บทที่ 238 ไขคดี อาชีพผลตอบแทนสูง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ



ระหว่างที่รอดูว่าสุนัขทั้งสองจะต้องยาพิษหรือไม่นั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อยู่นิ่งเฉย นางได้ตรวจสอบทุกส่วนในศพอย่างระมัดระวัง โดยไม่ปล่อยจุดน่าสงสัยใดๆ ออกไป

สิบห้านาทีต่อมา สุนัขสองตัวยังคงมีชีวิตชีวาปกติ และเห่าอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวี่แววว่าจะต้องยาพิษเลย

“แสดงว่า ยาของตระกูลหยุนไม่มีปัญหาหรือ?” ในที่สุดสีหน้าของหยุนไห่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะแน่ใจว่ายาของตระกูลหยุนนั้นไม่มีปัญหาใด แต่เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว เขาก็ดีใจมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เขาได้ค้นพบวิธีที่จะพิสูจน์ว่ายาตระกูลหยุนนั้นไม่เป็นพิษได้แล้ว หากมีเหตุการณ์การเสียชีวิตเกินขึ้นอีก เขาสามารถใช้เคล็ดลับนี้เพื่อพิสูจน์ว่ายาของตระกูลหยุนนั้นไม่มีปัญหาใดๆ และในขณะเดียวกันกล่าวว่าสามารถขอความช่วยเหลือของทางหลวงเพื่อหาตัวศัตรูที่แอบแฝงตัวอยู่

“จะว่าเช่นนั้นก็ย่อมได้” พ่อค้ายาและหมอนั้นต่างกันเสียจริง และมันก็เป็นไปตามที่คิด

หยุนไห่สนใจเพียงว่ายาของตระกูลหยุนนั้นมีปัญหาหรือไม่ ส่วนสาเหตุการตายของผู้ตาย เขาไม่ได้ใส่ใจ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเรื่องนี้นานแล้ว ฉะนั้นนางจึงไม่ผิดหวัง

“แล้วเหตุใดผู้ตายถึงตาย?” ซุนเจิ้งเต้ามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ ราวกับว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถตอบคำถามนี้ได้

“หมอหลวงซุนพูดถูก เฟิ่งชิงเฉินเจ้าสามารถหาสาเหตุการตายของพวกเขาได้หรือไม่?” ตี๋ตงหมิงเป็นขุนนาง และเขารับผิดชอบความปลอดภัยของทั้งเมืองหลวงนี้ มีคนเสียชีวิตมากมายเช่นนี้ หากมิใช่เพราะยาสมุนไพร แล้วเพราะเหตุใด?

หยุนไห่หน้าแดง เขารู้ตัวแล้วว่าเขาดีใจมากจนเกินไป จึงเร่งพูดต่ออีกว่า “ใช่แล้ว คุณหนูเฟิ่งยังไงก็ขอให้คุณหนูเฟิ่งทำการชันสูตรต่อไป เรามาค้นหาฆาตกรด้วยกัน และให้ความยุติธรรมแก่ผู้ตาย”

พูดเป็นพิธีไม่เสียหายกระไรหรอก ใต้เท้าเว่ยเอยก็เร่งกล่าวเห็นด้วย พวกเขาดูชอบธรรมอย่างมาก เพียงในบรรดาคนเหล่านี้ มีสักกี่คนที่หาความยุติธรรมให้ผู้ตายอย่างจริงใจ

เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองและพบว่าไม่มี

ซุนเจิ้งเต้ากล่าวเพราะเทคนิคการชันสูตรศพของนาง ตี๋ตงหมิงกล่าวเพื่อความปลอดภัยของราชวงศ์ ส่วนหยุนไห่และใต้เท้าเว่ยมิต้องเอ่ยถึง

แต่ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ

“ในเมื่อมีเพียงใบหน้าที่มีร่องรอยของการต้องพิษ เช่นนั้นข้าจะเริ่มจากส่วนนี้” อันที่จริงเฟิ่งชิงเฉินต้องการเริ่มต้นจากศีรษะตั้งแต่แรก แต่นางได้ตรวจสอบจากภายนอกและไม่พบจุดที่น่าสงสัยใดๆ ตอนนี้จึงทำได้เพียงเปิดกะโหลกเพื่อดูว่าสมองมีปัญหากระไรหรือไม่

เฟิ่งชิงเฉินหยิบมีดและตัดผมทั้งหมดของผู้ตาย

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ตี๋ตงหมิงเป็นขุนนางตำแหน่งสูงสุดในนี้ การที่เขาเอ่ยปากถามจึงไม่มีความผิดใดๆ

“เปิดกะโหลกศีรษะ”

“เปิดกะโหลก? เปิดได้ด้วยหรือ? หากว่าเปิดแล้ว เขาจะยัง…….” มีชีวิตอยู่ต่อได้หรือ?

โชคดีที่ตี๋ตงหมิงรู้ตัวทัน และหยุดคำพูดเอาไว้ได้

ช่างโง่เขลาเสียจริง ที่ถามว่าคนตายสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่

เฟิ่งชิงเฉินกลอกตาใส่เขา ” ท่านซื่อจื่อ เขาได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว ข้าคิดว่าเขาคงไม่ว่ากระไรหากจะต้องทนอีกสักนิด เขาคงหวังว่าจะจับฆาตกรที่ฆ่าเขาได้”

ถ้านางไม่พบสาเหตุของการเสียชีวิตในอวัยวะภายใน นางเองก็ไม่อยากจะทำการผ่ากระโหลก เพราะยิ่งนางแสดงอะไรออกมามากเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น

“คุณหนูเฟิ่ง เทคนิคการเปิดกะโหลกของเจ้า สามารถใช้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่?” เมื่อหยุนไห่ได้ยินเช่นนี้ ตาของเขาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าเขาเห็นโอกาสทางธุรกิจหรืออะไร

“ใช่ ชิงเฉินเจ้าตอบมาสิ จะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทำการเปิดกะโหลก?” ซุนเจิ้งเต้า รู้สึกตื่นเต้นเมื่อพูดถึงทักษะทางการแพทย์

เฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบ แต่กลับถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“อืม อาจจะตาย!” ซุนเจิ้งเต้าพูดอย่างไม่แน่ใจ

เฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบ เขาถือมีดด้วยสีหน้าเฉยชา และตัดกะโหลกของผู้ตายออก

ชาติที่แล้วนางเรียนเอกการผ่าตัดหัวใจและการผ่าตัดสมอง ฉะนั้นจึงคุ้นชินกับการผ่าตัดกะโหลกอย่างมาก เพราะอยู่ในยุคนี้ หากจะทำการผ่าตัดนี้ มันคงยากอย่างมาก แม้ว่านางจะมากระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะก็ตาม

ห้องผ่าตัดไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เลย และการฟื้นตัวหลังผ่าตัดก็ยากที่จะบรรลุมาตรฐานที่นางต้องการ

ในการผ่าตัดสมอง หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็อาจทำให้ดีป่วยเสียชีวิตได้ ฉะนั้นนางจึงไม่อยากทำการผ่าตัดที่ความเสี่ยงสูงเช่นนี้

หยุนไห่รู้สึกผิดหวังอยู่พักหนึ่ง แอบคิดว่าหลานชายที่น่าสงสารของเขาคงไม่สามารถหนีจากชะตากรรมแห่งความตายได้แล้ว หรือว่าพระเจ้าอิจฉาคนที่มีพรสวรรค์ นายน้อยคนที่สามของตระกูลหยุนงดงามและมีสติปัญญาที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่เขากลับมีโรคในสมอง

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเคยกล่าวไว้ว่า หากมิใครทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกให้กับนายน้อยสามของตระกูลหยุนได้ เช่นนั้นนายน้อยสามก็จะเป็นเหมือนคนปกติได้ แต่น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มีใครทำได้

ซุนเจิ้งเต้ารู้สึกผิดหวังมากขึ้นไปอีก หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถทำได้ คาดว่ามีเพียงไม่กี่คนในแผ่นดินนี้ที่ทำได้ เขายังต้องการที่จะศึกษาความรู้ด้านการผ่ากะโหลกให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่

บางทีชายชราในหุบเขาซวนยีอาจจะสามารถทำได้ แต่ชายชราคนนั้นมีนิสัยที่แปลก นอกจากครั้งนี้แล้วมาดูเฟิ่งชิงเฉินรักษาตาให้หวังจิ่นหลิงแล้ว เขาก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย จะหาตัวเขานั้นยากยิ่งกว่ากระไร

เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดอย่างไร นางผ่าลงไปแล้วเปิดกะโหลกขึ้น ของเหลวในสมองก็ไหลลงบนเตียงชันสูตรศพ เฟิ่งชิงเฉินถือกะโหลกศีรษะครึ่งหนึ่งอยู่ในมือ หลอดเลือดที่หนาแน่นและส่วนสมองเปิดเผยอยู่ต่อหน้าผู้คน

พวกเขาขนลุกอย่างมาก!

“โอ๊ก……”

ยกเว้นซูเหวินหางและตี๋ตงหมิง คนที่เหลืออาเจียนออกมาอย่างหนัก ตี๋ตงหมิงหน้าขาวซีด แต่เขาอดทนเอาไว้เพราะไม่อยากเสียหน้าทหาร

เฟิ่งชิงเฉินเจ้าเป็นมารจากไหนกัน? ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะไม่กล้ว นางไม่รู้สึกหรือว่าสิ่งที่คล้ายหนอนบนกะโหลกน่าขยะแขยงอย่างมาก แล้วของเหลวนั้นก็เช่นกัน ไหลไปทั่วพื้นแล้ว มี

พระเจ้า!

นี่ยังเป็นผู้หญิงอยู่อีกหรือ ไม่มีใครในตงหลิงเทียบความกล้าของนางได้หรอก

เซี่ยซานและซูเหวินชิงเดิมโปรดปรานในตัวเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อย แต่หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเปิดศีรษะของผู้ตายโดยไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ แล้ว ความโปรดปรานของพวกเขาได้หายไปในทันที ต่างก็เปลี่ยนไปเป็นความชื่นชมและทึ่งในตัวนาง

ผู้หญิงที่เข้มแข็งเช่นนี้ พวกเขาไม่เหมาะสม!

เป็นถึงชายที่สง่าผ่าเผย กลับไม่กล้าพอเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน ช่างน่าอายเสียจริง

หากว่าเจอสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน หนำซ้ำเฟิ่งชิงเฉินอาจต้องปกป้องพวกเขา

น่าอายชะมัด!

ไม่ว่าจะโปรดปรานเพียงใด แต่ก็ห้ามสูญเสียศักดิ์ศรีของผู้ชาย ฉะนั้นผู้หญิงเช่นเฟิ่งชิงเฉิน ก็ให้ชายที่ใจกล้าพอดูแลเสียเถิด

“ในที่สุดก็พบสาเหตุแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ศีรษะที่มีอาการดำคล้ำและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในที่สุดนางก็สามารถร้องทุกข์แทนผู้ตายได้แล้ว

เฟิ่งชิงเฉินวางมีดผ่าตัดกลับไป แล้วหยิบแหนบคู่เล็กๆ ขึ้นมา และหยิบเข็มเล็กๆ ออกมาจากกองเนื้อเยื่อที่คดเคี้ยวในสมองของเขา เข็มเล็กนั้นเผยแสงสีเขียวท่ามกลางแสงแดด

“นี่คือสาเหตุการตายหรือ?” ตี๋ตงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเกือบอู้อี้

เขาไม่กล้าอ้าปากกว้าง กลัวว่าถ้าอ้าปากกว้างแล้วจะอาเจียนออกมา

“ใช่ คนตายถูกสังหารโดยการวางยาพิษ และอาวุธที่ใช้สังหารคือเข็มเล็กๆ ที่อยู่บนศีรษะ หากข้าเดาไม่ผิด ศพอื่นๆ ก็อาจจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน”

เฟิ่งชิงเฉินวางเข็มลงในชามที่สะอาด แล้วกลับไปที่ห้องเก็บศพอีกครั้ง โกนขนของผู้ตายทั้งสี่ พบจุดสีดำที่ด้านบนของศีรษะ และเปิดจุดดำที่กะโหลกออกมา แล้วหยิบเข็มเล็กๆ นั้นออกมา

เสียงเข็มหล่นใส่ถาดเหล็กดังก้อง….

เข็มพิษทั้งหมดห้าเข็มวางอยู่ต่อหน้าทุกคน “นี่คือสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตาย”