บทที่ 467 ประหลาดใจ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 467 ประหลาดใจ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่ชื่นชอบความสงบเรียบง่าย นางดำรงชีวิตอยู่บนความเรียบง่ายมาโดยตลอด แต่สวรรค์มักกลั่นแกล้งนาง ยิ่งนางต้องการความสงบเสงี่ยมเพียงใด ในทางกลับกัน กลับทำให้นางดูโดดเด่นกระทั่งนางกลายเป็นจุดสนใจของคนในเมืองหลวงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกการกระทำล้วนมีคนกำลังจับจ้อง

ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ ความประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย แต่ก็มักจะมีคนผลักนางมายังปากเหวอยู่เสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหนีพ้น ที่จริงเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ใช่คนที่จะยอมหดหัวอยู่ในกระดอง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะทำตัวโดดเด่นไปเสียดีกว่า

เมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยวนของซูหว่าน เฟิ่งชิงเฉินยังคงนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อน มือขวาของนางลูบไปที่ไรผม ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเฉยเมยว่า “คุณหนูซูวางใจเถิด ชิงเฉินจะไม่ทำให้คุณหนูต้องผิดหวังอย่างแน่นอน และจะทำให้คุณหนูรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง”

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะนั่งอยู่ และซูหว่านกำลังยืน แต่ความสง่างามของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่แพ้ให้แก่ซูหว่านแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินเผยถึงความมั่นใจและเย่อหยิ่งออกมา จากรากลึกไม่ใช่สิ่งที่บุตรสาวแห่งตระกูลซูจะเทียบได้

ตระกูลซูหากจะกล่าวอย่างไม่น่าฟังก็เป็นเพียงแค่ชนชั้นสูงยุคใหม่ แท้จริงแล้วตระกูลของพวกเขาคือตระกูลที่พึ่งพาสตรีเพื่อให้ก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เสนอยื่นเรื่องการแข่งขันกับเฟิ่งชิงเฉินอันไร้สาระเช่นนี้

หากเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างแท้จริง ควรจะเป็นเช่นตระกูลหวัง ต่อให้ดูถูกเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่แสดงท่าทางออกมา เมื่อครั้นพบเจอกับเฟิ่งชิงเฉินยังสามารถให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

“หว่านหว่านจะคอยดู หวังว่าคุณหนูเฟิ่งจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง” หากว่าตัวนางทำได้ไม่ดีพอ เฟิ่งชิงเฉินก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้ ทั้งที่เป็นการแข่งขันเช่นกัน เหตุใดนางจึงต้องพบเจอกับการข่มขู่จากองค์ชายสาม ส่วนเฟิ่งชิงเฉินกลับออกไปเที่ยวเล่นกับเสด็จอาเก้า

เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมาโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด เมื่อพบว่าดูเหมือนซูหว่านกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็ชี้ไปทางด้านหลังของซูหว่านแล้วกล่าวว่า “คุณหนูซู เหยียนหล่าวเดินทางมาแล้ว”

ร่างของซูหว่านชะงักลง สีหน้าของนางเปลี่ยนไป ประโยคเมื่อครู่ติดอยู่ในลำคอ การวิจารณ์ของเหยียนหล่าวเมื่อวานนี้ที่มีต่อนาง แม้ว่าองค์ชายสามจะกำชับไว้จึงไม่ได้เผยแพร่ออกไป แต่คนในแวดวงทุกคนล้วนรู้ดี บรรดานักปราชญ์ไม่มีผู้ใดรู้สึกประทับใจนาง บัดนี้ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อบุรุษของตระกูลซูอีกด้วย

เหยียนหล่าวผู้อาวุโสนี้ อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็นคนอื่นในตระกูลซูก็ไม่กล้าที่จะทำให้ขุ่นเคืองใจ ไม่มีผู้ใดกล้าทำท่าทางหยิ่งผยอง นางจึงหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อปรับอารมณ์แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ก่อนจะเดินกลับไปนั่งยังตำแหน่งของตนเองอย่างสง่างาม ขณะที่นางหันหลังกลับไป ซูหว่านจงใจหันไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นรูปลักษณ์อันงดงามของตนต่อเหยียนหล่าว ตั้งใจจะทำท่าคำนับ แต่นางกลับพบว่าที่ด้านหลังไม่มีเงาของเหยียนหล่าวเสียด้วยซ้ำ

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าโกหกข้า!” ซูหว่านก้มหน้าลง นางไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้เลย

เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะคิกคัก เดิมทีนางตั้งใจจะกล่าวว่าใครใช้ให้เจ้าหลอกง่ายกันเล่า แต่เมื่อคิดไปคิดมานางก็ตัดสินใจไม่แกล้งซูหว่านดีกว่า เฟิ่งชิงเฉินยืดตัวตรงแล้วกล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “คุณหนูซู สตรีในตระกูลใหญ่นั้นสามารถยิ้มแย้มได้เมื่อมีความสุข แต่ยามโศกเศร้าจะแสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้ ดูท่าทางของท่านเช่นนี้ไม่ดีเลย” โชคดีเหลือเกินที่ผู้อยู่ตรงนั้นมีเพียงองค์รัชทายาทและเฟิ่งชิงเฉินอีกทั้งซูหว่านเพียงแค่สามคน ไม่อย่างนั้นซูหว่านคงจะโมโหกว่าเดิมเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว

แม้ว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจะดูไม่น่าฟัง แต่นางก็กล่าวตามความจริง ท่าทางของซูหว่านเมื่อครู่ที่ไม่สำรวมจึงได้สงบลงเพราะคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเมื่อสักครู่นี้ นางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างห่อเหี่ยว

แต่ใครจะรู้กันเล่าว่า ขณะที่นางเพิ่งจะนั่งลง เหยียนหล่าวก็เดินทางมาจริงๆ

โชคดีที่ซูหว่านไม่ได้ติดใจเอาความถกเถียงกับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่อย่างนั้นท่าทางของนางที่แก่งแย่งชิงดีกับเฟิ่งชิงเฉินหากว่าเหยียนหล่าวมาเห็นข่าวล่ะก็คงจะเกิดเป็นเรื่องอีกอย่างแน่นอน ซูหว่านรีบลุกขึ้นยืน นางไม่ได้ตั้งใจจะประจบสอพลอแต่ทำความคารวะตามปกติทั่วไป

เหยียนหล่าวเป็นคนซื่อตรง แม้ว่าเมื่อวานนี้เขาจะตำหนิซูหว่านไปไม่น้อย แต่อคติเหล่านั้นก็ไม่ได้นำมารวมกับการแข่งขันในวันนี้ ทัศนคติของเขาที่มีต่อซูหว่านยังคงเป็นเช่นเดิม

เนื่องจากเมื่อวานนี้การแข่งขันคัดลายมือนำมาซึ่งความไม่เป็นที่พึงพอใจ ในวันนี้การแข่งขันวาดภาพจึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาชมได้ องค์รัชทายาทเป็นตัวแทนของเสด็จอาเก้า ต่อให้เขาจะมีตำแหน่งเท่าเทียมกับองค์รัชทายาทซีหลิงเทียนเหล่ย แต่เขาก็ต้องนั่งบนบัลลังก์หลักในวันนี้

หลังจากที่องค์รัชทายาทประกาศเริ่มการแข่งขัน ทั้งเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านก็ได้ลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะของตนเอง ซึ่งอุปกรณ์ในการแข่งขันเช่น พู่กัน หมึก กระดาษ สี จะต้องจัดเตรียมไปเองเช่นเดียวกับการแข่งคัดลายมือ

ในวันนี้ไม่มีใครสนใจว่าซูหว่านจะใช้พู่กันหรือกระดาษใด ทุกคนล้วนพากันจับจ้องว่าเฟิ่งชิงเฉินจะนำสิ่งใดออกมา

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาทั้งแปดคู่ที่จับจ้องอยู่ เฟิ่งชิงเฉินหยิบกระดาษและดินสอที่เหลาเรียบร้อยแล้วออกมา อีกทั้งยังมีไม้บรรทัดในการช่วยวาด

ซูหว่านยังไม่ได้รีบลงมือ แต่นางก็จับตามองดูนางเองเช่นเดียวกับคนอื่น ทุกอุปกรณ์วาดรูปที่เฟิ่งชิงเฉินหยิบออกมา ซูหว่านได้แต่ตกตะลึง เมื่อตอนที่เฟิ่งชิงเฉินหยิบทุกอย่างออกมาจากตะกร้าแล้ว ดวงตาของซูหว่านก็เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม

นางไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม? เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะใช้ของเหล่านี้ในการวาดรูป นอกจากกระดาษแล้วบนโต๊ะของเฟิ่งชิงเฉินไม่มีอุปกรณ์สำหรับใช้วาดรูปเลย

แต่เนื่องด้วยเมื่อวานนี้ที่ซูหว่านได้รับบทเรียนมา แม้นางจะสงสัยประหลาดใจและงงงวยเพียงใดก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม ได้แต่มองไปอย่างเงียบๆ แล้วจัดเตรียมกระดาษพู่กันและสีของตนออกมาวางไว้

คุณชายหยวนซีเห็นเฟิ่งชิงเฉินหยิบสิ่งของแปลกประหลาดเหล่านั้นออกมาจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะใช้สิ่งเหล่านี้ในการวาดรูปหรือ กระดาษของเจ้าไม่เล็กเลย?”

กระดาษสำหรับวาดรูปของเฟิ่งชิงเฉินยาวอย่างน้อยสองเมตรเห็นจะได้ แม้ว่าจะไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการแข่งขันวาดภาพในครั้งนี้ แต่ด้วยคุณภาพเดียวกัน หากผู้ใดวาดเสร็จก่อน แน่นอนว่าผู้นั้นจะเป็นคนชนะ

“ถูกต้องแล้ว ข้าจะใช้สิ่งเหล่านี้ในการวาด คุณชายหยวนซีวางใจเถิด ชิงเฉินจะไม่ถ่วงเวลาอาหารกลางวันของทุกคนอย่างแน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ ดวงตาสีดำขลับของนางเป็นประกายแวววาว ทำให้คุณชายหยวนซีตกตะลึงก่อนจะอุทานในใจว่า เสด็จอาเก้าช่างมีแววตาแหลมคมยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินอายุยังน้อยก็มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ อนาคตยังอีกไกล เมื่อนางตบเติบโตขึ้นจะงดงามและโดดเด่นเพียงไร

“ข้าจะตั้งตารอ” คุณชายหยวนซีได้สติกลับคืนมาและรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ซีหลิงเทียนเหล่ยเอ่ยขึ้นหลังจากนั้นว่า “ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าคุณหนูเฟิ่งจะว่าวาดสิ่งใดออกมา ไม่รู้ว่าคุณหนูเฟิ่งจะใบ้ให้พวกเราฟังสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”

บัดนี้เมื่อเอ่ยถามถึงการวาดไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และซูหว่านก็ได้เลือกผลงานที่จะจัดแสดงออกมาของนางแล้ว ต่อให้รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะว่าสิ่งใดซูหว่านก็จะไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน แต่ทว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะบอกออกมา เรื่องบางเรื่องหากไม่พูดมักจะลึกลับเพิ่มขึ้น

“องค์รัชทายาทเหล่ยอย่าได้กังวลใจไปเพคะ บัดนี้ชิงเฉินจะเริ่มทำการวาดแล้ว ในไม่ช้าองค์รัชทายาทเหล่ยก็จะรู้เองว่าชิงเฉินวาดสิ่งใด” เฟิ่งชิงเฉินตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันลึกลับ

เมื่อเป็นดังนี้กลับทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนถูกปลุกเร้าขึ้น กรรมการจากสำนักศึกษาจี้เซี่ย และองค์รัชทายาทก็สนทนากันและยิ้มตั้งตารอคอย

แต่โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ยิ่งคาดหวังมากก็ยิ่งผิดหวังได้มาก บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินกำลังบีบบังคับตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างกดดัน โชคดีเหลือเกินที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนควบคุมสติอารมณ์ของตนได้ดี อีกอย่างนางไม่สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ ต่อให้การวาดรูปจะพ่ายแพ้ซูหว่าน แต่นางก็ยังมีโอกาสชนะสูง

เฟิ่งชิงเฉินยกมือขึ้นคารวะท่าทางเหมือนจะขอโทษ นางไม่ประสงค์จะกล่าวสิ่งใดออกมาเพิ่มเติม องค์รัชทายาทได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก เสด็จอาเก้าได้กำชับเขาเอาไว้แล้ว เพียงแค่เขาเข้าข้างเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อถึงเวลาตัดสินให้เอ่ยชมเฟิ่งชิงเฉินเป็นพอ ส่วนในเรื่องอื่นๆ มอบให้เป็นหน้าที่ของเฟิ่งชิงเฉิน นางมีวิธีที่จะเอาชนะซูหว่านได้

ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินไม่อยากบอก ทุกคนจึงไม่ได้บีบบังคับเพื่อเอ่ยถาม แต่สายตาของกรรมการทั้งเจ็ดคนกลับจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินเสียส่วนมาก พวกเขาอยากจะรู้จริงว่าอุปกรณ์การวาดภาพที่ง่ายดายเพียงนี้ เฟิ่งชิงเฉินจะว่าสิ่งใดออกมาได้

ซูหว่านมองไปยังเฟิ่งชิงเฉินซึ่งกลายเป็นจุดฝุ่นสนใจในฝูงชนทำให้นางรู้สึกโมโหยิ่งนัก แต่ไม่กล้าแสดงสีหน้าใดๆ ออกมา นางแอบกำหมัดแน่นแล้วสาบานว่าในวันนี้จะต้องเอาชนะเฟิ่งชิงเฉินให้ได้