ตอนที่ 300 วัวโง่

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 300 วัวโง่

“วะฮะฮ่าๆๆๆๆ…มีความสุขนัก มีความสุขจจริงๆ สตรีชั่วกำลังจะตายด้วยน้ำมือข้า…!”

กีบเท้าวัวกลางอากาศย่ำลงอย่างสม่ำเสมอและค่อนข้างเร็ว มันไม่ได้วิ่งอย่างบ้าคลั่งทว่ามีแบบแผน คำนึงถึงจุดบอดที่หญิงสาวเบื้องล่างอาจหนีไปได้ ครั้นย่ำเท้าลงปราณปีศาจพลันกระจายไป

ตึง…

เสียงดังสนั่นต่อเนื่อง ฝุ่นตลบไปถึงฟากฟ้า ต้นไม้ใหญ่ริมป่าถูกโค่นจนเป็นเศษละเอียด ไอควันหลายกลุ่มม้วนพัดออกด้านนอก

เยี่ยนเฟยโคจรปราณปรับสภาพร่างกายเรียบร้อย หรือไม่ก็เพราะมีปราณวิญญาณของจี้หยวนเติมเข้าร่าง ผลกระทบอันเกิดจากวิชาปีศาจจึงหมดสิ้น ทว่าใบหน้ายังคงมึนงง ไม่อาจควบคุมความรู้สึกสั่นสะท้านไว้ได้

พลังแสงปีศาจของปีศาจวัวชัดเจนมากสำหรับจี้หยวน ทว่าเยี่ยนเฟยมองแล้วเห็นเพียงวงล้อแสงตกลงจากท้องฟ้า กระนั้นอานุภาพกลับเกินจริงเป็นอย่างยิ่ง พื้นดินตรงหน้าที่แทบห่างกันเพียงคืบเดียวสั่นไหวรุนแรง คลื่นอากาศดังกึกก้อง ฝุ่นควันปกคลุมท้องฟ้า เสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานบนท้องฟ้าไม่น่าฟังสักเท่าไหร่

ทุกอย่างนี้จู่โจมเยี่ยนเฟยจนยากจะอธิบาย มือซ้ายที่ถือกระบี่ไว้สั่นสะท้านเล็กน้อย ส่วนมือขวายิ่งจิกเนื้อต้นขาตนเองแน่นขนัด

‘วิชายุทธ์…เมื่ออยู่ต่อหน้าปีศาจมารพรรค์นี้แล้วมีประโยชน์อะไร’

ครั้นเงยหน้ามองตรงหน้าอีกครั้ง จอมพลังเกราะทองซึ่งมีแรงกดดันมหาศาลมีแสงเรืองรองจางๆ ปกคลุมทั่วร่างกาย แสงนี้หากเกิดขึ้นตอนกลางวันอาจดึงดูดความสนใจคนไม่ได้ อาจไม่มีใครมองเห็น แต่ตอนกลางคืนเช่นนี้กลับทำให้ร่างกายของจอมพลังเกราะทองดูชัดเจนขึ้นอย่างสมบูรณ์

“ท่านจี้ ท่านเป็นเทพหรือ”

จี้หยวนหันศีรษะไปมองเยี่ยนเฟย คล้ายรู้สึกได้ถึงความสับสนในใจเขา

“หากใช้มุมมองของคนธรรมดามอง จะว่าอย่างนั้นก็ย่อมได้”

“มอ…”

เสียงวัวร้องดุดันบนท้องฟ้าระเบิดขึ้น ในหูเยี่ยนเฟยมีแต่เสียงหึ่งๆ ในวินาทีนี้ ขณะที่ปิดหูอย่างอดไม่ได้ก็ใช้ปราณแท้ต้านทานไว้ด้วย

“มอ…”

ท่ามกลางเสียงบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ เงาดำที่อาศัยแสงจันทร์ก็มองเห็นว่ามีขนาดใหญ่มหึมาแหวกควันและเมฆหมอกมา ทำลายไปควันทั้งหมดเหมือนกับคลื่นน้ำซัดสาด

ปีศาจวัวที่เหมือนกับชาวนาธรรมดาตนนั้น ตอนนี้สองตาเต็มไปด้วยแสงสีชาด บนใบหน้าดุร้ายมีเนื้อปูดโปนเป็นแนวนอน กอดเสาหินยักษ์ใหญ่ยาวสิบกว่าหมี่ แหวกอากาศลงมาจากท้องฟ้า

จิตวิญญาณดินบนพื้นดิบรอบข้างกำลังเคลื่อนไหว เมื่อเสาหินตกลงมาจากท้องฟ้า พวกมันก็จะมาบรรจบกันที่จุดลงจอด

ตึง…

พริบตาที่ชั้นดินบนพื้นดินสัมผัสกับเสาหิน มันเหมือนกับแผ่นหินแข็งก็ไม่ปาน เกิดเสียงดังกังวานจากการกระแทกกันของหินแข็ง จากนั้นปลายทั้งสองด้านของ ‘แผ่นหิน’ ก็เอียงขึ้นแล้วระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

ตูม…

แผ่นพื้นดินใหญ่และแข็งกระเด็นไปทั่วทิศทาง หลายแผ่นในนั้นลอยมาทางจี้หยวนและเยี่ยนเฟยด้วย

ตรงที่พวกเขายืนอยู่ห่างจากตรงที่ปีศาจวัวจู่โจมไม่ไกลมาก ฝุ่นผงตลบอบอวลเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นหินยักษ์ระเบิดออก เยี่ยนเฟยไม่ทันตอบสนองโดยสิ้นเชิง ฝ่ายจี้หยวนกลับไม่ขยับสักนิด เพราะไม่จำเป็นต้องขยับเลย

จอมพลังเกราะทองเพียงก้าวไปข้างหน้าด้านซ้าย สองมือกวัดแกว่งสอองสามครั้ง

ตึง

ตึง

ตึง

บริเวณที่แขนข้างซ้ายและขวาต้านไว้ รวมถึงหน้าอกของจอมพลังเกราะทองล้วนมีผงดินระเบิดออก กระนั้นจอมพลังไม่ถอยหลัง หน้าไม่เปลี่ยนสีด้วยซ้ำไป

“ตายแล้วกระมัง ครั้งนี้ตายแล้วใช่หรือไม่ ปราณปีศาจล้วนไม่เหลือแล้ว…”

ปีศาจวัวยืนอยู่บนจุดที่เสาหินตกลงและแตกละเอียดแล้ว กวาดสายตามองใต้เท้ากับรอบข้างอย่างสายตาเคร่งเครียด

“ไม่ต้องหาแล้ว แตกละเอียดเพราะเจ้าไปแล้ว”

เสียงจี้หยวนดังมา ทำให้ปีศาจวัวชะงักงันไปเล็กน้อย จากนั้นเผยความยินดีบนใบหน้า

“แตกละเอียดแล้ว? ตายแล้ว? ตายแล้วจริงๆ!? ฮ่าๆๆ…ฮ่าๆๆๆๆ…ในที่สุดสตรีชั่วร้ายก็ตายแล้ว! ฮ่าๆๆๆ…อึก…”

ปีศาจวัวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางจับท้ายทอยตนเอง จากนั้นเสียงหัวเราะพลันหยุดลง เพราะมันยังคลำเจอขนกลุ่มหนึ่ง มันเบิกตาโพลงมองจี้หยวนทันที

“ทำไมขนยังอยู่…”

จี้หยวนชำเลืองมองมันทว่าไม่พูดจา โบกแขนเสื้อไปทางซ้ายขวา ปัดฝุ่นควันที่ยังหลงเหลืออยู่จนหมดสิ้น ก่อนจะเดินไปยังจุดที่พื้นดินแตกระแหง จอมพลังเกราะทองและเยี่ยนเฟยตามหลังเขาติดๆ

จี้หยวนชี้หินละเอียดตรงจุดแตก จอมพลังเกราะทองก้าวไปแหวกทุกอย่างออก เผยให้เห็นขนสีน้ำตาลกลุ่มใหญ่อยู่เบื้องล่าง

ท่ามกลางขนมีตุ๊กตาไม้ขนาดเท่าตัวคน ตอนนี้พังทลายแยกออกเป็นชิ้นๆ ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือบนนั้นมีเลือดซึมออกมาด้วย

ปีศาจวัวเข้าใกล้และมองเห็นภาพนี้แล้วพลันตาถลน

“นางหนีไปได้!?”

“ปีศาจตนนั้นใช้วิชาพิเศษหนีไป แต่นางหนีไปอย่างสะบักสะบอม น่าจะถูกเจ้าทำให้บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน”

จี้หยวนมุ่นคิ้วมองตุ๊กตาไม้บนพื้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เป็นร่างปีศาจตัวจริงถึงจะถูกต้อง

วิชานี้ทำให้จี้หยวนรู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง เพียงแต่แตกต่างกับวิชาที่อยู่ในความทรงจำมาก เห็นหน้าตาน่าเวทนามีเลือดซึมของตุ๊กตาแล้ว สิ่งที่อีกฝ่ายต้องเสียไปเหมือนจะไม่น้อยเช่นกัน…

จี้หยวนหันไปมองปีศาจวัว

“เจ้าไม่รู้ว่าสตรีนางนี้เป็นใครหรือ”

“เอ่อ ท่านหมายถึงสตรีที่ตายบนพื้นดิน หรือหมายถึงสตรีชั่วร้ายผู้นั้น”

“เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

ปีศาจวัวเกาศีรษะ

“สตรีชั่วร้ายผู้นั้นไม่รู้มาจากที่ไหน รู้เพียงว่าชั่วร้ายมาก ข้าข้ามเส้นนางโดยไม่ทันระวัง ทำลายร่างปีศาจแห่งการรู้แจ้งของข้า มรรควิถีข้าเสียหายอย่างหนัก เกือบจบเห่แล้ว!”

ปีศาจวัวพูดแล้วยังนึกกลัว ด้วยก่อนหน้านี้ตกอยู่ในอันตรายถึงตายอย่างชัดเจน

“ไม่ทันระวัง? ไม่ดูตาม้าตาเรือมากกว่า!”

จี้หยวนแก้ นิสัยของปีศาจวัวตนนี้ เขาเพิ่งรู้จักมันได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้หมดแล้ว

“เอ่อ…ข้า ข้าไม่ใช่ ข้าก็มีสิ่งที่ชอบอยู่บ้างเหมือนกัน!”

ภายในถ้ำบนภูเขาบางลูก ทันใดนั้นลวดลายเขตอาคมหลายสายสว่างขึ้นบนพื้นดิน หญิงสาวใบหน้าซีดขาวพลันปรากฏขึ้นตรงนั้น ลมปราณบนกายไม่มั่นคงเลยสักนิด

“เฮือก…เฮือก…เฮือก…”

‘ไม่เสียแรงที่ตั้งใจ และต้องขอบคุณวัวเฒ่าตัวนั้น หากไม่มีมัน ไม่แน่ว่าจี้หยวนต้องมองเส้นสนกลในอะไรออก หนีไม่พ้นเป็นแน่…’

ตามที่นางรู้ จี้หยวนพูดแล้ววิชาตามมา สำแดงวิชาอัศจรรย์ได้ทุกเมื่อ หากมองทะลุวิชาส่งจิตแทนชะตา ด้วยมรรควิถีที่ลึกลับยากหยั่งคาดของอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าจะใช้วิชาคุมเทพ บังคับเทพกักขังนางไว้ในหุ่นไม้ เช่นนั้นกายเนื้อหนีออกไปก็เป็นแค่ศพเดินได้แล้ว

และจี้หยวนน่าจะยังเป็นวิชาที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น ไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องขยายอาณาเขต เวทน่าครั่นคร้ามไม่ต้องมี แถมไม่ต้องใช้วิชาสัมผัสร่างกายก็ผนึกร่างคนได้แล้ว แม้แต่ร่างเทพก็ผนึกได้ นั่นยิ่งอันตรายอย่างแน่นอน

“ฮู่…อันตรายมากจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับจี้หยวน อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว!”

หลังจากนางสงบสติอารมณ์แล้วครู่หนึ่ง นางปลุกลมปีศาจลอยออกไปนอกถ้ำทันที จากนั้นหนีไปทางตะวันออกไกลโพ้น

ที่เดิมซึ่งเป็นสนามรบก่อนหน้านี้ เยี่ยนเฟยยืนอยู่ข้างจี้หยวน มองชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนชาวนาคนหนึ่งอย่างหวาดๆ ในใจเดาอยู่ว่าเขาเป็นคนหรือปีศาจ ทว่ายังโชคดีที่ท่านจี้เหมือนจะคุ้นเคยกับอีกฝ่าย

“ท่านจี้ สตรีชั่วร้ายนางนั้นเห็นท่านแล้วไม่กล้าขยับเลยด้วยซ้ำ ท่านรู้ที่มาของนางหรือไม่”

ปีศาจวัวตนนั้นที่เชี่ยวชาญในการตีสนิทคนถามขึ้น

“น่าจะเกี่ยวข้องกับภูตจิ้งจอกบางตัว ไม่ธรรมดาเลย!”

จี้หยวนพูดแล้วหยิบขนกลุ่มนั้นขึ้นมาจากพื้นดิน จากนั้นอ้าปากพ่นปราณสีเทาแดงออกมา มันพันรอบตัวศพ ขนสีน้ำตาลเหล่านั้นพากันเกิดสะเก็ดไฟ หลังจากนั้นแม้แต่หุ่นไม้ก็กลายเป็นเถ้าธุลีไปจนสิ้น

เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว จี้หยวนมองปีศาจวัวอีกครั้ง

“เจ้าก็รู้จักข้าหรือ”

ปีศาจวัวตัวนั้นยิ้มอย่างโง่งม

“แหะๆ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินชื่อท่านมาก่อน แต่ในเมื่อสตรีชั่วร้ายนางนั้นกลัวท่านเช่นนี้ เห็นทีท่านต้องเป็นผู้ฝึกเซียนที่ร้ายกาจอย่างแน่นอน ข้าตะโกนขอให้ท่านช่วยข้า สตรีชั่วร้ายนั่นไม่กล้าโต้ตอบเลยสักนิด สะใจยิ่งนัก!”

คำตอบนี้กลับทำให้จี้หยวนอึ้งงัน ปีศาจวัวตัวนี้ดูซื่อๆ แต่ความจริงแล้วในใจมีแผนการมกามาย

“จริงสิท่านเซียน ขนที่ท้ายทอยข้านั้น ท่านมีวิธีช่วยข้ากำจัดหรือไม่ มีมันอยู่ต่อให้ร่างมรรคของข้ากลับคืนแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับสตรีชั่วร้ายนางนั้นก็ต้องตกเป็นรองอยู่ดี”

ปีศาจวัวถูมือ ใช้น้ำเสียงต่อรองร้องขอเสียงหนึ่ง

“เรียกข้าว่าท่านจี้เหมือนเมื่อครู่เถอะ ข้าลองดูได้ แต่ไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จ”

“เช่นนั้นยังรออะไรอยู่ ต้องให้ข้าทำอย่างไร”

วัวเฒ่าร้อนใจจนทนไม่ไหว ด้วยไม่อาจกำจัดต้นตอวิชาชั่วร้ายของขนบนท้ายทอยได้เลย หากไม่ใช่เพราะมรรควิถีของมันไม่ถือว่าต่ำต้อยก็คงแทรกซึมไปถึงจิตวิญญาณแล้ว กระนั้นตอนนี้ถูกดูดกลืนพลังและแก่นวิญญาณอยู่ตลอด ป้องกันไม่ให้ฟื้นกำลัง นับว่าเป็นผลร้ายอย่างแท้จริง

จี้หยวนมองมันก่อนกล่าว

“ขจัดปราณปีศาจคุ้มกันกาย จากนั้นก้มหน้าให้เห็นท้ายทอยเป็นอันใช้ได้”

วัวเฒ่าลังเลไม่กล้าตอบตกลง ฟังดูเหมือนยื่นศีรษะรนหาที่ตายอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะมันมองเห็นจี้หยวนมีกระบี่เล่มหนึ่ง และสตรีชั่วร้ายผู้นั้นเรียกว่า ‘กระบี่เซียนเครือเขียว’

จี้หยวนหัวเราะ

“เจ้าเป็นปีศาจ ส่วนข้าคนแซ่จี้เป็นมนุษย์ผู้ฝึกเซียน แน่นอนว่าข้าจะไม่ระวังป้องกันเจ้าเลยไม่ได้ ข้าบอกเจ้าก็ได้ วิธีที่ข้าคนแซ่จี้อยากลองก็คือลมหายใจเมื่อครู่นี้”

ปราณสีเทาแดงเมื่อครู่นี้เผาขนสีน้ำตายและศพสตรีจนเป็นเถ้า ปีศาจวัวเห็นกับตา ทันใดนั้นจี้หยวนอธิบายโดยไม่รอให้มันถาม

“ข้าคนแซ่จี้มีวิชาไฟแท้ ชื่อว่าเพลิงสมาธิ ลมหายใจนั้นก็แค่ปราณเพลิงจากไฟแท้ หากถือโอกาสตอนที่เจ้าไม่ระวังตัวมอบเพลิงแท้ให้…”

พูดถึงตรงนี้แล้วจี้หยวนอ้าปากพ่นปราณสีเทาแดงออกมา เหมือนลมกระโชกแรงพัดอยู่ใต้โขดหินไกลออกไปเล็กน้อย ตรงนั้นคือศพสองศพที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทว่าถูกก้อนหินที่กระเด็นมาทับร่างไว้จนขยับไม่ได้

ตรงที่ลมหายใจสัมผัสโดน ศพกลายเป็นเถ้าในทันที ลมหายใจกวาดผ่านศพไร้ศีรษะข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นเถ้าเช่นเดียวกัน

“เอ่อ…ช่างเถอะ ช่างมันดีกว่า ขนนี้มีมานานขนาดนี้แล้ว ถือว่ามีความผูกพันอยู่บ้าง ฮ่าๆๆ…”

ปีศาจวัวกลัวอยู่บ้าง แม้จะเห็นท่านจี้ผู้นี้ลงมือไม่เท่าไหร่ แต่จากปฏิกิริยาของสตรีชั่วร้ายผู้นั้นก็รู้แล้วว่าอย่าไปหือกับเขาเลย