ตอนที่ 279 มีอะไรเป็นไปไม่ได้

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 279 มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ลมปราณไหลเวียนแล้ว ทั้งตัวฮ่องเต้ชราพลันสดชื่นขึ้นมา ร่างกายเหมือนกับมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จึงอยากลุกขึ้นนั่ง

เริ่นกุ้ยเฟยและขันทีชราหลี่ซือเจ๋อที่อยู่ด้านข้างรีบประคองฮ่องเต้ นางกำนัลอีกฝั่งเสียบหมอนนุ่มๆ ไว้ข้างหลังแท่นบรรทม

จี้หยวนมองขอทานชราครั้งหนึ่ง กล่าว “ท่านดูสิ ฝ่าบาทรอท่านโดยเฉพาะเลยนะ”

ขอทานชรายิ้มมุมปาก สิ่งที่จี้หยวนพูดออกมานั้นเหมือนกับบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเหยื่อ ส่วนเขาเป็นฝ่ายกระทำเสียอย่างนั้น!

แต่พูดถึงขั้นนี้แล้ว พูดอย่างไรเหตุการณ์ในวันนี้ก็ต้องผ่านพ้นไป และดูจากสภาพของฮ่องเต้ชราตอนนี้ ในใจเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลแล้วจริงๆ

นี่เกี่ยวข้องกับการตายที่กำลังจะมาถึง และเกี่ยวข้องกับประสบการณ์สองปีนี้เช่นกัน ลมปราณเปลี่ยนแปลงจึงมองเห็นได้ชัดเจน

ขอทานชราประสานมือให้ฮ่องเต้ชรา

“ฝ่าบาท จำกระหม่อมผู้ชราได้หรือไม่”

วันนี้ไม่เหมือนในอดีต ตอนนี้พบขอทานชราอีกครั้ง ฮ่องเต้ชราย่อมไม่มีความหยิ่งทระนงเช่นเดิม เห็นขอทานชราประสานมือก็ประสานมือตอบกลับ

องค์ชายทุกองค์ พระชายา และเหล่าขุนนางใหญ่โดยรอบต่างคิดว่าฮ่องเต้ชรากินน้ำแกงโสมแล้วจะมีคำฝากฝังสุดท้าย ทุกคนจึงตั้งท่ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

เห็นฮ่องเต้ชราประสานมือให้ข้างนอก องค์ชายหรือราชนิกูลทั้งหลายโค้งกายคารวะพร้อมกัน

“ข้าย่อมจำท่านเซียนได้…”

เสียงที่ฮ่องเต้ชราเปล่งออกมาชัดเจนกว่าเมื่อครู่นี้ไม่น้อย ไม่สั่นเครือ แต่คำที่กล่าวออกมากลับทำให้พวกขุนนางใหญ่งุนงง

จิ้นอ๋องขมวดคิ้วมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ฝ่ายหลังเผยสีหน้างุนงงพลางส่ายหน้าให้จิ้นอ๋อง บ่งบอกว่าไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน

เป็นขันทีหลี่ซือเจ๋อที่แอบเข้าใจองค์ชายหลายองค์และขุนนางคนสำคัญ

“ฝ่าบาทอาจเกิดนิมิต…เมื่อครู่ก่อนที่ทุกท่านจะมา ฝ่าบาทก็เริ่มพูดกับตนเองแล้ว…”

จิ้นอ๋องมองเสด็จพ่อของตนเอง ในใจสับสนยิ่งนัก ได้รับอำนาจสืบทอดแน่นอนว่าดีใจมากอยู่แล้ว ทว่าอันดับแรกอาจารย์สิ้นชีวิต มาวันนี้เสด็จพ่อตนเองก็มีสภาพเช่นนี้อีก

‘อำนาจประมุขอยู่ในมือมาหลายทศวรรษแล้ว แม้ว่าจะอายุมากขึ้นก็ตาม!’

ในใจจิ้นอ๋องเกิดความคิดเช่นนี้อย่างอดไม่ได้

ถึงแม้คนข้างๆ ล้วนบอกว่าฮ่องเต้เกิดภาพหลอน แต่ไม่มีใครรบกวนเขาในเวลานี้

จี้หยวนรอฮ่องเต้ชราพูดจบก่อนค่อยพูดล้อเล่นคำหนึ่ง

“ฝ่าบาท คนกระหม่อมก็พามาแล้ว มีอะไรก็พูดออกมาให้หมดเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ขอทานชราถูกจี้หยวนดักคอ แต่ฮ่องเต้ชราย่อมไม่อาจต่อว่าเขาตอนนี้ จึงยิ้มถามอีกว่า

“ฝ่าบาท หากข้าผู้ชราถามคำถามเดิมในตอนนั้นอีกครั้ง ฝ่าบาทจะตอบอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หยวนเต๋อถอนหายใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม

“ท่านเซียนบอกแล้วว่าลมปราณข้าใกล้หมดสิ้น ไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้อีก”

เยี่ยม ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ขอทานชรามองจี้หยวนก่อนกล่าว

“ท่านจี้พูดกับฝ่าบาทไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ เช่นนั้นให้ข้ามาทำอะไร”

จี้หยวนรีบโบกมือ

“ข้าคนแซ่จี้เพียงพูดไปอย่างนั้น จากนั้นค่อยไปหาท่าน คำพูดอื่นผู้อาวุโสหลู่เชิญตามสบาย วาสนาของข้าและฝ่าบาทมีมากเท่านี้แหละ”

ขอทานชราถอนใจ หันไปมองฮ่องเต้ชรา

“ฝ่าบาท ข้างนอกมีผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนจากศาลมืด ล้วนเป็นทูตกลาง มีทูตดึงวิญญาณสี่คน ล้วนเป็นทูตบน ยังมีเจ้าหน้าที่กางร่มบังหยินเปิดทางแปดคน ล้วนเตรียมประตูผีพร้อมแล้ว พวกเขามารับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชราได้ยินแล้วรู้สึกหนาวขึ้นมา บนใบหน้าปรากฏความกลัวตามสัญชาตญาณ

“ข้าจะตายแล้วหรือ”

เริ่นกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ เห็นแววตาของฮ่องเต้ชราไม่เป็นสุข กอปรกับมีสีหน้าหวาดกลัว พลันลำบากใจจับสองมือของฮ่องเต้ชราจนแน่น

คราวนี้ฮ่องเต้ชราถึงมองสนมรักของตนเอง จับมือนางแน่นเช่นกัน

ในใจองค์ชายหลายองค์และขุนนางอาวุโสทั้งหลายต่างสับสน แม้ฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่นับว่าเป็นประมุขผู้จับใจประชาชน แต่อย่างไรเสียก็เข้มแข็งมาตลอดชีวิต ตอนนี้กลับกลายเป็นคนบ้าเสียอย่างนั้น

ถึงภายในห้องบรรทมมีหมอหลวงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อยู่หลายคน ทว่าถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์แล้ว

“ฝ่าบาทใกล้สวรรคตแล้ว ทุกสรรพสิ่งบนโลกย่อมมีวันนี้ ต่อให้เป็นกระหม่อมผู้ชราและท่านจี้ที่อยู่ข้างๆ ก็ต้องมีวันนี้สักวันเช่นกัน”

ชายชรามองฮ่องเต้และเริ่นกุ้ยเฟยที่ประสานสองมือด้วยกันแล้วกล่าวต่อ

“กระหม่อมผู้ชราบอกฝ่าบาทได้ว่า แม้ขบวนของยมทูตดำที่มารับฝ่าบาทจะไม่เล็กเลย แต่ต่อให้ฝ่าบาทเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดในโลก ตายแล้วลงสู่ปรโลกก็หลีกเลี่ยงการเป็นวิญญาณในศาลมืดไม่ได้ ต้องได้รับการพิจารณาจากกรมบุญบาป และไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงโทษจากกรมลงทัณฑ์ได้เช่นกัน”

ความกลัวบนใบหน้าฮ่องเต้ชราย่ำแย่กว่าเดิม ทว่าไม่ได้พูดอะไร

“แน่นอนว่าความดีทั้งชีวิตที่ฝ่าบาทกระทำมายากจะตัดสินที่สุด อีกทั้งมีศาลบูรพกษัตริย์อยู่ด้วย ฝ่าบาทต้องผ่านไปได้แน่นอน…กระหม่อมผู้ชราพูดมากขนาดนี้เพียงเพราะอยากบอกฝ่าบาทว่าพระองค์ปกครองต้าเจินมาหลายสิบปี ขับเคลื่อนใต้หล้าจนมีความสุขความเจริญ แต่เมื่อแสงอาทิตย์หลายสิบปีนี้ผ่านพ้นไป ตอนตายก็ยังคงไม่ต่างอะไรกับชาวนาชาวบ้านธรรมดา สุดท้ายแล้วธุลีก็ต้องกลับเป็นธุลี”

“แน่นอนว่าชีวิตนี้ของฝ่าบาทต้องยอดเยี่ยมกว่าชาวนาชาวบ้านเป็นหมื่นเท่า กระนั้นชราแล้วว่างเปล่ายิ่งกว่าเป็นหมื่นเท่าเช่นกัน”

ฮ่องเต้ชราอ้าปากคิดเถียง แต่มองบุตรชายและราชนิกูลทั้งหลายที่รอส่งเขาสู่ปรโลกอย่างนอบน้อมแล้ว สุดท้ายเขาก็พูดไม่ออก

ตอนนี้จี้หยวนพูดขึ้นบ้างเช่นกัน

“ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ในหนึ่งหมื่นคนบนโลกนี้ต้องมีหนึ่งหมื่นคนที่อยากเป็นฮ่องเต้”

“ใช่ ท่านจี้พูดถูกต้อง!”

ขอทานชราถอนใจ มองฮ่องเต้ชราอีกครั้ง เมื่อครู่พูดไปตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ฮ่องเต้ชราไม่พูดขัดเลยสักนิด วาจาโน้มน้าวเบิกเนตรคงไม่ต้องพูดมากแล้วกระมัง

“หากไม่ใช่เพราะท่านจี้กำจัดรอยเลือดนั้นไป วันนี้ฝ่าบาทและกระหม่อมก็ไม่อาจยืนพูดคุยกันอย่างสงบได้ ในสายตาของกระหม่อมผู้ชรา นี่นับว่าเป็นวาสนาหนึ่ง ฝ่าบาทอยากรู้เรื่องใด หากไม่เกี่ยวข้องถึงราชวงศ์ล้วนพูดกับกระหม่อมได้ทั้งสิ้น”

ขอทานชราพูดถึงตรงนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจัง

ในดวงตาฮ่องเต้ชราปรากฏความหวัง ความหวังที่จะมีชีวิต แต่หลังจากนั้นก็มอดดับลง

“ถึงตอนนี้แล้วข้าไม่มีความหวังอะไรแล้ว กลับอยากถามว่าข้ามีอายุขัยวิญญาณเท่าไหร่หรือ”

ในเมื่อต้องอยู่ในปรโลก เช่นนั้นตำนานที่เกี่ยวกับปรโลกเหล่านั้นก็น่าจะเป็นความจริง ตอนนี้ฮ่องเต้ชราใคร่รู้ถึงอายุขัยวิญญาณของตนเองอยู่บ้าง

“ฮ่าๆ…”

ขอทานชราหัวเราะ

“นั่นต้องรอฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ก่อนถึงดูออก แต่กระหม่อมผู้ชราบอกฝ่าบาทได้ว่าถึงเป็นเทพจันทราที่ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาตร์ ตายแล้วก็มักจะมีอายุขัยวิญญาณไม่ถึงสิบปี อย่างมากไม่เกินสามหรือห้าปีพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วหลังจากนั้นเล่า”

“หลังจากนั้นวิญญาณดินกลับสู่ดิน วิญญาณฟ้ากลับสู่ฟ้า ไม่มีหยางจง ฮ่องเต้หยวนเต๋ออีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชราถอนหายใจ หลับตาลง หลังจากนั้นเนิ่นนานปล่อยมือเริ่นกุ้ยเฟย ประสานมือให้จี้หยวนและขอทานชรา

“ดี ขอบคุณท่านเซียนทั้งสองที่ให้ข้าได้มีโอกาสพบเซียนอัศจรรย์สักครั้ง”

“เสด็จพ่อ!”

จิ้นอ๋องร้องเรียกอย่างอดไม่ได้ ความเป็นห่วงในเสียงนี้ฮ่องเต้ชราฟังออก ตื้นตันอยู่บ้างจนคิดอยากร้องไห้ เขาหันมองบุตรชายที่ยังคงหน้าซีด เพียงพยักหน้าทว่าไม่ได้พูดอะไร

“ใต้เท้าอิ๋นมา จ้าวเซียงมา ใต้เท้าเหยียนมา…”

เสียงแหลมเล็กข้างนอกดังมา อิ๋นจ้าวเซียนและขุนนางใหญ่หลายคนที่มาช้าทยอยกันเข้าห้องบรรทม แต่ถวายบังคมแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง

วู้ม…วู้ม…

ลมหยินไร้เสียงระลอกหนึ่งพัดเข้ามาในห้องบรรทม ขุนนางใหญ่และองค์ชายจำนวนหนึ่งรู้สึกหนาวกาย ส่วนในดวงตาของฮ่องเต้ชรามียมทูตดำกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

ตอนนี้ฮ่องเต้ชราไม่กลัวเท่าไหร่แล้ว

ยมทูตดำกลุ่มนี้รู้ว่าจี้หยวนและขอทานชราอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเข้ามาแล้วจึงไม่แปลกใจ คารวะทั้งสองคนก่อน

“คารวะท่านเซียนทั้งสอง!”

หลังจี้หยวนและขอทานชราคารวะกลับ เหล่ายมทูตดำต่างก็หมุนกายประสารมือให้อิ๋นจ้าวเซียน

อิ๋นจ้าวเซียนคล้ายรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หันมองด้านข้างด้วยความสงสัย ปราณต้านทานยิ่งใหญ่รอบกายทอแสง ทำให้เขามองเห็นเงาดำเลือนรางยืนอยู่ข้างแท่นบรรทม

“ใต้เท้าอิ๋น ท่านมองอะไรน่ะ”

เหยียนฉางเป็นพวกความรู้สึกว่องไว แต่เขาเพียงรู้สึกหนาว กบับมองไม่เห็นอะไร

“โอ้ ไม่มีอะไร”

ฮ่องเต้ชรามองเห็นภาพนี้ พลันมองไปทางอิ๋นจ้าวเซียนอีกครั้ง ราวกับเข้าใจที่อีกฝ่ายสงสัย จากนั้นขอทานชราเอ่ยปากขึ้น

“อิ๋นจ้าวเซียนผู้นี้ปราณต้านทานยิ่งใหญ่ หวังให้ชาวประชาเป็นสุข แม้แต่เทพผีล้วนเลื่อมใส อีกทั้งเป็นขุนนางฝักใฝ่คุณธรรมของอาณาจักรนี้ สมควรได้รับการยกย่องแล้ว”

ตอนที่ฮ่องเต้ชรากำลังงุนงง ทูตขวาลาดตระเวนทิวาพูดบ้าง

“หยางจง เวลาของเจ้ามาถึงแล้ว ร่างวิญญาณเริ่มแยกออก ถือโอกาสตอนที่ยังมีลมหายใจสุดท้าย รีบสั่งเสียสักคำเถอะ!”

ยมทูตดำเห็นแก่หน้าจี้หยวนและขอทานชรา ปรากฏกายก่อนครู่หนึ่งแล้วถึงเอ่ยปาก ไม่เช่นนั้นปกติรอคนตายก่อนค่อยปรากฏตัว

ฮ่องเต้ชราลมหายใจไม่นิ่ง มองหยางฮ่าวจิ้นอ๋อง กวักมือครั้งหนึ่ง

“ฮ่าวเอ๋อร์ มานี่ เข้ามาใกล้หน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

จิ้นอ๋องก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เข้าใกล้ข้างกายฮ่องเต้ชรา ฝ่ายหลังกระซิบกับเขาว่า

“อิ๋นจ้าวเซียนเป็นอัจฉริยะและผู้มีคุณธรรม มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจให้เขารับเคราะห์หรือถูกทำร้าย ผู้ช่วยหลายคนในราชสำนัก นอกจากคนตระกูลจ้าวและหลิวสองคนนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นขุนนางมีความสามารถ…”

ฮ่องเต้ชราฝากฝังอย่างรวดเร็ว ยิ่งพูดยิ่งหอบหายใจ จนสุดท้ายมือที่สั่นเทาก็จับไหล่จิ้นอ๋องจนแน่นขนัด ทว่าพูดอะไรออกมาไม่ได้แล้ว

“เสด็จพ่อ? เสด็จพ่อ!”

จิ้นอ๋องมองบิดาตนเอง สองตาของเขาปิดลงแล้ว

“ฮ่องเต้สวรรคตแล้ว!”

“ฝ่าบาท!”

“ฝ่าบาท!”

ขุนนางนับร้อยด้านข้างคุกเข่าลง เหล่าพระชายาร้องไห้แทบชาดใจ

จี้หยวนและขอทานชรามองร่างของฮ่องเต้ชรา จากนั้นมองวิญญาณอีกฝ่ายถูกยมทูตดำพาตัวไป จี้หยวนกล่าวพลางทอดถอนใจ

“ข้าคนแซ่จี้คิดว่าผู้อาวุโสหลู่จะถามอีกรอบเสียอีก”

ขอทานชราก็ไม่ปิดบังเช่นกัน

“เมื่อครู่นี้มีอยู่ขณะหนึ่งที่ข้าอยากถามอีกครั้งจริงๆ แต่หากพูดออกไป นั่นไม่เท่ากับต้องรับศิษย์ที่เหลือลมหายใจอยู่ไม่เท่าไหร่หรอกหรือ”

“มีอะไรเป็นไปไม่ได้”

จี้หยวนมองเขา กล่าวอย่างเรียบสงบแล้วก็จากไป