่ม”
“มีพลังลี้ลับให้ใช้สิ้นเปลืองเยอะขนาดนี้เสียที่ไหนกันล่ะ!”
“ถ้าเจ้านี่ใช้งานได้จริง งั้นถ้าดึงพลังให้สิบคนก็จะมีเก้าคนทำสำเร็จ…ความสามารถของผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องก้าวกระโดดอย่างแน่นอน! อีกด้านหนึ่งเพราะจำนวนคนของเรามีมากกว่า และประการที่สองภายในองค์กรของเราสงบกว่า มีระบบการคัดสรรที่ดีพอจะทำให้ผู้ที่โดดเด่นกว่าได้รับเลือกก่อน”
“เมื่อก่อนสามองค์กรใหญ่ความสามารถแข็งแกร่ง อาจจะเพราะปัจจัยนี้ที่สามารถตรวจสอบร่างกายได้ว่าเหมาะกับฝึกพลังลี้ลับสายธาตุไหน จากนั้นก็ช่วยดึงพลังเข้าร่างจนสำเร็จ…คุณว่านี่ใช่สมบัติสำคัญหรือเปล่าล่ะ”
หลี่ฮ่าวสูดปากพยักหน้า เป็นสมบัติที่สำคัญมากจริงๆ!
เหตุที่ผู้พิทักษ์รัตติกาลทิ้งห่างจากองค์กรอื่นๆ อาจจะเพราะขาดแคลนสิ่งนี้ก็เป็นได้
หากตนเป็นคนใหญ่คนโตของผู้พิทักษ์รัตติกาล เวลานี้คงไม่มีทางเอาคืนเด็ดขาด อย่างมากก็เปิดสงครามสู้โต้งๆ ไปเลย ต่อให้เกิดความเสียหายก็ต้องสู้ อย่างไรเสียก็ไม่มีวันคืนของสิ่งนั้นเด็ดขาด!
มิน่าถึงได้ยินมาว่าทางพื้นที่ทางภาคกลางสู้กันจนเมืองจะราบเป็นหน้ากลองแล้ว
ตอนนี้หลี่ฮ่าวคิดว่าเหมือนได้เปิดโลกของตนมากทีเดียว ครู่เดียวก็เข้าใจถึงแก่นแท้ของความวุ่นวายในพื้นที่ทางภาคกลางแล้ว
เป็นไปตามคาดว่าคนที่มาจากเมืองไป๋เยวี่ยเหล่านี้ย่อมรู้อะไรมากกว่า เรื่องนี้แม้แต่หยวนซั่วยังไม่ค่อยรู้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิวหลงเลย ส่วนหวังหมิงเป็นจันทราทมิฬกลับรู้ทุกอย่าง
“แล้ว…ตอนนี้สมบัติสำคัญชิ้นนั่นอยู่ในมือของผู้พิทักษ์รัตติกาลเหรอ”
“แหงสิ ไม่งั้นคงหยุดรบไปตั้งนานแล้ว”
หวังหมิงหัวเราะ “ยังไงซะทางนั้นก็กำลังสู้กันอย่างบ้าคลั่ง แต่…ความวุ่นวายก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน!”
หวังหมิงถอดถอนใจเอ่ย “ผมได้ยินมาว่าทางนั้นผุดสงครามขึ้นไม่หยุดหย่อนเลยพัฒนากันไวมาก เดิมทีจำนวนคนที่อยู่เหนือกว่าไตรสุริยาน้อยมาก ช่วงนี้ได้ยินคนบอกว่ามีคนเลื่อนขั้นอีกแล้ว อีกทั้งอายุยังน้อยด้วย ตอนนี้องค์กรต่างๆ ก็ร่วมสงครามกันหมด สามองค์กรใหญ่ทำเพื่อยับยั้งไม่ให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลขยายอำนาจไปมากกว่านี้ องค์กรระดับกลางถึงเล็กหวังว่าจะแย่งสมบัติสำคัญไปได้ พวกเขาก็อยากแบ่งเค้กก้อนนี้ด้วยกัน หากได้ของชิ้นนี้ไปตรวจสอบร่างกายยกระดับความสามารถแล้วถึงจะต่อกรกับองค์กรใหญ่ต่างๆ ได้!”
ดังนั้นพื้นที่ทางภาคกลางจึงดึงดูดผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเข้าร่วมสงครามมากเกินไป
สงครามมีมากก็เท่ากับโอกาสมาก หลายคนต่างเลื่อนขั้นกันหมด ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับจันทราทมิฬที่อยู่นั่นมีคนตายทุกวัน ไม่รู้ว่าตายไปตั้งเท่าไร
อย่างไรเสียมีคนเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกวัน
หูฮ่าวที่เงียบมาตั้งแต่ต้นพลันก็พูดขึ้นว่า “ทางที่ดีสงครามอย่าเพิ่งจบลงเร็วๆ นี้ดีกว่า ไม่งั้น…เกรงว่ารองหัวหน้าหลี่คงเกิดปัญหาขึ้นแน่ รวมถึงศาสตราจารย์หยวนด้วย!”
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งของชาดจันทราไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา เพราะยากจะจัดสรรผู้แข็งแกร่งมาทางนี้ได้
แต่เมื่อไรที่สงครามทางพื้นที่ภาคกลางจบลง มณฑลเล็กๆ อย่างหยินเยวี่ย ลำพังแค่หยวนซั่วคนเดียวคงต้านทานพวกเขาไม่ไหวแน่นอน
หลี่ฮ่าวกลับไม่สนใจนัก ยิ้มเอ่ยว่า “มาก็ดีสิ หน่วยงานย่อยที่เมืองหยินของเราก็ไม่ด้อยไปกว่ากันสักหน่อย!”
“…”
ไม่มีใครสนใจเขา
เพราะเขาช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลยสักนิด!
ลำพังแค่จันทราทมิฬกับทะลวงร้อยไม่กี่คนคิดว่าจะต่อกรกับชาดจันทราได้อย่างนั้นหรือ
ล้อเล่นหรือเปล่า
เจ้าหมอนี่ไม่รู้ความโหดร้ายในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเสียจริงๆ
ส่วนหลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก เขารู้สึกพึงพอใจมาก
เพียงครู่เดียวก็ได้รับข้อมูลข่าวสารมากมายทีเดียว
รวมถึงทางชาดจันทรา ต่อให้ฤดูฝนครั้งถัดไปมาถึงก็ใช่ว่าจะจัดสรรผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมาบุกโจมตีได้ เพราะพื้นที่ทางภาคกลางตรึงพวกเขาเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถสลัดบ่วงมาทางนี้ได้ง่ายๆ
ถ้ามาน้อยเกินไปก็อาจจะโดนฆ่ากินเนื้อทีละคนๆ ได้
ส่วนพื้นที่ทางภาคกลาง…หลี่ฮ่าวไม่เคยคิดจะรนหาที่ตายอยู่แล้ว
ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดหรือ
ระดับเหนือกว่าไตรสุริยาคอยก่อสงครามไม่หยุดหย่อน แต่กลับถูกปลิดชีพไปส่วนหนึ่ง แบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ต่อให้เป็นอาจารย์ไปถึงที่นั่นก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ
ทว่าหลี่ฮ่าวกลับสนใจสมบัติสำคัญอย่างซากอารยธรรมโบราณที่สามารถผลิตพลังลี้ลับได้เหล่านั้นอย่างมาก
เขากำลังคิดว่ากระบี่เล่มน้อยของตนจะสามารถผลิตพลังลี้ลับพิเศษได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยไหมนะ
หรือว่าพอดูดซับหมดก็หมดไปเลย
นึกถึงนี่พลันหลี่ฮ่าวก็โพล่งขึ้นมา “อ้อ แล้วพลังลี้ลับพวกนั้นไร้ขีดจำกัดไหม เพราะสมบัติบางอย่างถ้าดูดซับพลังลี้ลับหมดก็จะผลิตขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ หรือเปล่า”
หวังหมิงอธิบาย “องค์กรใหญ่ต่างๆ ล้วนมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ กระทั่งเปลี่ยนถ่ายโอนของบางอย่างให้ผลิตพลังลี้ลับหรือเติมเต็มให้สมบูรณ์ได้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้สมบัติชิ้นนี้เป็นของกลาง! สมบัติพวกนี้ในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติจะได้รับสมญานามเฉพาะว่า…อาวุธกำเนิดศาสตราเทพ! ขอแค่เป็นองค์กรที่มีอาวุธกำเนิดศาสตราเทพในครอบครองก็ล้วนมีค่าให้ติดตามทั้งสิ้น บ่งบอกว่าพวกเขาสามารถผลิตพลังใหม่ได้เรื่อยๆ!”
อาวุธกำเนิดศาสตราเทพ!
สามารถเติมเต็มและเปลี่ยนถ่ายโอนได้…
ตอนนี้หลี่ฮ่าวเริ่มหวั่นไหวแล้ว
ทำไมถึงรู้สึกว่าอาวุธของแปดตระกูลใหญ่อาจจะเป็นอาวุธกำเนิดศาสตราเทพกันทั้งสิ้นนะ
ไม่หรอกน่า!
แปดตระกูลใหญ่อาจจะมีอาวุธอยู่แปดชิ้น แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ ในเมื่อในบทเพลงพื้นบ้านมีคนไม่ใช้อาวุธ
หากเป็นอาวุธกำเนิดศาสตราเทพที่ปรากฏพร้อมกันทีเดียวแปดชิ้น…
ซี๊ด!
หลี่ฮ่าวถามหยั่งเชิง “งั้น…กระบี่เล่มที่ฉันเคยส่งมอบไปคราวก่อน เป็นอาวุธกำเนิดศาสตราเทพหรือเปล่า”
หวังหมิงหลุดเสียงขำ “จะเป็นไปได้ยังไง! ใช่ว่าอาวุธกำเนิดศาสตราเทพจะได้มาง่ายๆ สักหน่อย แต่…กระบี่เล่มนั้นของคุณอยู่ในภาวะปิดผนึกก็พูดยากเหมือนกัน ถ้าเป็นอาวุธกำเนิดศาสตราเทพจริงๆ…ก็น่ากลัวล่ะ ไม่รู้ว่าชาดจันทราเอาไปกี่ชิ้นแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้…หวังว่าจะไม่ใช่ ไม่งั้นหากความสามารถของชาดจันทราพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเชียวละ”
หลี่ฮ่าวกลับคิดว่ามีความเป็นไปได้จริงๆ
อาวุธกำเนิดศาสตราเทพ!
เช่นนี้แล้วแปดตระกูลใหญ่ในอดีตคงไม่ธรรมดาจริงๆ
…………………………………………………………………………..